ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 248: การเปลี่ยนแปลงของงานประมูล (1)
บทที่ 248: การเปลี่ยนแปลงของงานประมูล (1)
อิวาซากิที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองฉินเย่ “หากผมเสนอที่จะซื้อถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีด้วยเงิน 4 พันล้านหยวน และชดเชยค่าเสียหายทั้งหมดให้กับทางโรงประมูลเจียเต๋อ คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมครับ ?”
ฉินเย่จ้องอีกฝ่ายนิ่ง ๆ ชายสูงวัยที่เห็นเช่นนั้นจึงทำได้เพียงกระแอมออกมาเบา ๆ และเงียบไป
“เขาหมายความว่าอย่างไร ?” หมิงชีหยินถามด้วยความสงสัย
ฉินเย่สบถกับตัวเองเสียงเบา “จิ้งจอกเฒ่านั่นกำลังทำทุกอย่างเพื่อรักษาชื่อเสียงของมิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น เพราะเขาเองก็มีส่วนร่วมในงานประมูลครั้งนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขากำลังเสนอค่าชดเชยให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และหลังจากที่ข้านำดวงวิญญาณของโอดะโนบูนางะออกมาจากถ้วยได้แล้ว เขาก็จะสามารถรักษาถ้วยไว้ได้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เงิน 4 พันล้านอาจจะดูมากสำหรับเรา แต่มันไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลยสำหรับความร่ำรวยของบริษัทของเขา”
“แล้วข้อเสนอของเขามันมีปัญหาอะไร ?” หมิงชีหยินยังคงไม่เข้าใจ
ฉินเย่กลอกตา “จากสิ่งที่ท่านพูด ข้าสามารถบอกได้เลยว่าท่านไม่เหมาะที่จะรับผิดชอบฝ่ายการเงินของยมโลก คำพูดของเขาไม่ได้มีอะไรผิดหรือมีปัญหา แต่สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งหายไป แล้วเงินของข้าอยู่ที่ไหน ?”
“เงิน 4 พันล้านถูกจ่ายให้โรงประมูลเจียเต๋อ ตลอดจนค่าเสียหายทั้งหมด แล้วข้าอยู่จุดไหนของเรื่องนี้ ?”
หมิงชีหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันที จากนั้นมันก็สบถออกมา “เจ้าจิ้งจอกเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์”
แต่ฉินเย่ก็ไม่ได้มุ่งหวังผลกำไรจากสถานการณ์ในตอนนี้เท่าใดนัก เขาสามารถบอกได้เลยว่าตอนนี้หัวหน้าใหญ่ชูกำลังควบคุมสติแทบไม่อยู่ หากพูดตามตรง เขาค่อนข้างเห็นใจกับสถานการณ์ของหัวใหญ่ชูในตอนนี้ไม่น้อย ดังนั้น หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า “ผมจะให้โอกาสคุณ”
“ผมสามารถทำให้คุณปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและความเจ็บปวดไปตลอดชีวิต รวมถึงเหล่าคนที่คุณรักทั้งหมด นอกจากนี้ผมยังสามารถรับรองความราบรื่นในชีวิตหลังความตายของคุณในอนาคต ยิ่งกว่านั้น ผมจะส่งสินค้าจำนวนมากให้กับทางโรงประมูลเพื่อใช้ประมูลเรื่อย ๆ อีกด้วย”
อิวาซากิที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตาเป็นประกายขึ้นทันที แต่เขาก็รู้หน้าที่ของตัวเองและเลือกที่จะยืนอยู่เงียบ ๆ ตามเดิม
“คุณคือ… ?” หัวหน้าใหญ่ชูถามอย่างหวาดระแวง
“ผมเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือผมสามารถทำตามที่พูดได้ ลองคิดดูให้ดี คุณมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียว”
แต่โดยปราศจากการพิจารณาใด ๆ หัวหน้าใหญ่ชูกลับส่ายหน้าไปมาและเอ่ย “ไม่”
“โรงประมูลเจียเต๋อคือเลือด หยาดเหงื่อ และหยดน้ำตาของผม มันเป็นบ้านของผู้ฝึกตนหลายร้อยคน และมันยังเป็นผลผลิตจากความพยายามตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ผมคงจะตอบตกลงกับข้อเสนอของคุณทันทีหากเป็นสินค้าชิ้นอื่น แต่พวกเรากำลังพูดถึงถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี ! หากคุณเอามันไป… โรงประมูลเจียเต๋อจะถูกทำลาย ! ถูกทำลาย ! และหายไปอย่างสมบูรณ์ !”
