ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 259: คำสาบาน (2)
บทที่ 259: คำสาบาน (2)
วิญญาณร้ายจำนวนมากพุ่งเข้ามาในขณะที่ร่างขนาดใหญ่ของปีศาจทะเลโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ
ขั้นยมทูตขาวดำคือตัวตนที่ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยมุมมองที่มีต่อวิญญาณระดับธรรมดาทั่วไป วิญญาณพวกนี้สามารถเดินไปเดินมาในแดนมนุษย์ได้ในเวลากลางวัน ไม่ถูกผูกมัดไว้โดยข้อจำกัดของเวลาอีกต่อไป
ร่างขนาดมหึมาของคุกิโยชิทากะปรากฏขึ้นเหนือผิวน้ำ เปลี่ยนพื้นที่โดยรอบของเรือสำราญให้เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับคนเป็น หลายนาทีต่อมา ดวงไฟนรก 16 ดวงสว่างขึ้นจากใต้ทะเลลึก
ตู้ม !
ตู้ม ตู้ม ตู้ม !!
พร้อมกับเสียงน้ำกระจายดังลั่น เงาทั้งแปดพุ่งออกจากน้ำ และน้ำจำนวนมากที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้าก็ตกลงมาราวกับสายฝน
ซ่ากกกก !! โฮกกก !! เสียงร้องที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้นให้ได้ยินจากที่ไกล ๆ แม้แต่อะซะอิ นะงะมะซะที่อยู่ห่างออกไปก็ยังได้ยิน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ซามูไรแห่งท้องทะเลได้เผยร่างที่แท้จริงแล้ว”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” เสียงที่เต็มไปด้วยความกระหายต่อสงครามดังขึ้นจากเสากระโดงเรือที่อยู่เหนือศีรษะของอะซะอิ นะงะมะซะ “ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าร่างจริงของเจ้าจิตวิญญาณแพมพัสแปดหัวนั่นจะสามารถทนรับการโจมตีของข้าได้สักกี่ครั้ง…”
อะซะอิ นะงะมะซะกวาดสายตากระหายเลือดของตนไปทั่วพื้นผิวทะเล ตอนนี้ความฝันที่ยาวนานหลายร้อยปีของเขาเริ่มเข้าใกล้ความเป็นจริงแล้ว และเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นกับความคาดหวังนี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ข่มความรู้สึกพวกนั้นเอาไว้และตอบออกเสียงต่ำ “เฮฮาจิโร่ มันยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องเคลื่อนไหว จงอดใจไว้ก่อน”
“หึ…” อีกฝ่ายเพียงส่งเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจ มีไดเมียวมากมายยืนอยู่รอบ ๆ และพวกเขาก็ล้วนอยู่ขั้นยมทูตขาวดำทั้งสิ้น แต่มันกลับไม่มีใครเลยที่กล้าตำหนิชายผู้นั้น
“เจ้าคือหอกที่แหลมคมที่สุดในญี่ปุ่น… นั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงบอกให้เจ้ารออีกนิด เมื่อใดที่ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีปรากฏออกมา มันจะเป็นเวลาที่เจ้าจะได้ลงมือ…”
“วันนี้… นอกเหนือจากพวกที่ได้รับการปกป้องโดยพระพรแห่งคุณธรรม จะไม่มีผู้ใดได้กลับออกไปจากช่องแคบสึชิมะโดยที่ยังมีชีวิต !”
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่บนเรือสำราญไม่รับรู้ถึงบทสนทนาที่เกิดขึ้นเลยสักนิด หรือต่อให้พวกเขารู้ มันก็คงไม่ต่างอะไรกันอยู่ดี เพราะวิกฤตที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้คือไฮดราแปดหัวที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ทะเลลึก มันคือปีศาจทะเลที่น่าสะพรึงกลัวราวกับหลุดออกมาจากฝันร้าย !
