ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 174: ยมทูตนอกอาณาเขต
บทที่ 174: ยมทูตนอกอาณาเขต
การเผชิญหน้าครั้งแรกของเขาและยมทูตนอกอาณาเขต เป็นเหมือนกับภาพของการต่อสู้ครั้งใหญ่ของยมทูตเมื่อครั้งอดีตกาล ฝ่ายหนึ่งแต่งตัวด้วยเสื้อคลุมจีนโบราณพร้อมกับม่านตาสีดำสนิทและผมสีขาวที่ปลิวไม่เป็นทรง เปลวไฟนรกสีเขียวหยกปะทุจากร่างขณะที่ถือกระบี่เล่มใหญ่ที่ทำขึ้นจากกระดูกไว้ในมือ ในขณะที่อีกฝ่ายคือครึ่งคนครึ่งแมงมุมที่มีดวงตาสีเขียวหยกหลายคู่อยู่บนร่างกายส่วนล่าง ลักษณะไม่ต่างกับอสูรชั่วร้าย
ทั้งสองสบตากันนิ่งและไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ก่อนจะพุ่งเข้าหากันอีกครั้ง!
กระบี่ปีศาจตวัดไปในแนวขวาง ทิ้งไว้เพียงเปลวไฟนรกที่ลุกโชนซึ่งถูกปล่อยออกไป ปะทะเข้ากับตะเกียงไฟที่ฟาดลงมาด้วยแรงที่เหมือนกับอุกกาบาต แม้จะไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ แต่ภายในไม่กี่วินาที กระบี่ปีศาจและตะเกียงไฟกลับปะทะเป็นร้อยครั้งแล้วด้วยความรวดเร็ว จนมองเห็นเพียงระลอกคลื่นสองสายที่กระแทกกัน และกระเพื่อมออกไปยังพื้นที่โดยรอบ
แม้ว่าภายในอาคารจะวุ่นวายและสับสนเพียงใด แต่มันกลับไม่มีเสียงอะไรดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเลยสักนิด ความมืดมิดในยามราตรีมืดมากจนพวกเขามองไม่เห็นฝ่ายตรงข้ามด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นฉินเย่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหลังจากผ่านไปสามนาที
พลังหยินของคู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตาม…เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างสะกดพลังของอีกฝ่ายเอาไว้ และทำให้นางไม่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ และเนื่องจากพวกเขาทั้งคู่ต่างอยู่ขั้นนักล่าวิญญาณเหมือนกัน เขาจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบในสถานการณ์แบบนี้ไปโดยปริยาย
“พลังเพียงเท่านั้นไม่สามารถฆ่าข้าได้หรอกนะ” เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากของตัวเอง และเปลวไฟนรกก็ลุกโชนไปทั่วกระบี่ปีศาจของเขาขณะที่เขาแทงมันไปที่อกของร่างครึ่งคนครึ่งแมงมุมตรงหน้า
การโจมตีของฉินเย่นั้นทรงพลังจนอากาศโดยรอบเหมือนถูกเฉือนออกจากกัน ร่างครึ่งคนครึ่งแมงมุมอ้าปากกว้างราวกับกำลังกรีดร้องออกมาสุดเสียง ขณะที่มือของนางก็ทำบางอย่างที่คล้ายกับการประสานอินและพยายามตะเกียกตะกายเพื่อที่จะหนี
ในเสี้ยววินาทีต่อมา ตะเกียงไฟในมือของนางก็เปล่งประกายแสงสีดำเป็นวงกว้าง จากนั้นวิญญาณนับร้อยก็พรั่งพรูออกมาและก่อตัวเป็นใบมีดลมสีดำที่พุ่งเข้าใส่ร่างของฉินเย่อย่างรวดเร็ว
ศาสตร์แห่งนรก!