ลมหายใจของเขาเริ่มเร็วขึ้น เขาหันไปมองอิวาซากิด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “คุณอาจจะสามารถปิดปากแวดวงการค้าของญี่ปุ่นได้ด้วยการวางเงินจำนวนหนึ่ง แต่คุณจะสามารถทำให้นักธุรกิจของจีนพอใจได้จริง ๆ น่ะหรือ ? โรงประมูลเจียเต๋อยังคงเปิดกิจการอยู่บนแผ่นดินจีน ! พวกเราจะสามารถเปิดกิจการประมูลต่อไปได้อย่างไรหากคุณมากลับคำพูดเอาตอนนี้ ?”
“ท่านผู้อาวุโส แต่มันถึงคราวที่คุณควรจะพูดแล้วหรือ ?” โดจินซังทนไม่ไหวอีกต่อไป พร้อมกับเสียงฮึดฮัดเบา ๆ เขาเดินไปหาหัวหน้าใหญ่ชู “นี่คือสิ่งที่ไม่ควรถูกขายในการประมูลตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ความไม่รู้คือความสุข ไปซะ แล้วเราจะชดเชยให้คุณตามสมควรในอนาคต”
เขาเดินไปถึงตรงหน้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องชะงักไป
และมันก็ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว คนทั้งหมดต่างอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงขณะที่มองไปที่หัวหน้าใหญ่ชู
ปากกระบอกปืนถูกจ่อไปที่นิ้วมือของชายสูงวัย
นิ้วของเขาเอง
ปืนของเขาเอง
“จะไม่มีใครสามารเปิดกล่องได้โดยปราศจากลายนิ้วมือของผม !!” เขาหัวเราะเสียงเย็น “ออกไปให้หมด ! ไม่อย่างนั้นผมจะยิง ! และจากนั้น มันก็ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าที่แผลจะหาย ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องโรงประมูลเจียเต๋อทั้งนั้น !!”
ไม่มีผู้ใดคิดว่าหัวหน้าใหญ่ชูจะใช้วิธีที่รุนแรงเช่นนี้
“มันมีวิธีอื่นที่จะใช้เปิดกล่องเวทมนตร์หรือเปล่าครับ ?” จินโกะซังหันไปถามอิวาซากิ
แม้แต่ประธานของมิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่นเองก็ไม่คิดว่าหัวหน้าใหญ่ชูจะข่มขู่ผู้อื่นด้วยวิธีนี้ ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด เขาส่ายหน้า “ไม่ครับ นี่เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุดที่ทางญี่ปุ่นเพิ่งพัฒนาขึ้น อันที่จริง มันยังไม่ได้ถูกวางขายในตลาดด้วยซ้ำ และมันก็คงไม่ได้ถูกนำมาใช้หากไม่ใช่คำสั่งของผม”
มาตรการรักษาความปลอดภัยส่วนใหญ่มันจะถูกถอดรหัสหลังจากที่ถูกวางขาย นี่คือผลของระดับสติปัญญาที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์
“ออกไปเดี๋ยวนี้ !” หัวหน้าใหญ่ชูกัดฟันแน่น เส้นเลือดบริเวณขมับของเขาเต้นตุบ ๆ ขณะที่เขากดปากกระบอกปืนไปที่นิ้วหัวแม่มือของตัวเอง “ผมจะนับถอยหลังจากสาม หากพวกคุณยังไม่ไป ผมจะยิง !”
“สาม !”
