จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 73-2 แมวน้อย...เป็นภรรยาข้าเถิด
คำพูดเหลียนจิ่นแม้จะทำให้หลิ่วเซิงระคายหู ทว่าอวี้เชียนเสวี่ยกลับเห็นด้วยเป็นอย่างมาก
“พูดได้ดี! ล้วนเป็นความปรารถนาของตนเอง ไม่ได้รับความรัก ซ้ำยังจะเคียดแค้นอีกฝ่าย เช่นนี้ไม่ใช่รักแท้ แต่เป็นความเอาแต่ใจหมายจะครอบครอง! เหตุผลที่ยังคอยติดตาม ก็เพราะว่ายังไม่ได้ครอบครอง! หากได้ครอบครองแล้ว อาจจะไม่ใช่สมบัติอันล้ำค่า!”
แม้จะรู้ว่าระหว่างเหลียนจิ่นกับหลิ่วเซิงกำลังทายปริศนาอะไรกัน ทว่าอวี้เชียนเสวี่ยมีประสบการณ์ซับซ้อนประเภทนี้อย่างลึกซึ้ง
เฉกเช่นเดียวกับหนานซานฮูหยินกับพี่รองอวี้เชียนหันก็ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีหรอกหรือ!
หากไม่ใช่เพราะหนานซานฮูหยินพัวพันกับอวี้เชียนหันจนไม่ยอมปล่อยมือ คอยต้อนอีกฝ่ายให้จนมุม พี่รองก็คงไม่ถูกบีบจนต้องออกไปเร่ร่อนอยู่ภายนอก
หลังจากที่พี่รองเจอกับพี่สะใภ้รอง ทั้งสองก็รักใคร่ปรองดองกันอย่างแท้จริง ทว่าทั้งสองกลับถูกหนานซานฮูหยินบีบให้ต้องออกจากเมืองหลวง สุดท้ายหนานซานฮูหยินก็ทำเรื่องเสียสติมากมายเสียขนาดนั้น ช่างเป็นสตรีบ้าเสียสติโดยแท้!
ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ มันไม่ใช่ความรัก!
ความรักคือ “เจ้ามีความสุข เช่นนั้นข้าก็มีความสุข”
ทว่าไม่ใช่ว่า การได้ครอบครองเจ้า ข้าถึงจะมีความสุข!
หากต้องยอมสละประโยชน์มากมายขนาดนั้น เพื่อร้องขอให้อีกฝ่ายต้องตอบรับและตอบแทน แม้กระทั่งคอยคาดหวังได้รับสิ่งต่างๆ มากขึ้น นั่นก็ไม่ใช่ความรักแล้ว
ท่านอาสาม ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีนัก!
เหลียนจิ่นพยักหน้าเห็นด้วยกับอวี้เชียนเสวี่ย
ผู้ไม่ทราบสถานะที่แท้จริงของอวี้เชียวเสวี่ย ทว่าเขาทราบดี นี่ถือญาติผู้ใหญ่ของอวี้เฟยเยียน คำพูดถึงมีน้ำหนักโดยแท้จริง
หลิ่วเซิง เจ้าหุนหันพลันแล่นปกป้องนายของตน ทว่าหารู้ไม่ว่าการกระทำของเจ้าวันนี้กำลังทำลายซย่าโหวฉิงเทียนอย่างรุนแรง
ในใจของท่านอาสามเกรงว่าจะกีดกันนายท่านของพวกเจ้าให้อยู่ด้านนอกแล้ว!
ไม่รู้ว่าหากซย่าโหวฉิงเทียนตื่นขึ้นมา จะตีเจ้าจนตายหรือไม่
หลิวเซิ่งถูกเหลียนจิ่นกับอวี้เชียนเสวี่ยทำให้โมโหจนทนไม่ไหวตั้งนานแล้ว บัดนี้เขารู้สึกเสียดายจนแทบทนไม่ไหว
หากรู้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะมีความรู้สึกต่ออวี้เฟยเยียนลึกซึ้งเช่นนี้ ตอนแรกที่เขาช่วยอวี้เฟยเยียนไว้ ตนควรจะหาโอกาสส่งอวี้เฟยเยียนไปแดนสุขาวดีเสีย จะได้ไม่สร้างเรื่องวุ่นวายมากมายถึงขนาดนี้
ความรักก็เหมือนกับสิ่งมึนเมาที่ทำให้สูญเสียกำลังในการต่อสู้ หยุดพักจนก้าวไปข้างหน้าต่อไปไม่ได้
โลกของนายท่านไม่ได้อยู่ที่นี่!