ฉินเย่สบถออกมาเบา ๆ ยมโลกในเวลานี้ยังคงอยู่ในช่วงแรกเริ่ม ทำให้เขาไม่สามารถใช้ศาสตร์แห่งนรกของตัวเองได้ในตอนนี้ หรือว่าเขาควรเริ่มทำการปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งกระบี่ตอนนี้เลย?
เขาไม่ได้มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนัก เด็กหนุ่มเรียกกระบี่กลับมาในมือและเริ่มใช้กระบวนท่าป้องกันทันที ลูกบอลสีเงินเริ่มก่อตัวขึ้นรอบตัวของเขา สะท้อนเปลวเพลิงสีดำที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยระเบิดขนาดเล็กจำนวนมาก และในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้เล็บนิ้วหัวแม่มือจิกเข้าไปที่ฝ่ามือของตัวเอง เตรียมพร้อมที่จะกรีดเป็นแนวยาวได้ทุกเมื่อ
เขาคำนวณทุกอย่างไว้แล้ว
ลูกไฟสีดำแต่ละลูกสร้างแรงกระแทกเหมือนมีน้ำหนักกว่าสิบกิโลกรัม เขารู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งหักเหวิถีกระสุนอันทรงพลังในทุกครั้งที่แกว่งกระบี่ ขณะที่เขากำลังจะยอมทนเจ็บและกรีดฝ่ามือของตัวเอง เสียงแกร๊กก็ดังมาจากทางเข้าด้านนอกอย่างแผ่วเบา
ร่องรอยของการต่อสู้อันดุเดือดหายไปภายในพริบตา ยมทูตครึ่งคนครึ่งแมงมุมและฉินเย่สบตากันครู่หนึ่งและทั้งคู่ก็ถอยกลับไปในความมืดที่ตนจากมาอีกครั้ง
ฉินเย่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดที่อยู่ด้านหลังของหอบรรพบุรุษ ในขณะที่ดวงตาสีเขียวหยกจากยมทูตครึ่งคนครึ่งแมงมุมสลายหายไปทันทีที่นางหลอมรวมเข้ากับเพดานสีเข้ม สายตาของพวกเขาไม่ได้จับจ้องไปที่ร่างของกันและกันอีกต่อไป กลับกัน สายตาของพวกเขาต่างจ้องเขม็งไปที่ทางเข้าของหอบรรพบุรุษ
มีคนอื่นอยู่ที่นี่…
ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้น…
สิ่งเดียวที่ฉินเย่ได้ยินก็คือเสียงเต้นของหัวใจของตัวเอง แม้ว่าจะใช้ชีวิตมานานเกือบร้อยปีและได้กำจัดวิญญาณอาฆาตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ประสบกับสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นแบนี้
เขาหันปลายกระบี่ของตัวเองไปที่ทางเข้า สิ่งที่เพิ่งมาถึงจะต้องไม่ใช่ฝ่ายเดียวกับยมทูตครึ่งคนครึ่งแมงมุมอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องซ่อนตัวเหมือนอย่างตอนนี้ และช่างบังเอิญยิ่งนัก เพราะนางเองก็หันตะเกียงไฟของตนไปที่ทางเข้าของหอบรรพบุรุษเช่นกัน
ผู้ใดก็ตามที่เข้ามาในนี้…จะต้องตายสถานเดียว
ในความเงียบนั้นน่าอึดอัด ทันใดนั้นเอง ประตูทางเข้าก็พังทลาย ตามมาด้วยแสงของใบมีดที่เปล่งประกายราวกับดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวในค่ำคืนที่ไร้แสงดาว ร่างสองร่างพุ่งตัวเข้ามาด้านในหลังจากนั้น
“นี่มัน…” แววตาของฉินเย่ไหววูบเล็กน้อย แต่เขายังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
แสงจันทร์ยาวค่ำคืนช่วยมอบทัศนวิสัยให้กับเขาได้เป็นอย่างดี ผู้มาใหม่สองคนอยู่ในชุดฮากามะสีดำหรือกระโปรงยาวมีจีบ พร้อมด้วยเสื้อคลุมสีดำและหมวกไม้ไผ่ทรงกรวย แต่ชุดของทั้งสองกลับขาดหลุดลุ่ย แทบจะเหมือนกับว่าพวกเขาคือผีที่เพิ่งคลานออกมาจากหลุมไม่มีผิด
พวกเขาพุ่งเข้ามาด้วยฝีเท้าที่เร็วและเบา มือยังคงจับด้ามดาบในมือแน่น เช่นเดียวกันกับฉินเย่และยมทูตครึ่งคนครึ่งแมงมุม พลังหยินดำสนิทเล็ดลอดออกมาจากหมวกทรงกรวยและเสื้อผ้าของทั้งสองก็กระพืออย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ทั้งสองเข้ามาด้านใน ฉินเย่ได้ยินเสียงกรีดร้องอันโหยหวนของวิญญาณดังขึ้นเบา ๆ รอบตัวของทั้งคู่
ยมทูต…ยมทูตอีกสองตน! ยมทูตนอกอาณาเขต!