ทุกอย่างจบลงแบบนี้ได้อย่างไร ?! ฉินเย่กัดฟันกรอดและจ้องหัวหน้าใหญ่ชูด้วยสายตาเย็นชา “แบบนี้ก็หมายความว่าคุณปฏิเสธข้อเสนอก่อนหน้านี้ของผมใช่ไหม ? ไม่เป็นไร แต่คุณได้ยินที่พวกเราคุยกันเมื่อครู่หรือเปล่า ?”
“สอง !!”
ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ “ตอนนี้ในถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีมีวิญญาณของโอดะ โนบูนางะและวิญญาณอีก 2,500 ตนสิงอยู่ หากพวกเขาหนีไปได้ ทั่วทั้งตะวันออกจะต้องตกอยู่ในความโกลาหล ! นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทั้งคุณหรือโรงประมูลเจียเต๋อจะสามารถแบกรับไว้ได้ ! อย่าทำให้ผมต้องโมโห ไม่เช่นนั้น… ผมสามารถรับรองได้เลยว่าชีวิตหลังความตายของคุณจะไม่สุขสบายอย่างแน่นอน”
หัวหน้าใหญ่ชูนิ่งไป
เขาไม่คิดเลยว่าถ้วยใบนี้จะมีความลับที่ยิ่งใหญ่แบบนี้เอาไว้ ชายสูงวัยอ้าปากค้าง แต่เขาก็ยังไม่สามารถเอ่ยนับ ‘หนึ่ง’ ออกไปได้ ทาดายูกิที่เห็นโอกาสจึงเอ่ยออกไปทันที “ผมสามารถสาบานด้วยเกียรติของตระกูลคาโม่ได้เลยว่าหากไม่ใช่เพราะว่าวิญญาณพวกนี้สิงอยู่ภายในถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี พวกเราก็คงไม่สนใจด้วยซ้ำว่าถ้วยใบนี้จะตกไปอยู่ในมือของใคร !”
หัวหน้าใหญ่ชูจ้องมองคนทั้งหมดด้วยสายตาล้ำลึก จากนั้น หลังจากผ่านไปไม่นาน เขาก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
“คุณพูดจริงหรือ ?” เขาหอบหายใจอย่างหนักขณะที่มองคนทั้งหมดอย่างหวาดระแวงดวงตาที่แดงก่ำ ปากกระบอกปืนยังคงกดไปที่นิ้วหัวแม่มือของเขาอย่างแรง
“สามยมทูตขาวดำ หนึ่งนักล่าวิญญาณและประธานคนปัจจุบันของมิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น คุณคิดว่าเราจะได้อะไรจากการโกหกคุณอย่างนั้นเหรอ ?” อกของโดจินซังกระเพื่อมอย่างรุนแรงในทุกทั้งที่เขาหายใจ จากนั้นเขาก็ตะโกนอย่างดุเดือด “คุณเคยคิดบ้างไหมว่าตัวเองเกือบตายมากี่ครั้งแล้วตั้งแต่ที่ครอบครองถ้วยใบนี้ ?! หากไม่ใช่เพราะดวงวิญญาณของโอดะโนบูนางะ คุณคิดหรือว่าขั้นยมทูตขาวดำทั้งสามจะยอมมาทำอะไรบ้า ๆ อย่างการแข่งความร่ำรวยกับกลุ่มบริษัทระดับโลก ?! คุณคิดว่าเราอยากจะมาฟังคุณพล่ามอะไรพวกนี้ออกมาหรืออย่างไร ?!”
