ฉันก็แค่อยากตาย แต่ไหงต้องมาเกิดใหม่ด้วยล่ะ! - ตอนที่ 22 ภารกิจแห่งเทพ
นุ่ม
สัมผัสอุ่นๆ ของหมอนกระทบกับใบหน้าของเด็กสาว ความอ่อนเพลียพวกนี้ทำให้เธอไม่อยากลุกจากที่นอนเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ยูริที่กำลังหลับไหลสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นตรงหน้า น้ำลายของเราไหลงั้นหรือ?
ประสบการณ์เมื่อคืนนั้นล้ำค่า—หมายถึงเป็นประสบการณ์ที่ชวนให้ตื่นเต้นกว่าที่คิด ใครจะคิดล่ะว่าการดูดเลือดจะทำให้เธอรู้สึกดีแบบนั้นได้ ฮันน่าเคยทำแบบนั้นกับคนอื่นมาก่อนรึเปล่านะ
สัมผัสของเธอพลันเปลี่ยนไป เด็กสาวรู้สึกได้ว่าตัวของเธอนั้นพลิกตัวหงายขึ้น สัมผัสนุ่มๆ ของหมอนหายไปและแทนที่ด้วยความว่างเปล่า ความอ่อนล้าทั้งมวลทำให้เธอรู้สึกอยากนอนต่อสักพัก
หืม? แสงแดดส่องผ่านเปลือกตาจนทัศนวิสัยภายในนั้นกลายเป็นสีส้มเข้ม นี่มันกี่โมงแล้วนะ
เด็กสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพต่างๆ พร่าเบลอก่อนจะค่อยๆ กลับมาคมชัดอีกครั้ง เธอเห็นเพดานที่แสนจะคุ้นเคย สัมผัสนุ่มๆ ของเตียงที่แสนจะคุ้นเคย เธอหันไปมองทางซ้ายมือและคาดว่าจะได้เห็นบุคคลที่คุ้นเคยกำลังหลับเป็นตายด้านข้าง
แต่ผิดคาด ด้านซ้ายของเธอว่างเปล่า มีเพียงที่นอนและผ้าห่มที่ถูกพับเก็บอย่างเรียบร้อยเท่านั้น แต่บนตัวของเด็กสาวยังมีผ้าห่มอยู่ราวกับอีกฝ่ายจงใจทิ้งเอาไว้ให้
พี่สาวหายไปไหน? ยูริคิดอย่างฉงน ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น รู้สึกเบาสบายราวกับกระดูกในร่างหลอมละลายหายไปจนหมด ลมหายใจของเธอปลอดโปร่งขึ้น นี่เป็นผลมาจากการดูดเลือดเมื่อคืนงั้นเหรอ?
เธอใช้มือลูบๆ คลำๆ บริเวณคอของตน สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเจ็บนิดๆ มันคือบริเวณที่ฮันน่ากัดเมื่อคืน ถึงจะเจ็บ แต่เธอก็รู้สึกดีกับมันอย่างประหลาด
เธอยืนขึ้นและสำรวจตัวเองอย่างถี่ถ้วน ไม่มีร่องรอยผิดปกติ ฟู่ ดูเหมือนนอกจากดูดเลือดแล้ว ฮันน่าจะไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ สินะ แต่เมื่อคืนอีกฝ่ายลูบๆ คลำๆ เธอด้วย บางทีเธอควรจะลองถามอีกฝ่ายในเรื่องนั้นดู