นอกจากนี้เมื่อดูจากการแต่งตัวของพวกเขาแล้ว ฉินเย่สามารถบอกได้ทันทีเลยว่าทั้งสองมาจากประเทศอะไร
ยมทูตของญี่ปุ่น!
“誰もいない! / ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่!” [1] ยมทูตทางด้านซ้ายกระซิบเสียงเบา
ยมทูตทางด้านขวาที่ได้ยินเช่นนั้นรีบเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าทันทีว่า “油断しないで!彼の魂を取り消すのは私たちだけではない。/ อย่าลดการป้องกันลงเด็ดขาด! ไม่ได้มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่ต้องการวิญญาณของชายผู้นี้!”
“ไม่ได้มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่ต้องการวิญญาณของชายผู้นี้อย่างนั้นหรือ?” ฉินเย่ที่พอจะเข้าใจบทสนทนาของทั้งคู่แค่นหัวเราะออกมา “13 หน่วยพิทักษ์ของโซลโซไซตี้รึไงเนี่ย? [2]”
“ไม่คิดว่าตัวเองกำลังล้ำเส้นเกินไปหน่อยหรือ?”
ราวกับได้ทำข้อตกลงระหว่างกัน ดวงตาสิบดวงจากบนเพดานพลันลืมขึ้นพร้อมกันกับที่ตอนที่ฉินเย่เอ่ยจบ และลูกไฟสีดำนับสิบก็พุ่งเข้าใส่ยมทูตญี่ปุ่นทั้งสองทันที ในขณะเดียวกัน ฉินเย่ก็ก้าวออกมาจากมุมมืด เขาฟันกระบี่ปีศาจที่กำลังลุกโชนของตัวเองไปด้านหน้าในแนวระนาบ ทิ้งไว้เพียงเปลวไฟสีเขียวที่ถูกปล่อยออกไปกลางอากาศ
“อ๊ากกกก!” เมื่อถูกลอบโจมตีอย่างกะทันหัน ยมทูตญี่ปุ่นส่งเสียงร้องออกมาเสียงดัง ทว่าพวกเขากลับพบว่าภายในอาณาเขตหอบรรพบุรุษแห่งนี้ ทุกอย่างจะถูกปิดกั้นเสียงทั้งหมดเอาไว้ ทั้งสองตีลังกาถอยหลังกลับไปพร้อมกับประสานอินทั้งที่ยังอยู่กลางอากาศ และทันทีที่เท้าของพวกเขาแตะพื้น ทั้งสองก็ประกบฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง เมื่อพวกเขาแยกฝ่ามือออก คัมภีร์โบราณที่มีอักขระเขียนเอาไว้ก็คลายตัวออกและลอยขึ้นกลางอากาศก่อนจะขยายใหญ่จนกระทั่งมีขนาดประมาณสองสามเมตรและดูดซับเปลวไฟจากดาบของฉินเย่และลูกไฟสีดำของยมทูตครึ่งคนครึ่งแมงมุมเข้าไป
“人がいる!/ มีใครบางคนอยู่ที่นี่!”