“ต่อให้คุณจะสามารถขายถ้วยใบนี้ออกไปได้ มันก็จะยังมีปัญหาอีกมากมายตามมา ทางญี่ปุ่นจะตามหาตัวคุณสำหรับปัญหาทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่จำเป็นต้องพูดถึงโรงประมูลเจียเต๋อ แค่คุณสามารถรอดชีวิตไปได้ด้วยทัศนคติที่ดื้อดึงพวกนี้มันก็นับว่าโชคดีมากแล้ว !” ทาดายูกิเอ่ยตำหนิหัวหน้าใหญ่ชูอย่างเย็นชา
ชายสูงวัยที่ได้ยินเช่นนั้นก็สูดหายใจเข้าช้า ๆ และหลับตาลง
ฉินเย่หันหน้าไปมองทาดายูกิ และเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายเพียงส่ายหน้าไปมาให้เขาอย่างเหนื่อยอ่อน
“อย่า” อิวาซากิกระซิบ “อารมณ์ของเขาตอนนี้ไม่มั่นคงอย่างมาก หากคุณพูดอะไรไปมากกว่านี้เขาจะต้องยิงแน่ ๆ ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม หากกล่องเวทมนตร์ไม่ได้รับการเปิดทุก ๆ ห้าวัน มันจะคิดว่าผู้เป็นเจ้าของตายไปแล้วทันที และเมื่อระบบทำลายตัวเองถูกเปิดใช้งาน สิ่งที่อยู่ภายในก็จะหายไปตลอดการ”
ฉินเย่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเคยคิดที่จะขโมยกล่องเวทมนตร์และหนีไปโดยหวังว่าจะพยายามเปิดมันออกเมื่อกลับไปที่ยมโลก แต่สถานการณ์ที่ตงไห่ก็ทำลายแผนการของเขาไป และมันก็คงจะเด่นเกินไปหากเขาที่เป็นยมทูตขาวดำใช้กำลังแยกกล่องเวทมนตร์มา เขายังไม่ต้องการที่จะเสี่ยงเปิดเผยตัวตนกับทางหน่วยสอบสวนพิเศษในตอนนี้ และเวลานี้ ด้วยโอกาสที่ได้มา เขาก็ได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงว่าเขาได้ประเมินมาตรการรักษาความปลอดภัยของกล่องเวทมนตร์นี้ต่ำไป
ไหนบอกมาซิ พวกคุณไม่มีอะไรที่มันดีกว่านี้ให้ทำแล้วหรือไง ? ทำไมต้องประดิษฐ์มาตารการรักษาความปลอดภัยที่ยุ่งยากพวกนี้ด้วย ?!
ทันใดนั้นเอง หัวหน้าใหญ่ชูก็ลืมตาขึ้นและพึมพำเสียงเบา “หนึ่ง”
“อวดดี !” พลังปราณที่แข็งแกร่งปะทุออกจากร่างของจินโกะซังทันที ! แต่ก่อนที่คลื่นกระแทกจะถูกปล่อยออกไป เสียงปืนก็ดังก้องไปทั่วทั้งห้องเก็บสินค้า ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันที และแม้แต่จินโกะซังเองก็ระงับพลังของตัวเองไว้ทันที
คนทั้งหมดมองหัวหน้าใหญ่ชูด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างมาก
โหดเหี้ยมยิ่งนัก… หัวหน้าใหญ่ชูยิ่งกลางของตัวเองต่อหน้าต่อตาคนทั้งหมด เขาแย้มยิ้มน่าขนลุกออกมา เลือดสด ๆ ไหลออกมาจากรูนั้น แต่มือของเขายังคงแน่นิ่งราวกับไม่เจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น
“ทีนี้พวกคุณเชื่อหรือยัง ?” เสียงของเขาสั่นเครือขณะที่หอบหายใจ แต่ถึงกระนั้น ปากกระบอกปืนก็ยังคงกดอยู่ที่นิ้วหัวแม่มือของตนเอง “ถ้าใครขยับอีก ผมยิงแน่ และผมขอเตือนพวกคุณไว้ก่อนเลย พวกคุณอาจจะเร็ว แต่ผมสืบเชื้อสายมาจากหมอผี และผมก็มีหนอนพิษกู่อยู่ในมือข้างขวาซึ่งไวต่อพลังมากกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปถึงร้อยเท่า นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงรับรู้ถึงความผิดปกติบนเรือและตื่นขึ้นมาได้”
เขาหอบหายใจครู่หนึ่งก่อจะเอ่ยต่อ “นอกจากนี้ มันจะทำตามคำสั่งของผมทันทีที่มันตรวจจับได้ถึงอันตราย แม้ว่าผมจะไม่รู้สึกว่าถูกคุกคามก็ตาม และคำสั่งสุดท้ายของผมก็คือให้มันทำลายมือซ้ายของผมทันทีที่มีใครขยับตัวแม้แต่นิดเดียว พวกคุณอาจจะแข็งแกร่งกว่าผม แต่ผมมั่นใจว่าผมเร็วกว่าพวกคุณแน่นอนเมื่อเป็นเรื่องของการฆ่าตัวตาย มันคือการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในส่วนของผม พวกคุณต้องการต้อนให้ผมจนมุมจริงๆน่ะหรือ ? แค่ก… แค่ก…”
ชั่วร้ายมาก !
