ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 147: ทำผิด
บทที่ 147: ทำผิด
วิทยาเขตสาขาของมหาวิทยาลัยอันฮุ่ยยังคงเป็นเหมือนเดิม
ทั่วทั้งสถานที่เงียบเป็นอย่างมาก โรงอาหาร ลานและสนามกีฬาที่เคยมีคนพลุกพล่านล้วนว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการปรับปรุงและซ่อมแซมบางส่วนในขณะที่พวกเขาไม่อยู่ ตอนในภายในวิทยาเขตยังคงมีขนาดใหญ่เช่นเดิม มีการติดตั้งบางอย่างพวกรูปปั้นได้ถูกแทนที่ด้วยของเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในธีมการบ่มเพาะ เส้นเชือกสีแดงที่ถูกห้อยด้วยเหรียญทองแดงโบราณและยันต์กันภัยจำนวนมากถูกผูกไว้กับต้นไม้ จากต้นหนึ่งไปอีกต้น หากมีผู้ที่ไม่รู้จักที่นี่เข้ามา พวกเขาอาจจะเข้าใจผิดว่าที่นี่คืออาณาเขตของสำนักเต๋าก็เป็นได้
ฉินเย่รีบเดินไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังรูปปั้นการร่ายรำกระบี่ในตำนาน
เป้าหมาย: หอพักอาจารย์ที่อยู่ห่างออกไป 500 เมตร
ปฏิบัติ: พุ่งตรงเข้าไปในหออย่างรวดเร็วราวกับสายไฟ
วัตถุประสงค์: เพื่อเก็บซ่อนกระเป๋าในมือจากผู้คนรอบข้าง
เขาเอนตัวไปทางรูปปั้นด้วยมือซ้าย และถือกระเป๋าเดินทางไว้ด้วยมือข้างขวา กลืนน้ำลายอย่างประหม่าอยู่หลายครั้ง เม็ดเหงื่อเย็น ๆ เกาะอยู่บริเวณหน้าผากเต็มไปหมด
นกกระเรียนกระดาษบินลงมาเกาะบนไหล่ของฉินเย่พร้อมกับเสียงของอาร์ทิสดังขึ้น “เจ้าเพียงแค่เดินกลับห้องไม่ใช่หรือไง? เจ้าทำตัวราวกับพวกภูตผีที่ลักลอบเข้าบ้านแบบนี้ทำไมกัน? ข้าดูเจ้าจากชั้นบนมานานกว่าสิบนาทีแล้วนะ”
“ท่านจะไปรู้อะไร” ฉินเย่ลูบกระเป๋าเดินทางเบา ๆ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเพ้อฝัน “ท่านเคยเห็นสมบัติที่มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาก่อนหรือเปล่า? ที่หอนี้มีสายตาสอดรู้สอดเห็นอยู่เต็มไปทั่ว ข้าจะต้องระวัง”
นกกระเรียนกระดาษกางปีกและแคะรูจมูกที่ไม่มีอยู่จริงของมันก่อนจะเอ่ยต่อว่า “เมื่อครั้งที่ข้ายังมีพระราชวังของตัวเอง จำนวนเงินเพียงเท่านี้ยังนับว่าเล็กน้อยมาก!”
ฉินเย่เลิกสนใจหล่อนอีก
ทำไมการพูดคุยกับพวกคนรวยถึงได้ยากนัก? ไม่ใช่ว่านั่นมันเรื่องในอดีตของท่านหรือไง? ทำไมต้องเอากลับมาพูดทำร้ายความรู้สึกข้าด้วย?
หลังจากนั้น ทันทีที่จำนวนคนที่อยู่รอบ ๆ ลดลงเล็กน้อย ฉินเย่ก็ยืดตัวตรงและกระแอมเบา ๆ ก่อนจะเริ่มมุ่งหน้ากลับหอ แม้จะดูเหมือนว่าเขากำลังเดินอยู่อย่างปกติ แต่ขากลับสับไว ๆ กลับหอพักของตัวเองด้วยความเร็วเต็มสูบ!