“中東の希里斑地獄!/ ยมโลกแห่งตะวันออกกลางของเซราพิส!” ทั้งสองอยู่นอกอาณาเขตของหอบรรพบุรุษแล้วเมื่อเท้าแตะพื้น และพวกเขาก็เอ่ยออกมาอย่างตกใจ แต่แทนที่จะล่าถอยกลับไป ทั้งคู่กลับพุ่งเข้าไปด้านในของอาคารราวกับวิญญาณที่บ้าคลั่งอีกครั้ง
“เวรเอ๊ย!” ฉินเย่กัดฟันกรอดอย่างหัวเสีย ในบรรดายมทูตที่ปรากฏตัววันนี้ เขาคือคนเดียวที่ไม่มีทั้งศาสตร์แห่งนรกหรือสมบัติที่ทรงพลังเลยสักชิ้นเดียว เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามร่ำรวยกว่าเขามาก!
ฝ่ามือของเขากดไปบนคมมีดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อยมทูตญี่ปุ่นทั้งสองพุ่งกลับเข้ามาในอาคาร พลังหยินก็พวยพุ่งออกมาขณะที่ดาบคาตานะที่อยู่บริเวณเอวของทั้งสองเปล่งประกายออกมาอย่างน่ากลัว ทันใดนั้น ขณะที่ทั้งสองกำลังจะชักดาบของตัวเองออกมา พวกเขาก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง
ตึก… ตึก… ตึก… เสียงดังขึ้นจากทางด้านนอกของอาคาร
เงียบ
ยมทูตญี่ปุ่นมองไปยังสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เงียบสงัด และทั้งคู่ก็กระโดดหลบไปยังมุมมืดอีกมุมหนึ่งของอาคาร ตะเกียงไฟของยมทูตครึ่งคนครึ่งแมงมุมสว่างวาบขึ้นแล้วแต่นางก็เลือกที่จะอยู่เฉย ๆ
ฉินเย่เองก็ไม่ได้ทำตามความตั้งใจก่อนหน้านี้ของตัวเองเช่นกัน
ความเงียบและความมืดปกคลุมทั่วทั้งอาคารอีกครั้ง ดาบคาตานะสองเล่ม กระบี่ปีศาจของฉินเย่ และตะเกียงไฟต่างหันไปที่ทางเข้าของหอบรรพบุรุษ
หากพูดตามความจริง ทุกอย่างมันเงียบจนเขาสามารถได้ยินเสียงลมที่พัดอยู่ด้านนอกด้วยซ้ำ ฉินเย่ไม่กล้าขยับกล้ามเนื้อแม้แต่นิดเดียว แต่หลังจากหนึ่งนาทีผ่านไป…สองนาทีผ่านไป…สามนาทีผ่านไป…และนั่นก็คือตอนที่เขาเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!
เขารีบล้มตัวนอนลงบนพื้นทันที และแทบจะในเวลาเดียวกัน ลูกธนูจำนวนมากก็พุ่งเข้ามาจากทางบานหน้าต่างและประตูที่พังลงมา!
ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก! มันคือฝนลูกธนูอย่างแท้จริง นอกจากนี้ลูกธนูแต่ละดอกยังถูกสร้างขึ้นมาจากพลังหยินที่หนาแน่น และมันจะกลายเป็นผุยผงในทันทีที่สัมผัสกับส่วนใดก็ตามของอาคาร แต่เมื่อใดก็ตามที่มันสัมผัสเข้ากับกระบี่ของฉินเย่…พลังหยินดังกล่าวกลับลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง!
