ฉันก็แค่อยากตาย แต่ไหงต้องมาเกิดใหม่ด้วยล่ะ! - ตอนที่ 11 นักต้มตุ๋น วาคาดะ ซายูริ
ลูเมี่ยนนอนหลับภายในท่อระบายน้ำ กลิ่นเหม็นๆ ของท่อแห่งนี้เป็นดั่งยานอนหลับสำหรับเขาไปแล้ว จะว่ายังไงดีล่ะ ตอนแรกๆ เขาก็ไม่ได้ชอบกลิ่นพวกนี้หรอก แต่ท่อระบายน้ำแห่งนี้เปรียบเสมือนบ้านของเขาไปแล้ว เมื่ออยู่ไปนานๆ เขาก็ชินชากับกลิ่นของมัน แถมยังมองว่าเป็น
กลิ่นที่ชวนให้คิดถึงบ้าน
เพื่อนของเขานั่งเฝ้าไม่ให้หนูหรือตัวอะไรก็ตามมารุมกัด อีกสองสามชั่วโมงก็เป็นตาของลูเมี่ยนแล้วที่จะต้องตื่นและมาผลัดเวรให้กับอีกฝ่าย มันเป็นกิจวัตรที่พวกเขาต้องทำทุกๆ คืนเพื่อเอาตัวรอด
เพื่อนของลูเมี่ยนคือเด็กชายคนเดียวกับที่หลอกเอาเงินเก้าสิบห้าปอนด์ไปจากเด็กหนุ่ม ตอนนี้หมอนี่กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะลองโกงเวลาผลัดเวรสักชั่วโมงดีไหม เขาง่วงมากและปรารถนาจะพักผ่อนให้มากกว่านี้
ทันใดนั้น สัมผัสบางอย่างของเด็กชายผมดำได้ตื่นขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงใครบางคนที่กำลังเดินเตร็ดเตร่ในย่านสลัมแห่งนี้ ใครบางคนที่ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนและวางแผนทำการบางอย่าง
“ลูเมี่ยน ตื่นเร็ว” เขาเขย่าตัวปลุกอีกฝ่าย “ดูเหมือนว่าจะมีคนมา”
“หืม มีคนมางั้นเหรอลอยด์ ใครกัน?”
ลูเมี่ยนถามพลางตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว เขานอนหลับไม่สนิทนักเพราะพื้นของท่อมันแข็งเกินไป และประสบการณ์เอาตัวรอดทำให้เขาตั้งสติได้เร็วกว่าคนปกติมาก
ลอยด์มีพลังที่เรียกว่าสัมผัสอันตราย สัมผัสการเคลื่อนไหว และสัมผัสวิญญาณ มันคือพลังที่เขาได้รับมาโดยบังเอิญตอนเด็กๆ ทำให้เขาสามารถระบุตำแหน่งของศัตรู รวมไปถึงคนที่กำลังเดินอยู่ในเขตสลัมณตอนนี้ได้
“ผู้หญิง”
ลอยด์พึมพำ เขาสามารถระบุเพศและอายุของอีกฝ่ายได้ผ่านเสียงเดิน การกระทบกันของเท้าและพื้น การลงจังหวะเท้า รวมไปถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กๆ ตามพื้นดิน เขาสามารถระบุถึงแผ่นดินไหวที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วยซ้ำ แต่มีขอบเขตการรับรู้เท่ากับเขตสลัมเล็กๆ เขตหนึ่งเท่านั้น
“อายุเท่าไหร่ แล้วมากับใคร”
ลูเมี่ยนถามด้วยความรู้สึกเริงร่าพลางสงสัย เขาคิดว่าบางทีผู้หญิงนั่นอาจจะมีเงินให้ขโมยก็เป็นได้
“เจ็ดขวบ มาคนเดียว”
ลอยด์ทำสีหน้าสับสน ไม่มีเหตุผลเลยที่เด็กตัวเล็กๆ อายุเจ็ดขวบจะมาทำอะไรในพื้นที่แบบนี้ตอนกลางคืน เขาไม่เข้าใจเอาซะเลย
“เด็กกว่าฉันสองปี…”
ลูเมี่ยนพึมพำ ปีนี้เขาอายุเก้าขวบแล้ว และเดือนหน้าก็จะสิบปีบริบูรณ์พอดี และเพื่อนของเขา ลอยด์ก็มีอายุมากกว่าเขาหนึ่งปี อีกฝ่ายจะอายุสิบเอ็ดในเดือนพฤศจิกาปีนี้
“ลองไปดูกันหน่อยไหม? เผื่ออีกฝ่ายจะหลงทางมา เราจะได้เตือนอีกฝ่ายได้”
ลอยด์เอ่ยด้วยความจริงใจ ถึงเขาจะเจ้าเล่ห์และเอารัดเอาเปรียบลูเมี่ยนบ่อยครั้ง แต่เขาก็ไม่ใช่คนชั่วซะหน่อย อย่างน้อยถ้ามีเด็กหลงมาเขาก็ควรช่วยเด็กคนนั้นไม่ใช่หรือ?
