จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 87-1 ลงโทษ
ได้ยินดังนั้น ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของอวี้เฟยเยียนนั่นก็คือ ‘โรคปัญญาอ่อนขององค์หญิงไป๋เสวี่ยกำเริบอีกแล้วสินะ’
โทษใครไม่โทษ
คิดจะใช้เหลียนจิ่นเป็นเกราะกำบัง…
นางคิดว่าเหลียนจิ่นหาเรื่องได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ
นอนรับกระสุนปืนโดยสมัครใจ หรือเป็นปลื้มที่จะได้เป็นพ่อคน นางคิดว่านี่เป็นกิจกรรมกระตุ้นยอดขาย ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งอย่างนั้นหรือ!
ซย่าโหวฉิงเทียนคิดไม่ต่างจากอวี้เฟยเยียนเท่าไหร่นัก
ยิ่งเขารู้จักเหลียนจิ่นนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าไม้เท้าเทพนี่ลึกลับซับซ้อนยิ่งนัก ทั้งยังชั่วร้ายพอตัวทว่าใบหน้าหมอนั่นกลับฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มที่หล่อเหลา เป็นดั่งหมาป่าร้ายในคราบแกะน้อย
ซย่าโหวเสวี่ย เจ้านี่ช่างหาเรื่องใส่ตัวเก่งนักนะ
“เจ้าบอกว่าใครนะ”
ซย่าโหวจวินอวี่กล่าวถามขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าตกตะลึง
“เหลียนจิ่น! เด็กในท้องหม่อมฉันเป็นลุกพี่ชายเหลียนเพคะ!”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ซย่าโหวเสวี่ยก็เงยหน้าขึ้น จ้องมองซย่าโหวจวินอวี่นิ่ง
“เสด็จพ่อ ที่ลูกมิยินยอมกราบทูลเสด็จพ่อ ก็เพราะลูกต้องการปกป้องพี่ชายเหลียน ลูกรู้ดีว่าเสด็จพ่อให้ความสำคัญกับพี่ชายเหลียนยิ่งนัก ลูกไม่อยากให้เสด็จพ่อเข้าใจผิด ทั้งหมดนี่…ล้วนเป็นสิ่งลูกที่ยินยอมเองเพคะ!”
คำพูดนี้ พูดได้น่าฟังเชียว!
อวี้เฟยเยียนเกือบจะปรบมือให้กับคำพูดซย่าโหวเสวี่ยแล้วกล่าวชมว่ายอดเยี่ยมเสียแล้ว
ปกป้องเหลียนจิ่นอย่างนั้นหรือ
เจ้าไม่ให้ร้ายเขาก็บุญแล้ว!
เมื่อครูถูกซย่าโหวเสวี่ยหลอกลวงไปแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้ซย่าโหวจวินอวี่ไหนเลยจะเชื่อคำพูดของซย่าโหวเสวี่ยอีก
ซย่าโหวจวินอวี่มองดูบุตรีที่เขารักทะนุถนอมตั้งแต่เล็กจนโตด้วยสายตาเย็นชา แววตาอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เด็กนี่เป็นลูกใคร คิดให้ดีแล้วตอบมา!”
ฮ่องเต้มิได้ทรงกล่าวออกมาตรงๆ แต่ซย่าโหวเสวี่ยก็เข้าใจในความหมาย เฉกเช่นที่เขากล่าวเมื่อครู่ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของนาง
ยอมรับว่าตนเองโกหกน่ะหรือ
เช่นนั้นเท่ากับนางจะต้องสูญเสียความรักจากบิดาหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง…
จะให้นางบอกกับซย่าโหวจวินอวี่ ว่าตนเองถูกขืนใจ พ่อของเด็กคนนี้คือคนชั่วช้าสามานย์อย่างนั้นหรือ เสด็จพ่อก็คงพระราชทานความตายให้นางทันทีน่ะสิ!
ไม่ได้ จะยอมรับไม่ได้!
หลังจากภายในจิตใจต่อสู้กันอย่างหนัก ซย่าโหวเสวี่ยก็กัดฟันตอบว่า
“เสด็จพ่อ ที่ลูกทูลเป็นความจริงทุกประการเพคะ”
“ดี! ดีมาก!”
ครั้งนี้ซย่าโหวจวินอวี่ผิดหวังในตัวซย่าโหวเสวี่ยอย่างยิ่ง
เหลียนจิ่น
เจ้ายังหน้ามากล่าวถึงเหลียนจิ่นอีกหรือ!