ฝนลูกธนูนั้นรุนแรงและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง เกิดเป็นระลอกคลื่นในอากาศที่สาดซัดเข้ามาภายในตัวอาคารไม่หยุดหย่อน ทันใดนั้นเอง หน้าต่างที่เปิดอยู่เริ่มส่งเสียงดังอีกครั้ง และสายลมก็พัดผ่านอาคารอีกครั้งพร้อมกับเสียงเห่าหอนที่ดังเข้ามาในหูของยมทูตทุกคนในนี้
อาณาเขตเวทถูกทำลาย!
“死神ヘラ!!/ เทพีแห่งยมโลกเฮล!!”
“北欧陰刺軍!/ มัจฉุราชแห่งยมโลกจากแถบสแกนดิเนเวีย! [3]”
“oθ?ναto?hella!”
ยมทูตทั้งสามอุทานออกมาพร้อมกันขณะที่กระชับอาวุธในมือของตนอย่างไม่มีทางเลือกเพื่อที่จะปัดป้องลูกธนูที่กำลังจะมาถึง
“ลูกธนูแต่ละดอกสร้างมีแรงมากถึงสิบกิโลกรัม…นี่พวกเขากำลังเจอกับศัตรูแบบไหนกันเนี่ย?!” ฉินเย่ไม่คิดที่จะซ่อนตัวอีกต่อไป เขามองไปรอบ ๆ และพบว่ายังมีโต๊ะและเก้าอี้อีกจำนวนหนึ่งที่ยังนอนอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบ จากนั้นเขาก็พุ่งตัวไปที่โต๊ะตัวที่ใกล้ที่สุดแล้วซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของมัน
และทันใดนั้น รวดเร็วเหมือนกับตอนที่พวกมันปรากฏขึ้น ฝนลูกธนูก็หยุดลงทันทีที่อาณาเขตเวทถูกทำลาย
ฉินเย่ยังไม่ลดการป้องกันของตัวเองแต่อย่างใด คมมีดของกระบี่ได้ทิ่มเข้าไปในเนื้อของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทั้งหมดที่เขาต้องทำก็มีเพียงต้องปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งกระบี่ด้วยแรงอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ราวกับความสงบก่อนที่จะเกิดพายุ ความเงียบที่บีบคั้นส่งผลให้ภายในหัวของเขาตื้อชา!
นี่…คงจะเป็นกลุ่มยมทูตที่แข็งแกร่งที่สุดในวันนี้แล้วกระมัง!
เขาได้ยินสิ่งที่ยมทูตญี่ปุ่นพูดก่อนหน้านี้…อีกฝ่ายคือเฮล เทพีแห่งความตายของนอร์ส
ตามตำนวนของนอร์ส เฮลคือเทพีแห่งอาณาจักรคนตาย นิเวิลเฮย์เมอร์ สถานที่ซึ่งมีข้ารับใช้ที่ชื่อกองลาทีและกองลูทรออยู่ ว่ากันว่าทั้งคู่เคลื่อนไหวช้ามากจนแทบจะดูเหมือนกับยืนอยู่เฉย ๆ
แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรมากกว่านี้ เสียงร้องอันโหยหวนของสุนัขก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน
“โฮกกกก… โฮกกกก… โฮกกกก…”
พร้อมกับที่เสียงร้องอันน่าขนลุกดังก้องไปทั่วทุกมุมของอาคาร ฉินเย่ก็พบว่าพื้นที่เขายืนอยู่เริ่มสั่นสะเทือน!
ตึก ตึก ตึก…เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังพุ่งมาทางพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง โต๊ะและเก้าอี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เขาใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีก็ตระหนักได้ว่ามันคือเสียงร้องของอะไร
สุนัขล่าเนื้อสามหัวแห่งนรกของเฮล การ์ม
“บ้าเอ๊ย…ให้ตายเถอะ…ตำนานและเรื่องเล่าทั้งหมดเป็นความจริง! จบเห่แน่!” ฉินเย่กัดฟันกรอดอย่างทรมานใจ จิตวิญญาณของเขาตึงเครียดจนถึงขีดสุด
ทำยังไงดี?