เด็กสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง พี่สาวอยู่ในห้องน้ำรึเปล่านะ? ไม่ อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ และนอกจากห้องน้ำแล้วอีกฝ่ายก็ไม่น่าจะไปอยู่ที่ไหนได้อีก หรือว่าฮันน่าจะไปซื้ออาหารมาให้เธอกันล่ะ อีกฝ่ายทิ้งอะไรเอาไว้ให้รึเปล่านะ
เด็กสาวบิดขี้เกียจอยู่ครู่หนึ่ง ร่างกายของเด็กแบบนี้แข็งแรงกว่าร่างกายเก่ามากเลยล่ะ ร่างนั้นปวดเมื่อยเนื้อตัวแทบจะตลอดเวลาและต้องออกกำลังกายเป็นประจำ รุ่นน้องของเธอยังบ่นเลยว่าเธอนั้นอ่อนแอเกินไป แต่โชคดีหน่อยที่ไม่ได้เข้าขั้นปวกเปียก
กวาดตามองอีกครั้ง นั่นอะไร? มันวางอยู่บนโต๊ะข้างๆ ประตูทางเข้าออก เธอเดินเข้าไปหยิบมัน มันคือกระดาษที่ถูกเขียนข้อความเอาไว้
‘ถึงยูริจัง ถ้ายูริจังได้อ่านแปลว่าตอนนี้พี่ไปงานศพแล้วโดยไม่รอ เนื่องจากพี่เห็นว่ายูริจังน่าจะอ่อนเพลียจากเรื่องเมื่อคืนเลยไม่คิดจะปลุก พี่เลยถือวิสาสะไปงานศพคนเดียว อย่าโกรธกันน้าาา’
‘สำหรับเงินสำหรับซื้ออาหารเช้าและกลางวัน พี่ทิ้งเอาไว้ให้บนโต๊ะยี่สิบปอนด์ เอาตรงๆ แค่ปอนด์เดียวก็มากพอจะซื้อได้มื้อหนึ่งแล้ว แต่พี่กลัวว่ายูริจังจะอยากหาอะไรอร่อยๆ อย่างอื่นกิน เลยทิ้งเอาไว้ให้มากขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นไปได้ใช้อย่างประหยัดๆ ล่ะ’
สรุปก็คือเธอถูกทิ้งให้อยู่โรงแรมคนเดียวงั้นหรือ? พี่คะ อย่างน้อยก็ช่วยพยายามปลุกสักหน่อยเถอะ บางทีหนูอาจจะอยากไปกับพี่ด้วยก็ได้
แต่ช่างมันเถอะ เธอผิดที่ตื่นสายเอง ดังนั้นจะโทษอีกฝ่ายก็ไม่ได้ บางทีฮันน่าอาจจะพยายามปลุกเธอแล้วแต่ไม่เป็นผล ทำให้จำเป็นต้องรีบออกเดินทางก่อนก็เป็นได้
เด็กสาวมองไปข้างๆ จุดที่เคยมีกระดาษวางเอาไว้อยู่ เงินสดจำนวนยี่สิบปอนด์วางอยู่บนนั้น มันเป็นธนบัตรสีเขียวที่มีรูปของใครบางคนพิมพ์เอาไว้ เป็นชายที่มีหนวดเฟิ้ม ใบหน้าของอีกฝ่ายเด่นหราบนกระดาษธนบัตรนี่
“หิวชะมัด นี่กี่โมงแล้ว”
เธอบ่นพึมพำ ก่อนจะมองไปยังนอกหน้าต่าง น่าจะเที่ยงวันแล้ว เรื่องเมื่อคืนทำเธอตื่นสายขนาดนี้เลยหรือ?