อวี้เฟยเยียนไม่เหมาะกับนายท่านเลยแม้แต่น้อย!
เมื่อเห็นหลิ่วเซิงที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ท้ายที่สุดเหลียนจิ่นจึงพยักหน้า มั่วซางจึงยกมือขวาฟันกระบี่ลงไปที่มือขวาของหลิ่วเซิง
ขวับ
“อ้าก!” ความเจ็บที่มือกระจายไปทั่วร่าง จนทำให้หลิ่วเซิงปล่อยมือออก
พัดหยกร่วงลงไปที่พื้นจนแตกละเอียด บาดแผลสดปรากฏที่ข้อมือของเขา เลือดสดไหลรินลงมาไม่ขาดสาย เพียงครู่เดียวก็ไหลย้อมไปทั่วมือขวาของหลิ่วเซิง
“หลิ่วเซิง!”
เสวี่ยเยี่ยนไม่อาจโทษเหลียนจิ่นในเรื่องนี้ได้ ทว่านางก็ยังรีบเดินเข้าไปข้างหน้า จากนั้นหยิบมาใส่ให้กับหลิ่วเซิง
“หากเส้นเอ็นข้อมือขาดต้องต่อกันให้ได้ภายในหนึ่งชั่วยาม หากไม่สามารถต่อคืนได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปก็จะกลายเป็นคนพิการ แม้แต่ตะเกียบก็หยิบขึ้นมาไม่ได้
เซวียเฉียงที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
เซวียเฉียงนั้นไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา หรือเป็นคนที่มาทีหลังอย่างอวี้เชียนเสวี่ยกับมู่เหนี่ยนซี ที่จะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างอวี้เฟยเยียนกับซย่าโหวฉิงเทียน เซวียเฉียงนั้นรู้ถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน
ซย่าโหวฉิงเทียน คนใต้อนาณัติของเจ้าเป็นสิ่งใดกัน!
ถึงได้กล้าจะสังหารเทพธิดาของข้า!
สมน้ำหน้า!
มั่วซางทำไมเจ้าไม่จัดการสังหารคนชั่วนี่ซะ
เซวียเฉียงมองไปยังมือที่ได้รับบาดเจ็บของหลิ่วเซิงอย่างอารมณ์ดี ส่วนตนกลับเดินเข้าไปกอดคอมั่วซางไว้
“เฮ้…พี่ชาย ทำไมเจ้าถึงเป็นคนเถรตรงขนาดนี้! เขาสั่งให้เจ้าอะไรเจ้าก็ทำแค่นั้นหรือ! หากเจ้ายกมือขึ้นมาหน่อยคงจะกรีดคอหอยเขาได้ นั่นไม่ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีหรือ”
“ทว่าเจ้าสามารถทำในสิ่งที่ข้าอยากทำแต่มิอาจทำได้ ข้าตัดสินใจแล้ว นับแต่นี้ไปข้ายอมรับเจ้าเป็นพี่ใหญ่ของข้า”
“พี่ใหญ่มั่ว ท่านเก่งกาจขนาดนี้ รีบสอนข้าเร็วเข้า!”
ใบหน้าของมั่วซางเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาได้ยินเซวียเฉียงที่พูดจ้อข้างหูไม่หยุด หนวกหูจนเขารู้สึกปวดหัว จนท้ายที่สุดของโบกมือไปมา แล้วสบถคำหนึ่งออกมา “หนวกหู!” จากนั้นโยนเซวียเฉียงออกไปอยู่แถวกำแพงลานบ้าน
“ไอหยา…”
ก้นของเซวียเฉียงนั่งลงบนหิน กระแทกแรงเสียจนเขาเจ็บก้น จึงรีบเอามือทั้งสองลูบก้นไปมา
“พี่ใหญ่มั่ว ข้าจะไม่ยอมแพ้!”