“ตกลง”
ลูเมี่ยนตกปากรับคำ เขาเองก็คิดแบบเดียวกับอีกฝ่าย ถึงจะเห็นเขานิสัยแย่ๆ ชอบขโมยของแบบนี้เขาก็ค่อนข้างใจดีกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงน่ารักๆ
หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่หน้าตาน่าเกลียดนะ เขารำพึงในใจ
ข้างนอกท่อระบายน้ำให้ความรู้สึกต่างกับข้างในอย่างสิ้นเชิง อากาศยังคงเหม็นแต่ก็บรรเทาลงบ้างแล้ว ลูเมี่ยนโผล่หัวออกมาก่อน ตามด้วยลอยด์ที่ตามมาทีหลัง
“เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน?”
ลูเมี่ยนเอ่ยถาม ลอยด์ชี้ไปยังทิศทางหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับทางที่เด็กหนุ่มหัน
“ทางโน้น”
“งั้นไปกันเลย”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปตามทิศทางที่เด็กสาวคนนั้นอยู่ ท่ามกลางความมืดมิดที่เงียบงันจนน่าขนลุก ลูเมี่ยนมายืนอยู่ใจกลางถนนเส้นเล็กที่เขามักจะใช้เป็นที่วิ่งเล่นกับพวกชนชั้นกลางอยู่เป็นประจำ
ความมืดมิดรอบด้านทำให้เขานึกถึงตำนานภูติผีที่เคยได้ฟังมาจากพ่อของตัวเอง ก่อนที่อีกฝ่ายจะตายเพราะความชราภาพ
ลอยด์มองไปรอบๆ พลางชี้ให้ลูเมี่ยนเห็นถึงบางสิ่งที่กำลังเดินมาท่ามกลางความมืด
“อยู่นั่นไง”
ลูเมี่ยนมองตามทิศทางการชี้ของอีกฝ่าย เขามองเห็นร่างร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมาจากความมืดมิดไร้แสงไฟอย่างช้าๆ
ร่างนั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก ราวๆ เด็กอายุเจ็ดถึงแปดขวบเห็นจะได้ มันสวมฮู้ดสีน้ำตาลดำ สวมหมวกฮู้ดคลุมหัว ท่ามกลางความมืด
ลูเมี่ยนพยายามจะจ้องมองอีกฝ่าย แต่เขาก็เห็นได้ไม่ถนัด
ทางฝั่งของลอยด์ เขาเหงื่อตกเล็กน้อย ความหวาดกลัวไร้ก้นบึ้งทำให้เขาขยับไม่ได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ราวกับว่าเขากำลังมองบางสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอสุรกายที่พร้อมจะทำลายล้างทุกสิ่ง
ลูกตานับไม่ถ้วนและท่อนแขนที่บิดเบี้ยว รวมไปถึงปากที่เต็มไปด้วยลมหายใจที่พร้อมจะกัดกร่อนตัวเขา นั่นคือสิ่งที่เขาเห็นก่อนที่ภาพหลอนทั้งหมดจะถูกทำลายลง
สัมผัสวิญญาณร้องเตือนว่าอีกฝ่ายคือตัวตนที่อันตรายระดับเทพมาร หรืออาจจะต่ำกว่าไม่มาก เหงื่อของเขาตก แต่แล้วเขาก็พยายามคุมสติตัวเอง เย็นไว้น่า เทพมารไม่มีทางมาที่นี่ได้หรอก บางครั้งสัมผัสวิญญาณของเขาก็ทำงานรวนแบบนี้ มันมักจะทำให้เขาเห็นภาพของสิ่งต่างๆ ยามมองไปยังสิ่งมีชีวิต
ยกตัวอย่างเช่น ลูเมี่ยนเปรียบเสมือนเสือตัวน้อยที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ แต่ยังโง่เขลาและอ่อนประสบการณ์ คุณลุงโฮอี้ที่เป็นดั่งตัวสลอธเพราะเอาแต่นอนขี้เกียจตลอดเวลาจนทำตัวเองอดตาย
แต่ไอ้สิ่งนั้นเบื้องหน้ามันคืออะไรกัน? มันคือสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของมนุษย์! เวลาเขามองไปยังผู้คนก็มักจะมีภาพของสิ่งมีชีวิตต่างๆ มาเปรียบเทียบกับตัวตนจริงๆ ของคนๆ นั้น เช่นถ้าเป็นคนที่เต็มไปด้วยพลังงานบวกเขาก็มักจะเห็นอีกฝ่ายเป็นนกฟินิกซ์หรือไม่ก็สุนัขอยู่เสมอๆ แต่ไอ้สิ่งเบื้องหน้านี่มัน….