นี่ไม่ใช่งูทะเลเลยสักนิด…
เกล็ดบนร่างของมันมีใบหน้าที่โกรธแค้นของมนุษย์สลักอยู่ ในขณะที่พลังหยินจำนวนมหาศาลพุ่งออกมาจากช่องว่างระหว่างเกล็ดแต่ละชิ้น ใบหน้าพวกนี้คือใบหน้าของมนุษย์ที่ปีศาจตนนี้ได้กลืนกินเข้าไปตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา รวมถึงชาวประมงและทหารเรือด้วย
มือของคุกิโยชิทากะนั้นแปดเปื้อนไปด้วยเลือดของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
“พระเจ้า…” ผู้ฝึกตนที่ดูคล้ายกับนักบวชจ้องมองภาพที่น่ากลัวตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย เขาคุกเข่าลงกับพื้นทันที “นรก… นี่มันไม่ต่างอะไรก็นรกบนดินเลยชัด ๆ!”
คนอื่น ๆ เองก็คงไม่สามารถหาคำมาพูดใดมาบรรยายความรู้สึกของพวกเขาในตอนนี้ได้เช่นกัน พวกเขาสามารถบอกได้ว่าช่องว่างระหว่างขั้นนักล่าวิญญาณและขั้นยมทูตขาวดำนั้นกว้างราวฟ้ากับเหว อันที่จริง การแสดงพลังของปีศาจทะเลนั้นยิ่งใหญ่จนเหล่าผู้ฝึกตนที่รอดชีวิตอาจจะสูญเสียแรงใจในการต่อสู้ทั้งหมดไปทันที
ผู้เดียวที่ยังคงยืนหยัดที่จะเผชิญหน้ากับขุมพลังมหาศาลก็คือผู้ฝึกตนชาวจีนที่ได้ทำลายขีดจำกัดทางร่างกายของตนเอง
แต่มันก็ยังไม่ต่างอะไรกับกระต่ายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของไทแรนโนซอรัสเรกซ์อยู่ดี
“ข้ารู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของท่านอิซานามิมากโดยตลอด” ดวงตาที่วาวโรจน์แปดคู่จ้องมองผู้ฝึกตนชาวจีนตรงหน้า “ยมโลกของจีนนั้นปกครองโลกใต้พิภพมานานเกินไปแล้ว วันหนึ่ง พวกเราจะต้องล้างแค้นยมโลกของจีนเหมือนดั่งที่แดนมนุษย์ของเราได้ทำกับพวกเจ้าเมื่อในอดีต เราจะสลักความหมายของคำว่าอ่อนน้อมถ่อมตนลงไปบนกระดูกของพวกเจ้า เลือดชดใช้ด้วยเลือด และวันหนึ่ง พวกเราก็จะถอนรากถอนโคนยมโลกของจีนและกลายเป็นยมโลกที่แข็งแกร่งที่สุดในตะวันออก !”