เธอเปลื้องเสื้อผ้าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ผ่านไปราวๆ ห้านาทีเธอก็ออกมาจากห้องน้ำและแต่งตัวจนเสร็จ
เธอหยิบธนบัตรราวๆ ห้าปอนด์ยัดกระเป๋า ก่อนจะสวมเสื้อสเวตเตอร์สีขาว กางเกงยีนส์สีดำ ก่อนจะหยิบกุญแจเดินออกจากห้องไป แน่นอนว่าไม่ลืมล็อคห้องด้วย
เมื่อเดินลงมาบันไดชั้นล่าง เธอก็คาดหวังว่าจะได้พบกับคนที่ชื่อว่าโนอาอีกครั้ง หมอนั่นเป็นคนที่รู้ว่าเธอถูกใครบางคนคอยชักใยอยู่ บางทีเธออาจจะถามหาข้อมูลจากอีกฝ่ายได้ก็เป็นได้
แต่ผิดคาด คนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์คือโรนา หญิงสาวผมสีฟ้าดวงตาสีเขียวท่าทางเหนื่อยหน่ายและอ่อนเพลียเหมือนเดิม
ซายูริขมวดคิ้วอย่างฉงน ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเข้าโรงพยาบาลหรอกหรือ
“ไม่ใช่ว่าคุณ—”
เธอเอียงคออย่างงุนงง
“ฉันได้รับการรักษาด้วยเวทมนตร์ เลยออกมาได้เร็วกว่าปกติ”
อีกฝ่ายบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ได้รับของฝากจากพี่สาวเธอด้วย ฝากขอบคุณอีกฝ่ายด้วยล่ะ”
เด็กสาวนึกสงสัยว่าฮันน่าไปซื้อของฝากให้อีกฝ่ายตอนไหน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเธอนั้นนอนตื่นสาย บางทีก่อนหน้าอีกฝ่ายอาจจะออกไปซื้อของฝากให้แต่เช้าก็เป็นได้
“ค่ะ”
ยูริพยักหน้า ก่อนจะตัดสินใจเดินต่อไป แต่อีกฝ่ายเรียกให้หยุดเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
“คะ?”
“รอยตรงคอนั่น? ยุงกัดเหรอ? ฉันมีโลชั่นทากันยุงด้วยนะ”
โรนาเปิดลิ้นชักก่อนจะหยิบขวดยาสีชมพูออกมา มันเป็นยาที่มีลักษณะเป็นโลชั่น เอาไว้ทาเพื่อป้องกันแมลงมากัด
อีกฝ่ายยื่นมาให้พลางยิ้มเล็กน้อย สีหน้าที่ดูเฉื่อยชาดูอ่อนโยนขึ้นมานิดๆ
เด็กสาวรีบควบคุมน้ำเสียงของตนไม่ให้ดูลุกลี้ลุกลน รับของจากอีกฝ่ายมาและเอ่ยคำขอบคุณสั้นๆ
“ขอบคุณค่ะ”
จากนั้นเด็กสาวก็นำของที่ได้รับมาไปเก็บในห้องนอนอีกครั้ง ก่อนจะลงมาและตัดสินใจเดินออกจากโรงแรมไป
โรนายิ้มเล็กๆ อย่างอ่อนโยนเมื่อร่างของเด็กสาวพ้นประตูห้องไป เธอนึกขอบคุณพี่น้องคู่นี้อยู่ในใจที่คอยเป็นห่วงกันตลอดแม้ว่าจะแทบไม่รู้จักกันเลยก็ตาม
เธอเลยมอบโลชั่นกันยุงไปให้เด็กสาวเป็นการตอบแทนน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ
จะว่าไป ทำไมพี่สาวของเด็กนั่นถึงไม่ลงมาด้วยล่ะ? หรือว่ายังอยู่บนห้อง เธอพึ่งกลับมาประจำตรงตำแหน่งนี้เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วเลยไม่รู้ว่าฮันน่าได้ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว
