ฉันก็แค่อยากตาย แต่ไหงต้องมาเกิดใหม่ด้วยล่ะ! - ตอนที่ 1 เด็กสาวปริศนาท่ามกลางสายฝน
ฝนซัดสาดอย่างรุนแรง ลมพายุพัด ส่งผลให้ต้นไม้น้อยใหญ่โดยรอบต่างพากันเอนไหวไปกับแรงลม ป่ารกทึบขนาดใหญ่ส่งเสียงซู่น่าขนลุก
ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำลอยเต็มท้องฟ้า หญิงสาวผมยาวสีดำ ดวงตาสีแดงสด เม้มปากมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างกังวล เธอยืนอยู่ด้านหน้าประตูไม้ ด้านหลังคือบ้านไม้ขนาดกลางที่ตั้งตระหง่านใจกลางพายุ
บ้านทั้งหลังทนต่อแรงลมได้อย่างน่าอัศจรรย์ เธอพึมพัมอย่างวิตกกังวล
“แต่ไหนแต่ไรพายุไม่เคยแรงแบบนี้มาก่อน” เธอเอ่ย คิดว่าอยากจะปิดบ้านแล้วขึ้นไปนอนเพื่อรอให้พายุสงบลง
บ้านไม้หลังนี้ตั้งตระหง่านอยู่ในป่าทึบ ห่างไกลจากตัวเมือง สาเหตุที่หญิงสาวมาอาศัยอยู่ที่นี่เพราะว่ามันเงียบสงบดี และเธอนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่ว่าเป็นแวมไพร์ ทำให้เธอมีนิสัยชอบอาศัยอยู่ในป่าไปโดยปริยาย
หญิงสาวปิดประตู ล็อคกลอน เดินเข้าไปในบ้าน และตัดสินใจก่อเตาผิงเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับตัวเอง
เปรี้ยง ปร้าง เสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าดังเป็นระยะ หญิงสาวสะดุ้งทุกครั้งด้วยความกลัวจากขั้วหัวใจ แต่ไหนแต่ไรมา เธอไม่ชอบสายฟ้า! ไม่ชอบเลยสักนิด มันทั้งเสียงดังและน่ากลัว เหมือนกับมีเทพเจ้ากำลังพิโรธอยู่เลย
หญิงสาวสวมเสื้อกั๊กติดกระดุมสีดำ สวมทับด้วยเสื้อโค้ทสีแดงด้านนอก กระโปรงยาวลูกไม้สีดำ รองเท้าผ้าใบสำหรับเดินป่าหนึ่งคู่
เปรี้ยง ระหว่างที่นั่งอยู่ในบ้านไม้อันแสนอบอุ่น เธอก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่าอีกครั้ง แต่คราวนี้มันดังกว่ารอบแรกมาก บ้านทั้งหลังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดน่ากลัว ราวกับว่าจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ
“พ พรุ่งนี้กลับเข้าเมืองไปซื้อที่อุดหูมาดีกว่า ฉันจะได้ไม่ต้องมาสั่นยังกับลูกหมาตกน้ำแบบนี้” เธอพึมพัม พลางโยนฟืนเพิ่มเข้าไปในเตาผิงเมื่อเห็นว่าไฟมีทีท่าว่าจะดับมอด
อ่า ชีวิตใจกลางป่า มันสงบสุขก็จริง แต่มันก็น่ากลัวด้วยเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไป
ชีวิตในเมืองมันไม่ค่อยดีมากนัก เธอมีมุมมองแบบนั้น เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ในป่าแห่งนี้