“แม้ว่าท่านอิซานามิจะคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา… แต่ข้ามั่นใจว่านางคงจะไม่ปฏิเสธอะไรหากพวกเราจะเก็บดอกเบี้ยจากความบาดหมางอันยาวนานนี้สักเล็กน้อย…”
ทันทีที่เอ่ยจบ หัวทั้งแปดก็พุ่งเข้าหาผู้ฝึกตนพร้อมด้วยเสียงคำรามที่ดังลั่น
“ไปซะ !!” ทันใดนั้นเอง พลังปราณสีแดงเลือดที่ห่อหุ้มร่างของผู้ฝึกตนทั้งหมดก็พลันเปลี่ยนเป็นชุดเกราะโบราณที่เปล่งประกายแสงสีทองออกมา และเขาก็พุ่งตัวเข้าหาปีศาจหลายหัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ทว่าน่าเสียดาย ความพยายามของเขาไม่มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อย
ความแตกต่างทางพลังของพวกเขานั้นกว้างเกินไป ทันทีที่ไฮดราตรงหน้าเริ่มเอาจริง การโจมตีของผู้ฝึกตนก็ไม่ต่างอะไรไปกับการทุบหินด้วยไข่เลยสักนิด ริมฝีปากของผู้ฝึกตนกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ขณะที่เขารีบเว้นระยะห่างจากอีกฝ่าย ทว่าไฮดราตรงหน้ากลับเร็วกว่าเขา ลิ้นที่ยาวเหยียดจากหัวทั้งห้าของมันก็พุ่งออกมาราวกับสายฟ้า มัดแขนขาและศีรษะของผู้ฝึกตนตรงหน้าเอาไว้ ตรึงเขาไว้กลางอากาศเหมือนกับบทลงโทษที่โหดร้าย
“ข้าอยากรู้จริง ๆ” เสียงของไฮดราดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าผ่า “สิ่งใดที่ทำให้เจ้ามีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับวิญญาณขั้นยมทูตขาวดำด้วยตัวเองเพียงลำพัง ? เพราะขั้นยมทูตขาวดำนั้นเป็นตัวตนที่หาได้ยากยิ่ง แม้ว่าจะด้วยมาตรฐานของแดนมนุษย์เองก็ตาม เจ้าไม่เคยเห็นพลังของขั้นยมทูตขาวดำเลยอย่างนั้นหรือ ? หรือว่า…”
มันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงที่โหยหวน “เจ้าคิดจริง ๆ ว่าตัวเองจะสามารถปราบข้าได้ด้วยความสามารถอันน้อยนิดเช่นนี้ ?”
แต่ผู้ฝึกตนกลับเพียงหลับตาลงและแย้มยิ้มบางออกมา ราวกับเขาได้คาดการณ์ถึงผลลัพธ์เช่นนี้เอาไว้แล้ว “เพราะว่า… ในฐานะของมนุษย์…”
“เราดำเนินชีวิตตามหลักการของเราเอง…”
ผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ที่ได้ยินคำพูดของผู้ฝึกตนชาวจีนต่างก็กัดริมฝีปากของตัวเองและเงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้า
ร่างที่ถูกตรึงอยู่กลางอากาศนั้นเล็กมากเมื่อเทียบกับร่างขนาดมหึมาของไฮดรา แต่ถึงกระนั้น… เขากลับดูใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อน
“ทุกคน !!” ผู้ฝึกตนผู้นั้นตะโกนออกมาเสียงแหบก่อนที่พวกเขาจะได้ก้มหน้าลง “พวกคุณรออะไรกันอยู่ ?!!”
“พวกคุณลืมคำสาบานที่ตัวได้ให้ไว้ในตอนแรกที่เราสมัครเข้าร่วมหน่วยสอบสวนพิเศษไปแล้วเหรอ ? คำสาบานด้วยหัวใจ !!”
ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะที่ตะโกนออกมาอย่างสุดกำลัง “คนเป็นและคนตายนั้นไม่สามารถยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน ผู้ใดก็ตามที่กล้าฝ่าฝืนกฎเหล็กข้อนี้จะต้องถูกกำจัด !!”
“มันไม่สำคัญว่าจุดประสงค์ของฝ่ายตรงข้ามคืออะไร ในฐานะของผู้ฝึกตน นี่คือ.. หน้าที่และความรับผิดชอบของเรา…”
เสียงฉีกออกจากกันของเนื้อหนังดังแทรกขึ้นก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ ลิ้นทั้งห้าดึงร่างของเขาออกจากกัน เลือดสาดกระเซ็นเข้าไปในปากที่อ้ารออยู่ก่อนของหัวไฮดราที่รออยู่ด้านล่าง
“แล้ว… การเป็นมนุษย์นั้นดีอย่างไรกัน ?”