ออกจากที่ซ่อนแล้วหนีไปดีไหม?
ไม่มีทาง ด้านนอกยังมียมทูตนอกอาณาเขตอีกอย่างต่ำสามตนที่มีสมบัติและศาสตร์แห่งนรกรออยู่! นั่นมันออกไปหาที่ตายชัด ๆ!
ซ่อนตัวต่อไป?
แต่หอบรรพบุรุษจะสามารถทนแรงกระแทกของการ์มได้หรือ?
เด็กหนุ่มไม่ใช่เพียงผู้เดียวที่กำลังคิดหาทางเลือกในตอนนี้ ยมทูตตนอื่น ๆ เองก็ทำสิ่งเดียวกัน เสียงอู้อี้จากด้านนอกดังขึ้นเรื่อย ๆ เสียงร้องและหอนเองก็ดูดุร้ายขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ทันใดนั้นยมทูตญี่ปุ่นก็คำรามและกระโดดขึ้นกลางอากาศพร้อมกัน
ทั้งสองกัดนิ้วของตัวเองและประสานอินอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน พลังหยินโดยรอบเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ และเพียงหนึ่งวินาทีหลังจากนั้น พวกเขาก็ประกบฝ่ามือทั้งสองข้างของตนเข้าด้วยกันและตะโกนออกมาเสียงดังก้องก่อนจะแยกฝ่ามือออก แผ่นกระจกใส่ปรากฏขึ้นระหว่างฝ่ามือของทั้งสอง
“นะ นี่…หรือว่าจะเป็นกระจกยาตะในตำนาน?” ฉินเย่ร้องออกมาอย่างตกตะลึง เมื่อได้เผชิญหน้ากับยมทูตนอกอาณาเขตพวกนี้เขาถึงตระหนักได้ว่าตัวเองยังขาดอะไรอีกมากเลยทีเดียว
พรึ่บ!
แสงสีขาวฉายออกมาจากตัวกระจกทันทีที่มันปรากฏขึ้น ห่อหุ้มร่างของยมทูตญี่ปุ่นทั้งสองและกลืนร่างของทั้งคู่หายเข้าไปในกระจกอย่างรวดเร็ว จากนั้นกระจกดังกล่าวก็กลายเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังหยินที่สลายหายไป
“ไปซะ” ทันใดนั้นเสียงของอาร์ทิสก็ดังขึ้นภายในหู และก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไรออกไป ฉินเย่ก็รู้สึกว่าร่างของตนกำลังอยู่ในกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ สภาพแวดล้อมโดยรอบของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนจะกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า เขาตัวสั่นอย่างรุนแรงและตื่นขึ้นอย่างตกตะลึงพร้อมกับพบว่าตนได้กลับมาอยู่ในหอพักของตนตามเดิมแล้ว
หัวใจของเขาเต้นถี่รัวและแผ่นหลังก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อชื้น ๆ
เขารีบลุกขึ้นยืนและมองไปยังตำแหน่งของหอบรรพบุรุษจากทางหน้าต่างทันที แต่มันกับไม่มีเสียงหรือร่องรอยอะไรที่แสดงถึงความผิดปกติอะไรเลยสักนิด
“เจ้ารนหาที่ตายหรืออย่างไร?!” อาร์ทิสจ้องฉินเย่ที่เห็นได้ชัดว่ายังคงตกตะลึงอยู่เขม็ง “ยมทูตนอกอาณาเขตพวกนั้นต่างได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี! พวกเขามีทั้งศาสตร์แห่งนรกและสมบัติอยู่กับตัว! การที่พวกเขาถูกส่งตัวข้ามน้ำข้ามทะเลมาหมายความว่าพวกเขาคือผู้มีฝีมือในหมู่ผู้มีฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย!”