จะว่าไปรอยกัดบนคอของเด็กนั่นไม่เหมือนรอยยุงกัดสักเท่าไหร่เลยแฮะ โรนาครุ่นคิด ใบหน้าที่แสดงภายนอกสงบนิ่ง
บ่ายโมงตรง วาคาดะ ซายูริกลับมาที่โรงแรมหลังจากที่เธอกินอาหารจากข้างนอกมาจนอิ่มหนำ เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะใช้โอกาสที่ฮันน่าไม่อยู่แบบนี้ทำอะไรดี
ไปหาพวกเด็กสองคนนั้นที่เขตสลัมดีไหม? พวกนั้นยังเป็นแค่เด็กและไร้การศึกษา ด้วยความโง่เขลาและไร้ประสบการณ์ทำให้สองคนนั้นยอมเชื่อเรื่องที่เธอเป็นข้ารับใช้แห่งเทพได้อย่างสนิทใจ พวกที่หลอกง่ายแบบนั้นจะปล่อยไปได้ยังไงกันล่ะ
เด็กสาวครุ่นคิดถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำอยู่ครู่หนึ่ง เธอตัดสินใจเปลี่ยนไปสวมเสื้อฮู้ดสีดำแบบที่เคยใส่ไปในครั้งที่แล้ว ก่อนจะนำของที่ไม่จำเป็นออก
มีดที่ซ่อนไว้ใต้เตียงต้องเอาไปใช้ป้องกันตัว และต้องนำเงินสดไปที่นั่น เงินสดราวๆ สิบห้าปอนด์ที่เหลืออยู่ตอนนี้น่าจะมากพอ
เด็กสาวเตรียมการทุกอย่างเสร็จสรรพ ก่อนจะเดินออกไปจากโรงแรมอีกครั้ง และเรียกรถม้า
“ไปถนนเตาไฟค่ะ”
เธอเอ่ย ก่อนจะพบว่าคนขับรถม้านั้นมีหน้าตาที่คุ้นเคย ดวงตาสีดำ ผมสีดำ ใบหน้าดูเป็นมิตรและเป็นชายวัยกลางคน มิสเตอร์มาร์คัสนั่นเอง
“หือ คุณมาร์คัส”
เธอเอียงคออย่างแปลกใจเล็กน้อย
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
“ครับ”
อีกฝ่ายเอ่ยกลับมาด้วยใบหน้าเพลียๆ
“ก่อนหน้านี้ผมติดวัณโรคน่ะครับ แต่โชคดีที่รอดมาได้”
ดูเหมือนว่าวัณโรคที่เธอติดมาครั้งนั้นจะทำให้อีกฝ่ายได้รับผลกระทบไปด้วยสินะ ยูริครุ่นคิด ปราศจากความรู้สึกผิดใดๆ
“ขอโทษนะคะ แต่ฉันดันลืมบอกวิธีนัดพบเวลาคุณป่วยไปซะได้”
เธอดัดเสียงให้ดูรู้สึกผิด
“ฉันอาศัยอยู่ในโรงแรมเชตเตอร์ค่ะ และจะอยู่ที่นั่นจนถึงบ่ายวันพรุ่งนี้”
คนขับรถม้าดูไม่คาดหวังกับเรื่องที่อีกฝ่ายบอกว่าจะช่วยรักษาให้เวลาเจ็บป่วยมากนัก เขาพยักหน้าเบาๆ และไม่พูดอะไร
ผ่านไปสักพัก เขาก็ขับรถมาจอดตรงถนนเตาไฟและเป็นหน้าทางเข้าเขตสลัม
“หนึ่งปอนด์ถ้วนครับ”
อีกฝ่ายเอ่ย เด็กสาวตกตะลึงเล็กน้อย นึกว่าจะไม่ต้องจ่ายแบบครั้งที่แล้วซะอีก แต่เอาเถอะ บางทีอีกฝ่ายอาจจะผิดหวังก็ได้ล่ะมั้งที่เธอไม่ทำตามสัญญา ให้ตายสิยูริ พลาดไปได้ยังไงนะ
“นี่ค่ะ” เธอยื่นให้ “เอ่อ ช่วยรอก่อนได้ไหมคะ ไว้เสร็จธุระเดี๋ยวฉันจะกลับมาค่ะ”
มาร์คัสพยักหน้า เขาไม่บ่นอะไรมากมายนัก ยังไงวันนี้เขาก็รับคนมาเยอะแล้วด้วย รอสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร
ทางด้านเด็กสาวนั้น เธอจะไม่ยอมพลาดแบบตอนแรกอีกแล้ว ต้องนัดกับคนขับรถม้าเอาไว้ให้ดีจะได้ไม่เป็นแบบครั้งที่แล้วอีก