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ตราบใดที่เขายังถือกระเป๋าใบนี้อยู่ เขาก็อดคิดหวาดระแวงทุกคนตลอดเวลาไม่ได้…
เฮ้อ….ทันใดนั้น ขณะที่เขาเดินเลี้ยวบริเวณหัวมุมหนึ่ง ร่างสูงก็กระโดดออกมาจากความมืดพร้อมกับอ้อมแขนที่เปิดกว้าง “เซอร์ไพรส์!!”
ตู้ม! กำปั้นขนาดใหญ่ต่อยลงบนร่างของ ‘เซอร์ไพรส์’ อย่างรุนแรง
หวังเฉิงห่าวล้มลงกับพื้นและกุมท้องของตัวเองอย่างเจ็บปวด เขามองฉินเย่ด้วยสายตาน่าสงสารขณะที่อ้าปากราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สิ่งเดียวที่ออกมามีเพียงเสียงหอบเท่านั้น
ฉินเย่เองก็หอบหายใจด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องเซอร์ไพรส์แบบไหนกัน?! พยายามมาตั้งใกล้แต่กลับมาเจอรักตรงหัวมุม [1] นายรู้หรือเปล่าว่านายทำให้วิญญาณของฉันแทบจะกระเจิดกระเจิงแค่ไหน?!
“ถ้านายโผล่มาบอกไม่กล่าวแบบนี้อีก นายเตรียมตัวกระเด็นตกบันไดหรือตายเอาไว้ได้เลย!” ฉินเย่มองคนตรงหน้าอย่างไร้ความปรานีก่อนจะหยิบกุญแจออกมาเพื่อเปิดประตูห้อง หวังเฉิงห่าวลูบศีรษะของตนเองปราย ๆ ยืนอยู่ข้างหลังฉินเย่เงียบ ๆ และทันทีที่เขาเปิดประตูฉินเย่รีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว และหันไปจ้องหน้าร่างสูงด้านหลัง “นายทำอะไรเนี่ย?”
หวังเฉิงห่าวกะพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงง
ฉันแค่จะเข้าไปนั่งเล่นที่ห้องนายเอง จำเป็นต้องทำอะไรด้วยเหรอ….ไม่สิ…นายคิดจะทำอะไร? หรือว่านายคิดจะให้ฉันทำอะไรนาย?
สถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนตรงหน้า ทำให้หวังเฉิงห่าวริมฝีปากกระตุกยิก ก่อนที่เขาจะพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ถ้าเป็นฉากในละครฉัน…ฉันต้องตอบว่า ‘ทำ’ ใช่ไหม?”
ฉินเย่คว้าคอของอีกฝ่ายและหมุนร่างคนตัวโตกลับหลังหันแล้วเอ่ยเสียงเบา “เดินตรงไปชั้นล่าง เลี้ยวซ้าย แล้วนายจะเห็นห้องสมุด จากนั้นก็เดินตรงไปอีก แล้วนายจะเจอหอพักของตัวเอง เชิญ ไม่เป็นไรไม่ต้องขอบคุณ”
“ฉัน…”
เขาผลักเพียงครั้งเดียว ร่างของหวังเฉิงห่าวกระเด็นออกไปไกลถึงสามเมตร หลังจากนั้นโดยไม่สนใจสีหน้าไม่พอใจของคนร่างสูงเลยแม้แต่น้อย ฉินเย่แง้มประตูห้องออกเป็นช่องเล็ก ๆ และแทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ปัง…ประตูห้องปิดลงแทบจะทันทีเมื่อเขาแทรกตัวเข้ามาได้
“ให้ตายเถอะ…” ฉินเย่เอนหน้าพิงกับบานประตูและเช็ดเหงื่อบริเวณหน้าผากของตัวเอง จากนั้น เขาก็จ้องมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ที่อยู่บนเตียงของเขาด้วยแววตาน่ากลัว
มันคือตุ๊กตายาง
ที่ถูกทำขึ้นอย่างประณีตเชียวล่ะ คุณคิดว่ามันปกติไหมล่ะ?