ซู่ ซ่า เธอได้ยินเสียงฝนที่สาดเทลงมากระทบกับหลังคา มันสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ขณะเดียวกันก็สร้างความรู้สึกขนลุกขนพอง แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอากาศที่เย็นยะเยือก
เปรี้ยง! คราวนี้เธอได้ยินเสียงสายฟ้าดังสนั่นหวั่นไหว มันผ่าลงข้างๆบ้านเธอนี่เอง หญิงสาวหูแทบแตกเมื่อได้ยินเสียงนั่น เธอหันไปมองอย่างตกตะลึง
ข้างนอกนั่น ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ เธอมองเห็นเงาของอะไรบางอย่าง
ความรู้สึกหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง ขนลุกชูชันขึ้นมาในทันใด เธอเกิดความคิดแปลกๆขึ้นมา
‘นั่นสัตว์ประหลาดรึเปล่า ว่ากันว่ามักจะมีสัตว์ประหลาดออกอาละวาดยามฝนตกด้วย’
เธอขนลุกขนพอง รู้สึกใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว ถ้ามันเป็นสัตว์ประหลาดจริงเธอก็ต้องกำจัดมัน! มันอยู่ใกล้บ้านเธอมาก ถ้าปล่อยไว้ต้องเป็นอันตรายแน่
ถึงจะขี้กลัวไปบ้าง แต่เธอก็รู้ว่าเวลาไหนควรกลัว เวลาไหนควรฝืนความกลัวและทำตัวห้าวหาญ เธอตัดสินใจเดินไปแอบส่องตรงหน้าต่าง ตรงที่เงาดำนั่นอยู่
เงานั่นนอนราบไปกับพื้น บิดตัวเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าของเด็ก เด็กสาวอายุราวๆเจ็ดขวบ นอนสลบแน่นิ่งอยู่บนพื้น
หญิงสาวพลันใจหายวูบ นั่นใครกัน? ทำไมมานอนหน้าบ้านเธอยามที่ฝนตกหนักแบบนั้น ปีศาจจำแลงกายมางั้นเหรอ?
เธอไม่รู้ว่าควรทำยังไง จึงเดินไปหยิบชะแลง ก่อนจะเปิดประตูออกไปนอกบ้าน
สายฝนเทกระหน่ำ มันกระทบกับผิวหนังของหญิงสาว ความหนาวเย็นสุดขั้วแทรกซึมเข้าไปในปอด ลมเย็นๆพัดมา เธอพยายามระงับความรู้สึกอยากวิ่งเข้าไปหลบฝนในบ้าน
เธอพยายามเดินฝ่าสายฝนเพื่อเข้าไปใกล้ผู้มาเยือนปริศนา จากนั้นเธอก็เฝ้ามองอีกฝ่ายจากระยะใกล้ และพบว่าอีกฝ่ายกำลังสลบอยู่
ดูเหมือนจะไม่ใช่ปีศาจร้าย เธอคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านี่มันท่ามกลางพายุ! การปล่อยเอาไว้จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บป่วยเอาได้
เธอตัดสินใจทิ้งชะแลงลงและก้มตัวลงไปอุ้มเด็กสาวปริศนาตรงหน้า ก่อนจะพาเข้าไปในบ้านไม้อย่างทุลักทุเล…
วันต่อมา
แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องนอน เตียงปูด้วยผ้าลินินสีขาวบริสุทธิ ร่างเล็กๆของเด็กสาวคนหนึ่งนอนอยู่บนนั้น
เธอลืมตาตื่นขึ้น สีหน้าอ่อนแรง
เกิดอะไรขึ้น? นี่ฉันอยู่ที่ไหนกัน เทพธิดา–อ่า ปวดหัวชะมัด
ความรู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรงเข้าเล่นงานทันทีที่ตื่น เธอลุกพรวดขึ้นพลางเอามือกุมขมับเล็กน้อย
ที่นี่มัน? ที่ไหนกัน ห้องนอน?
เธอพึมพึมในใจพลางหันไปสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ
เธอนอนบนเตียงที่มีผ้าปูสีขาว ด้านข้างคือหน้าต่างที่มีแสงแดดส่องถึง เมื่อมองออกไปด้านนอกจะพบกับป่าไม้เขียวขจี
อ่า เธอจำได้แล้ว หลังจากพูดคุยกับเทพธิดาเสร็จเธอก็ถูกแสงสีทองบางอย่างห่อหุ้มเอาไว้ จากนั้นเธอก็มาโพล่ยังป่าแห่งนี้ พร้อมกับสลบไป ว่าแต่เธอมาอยู่ในห้องนอนอบอุ่นแบบนี้ได้ไง มีคนช่วยเอาไว้งั้นหรือ
เธอหันไปมองยังประตูหน้าห้อง พบว่ามันปิดสนิท เธอตัดสินใจลุกขึ้น ผ้าห่มร่วงหล่นจากตัวและลงไปกองกับพื้น เธอเดินไป เตรียมตัวจะเปิดประตู พลันชะงักเมื่อเห็นตัวเองในกระจกที่ตั้งอยู่ข้างๆห้อง
‘เอากระจกมาไว้ในห้องนอนเนี่ยนะ อัปมงคลซะจริง’ นั่นไม่ใช่สิ่งแรกที่เธอคิด แต่เป็นสิ่งสุดท้าย เพราะสิ่งที่ทำให้เธอตะลึงยิ่งกว่านั้นคือภาพที่เห็นเบื้องหน้า
เด็กสาวที่มีอายุราวๆเจ็ดปี ดวงตาสีแดงทับทิมกลมโต และผมยาวสีขาวเงินจ้องตอบกลับมา
นั่น–ตัวฉันเหรอ เธอเผลอเอามือลูบไล้ไปตามร่างกาย
นุ่มมาก! นี่อย่าบอกนะว่าเทพธิดาส่งเธอมาในทันทีแบบไม่ใช่การเกิดใหม่ แถมยังเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้อีกด้วย
ได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง นี่มัน–โชคดีสุดๆ!
เธอสำรวจตัวเองเพิ่ม พบว่าตัวของเธอนั้นมีผิวที่นุ่ม เรียบเนียน คงเพราะเป็นเด็กล่ะมั้ง ผมสีขาวของเธอ–นึกว่าจะมีแค่ในอนิเมะซะอีก ดวงตาสีแดงนั่น–แวมไพร์? ไม่น่าใช่ เธอขอเทพธิดาเอาไว้ว่าจะมาเกิดเป็นมนุษย์นี่น่า มนุษย์แท้ๆเลยด้วย
เธอกำลังสวมเดรสบางเบาสีขาวสำหรับเด็ก ชายกระโปรงไม่ยาวมากนักและลอยเหนือหัวเข่า เห็นเนินอกเล็กน้อย ดูแล้วน่าจะคัพAไม่ก็B
รวมๆแล้วน่ารัก เทียบกับเธอในร่างเก่า ชาติเก่าแล้ว หน้าตาคนละแบบเลย แบบเก่าให้มาดสาวเท่หรือพวกคูลๆซะมากกว่า แต่ร่างใหม่ของเธอน่ารักมากเลยล่ะ ดูจากภายนอกแล้วเธอจะเหมือนเด็กสาวที่มีความสดใสและน่ารักมาก
แถมยังดู’ใสซื่อและบริสุทธิ’แม้ว่าความจริงแล้วเธอจะเป็นคนที่จิตใจต่ำทรามคนหนึ่งก็ตาม แต่รูปลักษณ์ภายนอกปกปิดสิ่งเหล่านั้นได้อย่างแนบเนียน!
เธอส่องกระจกจนพอใจและได้ข้อสรุปเกี่ยวกับตัวเองแล้ว เธอเดินไปบิดลูกบิดประตู
อืม ต้องเขย่งนิดหน่อยแฮะ ร่างนี้ค่อนข้างเตี้ยนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เตี้ยมากจนน่าเกลียด
เมื่อเธอเปิดประตู เธอก็พบกับห้องๆหนึ่ง ดูท่าแล้วจะเป็นห้องนั่งเล่นรวมของบ้านหลังนี้ เมื่อเธอมองไปทางซ้ายมือก็พบกับประตู ประตูที่นำไปสู่ทางออกของบ้าน ห้องรวมนี้เชื่อมต่อกับห้องอีกสองสามห้อง เป็นบ้านไม้ที่ไม่เก่ามาก แต่ก็มอบกลิ่นอายของความรู้สึกสงบสุข
ดูๆแล้วไม่ใช่บ้านที่มีขนาดใหญ่มากนัก แต่ก็ไม่เล็กจนเกินไป แล้ว เจ้าของบ้านไปไหนล่ะ?