เหลียนจิ่นที่ร่างกายอ่อนแอบอบบางเช่นนั้น ต่อให้เขาเป็นชายมักมากชอบใช้สตรีเป็นว่าเล่นก็ตาม แต่ร่างกายเขาก็คงทานทนไม่ไหว ตายคาอกสตรีไปนานแล้ว!
“เรียกเหลียนจิ่นเข้าวัง!”
ซย่าโหวจวินอวี่ไม่แม้แต่เหลือบมองไปที่ซย่าโหวเสวี่ยอีก
แม้ตอนนี้จะดึกมากแล้ว แต่ซย่าโหวจวินอวี่ก็อยากจะให้ซย่าโหวเสวี่ยยอมรับผิดทั้งกายและใจให้ได้!
“เสด็จพี่ พักผ่อนเสียหน่อยเถอะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนลากเก้าอี้เข้ามาให้ด้วยตัวเอง เพื่อให้ซย่าโหวจวินอวี่นั่งลง ทั้งยังรินชาให้อีกด้วย
“อย่าโกรธเคืองไปเลย มันไม่คุ้มค่าสักนิด!”
ซย่าโหวฉิงเทียนปลอบใจซย่าโหวจวินอวี่ได้ทันท่วงที ซย่าโหวจวินอวี่มองใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้า พลันความโทสะเขาก็ลดลงจนจิตใจสงบ เขาดื่มชาร้อน ก่อนถอนใจออกมา แล้วมองไปที่สวีหมัวมัว[1]
“สวีหมัวมัว เหตุใดท่านถึงโกหกเรา”
ตั้งแต่เรื่องราวถูกเปิดโปง สวีหมัวมัวก็ตกใจจนตัวสั่นคุกเข่าลงไปที่พื้นและเมื่อเห็นว่าฮ่องเต้กล่าวโทษมาที่นาง สวีหมัวมัวก็รีบโขกศีรษะร้องขอชีวิตไม่หยุด
“เราอยากรู้เหตุผล”
“ท่านคือแม่นมของเรา กระทั่งท่านยังโกหกเรา เราเสียใจยิ่งนัก!”
น้ำเสียงซย่าโหวจวินอวี่ที่กล่าวออกมาเต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ
“ฝ่าบาท บุตรสาวบุญธรรมของบ่าวรับใช้อยู่ที่ตำหนักของฮองเฮา องค์หญิงเสวี่ยทรงใช้ชีวิตบุตรสาวบุญธรรมของบ่าวมาข่มขู่ บ่าวมิอาจมิทำตามเพคะ!”
สวีหมัวมัวไม่มีลูกหลาน หลังจากเข้าวัง นางกำนัลคนหนึ่งได้กราบนางเป็นแม่บุญธรรม
เดิมทีนี่นับเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง แต่สวีหมัวมัวหารู้ไม่ว่า นี่เป็นวิธีการที่หลิวฮองเฮาใช้ควบคุมสวีหมัวมัว เมื่อถึงเวลาสำคัญ ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้
“ดี ดีมาก!”
ซย่าโหวจวินอวี่ก็ไม่ได้เลอะเลือน เขารู้ดีว่าสวีหมัวมัวอายุมากแล้ว คนสูงอายุหวาดกลัวความเงียบเหงา รอคอยความรักจากลูกหลาน นี่เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
แต่สิ่งที่น่ารังเกียจคือ ฮองเฮาใช้ประโยชน์จากพื้นฐานทางจิตใจนี้ ให้คนของตนเองแฝงตัวอยู่ข้างกายสวีหมัวมัว
เมื่อถึงเวลาที่สำคัญ จะได้กลายเป็นเครื่องมือให้นางใช้สอยควบคุม ช่างรังเกียจยิ่งนัก!
“ลูกสาวบุญธรรมของท่านคือใคร”
“อิงเกอเพคะ”
มาถึงขนาดนี้แล้ว สวีหมัวมัวจึงไม่กล้าปิดบังอะไรอีก
นางได้เล่าวิธีการของฮองเฮาออกมาโดยไม่มีหมกเม็ด ทั้งเรื่องที่ว่าฮองเฮาส่งสายสืบเข้ามาอย่างไร แล้วตัวสวีหมัวมัวเองรับอิงเกอเป็นบุตรสาวบุญธรรมได้อย่างไร
อิงเกอ
ฮ่องเต้คิดไตร่ตรองโดยละเอียด คลับคล้ายคลับคลาว่าข้างกายของฮองเฮา จะมีคนนี้อยู่จริงๆ
“เด็กๆ ไปจับตัวอิงเกอมาแล้วลากไปโบยต่อหน้าฮองเฮาจนกว่าจะตาย ให้ฮองเฮาดูให้เต็มตา!”