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดูผิดปกติก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าตุ๊กตาตัวดังกล่าวกำลังนอนอยู่บนเตียงของเขา และถือแล็ปท็อปด้วยมือซ้าย และถือเมาส์ด้วยมือขวาขณะที่สบถอย่างเดือดดาล “เจ้าทึ่ม! ข้าเพิ่งรู้ว่าเก้าในสิบของผู้เล่นยาสุโอะพวกนั้นเป็นพวกสเมิร์ฟ! ข้าจะเตะพวกเจ้ากลับบ้านเก่าไปเลย! แล้วข้าก็จะรีพอร์ตเจ้าหลังจากที่เราจบตานี้แล้วด้วย! แล้วเราค่อยมาดูกันว่าเจ้ายังจะสามารถทำตัวแบบนั้นได้อีกหรือเปล่า!!”
รอบกายของนางมีห่อมันฝรั่งทอดและเยลลี่ที่ถูกเปิดแล้วกระจัดกระจายเต็มไปหมด ฉินเย่ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่านางได้ของพวกนี้มาได้อย่างไร บนพื้นมีแม้กระทั่งกล่องผ้าอนามัยและชุดชั้นในยี่ห้อไทรอัมพ์ไซส์ตั้งแต่ A ถึง D อยู่ด้วย….
ฉินเย่กลืนน้ำลายลงคอและเดินไปที่เตียงด้วยความยากลำบาก “ข้ายังพอเข้าใจได้ในเรื่องของการใช้ชุดชั้นใน…แต่ท่านช่วยอธิบายความจำเป็นในการใช้ผ้าอนามัยทีได้หรือเปล่า?”
อาร์ทิสเพิ่งเล่นเกมเสร็จ นางกดปุ่มรีพอร์ตด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ประสานนิ้วเข้าด้วยกันและหักข้อนิ้วมือของตัวเองก่อนจะเหลือบสายตาไปมองฉินเย่ “นี่มันของใช้สำหรับผู้หญิง เข้าใจไหม?”
“…ไม่…ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดตุ๊กตายางอย่างท่าน ผู้ซึ่งไม่มีทางมีประจำเดือนถึงต้องใช้ของแบบนี้ด้วย?!”
อาร์ทิสไล่นิ้วมือไปตามสันกรามของตนเองอย่างเขินอาย “ข้าเพียงแค่…อยากลองสัมผัสการเป็นผู้หญิงบ้างไม่ได้หรือไร?”
ฉินเย่นั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรงและฝังใบหน้าของตัวเองลงกับฝ่ามือ
เขาจะต้องทำยังไงหากหมาฮัสกี้ที่บ้านทำตัวดื้อ?
กักบริเวณอย่างไรล่ะ!
ตั้งแต่นี้ไป ห้องเขาคือเขตหวงห้ามสำหรับทุกคน!
เพราะหากมีใครมาเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ละก็…
“หืม? ไม่เลวใช่ไหม? คุณค่อนข้างมีงานอดิเรกที่แปลกดีนะ”
“อืม…ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นพวกที่ไม่สามารถหาแฟนให้ตัวเองได้ บางทีมันอาจเป็นเพราะคุณยังเด็กและอ่อนประสบการณ์ก็เป็นได้…”
“สหายฉิน คุณช่วยอธิบายเรื่องชุดชั้นในพวกนี้ให้ผมทีได้หรือเปล่า? ชอบแต่งตัวเหรอ? ผมคิดว่าเราคงมีเรื่องที่ต้องคุยกันยาวเชียวล่ะ…”
ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวจริง ๆ!