ไม่อาจทำความเข้าใจได้ ไม่อาจรับรู้ได้ และไม่ควรไปรับรู้ด้วย และที่สำคัญ เขาไม่อาจนำมันไปเปรียบเทียบกับนิสัยของผู้คนทั้งหมดที่พบเจอได้เลย คนตรงหน้าคือใครกันแน่ เขาแน่ใจว่าเป็นแค่เด็กธรรมดาไม่ใช่หรือ?
ในมุมมองของลูเมี่ยน อีกฝ่ายกำลังเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้มากพอที่จะทำให้เขาเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจน
เด็กสาว แถมยัง—น่ารักมากเลยด้วย ลูเมี่ยนเผลอกลั้นหายใจ หมวกฮู้ดคลุมหัวทำให้เขาเห็นได้แค่ผมบางส่วน เป็นผมสีขาวโดดเด่นท่ามกลางความมืดมิด ดวงตาสีแดงราวกับทับทิมนั่นตัดกับสีของทรงผมได้เป็นอย่างดี
ด้วยความที่เขาไม่อาจเห็นใบหน้าทั้งหมดอย่างชัดๆ ได้แถมยังไม่เห็นทรงผมทั้งหมดของอีกฝ่าย ทำให้เด็กสาวตรงหน้าดูลึกลับน่าค้นหา และมันก็ผสมผสานเข้ากับความน่ารักของอีกฝ่ายได้อย่างลงตัว
“มีอะไรเหรอคะ พี่ชายแปลกหน้าทั้งสอง”
เสียงหวานใสของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของลูเมี่ยนพลันหยุดเต้น โอ้เทพธิดา เด็กสาวคนนี้คืออัครทูตสวรรค์ของท่านงั้นหรือ? น่ารักขนาดนี้ทำคนตายเพราะหัวใจพองโตมาแล้วกี่คนกัน?
ลอยด์มองหน้าเขาด้วยสายตาเอือมระอา ให้ตายสิไอ้เพื่อนคนนี้ พอเจอสาวน่ารักหน่อยก็ทำอะไรไม่ถูกเชียวนะ นอกจากไอ้นิสัยชอบการขโมยของและการหาความตื่นเต้นแล้ว ยังมีนิสัยเอ็นดูเด็กสาวน่ารักๆ มากเกินไปอีกต่างหาก
“พวกเราสัมผัสได้ว่ามีคนมาเดินบนถนนเขตนี้”
ลอยด์ตอบไปพลางพยายามเว้นระยะห่างจากเด็กสาว เขายังจำฝังใจไม่ลืมกับภาพของดวงตาน่าขนลุกนับพันล้านนั่น รวมไปถึงปากนับไม่ถ้วนพวกนั้นที่กำลังลอยอยู่ท่ามกลางความมืดมิดไร้ก้นบึ้ง พวกมันทั้งหมดราวกับว่าพร้อมที่จะขย้ำและกลืนกินจิตวิญญาณของเขาเลยล่ะ
ต้องระวังเอาไว้
“เหรอคะ แล้วตามหาคนๆ นั้นได้รึยังล่ะ?”