“…” กาลเวลาดูเหมือนหยุดเดินไปชั่วขณะ เหล่าผู้ฝึกตนชาวจีนหลับตาลงแทบจะทันที และภาพในอดีตของพวกเขาก็ฉายชัดขึ้นมาในใจ
มันราวกับพวกเขากำลังนึกถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทาง ตั้งแต่ที่พวกเขายังเด็กและทั้งหมดก็ตาสว่าง
ตั้งแต่เส้นทางการฝึกตนของพวกเขาเริ่มขึ้น พวกเขาก็ได้รับรู้อะไรมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป จากนั้น ยิ่งพวกเขาโตขึ้น พวกเขาก็ได้ผ่านการทดสอบคุณสมบัติมากมายของหน่วยสอบสวนพิเศษที่มีชื่อเสียง และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์ของประเทศ ที่ซึ่งพวกเขาได้พัฒนาฝีมือจนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จากขั้นยมเทพที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักกลายเป็นขั้นนักล่าวิญญาณที่เป็นที่ต้องการตัว….
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาใช้ทรัพยากรไปมากมายแค่ไหน ?
แล้วใครกันที่เป็นคนมอบโอกาสพวกนี้กับพวกเขามาโดยตลอด ?
ในเวลานั้น คนทั้งหมดต่างนึกถึงวันแห่งโชคชะตา เมื่อประมาณสิบปีก่อน ตอนที่พวกเขายืนอยู่ภายใต้ธงประจำชาติด้วยจิตใจที่ร้อนรุ่มและยกมือทาบอกขณะที่กล่าวคำสาบานเช่นเดียวกันกับที่ผู้มาก่อนและมาทีหลังของพวกเขาได้ทำ นี่คือกฎข้อแรกที่พวกเขาสาบานว่าจะรักษาและปฏิบัติตามในวันนั้น คนเป็นและคนตายนั้นไม่สามารถยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน ผู้ใดก็ตามที่กล้าฝ่าฝืนกฎเหล็กข้อนี้จะต้องถูกกำจัด !
และกฎข้อที่สองที่พวกเขาสาบานว่าจะรักษาก็คือ ผู้ใดก็ตามที่หลบหนีในสนามรบจะถูกประหารในข้อหากบฏ !
“ใช่แล้ว…” นักบวชหญิงสูงวัยผู้หนึ่งลืมตาขึ้น และพลังปราณสีแดงเลือดก็เริ่มไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด เธอหัวเราะเบา ๆ “หลังจากขึ้นเป็นขั้นนักล่าวิญญาณ ฉันก็กลายเป็นที่ต้องการของผู้คนจำนวนมาก… ฉันเริ่มเพลิดเพลินไปกับชีวิตจนลืมกฎที่ตัวเองได้สาบานเอาไว้ในวันนั้นไป…”
ตู้ม ! คุกิโยชิทากะตกตะลึงเป็นอย่างมาก กลุ่มก้อนพลังปราณสีแดงปะทุออกจากร่างเธอ และหญิงสาวที่มีรูปร่างเพรียวบางก็ก้าวออกมา เธอมองรูปร่างของตัวเองที่ย้อนกลับไปอยู่ในวัย 20 กว่าและแย้มยิ้มบาง “เป็นอย่างที่คิด ผู้หญิง… ยิ่งอายุน้อยยิ่งดีจริง ๆ”
รอยยิ้มบนใบหน้างามหายไป และเธอก็ยกมือขึ้นกระดิกนิ้วอย่างท้าทายไปที่ไฮดราแปดหัวที่ยังอยู่ในน้ำ “ศิษย์สายตรงของเส้นทางสายจินตัน ฉู่หมิงเสีย เข้ามา…”
ทว่าการระเบิดของพลังปราณสีแดงอีกกลุ่มหนึ่งก็เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะเอ่ยจบ ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมาจากหมอกสีเลือดและก้มมองมือทั้งสองข้างของตัวเองอย่างพึงพอใจ “เกิดเป็นมนุษย์ก็ไม่ได้แย่นัก”
“สาวกหลักแห่งนิกายไท่ช่าง หวังเจิ้นหัว เข้ามา…”
ตู้ม ตู้ม ตู้ม …เสียงปะทุของพลังปราณดังขึ้นหลายสิบครั้งติดต่อกัน และพื้นที่ทั้งหมดก็ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกพลังปราณสีแดงเลือดในทันที !