ฉินเย่กัดฟันกรอด ใครจะไปคิดว่าจะมีตัวแปรแบบนี้ปรากฏขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีมาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว ! “เขาไม่ได้โกหก” หมิงชีหยินกระซิบ มันกลับหลังและเผยภาพของมือขวาของหัวหน้าใหญ่ชู จุดที่มีรอยนูนออกมาและเต้นตุบ ๆ ราวกับมีหัวใจของมันเอง
ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเดินออกไปจากห้องเก็บสินค้าโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่ลองพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของความเร็วของขั้นยมทูตขาวดำทั้งสามและหนอนพิษในมือของอีกฝ่าย
แต่ความเสี่ยงที่จะทำพลาดนั้นมากกว่าโอกาสที่จะทำสำเร็จ
“ตาเฒ่านี่ โหดเหี้ยมจริง ๆ” ทาดายูกิ โดจินซังและจินโกะซังต่างก็มีสีหน้าซีดเผือด พวกเขาเดินจากไปหลังจากสบถออกมาเบา ๆ
อิวาซากิยังไม่จากไปทันที หลังจากที่คนทั้งหมดจากไปหมดแล้วเขาถึงสบตากับหัวหน้าใหญ่ชู “การตัดเส้นทางล่าถอยของตัวเองไม่ใช่สิ่งที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีกองกำลังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากคุณไม่จะรู้จักที่จะปล่อยวาง โรงประมูลเจียเต๋อก็จะไม่มีทางไปได้ไกล นี่คือทั้งหมดที่ผมต้องการจะบอก ลองคิดดูให้ดี”
เมื่อเอ่ยจบ อิวาซากิก็เดินจากไป
ห้องเก็บสินค้าถูกปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้ง ปากกระบอกปืนยังคงกดอยู่ที่นิ้วหัวแม่มือ และหัวหน้าใหญ่ชูก็ยังคงยืนนิ่งราวกับรูปปั้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง พยายามต่อสู้กับความเจ็บปวดจากบาดแผลและความวิงเวียนจากการเสียเลือดมาก เขาล้มลงอย่างหมดเรี่ยวแรงทันทีที่ผู้รักษาความปลอดภัยของห้องเก็บสินค้าได้สติ
ชายสูงวัยใช้มือสางผมของตัวเอง ไม่แม้แต่จะสนใจเลือดที่ไหลลงมาจากศีรษะเลยแม้แต่น้อย เขาจ้องมองกล่องเวทมนตร์ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ฟันของเขากระทบกันอย่างไม่สามารถควบคุมได้ อะดรีนาลีนหมดลงและเขาก็ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่าง
“เกิดอะไรขึ้น ?”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร ?”
“สินค้าล่ะ ! ไปตรวจสอบสินค้าเร็ว !”
ด้วยเสียงตะโกนที่ดังกึกก้อง ร่างมากมายลุกขึ้นยืนและรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนทันที ไป๋อี้ชานมองศีรษะที่เปื้อนเลือดของหัวหน้าใหญ่ชูด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบวิ่งไปหาอีกฝ่าย “คุณเป็นอะไรไหมครับ ?”