เด็กสาวถาม ดูจะไม่ประหลาดใจเท่าไหร่กับเรื่องที่อีกฝ่ายบอกว่าสัมผัสได้ถึงคนที่มาเดินบนถนน ราวกับว่าเธอยอมรับเรื่องเหนือธรรมชาติได้ หรือไม่ก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่เด็กคนนี้ไม่มีพลังอะไรเลยไม่ใช่หรือ?
ด้วยความที่ไร้ประสบการณ์จากโลกภายนอก ทำให้ลอยด์ไม่ทราบว่าพลังของตัวเองนั้นไม่ได้พิเศษอะไรเลย เวทมนตร์ถือเป็นเรื่องปกติของโลกใบนี้ แต่ในเขตสลัมก็ไม่มีคนใช้เวทมนตร์ได้เลยสักคน ทำให้เขาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน
“หือ? คนๆ นั้นก็เธอไง”
ลูเมี่ยนเอ่ยราวกับอีกฝ่ายเป็นนังงั่ง
“มาทำอะไรแถวนี้ ที่นี่มันเขตสลัมนะ”
เขาอาจจะไม่ฉลาดมากนัก แต่ด้วยประสบการณ์ใช้ชีวิตมาในสลัมมาอย่างโชกโชน ทำให้เขาแยกออกว่าใครคือชนชั้นล่าง ใครคือชนชั้นกลาง เสื้อผ้าที่อีกฝ่ายใส่มีคุณภาพดีมากในสายตาของเขา ไม่มีทางที่จะเป็นเด็กจรจัดแบบเขาแน่นอน
เด็กสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มลึกลับ ดวงตากลมโตจับจ้องมาทางพวกเขา มันทำให้ลูเมี่ยนรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เด็กนี่ต้องการอะไรจากเขางั้นหรือ?
“ฉันมาที่นี่ตามคำสั่งของ ‘ท่าน’ “
น้ำเสียงเอื่อยๆ สบายๆ ราวกับไม่แยแสสิ่งใดเลย ผสมผสานไปกับบรรยากาศลึกลับที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา ทำให้ลูเมี่ยนรู้สึกสั่นกลัวเล็กน้อย แต่ประสบการณ์ทำให้เขาไม่รีบตีโพยตีพายเกินไปและทำใจให้เย็นลง
“ท่าน?”
ลอยด์เป็นฝ่ายถาม เขาทำคิ้วขมวด ท่านที่อีกฝ่ายหมายถึงนี่ใครกัน เทพมารสักตนหรือไง เขาจะไม่แปลกใจเลยสักนิดถ้าเป็นแบบนั้น
“พวกคุณก็น่าจะรู้”
น้ำเสียงสบายๆ ให้บรรยากาศลึกลับและน่าค้นหา
“ผู้ที่เป็นพระผู้สร้างโลกนี้ ผู้ที่ผู้คนต่างเคารพนับถือในฐานะพระแม่สูงสุด เทพธิดาที่ทำให้เทพมารเบนิลร่วงหล่นและร่ายคำสาปใส่พระจันทร์จนทำให้เกิดปรากฎการณ์จันทร์หายนะ ทรีอาร์
เทพธิดาอโลวีนัส”
ลมเย็นพัดใส่ต้นคอของลูเมี่ยน ขนทุกเส้นในร่างกายพลันลุกซู่ ถ้อยคำนั่นหมายถึงพระเจ้าที่รังสรรค์โลกนี้ขึ้นมาไม่ใช่หรืออย่างไร อีกฝ่ายบอกว่ามาตามคำสั่งงั้นหรือ?
ข้ารับใช้แห่งเทพ?