เด็กสาวเดินออกไป ก่อนจะปิดประตู ตระหนักได้ว่าเรี่ยวแรงของตัวเองมันน้อยลงจากชาติก่อนมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะมาเกิดใหม่ในร่างเด็กเจ็ดขวบ
จะเรียกว่าเกิดใหม่ก็ไม่ถูก ต้องเรียกว่าถูกส่งลงมาตรงๆพร้อมกับร่างกายใหม่ อายุใหม่ รูปลักษณ์ใหม่ซะมากกว่า
เธอเริ่มมองซ้ายมองขวา ก่อนจะเริ่มแผนการสำรวจ เธออยากรู้ว่าตัวเองมาที่นี่ได้ยังไง ถึงจะพอระแคะระคายบ้างแล้วว่าตัวเองถูกช่วยเหลือเอาไว้ก็เถอะ แต่ความทรงจำตอนนั้นค่อนข้างเลือนราง คงเพราะสลบอยู่ล่ะมั้ง
เมื่อหันไปมองด้านหลังก็จะพบว่าห้องที่เธอออกมาก่อนหน้าคือห้องนอนห้องที่สอง มันมีป้ายเขียนเอาไว้อะนะ และห้องนอนของเธอก็เชื่อมติดกับห้องนั่งเล่นรวม โดยที่ห้องนั่งเล่นค่อนข้างว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยนอกจากชั้นหนังสือและโต๊ะที่มีลิ้นชักเก็บของ มองไปทางหน้าเยื้องขวาก็จะพบกับประตูที่นำไปสู่ห้องครัว และทางขวานับจากหน้าห้องนอนก็จะเป็นทางเดินนำไปสู่ห้องน้ำ
และข้างๆห้องของเธอก็มีห้องนอนอีกห้อง นับว่าเป็นผังบ้านที่เรียบง่ายและมองปราดเดียวก็สามารถมองเห็นห้องได้ทุกห้องในบ้าน เมื่อมองไปทางซ้ายก็จะพบกับประตูที่นำไปสู่นอกบ้าน และถ้าเดินไปทางประตูนั่นก็จะพบกับห้องว่างทางด้านซ้ายของประตู มีโต๊ะอาหารทรงสี่เหลี่ยมวางติดกับหน้าต่างนอกบ้าน แสงแดดจะสาดส่องเข้ามาโดนตัวโต๊ะพอดี ถ้าเป็นตอนกลางคืนแสงจันทร์ก็คงจะสาดส่องเข้ามาแทน
เด็กสาวสำรวจบ้านจนครบครัน ก่อนจะเริ่มคิดว่าตัวเองควรทำยังไงต่อ
เธอถูกช่วยเอาไว้โดยเจ้าของบ้านหลังนี้ แม้จะไม่เคยเห็นหน้าตาแต่ก็พอคาดเดาได้ว่าอาจจะเป็นคนดี เพราะถ้าเป็นคนแปลกๆอาจจะทำอะไรเธอตอนที่สลบไปแล้วล่ะ
เธอมีทางเลือกอยู่สองทาง หนึ่งคืออยู่ที่นี่และรอเจ้าของบ้านที่คาดว่าน่าจะไม่อยู่ให้กลับมา ถ้าทำแบบนั้นเธออาจจะขออีกฝ่ายอยู่ด้วยกันด้วยได้
แต่ความเสี่ยงมันก็มีอยู่ สมมุติถ้าเจ้าของบ้านเป็นคนโรคจิตขึ้นมาเธอก็ซวยไป
ทางเลือกที่สอง หนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับเจ้าของบ้านแปลกหน้าเธอก็ต้องทำ แต่ถ้าพิจารณาจากที่เธอพึ่งมาที่โลกใบนี้ได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง เธอจะเป็นพวกไร้ตัวตนในโลกนี้ ไม่รู้ว่าโลกนี้มีขนบธรรมเนียมยังไง ควรไปทำบัตรตัวตนหรืออะไรแบบนั้นไหม