“ไปเตรียมงานประมูลเดี๋ยวนี้” อีกฝ่ายให้คำตอบที่ไม่คาดคิดกลับมา
“ฮะ ?” ไป๋อี้ชานผงะไป และมันก็ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าที่เขาจะรวบรวมสติได้อีกครั้ง “แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้นะครับ ! เรายังไม่ถึงช่องแคบสึชิมะด้วยซ้ำ ! มันยังมีนักธุรกิจญี่ปุ่นอีกมากมายที่ยังมาไม่ถึง นี่จะเป็นการทำลายความเชื่อใจอย่างแน่นอน ! มันเป็นข้อห้ามสำหรับโรงประมูลทุกแห่ง !”
“พวกเราจะทำการประมูลหลังจากเรือหยุดลงหนึ่งวัน ! มีตรงไหนที่คุณไม่เข้าใจอย่างนั้นเหรอ ?!” ชายสูงวัยตะคอกกลับมา หอบหายใจอย่างหนักหน่วงราวกับมันใช้แรงทั้งหมดของตน
ไป๋อี้ชานมึนงง สองวินาทีต่อมา เขาก็เอ่ยตอบอย่างสุภาพ “ได้ครับ”
“แล้วคุณล่ะครับ ?”
หัวหน้าใหญ่ชูหันไปสนใจกล่องเวทมนตร์ “คุณจะรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินงานประมูล ผมจะเป็นคนเก็บรักษาถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีและนำมันขึ้นไปบนเวทีเอง ผมสาบานว่าจะไม่ล้มลงจนกว่าการประมูลจะสิ้นสุดลง คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
“นอกจากนี้ ผมต้องการให้คุณแจ้งแขกทุกท่านที่อยู่บนเรือทุกคนว่าเนื่องด้วยเหตุสุดวิสัย เราจะทำการประมูลในวันมะรืน การประมูลนี้ครั้งมีไว้สำหรับสมบัติระดับชาติ ดังนั้นผมมั่นใจว่าแขกของเราจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน นอกจากนี้ คุณไปบอกคุณคาโม่ด้วยว่าหากพวกเขาแพร่งพรายเรื่องนี้ออกมาก่อนที่การประมูลจะเริ่มขึ้น พวกเขาก็ลืมเรื่องที่จะเปิดกล่องเวทมนตร์ไปได้เลย”
ไป๋อี้ชานกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะกระซิบตอบเสียงเบา “รับทราบครับ”
เมื่อเอ่ยจบเขาก็เดินจากไปพร้อมกับคนของตัวเองทันที ทิ้งไว้เพียงชายสูงวัยและลูกน้องไม่กี่คนในห้องเก็บสินค้า หัวหน้าใหญ่ชูมองกล่องสีดำ จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ดวงวิญญาณของโอดะโนบูนางะ ?
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมช่วงนี้ถึงมีแต่เรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น
แต่มันคือสิ่งที่เขาจะยอมแพ้ได้จริง ๆ น่ะเหรอ ?
ไม่จำเป็นต้องคิดหาคำตอบ เราต่างรู้ดีว่าคำตอบที่อยู่ลึกในใจของตัวเองคืออะไร !
และคำตอบนั้นก็ทำให้หัวใจของเขาเย็นยะเยือก เขารู้ดีว่าตัวเองได้สร้างความไม่พอใจให้กับหลายฝ่าย และเขาก็ยอมรับความจริงที่ว่าหลังจากนี้เส้นทางของโรงประมูลเจียเต๋อคงจะไม่ง่าย แต่มันก็ยังดีกว่าการไม่มีทางให้เดินต่อหากเขายอมยกเลิกงานประมูล
มีนักธุรกิจตั้งกี่คนกันที่เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ ? ทางโรงประมูลเจียเต๋อจะสามารถชดใช้ให้กับคนทั้งหมดที่ต้องสูญเสียเวลาอันมีค่าของพวกเขาได้อย่างไร ?
“หึหึหึ….” เขานั่งลงบนเก้าอี้และจ้องมองกล่องลูกบาศก์สีดำตรงหน้าขณะที่หัวเราะออกมาเบา ๆ ให้กับความน่าสังเวชของตัวเอง