“มีหลักฐานอะไรมายืนยัน”
ลอยด์ถามอย่างเคลือบแคลง ประสบการณ์ใช้ชีวิตสอนเขาว่าอย่าเชื่อใจใครง่ายๆ
“ไม่มี มีเพียงศรัทธาของฉันเท่านั้นที่ยืนยันกับพวกคุณได้”
วาคาดะ ซายูริเอ่ยด้วยมาดของนักต้มตุ๋น
“ไม่กี่วันก่อน ท่านได้มาเข้าฝันฉันแล้วบอกว่า ‘จงเดินทางไปยังถนนเตาไฟของเมืองรัตติกาลซะ ที่นั่นมีเด็กกำพร้าสองคนที่จะไปรอเจ้าอยู่ที่นั่น’”
แน่นอนว่าทั้งหมดคือการกุเรื่องขึ้น เธอจงใจแสดงตัวว่าเป็นข้ารับใช้ของเทพธิดาอโลวีนัส การเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อสร้างความหายนะ ตอนแรกเธอคิดจะลองหลอกคนไร้บ้านไปทั่ว เช่นการยื่นเงินให้แล้วให้พวกมันตีกันเอง หรือไม่ก็ยื่นยาให้คนติดยาเอาไปเสพ
แต่โชคดีเป็นบ้า บังเอิญสุดๆ ที่ได้เจอกับสองคนนี้แทน ทีนี้ก็น่าจะหลอกง่ายขึ้นเยอะเลย และก็ไม่เสี่ยงอันตรายเท่าแผนอื่นๆ ที่คิดจะทำด้วย เธอเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นการหลอกสองคนนี้แทน
ลูเมี่ยนทำสีหน้าครุ่นคิด
“ท่านมีจุดประสงค์อะไรถึงได้ส่งคุณมาที่นี่กัน?”
ด้วยความที่อีกฝ่ายบอกว่าเป็นข้ารับใช้แห่งเทพธิดา ทำให้ลูเมี่ยนเผลอเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว อีกหน่อยเขาอาจจะเปลี่ยนไปเรียกอีกฝ่ายว่าท่านก็เป็นได้ แต่เนื่องจากเด็กสาวตรงหน้าไม่ใช่เทวทูต แต่เป็นแค่ข้ารับใช้ เขาอาจจะไม่ต้องเปลี่ยนสรรพนามการเรียกก็ได้มั้ง?
“ฟื้นฟูเขตสลัมแห่งนี้”
วาคาดะ ซายูริเอ่ยด้วยเสียงน่าเกรงขาม
“ท่านเล็งเห็นว่าพื้นที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยความตาย โรคระบาด และบาปประการทั้งปวง มันอาจจะกลายเป็นต้นกำเนิดของเทพมารได้ด้วยพลังงานด้านลบ ดังนั้นท่านจึงส่งข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์เช่นฉันมา”
วาคาดะวางแผนเอาไว้ในหัวเรียบร้อยแล้ว เธอจะหลอกใช้สองคนนี้โดยอ้างว่าทุกๆ อย่างทำไปเพื่อจุดประสงค์ของเทพธิดา
“ขอพวกเราปรึกษากันก่อน” ลอยด์เอ่ยเสียงเย็น “ข้ารับใช้แห่งเทพคงรอได้ใช่ไหม?”
เด็กสาวพยักหน้าเบาๆ
“รีบหน่อยแล้วกัน” พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ ของนักต้มตุ๋น
ลูเมี่ยนและลอยด์เดินห่างออกจากตรงนั้น ก่อนที่จะหันหน้าเข้าหากันและปรึกษากันด้วยเสียงจริงจัง
“นายว่าที่เด็กนั่นพูดเป็นเรื่องจริงรึเปล่า” ลูเมี่ยนเอ่ยถาม “ที่ว่าเป็นข้ารับใช้แห่งเทพธิดาน่ะ”
“โกหกอยู่แล้ว” ลอยด์ส่ายหน้าเบาๆ “เด็กนั่นไม่มีพลังเวทเลย กายภาพก็คนธรรมดาๆ วิ่งช้ากว่านายด้วยซ้ำ ข้ารับใช้ประเภทไหนจะอ่อนแอขนาดนั้น”
“แต่เด็กนั่นดูไม่เหมือนเด็กเลย” ลูเมี่ยนกุมคางอย่างครุ่นคิด
“เอางี้ นายลองหาทางพิสูจน์ดูสิ ถ้าอีกฝ่ายเป็นข้ารับใช้แห่งเทพจริงล่ะนะ”
“พิสูจน์ยังไง?”