“สาวกจากนิกายอวี้ฉวน หมิงฉวนจือ เข้ามาเลย”
“สาวกหลักจากวัดหลงเหมิน เฉิงฉวน โปรดช่วยชี้แนะด้วย”
“สาวกชั้นในจากยอดเขาเซียวเหยา ไป๋เทียนอี้ เป็นไงเป็นกัน !”
“นี่พวกเขา… บ้าไปแล้วหรือ ?” เหล่าผู้ฝึกตนต่างชาติไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิด พวกเขาไม่รับรู้ถึงความรุนแรงของการแพร่ระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายในจีน และพวกเขาก็ไม่รู้ถึงมาตรการที่รัฐบาลได้ใช้ในการปราบปรามและควบคุมสถานการณ์ให้ดีที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจถึงคำสาบานที่เหล่าเจ้าหน้าที่จากหน่วยสอบสวนพิเศษได้กล่าวเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจความรู้สึกที่เดือดพล่านที่ไหลไปตามเส้นเลือดของคนกลุ่มนี้เลยสักนิด
คนเราไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เพียงเพื่อที่จะดื่ม กิน และถ่ายเท่านั้น
มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมกับหลักการและความเชื่อของตัวเอง
โดยไม่สนใจผู้ฝึกตนต่างชาติทั้งหมด ผู้ฝึกตนชาวจีนที่เหลืออยู่เพียง 25 คนยืนหยัดอย่างกล้าหาญอยู่ที่หัวเรือสำราญ จ้องมองไปยังไฮดราขนาดมหึมาที่อยู่ตรงหน้าเขม็ง
ปีศาจทะเลที่น่าสะพรึงกลัวจ้องมองเหล่ามนุษย์ผู้อ่อนแอตรงหน้าด้วยความปราหลาดใจเล็กน้อย สำหรับมัน คนพวกนี้ไม่ต่างอะไรกับมอด ต่อให้มันไม่สนใจคนพวกนี้ตอนนี้ มันก็จะไม่มีผู้ใดมีชีวิตรอดจนได้เห็นแสงตะวันของวันพรุ่งนี้อีกต่อไป
“แต่… อย่างน้อยมอดพวกนี้ก็ได้พิสูจน์คุณค่าของตัวเอง…” คุกิโยชิทากะถอนหายใจออกมาพร้อมกับเอ่ยเบาๆ “ข้าขอยอมรับจิตวิญญาณในการต่อสู้ที่กล้าหาญของพวกเจ้า”
“ข้า โจรสลัดฮาจิมัง ซามูไรแห่งท้องทะเล จะไม่ปล่อยให้ศพของเจ้าต้องเน่าสลายไป…”
ด้วยปณิธานที่แน่วแน่ ไฮดราขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาค่ายกลผู้ฝึกตนชาวจีนทันที !
ทว่าเมื่อมันเข้าไปใกล้ ค่ายกลผู้ฝึกตนก็ระเบิดพลังปราณออกมา พุ่งตัวไปข้างหน้ากว่า 20 เมตรเพื่อเข้าใกล้คู่ต่อสู้ จับเข้าที่เส้นผมบนหัวของมันและเริ่มโจมตี ภายในระยะเวลาอันสั้น วิชาลับมากมายได้ถูกโจมตีลงไปที่ร่างขนาดใหญ่
แต่ถึงกระนั้น ความพยายามของพวกเขากลับสูญเปล่า !
การโจมตีของพวกเขาไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าสร้างความรู้สึกคันยิบ ๆ ขึ้นที่ผิวหนังของมัน ไฮดราขนาดมหึมาเปล่งเสียงคำรามออกมาอย่างดุร้าย ทันใดนั้น หนึ่งในผู้ฝึกตนก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “ท่าไม่ดีแล้ว !! ถอยเร็ว !”