ฉินเย่ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้และปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากของตน “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่เฉียดเข้าไปใกล้หอบรรพบุรุษอีกต่อให้ท่านจะทุบตีข้าจนตายก็ตาม ข้านึกว่าพวกเขาจะเป็นพวกผู้เล่นอันดับบรอนซ์ แต่แท้จริงแล้วพวกเขากลับอยู่อันดับชาเลนเจอร์![4]”
อาร์ทิสถอนหายใจออกมาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมกว่าเดิม “ข้าคงไม่รีบกลับขึ้นมาเช่นนี้หากไม่ใช่เพราะว่าข้ารู้สึกว่าชีวิตของเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย และข้าก็รีบจนไม่สามารถปกปิดการมีตัวตนอยู่ของตัวเองจากขั้นตุลาการนรกของสำนักแห่งนี้ได้อีกต่อไป ข้ามั่นใจว่าอีกฝ่ายสามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเจ้าได้ หากข้าใช้พลังมากกว่านี้ การเอาตัวรอดคือกุญแจสำคัญ! เจ้าต้องรอดให้ได้ก่อนจึงจะสามารถพัฒนาฝีมือได้! Ezreal ที่ใช้ Zeal จะไปสู้กับ Vayne ที่ใช้ Infinity Edge ได้อย่างไร?! [5]”
ฉินเย่เบะปาก “ขอบคุณสำหรับการเปรียบเทียบนี้นะ อย่างน้อย…ข้าก็ยังหน้าตาดี”
หลังจากหมดเวลาแห่งความตกใจ ทั้งคู่ก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก จากนั้นอาร์ทิสก็แสดงความรักอันหาได้ยากยิ่งด้วยการส่งถ้วยชาที่ตนชงด้วยตัวเองให้กับฉินเย่ “บอกมา ตอนที่ข้าไม่อยู่เจ้าก้าวเท้าเข้าไปในสุสานของผู้ใดมาบ้าง? เจ้าจะต้องทำอะไรบางอย่างที่ผิดมหันต์ลงไปแน่ ๆ ถึงได้ถูกตามตัวจากยมโลกหลายแห่งพร้อมกันเช่นนี้…”
ฉินเย่หัวเราะออกมาอย่างขมขื่นขณะที่อธิบายทุกอย่างให้อีกฝ่ายฟัง
อาร์ทิสไม่เอ่ยอะไรออกมา นางเดินไปมาอยู่ในห้องเงียบ ๆ หลังจากผ่านไปสักพัก นางก็หันกลับไปมองฉินเย่และเอ่ยว่า “เจ้า…เชื่อใจข้าหรือไม่?”
[1] ผู้เขียนได้เขียนบทสนทนาทั้งหมดนี้เป็นภาษาประจำชาติของยมทูตแต่ละตน และได้เขียนคำแปลมาเฉพาะบางส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ทางผู้แปลได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้วเพื่อหาคำแปล แต่บ้างประโยคก็ยังหาความหมายไม่ได้จริง ๆ ผู้แปลจึงปล่อยตามต้นฉบับเดิมไว้ หากผิดพลาดประกาศใดสามารถคอมเม้นท์บอกได้เลยค่ะ
[2] อ้างอิงจากหน่วยงานของเหล่ายมทูตจากมังงะ/อนิมเมะที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น “บลีช เทพมรณะ”
[3] ประโยคนี้ก็เป็นภาษาญี่ปุ่นเช่นกัน
[4] อ้างอิงจากการจัดอันดับในเกมกลอรี (rov จีน) อันดับบรอนซ์คืออันดับก่อนสุดท้าย ในขณะที่อันดับชาเลนเจอร์คืออันดับสูงสุด
[5] Ezreal และ Vayne คือแชมเปี้ยน/ฮีโร่ที่ผู้เล่นเลือกใช้ ในขณะที่ Zeal คือไอเทมที่อ่อนแอกว่า Infinity Edge สิ่งที่อาร์ทิสต้องการจะพูดก็คือไอเทมที่พวกเขาใช้นั้นต่างชั้นกันมาก