เสวี่ยเยี่ยนทำแผลให้หลิ่วเซิงแบบง่ายๆ นางอยากจะพาหลิ่วเซิงไปหาหมอให้รักษาบาดแผลที่ข้อมือให้กันเขา ในชั่วขณะนี้เองในห้องก็มีแสงสีทองเปล่งส่องตรงไปยังท้องฟ้า
“เลื่อนขั้นแล้วหรือ”
อวี้เชียนเสวี่ยเห็นแสงสีทองนี้ จึงเกิดความคาดไม่ถึงเล็กน้อย
แสงเช่นนี้มีเพียงแค่จอมยุทธ์ระดับจอมเทวาขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมี เมื่อวานกลางคืนอวี้เฟยเยียนเพิ่งจะยอมรับว่าตอนนี้ตนมีพลังยุทธ์ระดับราชัน ทว่าเพิ่งจะผ่านไปแค่วันเดียว นางก็สามารถเลื่อนระดับราชันกระโดดขึ้นไปเป็นราชันจักรพรรดิ นี่เลื่อนขั้นไปเป็นจอมเทวดาแล้วหรือ
โอ้โห! นี่ก็จะรวดเร็วเกินไป! เสี่ยวเยียนเยียน หัวใจอาสามจะวายแล้ว! เร็วเข้า รีบมาช่วยอาสามเร็วเข้า!
นอกจากคนที่อยู่ด้านนอกแล้ว คนที่อยู่ในห้องอย่างชิงหงก็รู้สึกมึนงงไปครู่หนึ่ง
ขณะที่รักษาคนไข้ยังสามารถเลื่อนระดับพลังยุทธ์ได้ นี่มันมีสาเหตุจากอะไรกัน!
แสงสีทองนี้ ทำให้ผู้คนที่อยู่ในหุบเขาลั่วสยาต่างพากันหยุดเรื่องที่ทำอยู่ในมือ นั่นคือ…พลังเสวียนสีทองที่เป็นสัญลักษณ์ของพลังยุทธ์ระดับจอมเทวา! จอมยุทธ์ระดับจอมเทวาได้ถือกำเนิดขึ้นอีกคนแล้ว! นี่ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ที่สำคัญจริงๆ !
ทว่าไม่มีใครได้รู้ว่าใครคือจอมเทวดา แสงสีทองก็สลายไปแล้ว…
…..
ภายในหอราชันโอสถ หลังจากชายชุดดำคนหนึ่งเห็นแสงสีทอง ตาสีแดงก่ำก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
อสูรร้ายอวี้ เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเสียจริง! ตอนอยู่ที่เมืองเฟิ่งหมิงเจ้ายังเป็นจอมยุทธ์ราชันอยู่เลย นี่เป็นเรื่องสั้นๆ เจ้าก็กลายเป็นจอมเทวาเสียแล้ว
ผู้ที่มีศาสตร์วิชาปรุงยาเก่งกาจขนาดนี้ พันปีก็หาเจอได้ยาก ในเมื่อมาหาถึงที่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยอมรับ! ข้าจะรอเจ้าเป็นงานประลองโอสถ…
เมื่อเห็นใบหน้าเล็กซีดจนเป็นสีม่วงของอวี้เฟยเยียน ในใจของชิงหงก็รู้สึกตื้นตัน
เพื่อซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนได้พยายามดูดพลังอินและความเย็นของไข่มุกวารีปีศาจจากภายในของเขาเข้าสู่ร่างของตนเอง ทำให้อาการป่วยของซย่าโหวฉิงเทียนทุเลาลง
วิธีเช่นนี้เขาทั้งสามคนก็เคยคิดไว้ ทว่ากลับไม่มีใครทำได้
เพราะพลังอินและความเย็นสามารถทำลายร่างกายของคนได้ ซย่าโหวฉิงเทียนไม่ยินยอมเพราะเกรงว่าจะทำให้พวกเขาถึงแก่ชีวิต
การกระทำของอวี้เฟยเยียนในครั้งนี้ เป็นการใช้ชีวิตเพื่อช่วยเหลือชีวิตคนโดยแท้!