“อ้อ!…” อาร์ทิสไม่สนใจอาการสิ้นหวังของฉินเย่เลยสักนิด นางโยนกระจกให้กับเด็กหนุ่มและเอ่ยว่า “ท่านผู้อาวุโสอยากจะคุยกับเจ้าน่ะ”
ฉินเย่รับกระจกมาไว้ในมือ และก่อนที่เขาจะได้มองมัน เขาก็ได้รับคำสาปแช่งทันที “นี่เจ้าโง่หรืออย่างไร?! ต้องให้ข้าเตือนเจ้าอีกกี่ครั้งว่าให้นำมันเข้านรกไปด้วย?! แต่ครั้งที่แล้วเจ้าก็กลับลืมข้าไว้บนเตียง! นี่เจ้ารีบไปเกิดใหม่จนลืมเรื่องของข้า หรือว่าต้องรีบไปไว้อาลัยใครหรืออย่างไร? บิดาของเจ้าไม่ได้สอนให้เจ้าเคารพผู้ที่อาวุโสกว่าหรืออย่างไร?!”
ใช่แล้ว….กระจกเองก็มีรูปแบบการทำงานนี้เช่นกัน…
ฉินเย่นั่งลงบนโซฟาและทุบศีรษะของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมเขาถึงยังไม่เป็นลมไปอีก? ทำไมเขาถึงยังมีสติอยู่? นี่ชีวิตของเขาจะถูกรายล้อมด้วยคนธรรมดา ๆ บ้างไม่ได้หรือไง? คนพวกนี้แปลกยิ่งกว่าแปลกเสียอีก!!
ภายในห้องเต็มไปด้วยภูตผีปีศาจนิสัยเสียเต็มไปหมด…และนี่ก็อยู่บริเวณใจกลางของสำนักฝึกตนแห่งแรกเลยด้วย! ซ้ำร้าย ตอนนี้อีกฝ่ายก็กำลังคุกคามชีวิตเขาอยู่ด้วย
“เรามาเจรจากันหน่อยดีไหม?” วินาทีต่อมา ฉินเย่นั่งยืดหลังตรงหลังจากจัดการกับความรู้สึกภายในของตัวเองเรียบร้อยแล้ว “ตอนนี้พวกเรากำลังซ่อนตัวอยู่ภายในใจกลางของกองกำลังของแดนมนุษย์ พวกท่านคงไม่อยากให้ข้าตายก่อนที่ข้าจะทำทุกอย่างเสร็จสิ้นหรอกใช่หรือไม่? ช่วยมีความยับยั้งชั่งใจบ้างไม่ได้หรือ?”
อาร์ทิสอ้าปากหาว “ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ขีดจำกัดของตัวเองดี นอกจากนี้ในครั้งหน้าที่เจ้าลงไปด้านล่าง เจ้าควรจะพาหมิงชีหยิน [3] ไปที่ยมโลกด้วย”
“ว่าไงนะ…ข้าฟังผิดไปหรือเปล่า? ท่านพูดว่า…หมิงอะไรนะ? นี่ท่านแอบใช้ยาฆ่าแมลงอีกแล้วใช่ไหม?!”
“ไร้สาระ! กระจกบานนี้ขอเตือนเอาไว้เลยนะ พวกเราอาจจะสนิทกัน แต่ข้ายังสามารถยื่นฟ้องเจ้าข้อหาใส่ร้ายได้!”
อาร์ทิสโบกมืออย่างไม่ใส่ใจนัก “พูดง่าย ๆ ก็คือ ข้าได้ช่วยเจ้าโดยการนำมันกลับมาจากเมืองไดซาน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันน่าหงุดหงิดเพียงใดที่ต้องรับมือกับการพูดพล่ามไม่หยุด? หากมันยังอยู่ในสถานะก่อนหน้านี้ ข้าอาจจะยังพอให้ความเคารพมันอยู่บ้าง แต่ตอนนี้มันอยู่เพียงแค่ขั้นยมทูตขาวดำเท่านั้น แต่กลับยังกล้าทำตัวยิ่งใหญ่และดูถูกคนอื่นไปทั่ว หากไม่ใช่เพราะมันยังมีประโยชน์กับเรา ข้าคงส่งมันไปสวรรค์นานแล้ว”
“ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ยอมหยุดสินะ?! เชื่อหรือไม่ ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ทันทีหากเจ้าว่าร้ายข้ามากกว่านี้? ต่อให้เราต้องแหลกสลายไปพร้อมกันข้าก็ไม่สน!”