การหนีออกไปจะทำให้ชีวิตของเธอตกอยู่ในความเสี่ยง แถมพอเธอมองออกไปข้างนอกก็พบว่าบ้านหลังนี้รายล้อมไปด้วยป่าไม้ แปลว่านี่เป็นบ้านไม้กลางป่าคงไม่ผิดนัก เจ้าของบ้านถ้าไม่ใช่พวกรักความสงบของผืนป่า ก็อาจจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่อาศัยอยู่คนเดียวแล้วนำศพมาหมกเอาไว้แน่ๆ หรือถ้าเลวร้ายน้อยลงหน่อย อาจจะเป็นพวกค้ายาก็ได้
เด็กสาวใช้เวลาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่สาม นั่นก็คือฆ่าเจ้าของบ้าน แน่นอนว่าเธอไม่ได้จะฆ่าอีกฝ่ายหรอกหากพบว่าเป็นคนดีขึ้นมา แต่ถ้าเป็นคนชั่วร้ายเธอก็จะสังหารซะ
อันดับแรกเธอเดินไปยังห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องครัว เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับข้าวของเครื่องใช้ที่ควรจะพบในห้องครัวทั่วๆไป ทั้งเตาแก๊ส กระทะ รวมไปถึงชั้นเก็บจานและอื่นๆ ในห้องครัวมีหน้าต่างที่เปิดกว้างและระบายอากาศออกไปข้างนอก เด็กสาวเดินไปยังที่เก็บมีดก่อนจะดึงมีดเล่มบางออกมา
น้ำหนักเบาและเหมาะมือ เด็กสาวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะตัดสินใจว่าจะแอบดักรอในห้องนี้ อีกฝ่ายไม่อยู่ จากประสบการณ์ของเธอ การที่เจ้าของบ้านไม่อยู่อาจจะเพราะกำลังออกไปซื้อของ อาหารและกับข้าวหรืออะไรแบบนั้น ดูได้จากการที่ห้องครัวนั้นค่อนข้างว่างเปล่า
เวลาผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมง เด็กสาวเหงื่อไหล อากาศไม่ได้ร้อนอะไรมากมาย แต่เพราะความตึงเครียดทำให้เธอรู้สึกเหงื่อตก หัวใจเต้นแรง เจ้าของบ้านยังไม่กลับมาอีกงั้นหรือ?
เด็กสาวตัดสินใจเหลือบหน้าออกไปดูด้านนอกห้องครัว และ–
“ว้าย!” เธอได้ประจันหน้ากับผู้หญิงที่มีดวงตาสีแดง เขี้ยวเล็กๆที่มุมปากและมีผมดำ ไว้ผมทรงหางม้า ทั้งคู่สะดุ้งถอยหลังอย่างตกอกตกใจ มีดในมือถูกขว้างโดยอัตโนมัติ มันพวยพุ่งเข้าไปปักหัวของอีกฝ่ายจนทะลุ
ถุงอาหารถูกปล่อยจนร่วงหล่นลงพื้น หญิงสาวผมยาวดำล้มลง วาคาดะมองอีกฝ่ายอย่างตื่นตระหนก
เธอเผลอฆ่าคนไปซะแล้ว ความจริงนั่นไม่ควรเป็นปัญหาหรอก แต่นี่เจ้าของบ้าน! ยังไม่ทันรู้เลยว่าเป็นคนดีรึเปล่า ดันชิงฆ่าไปซะก่อน แต่คิดในแง่ดี อาจจะเป็นการรอบคอบไว้ก่อน ล่ะมั้ง?