เมื่อครู่อวี้เฟยเยียนกำลังอยู่กับตัวเอง จึงไม่ได้ยินเสียงจากภายนอกทั้งสิ้น ทว่าชิงหงกลับเข้าใจสถานการณ์ภายนอกอย่างชัดเจน
ทว่าเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจ้านาย หลิ่วเซิงจึงมีปฏิกิริยารุนแรงเกินไป
พวกเขาทั้งสามคน ใครจะไม่ซื่อสัตย์กับนายท่านกันเล่า!
ในครั้งนี้ หลิ่วเซิงก็ผิดที่โทษอวี้เฟยเยียนจริง ๆ !
รอจนสีหน้าของอวี้เฟยเยียนค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ นางจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ผ่อนลมหายใจออกมา
“แม่นางหลัวช่า ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”
ชิงหงตำหนิตนเองที่เมื่อก่อนเคยโทษอวี้เฟยเยียน เขาช่างเป็นคนที่ใช้จิตใจของคนถ่อยมาวัดจิตใจของผู้ทรงคุณธรรมสูงส่งเสียจริง!
“ข้าหรือ ไม่เป็นไรหรอก!”
อวี้เฟยเยียนรู้สึกว่าน่าแปลกนัก พลังอินนั่นกลับไม่ได้ทำลายอะไรนางสักนิด หลังจากที่เข้าไปสู่ร่างกายของนาง กลับถูกดวงจิตของนางดูดพลังเหล่านั้นเข้าไป จนทำให้ระดับพลังยุทธ์ของนางเลื่อนไปอีกสองขั้น นี่เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเกินไปแล้ว!
“ขอบพระคุณท่านมาก!”
ชิงหงถลันเข้าไปก้มคารวะอวี้เฟยเยียน
“ขอบพระคุณที่ท่านช่วยคุณชายน้อยไว้! ชิงหงติดค้างท่านครั้งหนึ่ง ในวันหน้าหากท่านต้องการอะไร ขอแค่ท่านเรียกชิงหงเท่านั้น!”
“เจ้าจะเกรงใจเกินไปแล้ว! เสี่ยวฉิงฉิงน่ารักเสียขนาดนี้ ข้าไม่มีทางปล่อยให้เขาตายโดยไม่ช่วย ยิ่งไปกว่านั้นการรักษาเขานั้นข้าก็ได้ประโยชน์ด้วย แม้นี่จะไม่ใช่สิ่งที่ข้าคาดไว้ ทว่ากลับช่วยเหลือข้าได้เป็นอย่างมาก!”
อวี้เฟยเยียนลงจากเตียง จากนั้นประคองเด็กชายให้นอนลงและห่มผ้าให้เขา
“ให้เขาพักผ่อนเถิด ไข่มุกวารีปีศาจที่อยู่ร่างของเขาตอนนี้ถูกข้ากดจุดไว้ชั่วคราว ทว่าหากไข่มุกยังอยู่ภายในร่างของเขา ก็ยังจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ข้าจะพยายามหาวิธีอื่น เจ้าวางใจเถิด!”
“ทราบแล้ว ขอบพระคุณท่าน!”
ชิงหงรู้สึกเป็นครั้งแรกว่า สำหรับนายท่าน การเลือกสตรีผู้นี้ อาจจะเป็นการเลือกที่ไม่เลว
แม้ระดับพลังยุทธ์ของอวี้เฟยเยียนจะได้รับการเลื่อนขั้น ทว่าก่อนรักษาซย่าโหวฉิงเทียน ใครก็ไม่ทราบว่าผลจะเป็นเช่นไร นางอาจจะได้รับบาดเจ็บ ไม่มีชีวิต ทว่านางก็ช่วยเหลือซย่าโหวฉิงเทียนอย่างไม่ลังเลใจ
คำพูดของอวี้เฟยเยียนเมื่อครู่นี้ ก็คือไม่ยอมรับคำพูดที่แสดงความเป็นบุญคุณประเภทนั้นของชิงหง
เหล่านี้…ชิงหงล้วนเข้าใจดี
อาจจะเป็นอย่างที่เสวี่ยเยี่ยนพูด อวี้เฟยเยียนสามารถเปลี่ยนแปลงนายท่านได้จริง! ชิงหงคิดอยู่ในใจ