ฉินเย่กุมขมับอย่างเหนื่อยหน่าย “ท่านไม่กลัวว่ามันไม่พอใจหรืออย่างไร?”
โดยเฉพาะเมื่อมันอยู่ในอารมณ์รุนแรงแบบนี้…
อาร์ทิสหันหลังกลับไปหาอีกฝ่ายและตอบอย่างจริงจัง “ข้าอาจจะไม่เชี่ยวชาญในเรื่องสถาปัตยกรรมของนรก แต่ข้ารู้อยู่อย่างหนึ่ง บริเวณพื้นที่หยินทั้งหมด หรือที่รู้จักกันในชื่อของดินแดนหยินนั้นประกอบไปด้วยพื้นที่ซึ่งมีพลังหยินหนาแน่นและเบาบางแต่ต่างกันไป ข้อเท็จจริงนี้ก็สามารถใช้กับยมโลกได้ และจุดที่มีพลังหยินหนาแน่นที่สุดก็จะถูกเรียนว่ามหาดินแดนหยิน”
“และอาคารพิเศษในยมโลกทั้งหมดก็สามารถสร้างได้บนมหาดินแดนหยินเท่านั้น เพราะพื้นดินธรรมดาคงไม่สามารถรองรับการสร้างอาคารพิเศษเหล่านี้ได้แน่” นางเหลือบสายตาไปมองกระจกส่องกรรม
“ข้าต้องขอยอมรับเลยว่าหมิงชีหยินคือสิ่งเดียวที่สามารถค้นหาและระบุตำแหน่งของพื้นที่พวกนี้ได้ นอกจากนี้ มันยังมีความสามารถในการเผยลักษณะและรูปร่างที่แท้จริงของวิญญาณทุกตนที่ผ่านประตูนรกได้ด้วย มัน…ไม่มีกระจกบานไหนในนรกที่สามารถป้องกันการเข้ามาของสิ่งชั่วร้ายได้อย่างมัน”
ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นรีบถามอย่างตรงจุด “สิ่งชั่วร้าย? ยกตัวอย่างเช่น?”
“อย่างเช่น…” “หมิงชีหยิน”
ในขณะที่กระจกส่องกรรมกำลังจะตอบคำถามของเด็กหนุ่ม เสียงของอาร์ทิสก็ดังแทรกขึ้นมา คำมากมายปรากฏขึ้นมาบนพื้นผิวของกระจกอย่างรวดเร็ว และขณะที่มันกำลังจะเอ่ยตอบออกไป อาร์ทิสกลับจ้องมันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและส่ายหน้าช้า ๆ
“ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องรู้” นางเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ความไม่รู้คือวิธีเดียวที่จะทำให้เจ้าสามารถคงความกล้าไว้ได้ และข้าก็ไม่ได้ความไปในทางที่ไม่ดี”
น่าแปลกที่ครั้งนี้กระจกส่องกรรมยอมแต่โดยดี
“ก็ได้” ฉินเย่มองไปยังตุ๊กตายางและกระจกอย่างสงสัย “ถ้าเช่นนั้น…ครั้งหน้าข้าจะเอาหมิงชีหยินไปที่ยมโลกด้วย”
ทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น จากนั้นเสียงของหลินฮั่นก็ดังตามมา “เปิดประตู! พวกเขาส่งรายละเอียดมาแล้ว ทำไมคุณไม่ลองเข้าไปดูในโม่โม่ดูล่ะ? นี่ผมต้องทำเองทุกอย่างเลยหรือไง?”