“ง่ายมาก ลองถามคำถามไปสักข้อดู เอาเป็นคำถามที่ไม่เคยมีใครถามมาก่อนนะ”
“ตกลง”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาที่เดิม แต่วาคาดะ ซายูริได้หายไปแล้ว เหลือไว้เพียงความมืดมิดของยามค่ำคืน ลูเมี่ยนและลอยด์ทำสีหน้าหวาดผวาสุดขีด
“เชี่ย! หายไปไหนแล้ว นายสัมผัสได้รึเปล่าลอยด์”
“ยังอยู่แถวนี้…” ลอยกระซิบด้วยเสียงสั่นๆ “ข ข้างหลังนาย”
ลูเมี่ยนพลันเสียวสันหลังวาบ ขนคอของเขาลุกชัน เด็กหนุ่มหันไปมองข้างหลังอย่างเชื่องช้า เด็กสาวคนเดิมยืนอยู่ตรงนั้น
“เชี่ย! ตกใจหมด ไปทำบ้าอะไรตรงนั้น”
ราวกับหัวใจหยุดเต้น สีหน้าของลูเมี่ยนซีดเผือดราวกับเห็นผี เขาเผลอกระโจนถอยหลังมาเล็กน้อย อีกฝ่ายยังคงไม่ทุกข์ไม่ร้อน เด็กสาวยิ้มเล็กๆ ราวกับนึกสนุก
“คิดจะทดสอบฉันยังงั้นหรือ?”
เธอเอ่ยด้วยเสียงสบายๆ แต่แฝงความกดดัน
“จะทำแบบนั้นก็ได้นะ แต่รับรองว่าค่าตอบแทนของคำถามที่พวกนายจะถามน่ะไม่ใช่เล็กๆ แน่นอน”
จากนั้นเธอก็แสยะยิ้ม
“จะถามอะไรก็ถามมา ถ้าไม่กลัวว่าหัวสมองของตัวเองจะระเบิดไปซะก่อน เอ๊ะ หรือบางทีพวกนายอาจจะปลอดภัยก็ได้นะ จะเป็นอย่างไหน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เธอจงใจใช้คำพูดกำกวมและน่าสงสัย เจตนาข่มขู่อีกฝ่ายไม่ให้ตั้งคำถามมา และถ้าอีกฝ่ายกล้าพอที่จะถามจริงๆ อย่างน้อยการที่เธอบอกว่าบางคำถามอาจจะปลอดภัยนั่นก็ช่วยให้เธอไม่ถูกสงสัยเอาได้ว่าเป็นนักต้มตุ๋น
ลอยด์ทำสีหน้าครุ่นคิด เด็กสาวตรงหน้านั้นน่าสงสัยเป็นอย่างมาก แต่ถึงจะสงสัยมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่กล้าเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงกับการตั้งคำถามกับอีกฝ่ายแน่นอน ภาพจำแลงของอสุรกายพันตากับปากเน่าเหม็นพวกนั้นช่วยยืนยันความอันตรายของอีกฝ่ายได้ดีเลยทีเดียว
บางทีอีกฝ่ายอาจจะเป็นเทวทูต เทวทูตที่จำแลงกายมาเพื่อทดสอบพวกเขาก็เป็นได้
“ไม่ล่ะ” เขาส่ายหัวเบาๆ “ขอไม่ถามอะไรแล้วกัน”
“ตัดสินใจได้ฉลาด”
เธอเอ่ยด้วยเสียงนุ่มลึก ภายในใจรู้สึกโล่งอก โชคดีจัง! อีกฝ่ายไม่ถามด้วยล่ะ นึกว่าจะต้องความแตกซะแล้ว
“เธอบอกว่าเทพธิดาส่งมาพัฒนาที่นี่สินะ”
ลูเมี่ยนเอ่ยด้วยสีหน้าคาดหวัง เขาคาดหวังให้เขตสลัมแห่งนี้พัฒนาเสียที ตัวเองจะได้หลุดพ้นจากสถานะชนชั้นล่างแบบนี้ นั่นคือความฝันของเขา
“ถูกต้อง”
เด็กสาวตอบ
“ท่านส่งฉันมาบอกว่าให้นำวิวรณ์ของท่านมาแจ้งคนไร้บ้านสองคนแรกที่ได้เจอด้วย นั่นคือพวกนายสินะ”
ลอยด์แสร้งพยักหน้าตามน้ำ ทำไมเขาถึงไม่ได้รับวิวรณ์โดยตรงล่ะ? เขาไม่มีค่าพองั้นหรือ?
“ตอนนี้ฉันแค่มาแจ้งเรื่องนี้เท่านั้น” เธอพูด “ไว้อนาคตเราอาจจะได้เจอกันอีก”
และแล้วเด็กสาวก็หันหลังกลับ ก่อนจะเดินหายไปในความมืด มุมปากยกยิ้มดูลึกลับ ทิ้งให้สองคนนั้นนิ่งค้างเป็นเวลานาน…