ซย่าโหวจวินอวี่เป็นคนเด็ดขาดดุดัน
ถึงตอนนี้จะยังไม่สามารถทำอะไรฮองเฮาได้ด้วยเรื่องแค่นี้ แต่ในฐานะฮ่องเต้ หากคิดจะเอาชีวิตใครสักคน เขาย่อมมีสิทธิ์
“ฝ่าบาท เรื่องนี้ขอให้หม่อมฉันไปจัดการ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนยิ้มเยือกเย็น
เพียงแค่เขาดีดนิ้ว ชิงหงก็ปรากฏตัวแล้วพาคนของฮ่องเต้เดินอาดๆ ออกไปอย่างเปิดเผย
ชิงหงเข้าใจความหมายของนายท่านดี เมื่อไปถึงตำหนักบรรทมของหลิวฮองเฮา ก็จับอิงเกอกดลงที่พื้น ใช้ไม้ท่อนใหญ่โบยนางต่อหน้าพระพักตร์ฮองเฮาให้เนื้อแตกเป็นริ้วๆ
โบยต่อไปจนกระทั่งนางเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย แล้วค่อยใช้ไม้ฟาดที่ศีรษะนางอย่างจัง
ในครั้งเดียวจนมันสมองแตกกระจาย สาดฉลองพระองค์สีขาวของหลิวฮองเฮาให้แปดเปื้อนไปด้วยมันสมองและเลือดสีแดงสดที่ยังอุ่นร้อนอยู่ ทำให้หลิวฮองเฮาตกใจจนเป็นลมหมดสติไปในที่สุด
รอจนกระทั่งชิงหงกลับมารายงาน เมื่อซย่าโหวฉิงเทียนรู้ว่าหลิวฮองเฮาตกใจจนเป็นลมล้มพับ ก็พยักหน้าเบาๆ อย่างพอใจ
“ทำได้ดี เจ้าถอยไปก่อน…”
นาทีนั้นสวีหหมัวมัวตื่นตระหนกจนแทบจะทนไม่ไหว ด้วยเกรงว่าท่านอ๋องจะกล่าวโทษนางแล้วโบยนางจนตายไปด้วยอีกคน
เมื่อเห็นแม่นมตนมีท่าทีเช่นนั้น ซย่าโหวจวินอวี่ก็เกิดความสงสาร
“สวีหมัวมัว เราจะให้เงินท่านจำนวนหนึ่ง ออกไปจากวังหลวงเสียเถอะ!”
ผู้คนในวังหลวงซับซ้อนยากจะหยั่งถึง สวีหมัวมัวอายุมากแล้ว อาจจะเลอะเลือนไปบ้าง อีกทั้งความสัมพันธ์ของนางกับฮ่องเต้ ยากนักที่จะมิให้ผู้คนจ้องจะหลอกใช้
จนท้ายที่สุด ซย่าโหวจวินอวี่ก็ตัดใจสั่งฆ่าสวีหมัวมัวไม่ลง
พระองค์เรียกฉู่อินเข้ามา แล้วให้เขาส่งสวีหมัวมัวออกนอกวังด้วยตัวเอง ทั้งยังให้เงินสวีหมัวมัวร้อยตำลึงเงิน แล้วบอกอีกว่าเขาจะให้เงินจำนวนนี้กับนางทุกปีๆ เพื่อเลี้ยงตัวยามชรา
เสด็จพี่ ท่านช่างใจดีจริงๆ…
สำหรับวิธีการของซย่าโหวจวินอวี่ ซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกว่ามันเบาไปสักหน่อย
คนเช่นสวีหมัวมัว ที่หลอกใช้ความไว้ใจของฝ่าบาท กล้าทำเรื่องหลอกลวงเบื้องสูงเช่นนี้ สมควรฆ่าเสียให้ตาย!
เชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง!
“ข้าแก่แล้ว คนที่อายุมากก็มักจะใจอ่อนเช่นนี้แหละ ไม่เหมือนกับพวกคนหนุ่มสาวที่กล้าตัดสินใจเด็ดขาด”
ซย่าโหวจวินอวี่รู้ดีว่าซย่าโหวฉิงเทียนหวังดีกับตนเอง ซึ่งเขาซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
ยังดีที่ มีบุตรชายอยู่เคียงข้าง
เมื่อคิดถึงบุตรชาย ซย่าโหวจวินอวี่ก็ผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ
แล้วลูกสะใภ้เล่า
แย่แล้ว เมื่อครู่มัวแต่โมโหจนขาดสติไป ลืมไปเลยว่าลูกสะใภ้ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน คราวนี้คงตกใจแย่แล้วกระมัง!
——
[1] เป็นคำเรียกหญิงสูงวัย