เขารีบตั้งรับทันที แต่ช่างน่าเศร้า… มันยังมีผู้ที่ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
ครู่ต่อมา เส้นผมบนหัวของไฮดราพุ่งออกไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็วราวกับดาบที่แหลมคมซึ่งเสียบทะลุร่างของผู้ฝึกตนจำนวนมากที่มีสายตาที่ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ คนทั้งหมดตกลงไปในทะเลด้านล่างทันที
เพียงไม่กี่เวลา ร่างเงาดำมากมายก็พุ่งเข้าไปที่ศพ และผิวของน้ำทะเลก็กลายเป็นสีเลือด
“วิญญาณร้าย…” ดวงตาของฉู่หมิงเสียวาวโรจน์ขึ้นขณะที่เธอทำมือเป็นสัญลักษณ์มากมายและพ่นลูกแก้วสีแดงออกมา จากนั้น พร้อมกับเสียงร้องที่ดังกึกก้องของนกฟีนิกซ์ ลูกแก้วสีแดงพุ่งเข้าไปที่หัวของจิตวิญญาณแพมพัสทันที
ในเวลาเดียวกัน เหล่าผู้ฝึกตนทั้งหมดก็ได้รวบรวมพลังปราณทั้งหมดที่มีเหลืออยู่ในร่างของพวกตน และวิชาประจำนิกายกว่าสิบวิชาก็ได้ย้อมสีของท้องฟ้าให้เป็นสีต่างๆ
ดาบไม้มะฮอกกานีเปล่งแสงอย่างอันตรายขณะที่พุ่งตรงไปที่ร่างของไฮดราด้วยร่างมายาของหมาป่าที่กำลังวิ่งพล่าน ระฆังทองเหลืองที่มียันต์และผนึกมากมายติดอยู่ก็พุ่งไปที่มันเช่นกัน… ผู้ฝึกตนที่รอดชีวิตทั้งหมดต่างรู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถกักเก็บพลังไว้ได้แม้แต่น้อยเมื่อต้องเชิญหน้ากับปีศาจขนาดมหึมาเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดที่ตนได้เก็บซ่อนเอาไว้อย่างไม่ลังเล แต่ถึงกระนั้น พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าความแตกต่างระหว่างขั้นนักล่าวิญญาณและขั้นยมทูตขาวดำนั้นกว้างมากเพียงใด
“พวกเจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว” คุกิโยชิทากะมองคนทั้งหมดอย่างเย้ยหยัน จากนั้นลำคอของหัวทั้งแปดก็พองออกก่อนจะเปล่งเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนแผ่นดินออกมา !
กรรรรรร !!! เสียงคำรามที่ทรงพลังทำให้เกิดระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนที่กลายเป็นคลื่นสึนามิขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว หากพูดกันตามจริง เสียงคำรามของมันนั้นทรงพลังจนแม้แต่อากาศโดยรอบก็ดูเหมือนจะสั่นสะเทือนไปด้วย ปลาจำนวนนับไม่ถ้วนลอยตายหงายท้องแน่นิ่งขึ้นมาบนผิวน้ำ แม้แต่เหล่านกที่อยู่ห่างออกไปก็ยังตื่นตระหนกไปกับเสียงคำรามเพียงครั้งเดียวที่ดูทรงพลังไม่ต่างอะไรไปกับพายุขนาดย่อม !
ตู้ม !! คลื่นเสียงแห่งหายนะสาดซัดไปทั่วร่างของผู้ฝึกตนที่ยังรอดชีวิตอยู่ทั้งหมด พวกเขาแน่นิ่งไป และในไม่กี่วินาทีต่อมา… พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ร่างของคนทั้งหมดตกลงไปยังน้ำทะเลด้านล่างทันที !