ถึงแม้ผู้ชักใยจะควบคุมโชคชะตาของเธออยู่ก็เถอะ แต่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะช่วยเธอตลอดเวลาสักหน่อย
ฟ้าว ลมพัดแรงผิดปกติเมื่อเธอเดินเข้าไปในเขตสลัม มาร์คัสฮัมเพลงเสียงค่อยขณะที่มองเด็กสาวเดินเข้าไป
เขาสงสัยเหลือเกินว่าอีกฝ่ายมีเป้าหมายอะไรกันแน่ แต่ด้วยคนขับรถม้าที่ดี เขาไม่คิดจะถามซอกแซกให้มากความ
“ลมพัดแรงไปหน่อยนะ”
เธอพึมพำพลางกระชับเสื้อฮู้ดให้แน่นขึ้นราวกับกลัวมันจะหลุด ทั้งๆ ที่เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้แท้ๆ ลมพัดแรงปัดเป่าความร้อนจนหายไปจนหมด เธอหวังว่าจันทร์หายนะทรีอาร์จะไม่ขึ้นในเวลานี้นะ
ถนนในเวลานี้เต็มไปด้วยผู้คน ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป เธอเดินปะปนไปกับผู้คนเหล่านั้น ไปตามทางที่จำได้ว่าเจอกับพวกเด็กสองคนนั้น
“ลูเมี่ยน เทวทูตคนนั้นมาอีกแล้ว”
ลอยด์เอ่ย เขานั่งพักผ่อนอยู่บนม้านั่งสาธารณะ เบื้องหน้าคือถนนที่ผู้คนคับคั่ง ด้านข้างคือเด็กชายผมสีน้ำตาล เส้นผมหยิกเป็นขด ดวงตาสีดำสนิท อีกฝ่ายคือลูเมี่ยนที่กำลังนั่งอยู่นั่นเอง
พวกเขาทั้งคู่นั่งตรงนี้เพื่อดักรอขโมยกระเป๋าตังค์ของใครก็ตามที่เดินผ่านมา
“เทวทูตคนไหน?”
ลูเมี่ยนมองลอยด์อย่างฉงน ลอยด์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเอือมระอา
“จำเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักๆ คนนั้นได้ไหมล่ะ ผมสีขาวๆ ตาแดงๆ ไง”
ตาแดงๆ?
บนโลกนี้คนที่มีตาแดงๆ คงจะมีแต่พวกที่ดวงตาอักเสบเท่านั้นล่ะมั้ง ลูเมี่ยนเกาท้ายทอยอย่างสับสน แต่แล้วความทรงจำของเขาก็หวนนึกถึงเรื่องในคืนนั้น เทวทูตสาวที่ทำหัวใจของเขาเกือบวาย
“อ้อ คนนั้นอะนะ เธอมาอีกแล้วเหรอ?”
ลอยด์พยักหน้า
“ใช่ ไปหาเธอกันเถอะ บางทีอีกฝ่ายอาจจะมาหาพวกเราก็ได้”
“ตกลง”
พวกเขาลุกออกจากม้านั่งและเดินไปตามทิศทางที่วาคาดะ ซายูริอยู่
ผ่านถนนมาบางเส้น เลี้ยวมุมตึกนิดหน่อย พยายามเดินผ่านช่องว่างของผู้คนที่หนาแน่นเป็นบางครั้ง
และในที่สุดพวกเขาก็มาเจอกับอีกฝ่ายที่กำลังนั่งอยู่บนม้านั่งสาธารณะ เด็กสาวนั่งในท่าที่เรียบร้อยและดูงดงาม
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าพวกคุณจะมา”
วาคาดะ ซายูริยิ้มด้วยรอยยิ้มลึกลับ มันดูทรงอำนาจและเปี่ยมไปด้วยความน่านับถือและน่าหลงใหลในสายตาเด็กไร้บ้านทั้งสอง
ฉันรอตรงนี้มาห้านาที ร้อนจนจะบ้าตายอยู่แล้ว! เธอตะโกนในใจ ผิวสวยๆ ของฉันได้เสียกันหมดพอดีไอ้พวกบ้า!
โดยไม่เปิดเผยความคิดในใจออกไป เธอเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่แปรเปลี่ยน
“นั่งลงสิ ฉันมีภารกิจแห่งเทพมอบให้พวกนาย”