ฉินเย่รีบเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงและเตะอาร์ทิสและกระจกลงไปใต้เตียง เกิดเป็นเสียงด่าทอมากมายดังออกมาจากทั้งคู่ หลังจากนั้นราวกับเครื่องจักรที่ไหลลื่น เขาม้วนชุดชั้นในและกล่องผ้าอนามัยไว้ด้วยกันและกวาดทุกอย่างเข้าไปใต้เตียงพร้อมกับหมิงชีหยิน เศษขยะต่าง ๆ ที่อยู่ภายในห้องถูกทำความสะอาดภายในเวลาไม่ถึงห้าวินาที เด็กหนุ่มรีบจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะรีบไปเปิดประตูพร้อมกับรอยยิ้มบางที่ประดับอยู่บนใบหน้า
ทันทีที่เขาเปิดประตู หลินฮั่นก็รีบมองเข้าไปในห้องที่สะอาดเอี่ยมอย่างอยากรู้ หรือเราจะหูฝาด? แต่เมื่อครู่เราเหมือนกับจะได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากด้านในไม่ใช่เหรอ?
ในมือของเขาถือซองดำและกล่องหนึ่งใบ หลังจากตรวจดูอยู่หลายครั้ง เขาก็หันกลับมามองฉินเย่อย่างไม่แน่ใจนักและเดินเข้าไปในห้องอย่างคุ้นเคย และฉินเย่ก็ต้องตกใจกลัวเมื่อหลินฮั่นเดินไปนั่ง…ลงบนเตียง
ให้ตายเถอะ! นายไม่เห็นหรือไงว่าฉันอุตส่าห์ทำความสะอาดโซฟาไว้ให้นายแล้ว?!
เจ้าโง่ทึ่ม! รู้หรือเปล่าว่ามีอะไรอยู่ใต้เตียงตอนนี้? มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตุลาการนรกที่นายต้องการจะมอบร่างกายวัย 25 ให้นาง!
“มาคุยเรื่องรายการแลกของกัน” หลินฮั่นนั่งขัดสมาธิ เปิดกล่องตรงหน้าออกและหยิบของที่คล้ายกับซิมโทรศัพท์ออกมา [4]
“เทพแห่งสงครามโจวบอกว่าฐานข้อมูลค่อนข้างกว้าง และมันคงใช้เวลานานมากในการส่งข้อมูลให้ทุกคนโดยผ่านแอปสังหาร ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะมอบฐานข้อมูลให้ด้วยวิธีนี้แทน อ้อ! อีกอย่าง กองเอกสารด้านล่างนี้เป็นข้อตกลงในการรักษาความลับ นายต้องเซ็นชื่อและปั๊มลายนิ้วมือลงไปด้วย ห้ามเปิดเผยข้อมูลพวกนี้ให้ใครดูโดยเด็ดขาด มีแค่อาจารย์ที่ถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเท่านั้นที่จะมีมัน…”
หลินฮั่นยังคนพูดต่อไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เส้นเลือดบริเวณขมับของฉินเย่กำลังเต้นตุบ ๆ และทันใดนั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นว่าอาร์ทิสกำลังยื่นนิ้วออกมาอย่างไม่พอใจ เด็กหนุ่มรีบเหยียบและก้มลงกระซิบ – อยู่เงียบ ๆ สิ!
“หืม?” หลินฮั่นขมวดคิ้วและถามว่า “เมื่อครู่ผมรู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงนะ?”
อาร์ทิสที่อยู่ใต้เตียงกัดฟันแน่น – ก็ใช่น่ะสิ! เสียงข้านี่แหละ!
เจ้าคิดว่าตุ๊กตายางไม่มีความรู้สึกเจ็บหรืออย่างไร?
“เหรอ? แต่ผมว่าคุณคงหูฝาดไปเท่านั้น…”
[1] อ้างอิงถึงซีรีส์ที่ได้รับความนิยมในช่วงปีค.ศ. 2000
[2] ฮีโร่ในเกม League of Legend
[3] สิ่งนี้อ้างอิงถึงฮีโร่สายสนับสนุนในเกมที่ได้รับความนิยมของจีน(เกม King of Glory.หรือ rov จีน )