แต่เวลาต่อมาสิ่งที่น่าตกใจก็ได้เกิดขึ้น หญิงสาวผมยาวสีดำลุกขึ้นพลางดึงมีดออกจากกระโหลกศีรษะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้านิ่วพลางจ้องเขม็งมาที่เธอ บาดแผลสมานอย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งกระทั่งรอยแผลเป็น เด็กสาวอ้าปากค้างอย่างตะลึงเล็กน้อย
โลกใบนี้เป็นโลกแฟนตาซี? อ่า ก็ไม่น่าแปลก เธอยังจะตกใจอะไรอีกล่ะ ได้เจอกับพระเจ้าตัวเป็นๆมาแล้วแค่นี้ไม่น่าจะทำให้ตกใจได้นี่น่า
“ข ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ!” เวลานี้มันหายนะชัดๆ เบื้องหน้าของเธอคือสัตว์ประหลาดอมตะที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกับในหนัง! และเธอก็ดันไปเขวี้ยงมีดปักหัวอีกฝ่ายเข้าซะแล้ว เวลาแบบนี้การเอาตัวรอดที่ดีที่สุดเท่าที่นึกออกคือการขอโทษ
ว่าแล้วก็กระเถิบถอยหลังพลางหาทางหนี เธอไม่มั่นใจในความใจเย็นของอีกฝ่าย ต้องหนี! หนีให้เร็วที่สุด
“ทำแบบนั้นทำไม?” อีกฝ่ายเอ่ยพลางใช้เวทมนตร์บางอย่างทำให้มีดลอยเข้าไปเก็บยังที่เดิมในห้องครัว “ดีนะที่ฉันเป็นอมตะน่ะ”
สีหน้าของอีกฝ่ายบ่งบอกถึงความหงุดหงิดอย่างชัดเจน ก็ไม่แปลก เล่นไปขว้างมีดใส่หัวถึงขนาดนั้น
“น หนูตกใจค่ะ” เด็กสาวรีบอธิบายเหตุผล เธอพอมองเห็นความหวังเลือนรางในการอยู่รอด อีกฝ่ายยอมฟังเหตุผลและไม่โจมตีเข้ามาในทันที แปลว่าเธอยังพอมีโอกาส
“ที่นี่ที่ไหน หนูมาโพล่ที่นี่ได้ยังไง และค คุณเป็นใคร”
เธอถามเป็นชุดพลางแสดงทีท่าหวาดกลัว ซึ่งก็หวาดกลัวจริงๆนั่นแหละ แต่เธอแค่แสดงออกให้เวอร์กว่าความเป็นจริงนิดหน่อยเท่านั้นเอง ตามปกติแล้วเธอจะใจเย็นและสงบนิ่งเสมอแม้ว่าจะกลัวสุดๆก็ตาม แต่กรณีนี้ การตัวสั่นและแสร้งทำเป็นอ่อนแอจะดีที่สุด
อีกฝ่ายเริ่มมีท่าทีสงบลง หญิงสาวผมดำเริ่มคิดว่าบางทีเด็กคนนี้อาจจะแค่กลัวสุดๆเลยเผลอทำอะไรแบบนั้นลงไป เธอถอนหายใจก่อนจะตอบคำถามของเด็กสาว
“ที่นี่คือบ้านของฉันเอง ส่วนเรื่องที่เธอมาโพล่ที่นี่ได้ยังไง ฉันเองก็ไม่รู้”
อีกฝ่ายย่อตัวลงเล็กน้อย หมายว่าจะพยายามทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลง เธอไม่ใจร้ายพอจะเอาผิดคนที่กำลังหวาดกลัวขนาดนี้หรอก
“แต่เธอสามารถเรียกฉันว่า ฮันน่า ฮันน่า สมิธ”