ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 283: หวนคืนสู่ยมโลกแห่งเก่า (2)
บทที่ 283: หวนคืนสู่ยมโลกแห่งเก่า (2)
“ราชาแมลงแห่งหายนะ ?! ตัวที่พัฒนาจิตใต้สำนึกของตัวเองขึ้นมาแล้วน่ะหรือ ?!” เขาตะโกนกลับไปในกระแสจิต “นี่พวกมันอยู่ในพิภพอะไร ?! ท่านรู้หรือไม่ว่าครั้งนี้ตัวเองทำพลาดมากแค่ไหน ?! ถ้าครั้งนี้เราไม่สามารถนำมรดกนรกกลับไปด้วยได้ ข้าออกแน่ !!!”
อาร์ทิสรู้ดีว่าความผิดพลาดของนางในครั้งนี้ได้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่อาจเกิดหายนะได้ แต่การปรากฏตัวของแมลงแห่งหายนะพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรของการตายและการเน่าสลาย เหมือนกับที่เมื่อคนเราตายไปร่างก็ต้องถูกเผา นอกจากนี้ หลังจากที่ถูกกักขังอยู่ในเหวใต้สะพานไน่เหอมาเป็นเวลาหลายร้อยปี นางจะจำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร ?
สิ่งที่ธรรมดาและพบเจอบ่อยมากที่สุดมักจะถูกมองข้ามได้ง่ายที่สุด
“ตามบันทึกนรก ราชาแมลงแห่งหายนะจะปรากฏตัวขึ้นในทุก ๆ แสนแมลงแห่งหายนะ มันเคยมีช่วงเวลาที่ยมโลกถูกปิดล้อมโดยพันธมิตรของโลกใต้พิภพของทางตะวันตกพร้อมกัน ตุลาการนรกจำนวนมากถูกกำจัดไปในหน้าที่ ส่งผลให้เกิดการปรากฏตัวของราชาแมลงแห่งหายนะขึ้น จ้าวนรกในตอนนั้นได้ทำการจัดการกับมันด้วยตัวเองและแต่งตั้งให้มันเป็นผู้คุมของหนึ่งในขุมนรกทั้งหมด… ตามบันทึกในอดีต อย่างมากที่สุด ราชาแมลงแห่งหายนะก็มีความแข็งแกร่งอยู่ที่ขั้นตุลาการนรก แต่ถึงอย่างนั้น แมลงแห่งหายนะเพิ่งปรากฏตัวเมื่อปีที่แล้วเท่านั้น ต่อให้ราชาแมลงแห่งหายนะจะปรากฏตัวขึ้น มันก็น่าจะไม่แข็งแกร่งกว่าขั้นตุลาการนรก อันที่จริง มันอาจจะอยู่เพียงขั้นนักล่าวิญญาณด้วยซ้ำ !”
“สรุปแล้วมันมีราชาแมลงแห่งหายนะอยู่ที่นี่หรือไม่ ?!”
“ข้าแค่คาดเดาเท่านั้น…” อาร์ทิสถอนหายใจออกมา “แมลงแห่งหายนะพวกนั้นแพร่กระจายไปถึงประตูนรกแล้ว สถานการณ์ที่นครเฟิงตูเองก็ดูไม่มีเลยสักนิด สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้ก็คือพยายามไปเก็บมรดกของนรกที่เหลืออยู่มาให้ได้มากที่สุด เขาคิดว่าที่เฟิงตูน่าจะกลายเป็นเพียงผุยผงภายในระยะเวลาหนึ่งปี”
“ให้ตายเถอะ…” ฉินเย่ขยี้ศีรษะของตัวเองอย่างหัวเสีย จากนั้นจึงสูดหายใจเข้าช้า ๆ “เช่นนั้นเรารออะไรกันอยู่ ?! รีบไปกันได้แล้ว !”
ตู้ม ! ทันทีที่เอ่ยจบ เส้นผมของอาร์ทิสก็สยายไปในอากาศอย่างน่าสะพรึงกลัว และนางก็เริ่มพึมพำคาถาที่ฟังไม่รู้เรื่องออกมา ภายในเสี้ยววินาทีต่อมา ราวกับได้ยินเสียงเรียกจากจักรพรรดิ พลังหยินและเปลวไฟนรกโดยรอบต่างไหลมารวมกันที่รอบเท้าของพวกเขาและเปลี่ยนเป็นสะพานสายยาวที่ทอดไปที่นครเฟิงตูโดยตรง ความเร็วของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากจนแทบจะเหมือนกับรถไฟแม็กเลฟ ทิ้งไว้เพียงภาพติดตาของพวกเขาขณะที่พุ่งต่อไปด้วยความเร็วสูงสุด
ทั้งหมดข้ามผ่านสะพานไน่เหอในชั่วพริบตา แต่ฉินเย่ก็ไม่มีกระจิตกระใจจะหันกลับไปมองและนึกถึงช่วงเวลาเก่า ๆ เลยแม้แต่น้อย ทั่วทั้งสะพานไน่เหอในเวลาเต็มไปด้วยแมลงแห่งหายนะ แต่ทุกอย่างกลับดูซีดเผือดไปเมื่อเทียบกับภาพอันน่าตกตะลึงที่ต้อนรับพวกเขา …มันคือจุดที่มีเสาสีดำสนิทตั้งตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้า
“นั่นมันอะไร ?” โนบูนางะอ้าปากด้วยความตกตะลึง
เราจะทำอย่างไรกันดี… ?
ฉินเย่รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังถูกไฟลุก มันเต็มไปด้วยความกังวลที่เกิดจากความรับผิดชอบที่มีต่อยมโลก เขาพยายามคิดหาทางและทำทุกอย่างเพื่อกระตุ้นความเจริญเติบโตในยมโลก รวมถึงการเขียนเล่นวิจัย นำทัพในการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ช่องแคบสึชิมะ และกระทั่งแย่งชิงวิญญาณของโนบูนางะ หลังจากที่ลงทุนไปมากขนาดนี้ เขาจะยอมทิ้งมรดกของยมโลกแห่งเก่าที่สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของยมโลกแห่งใหม่ไปได้อย่างไร ?
“น้่นคือกายวัชระของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์… มันคือคราบวิญญาณเช่นกัน ไม่สิ… น่าจะเรียกมันว่าคราบเทพเจ้ามากกว่า… ผู้ใดจะไปคิดว่าแมลงแห่งหายนะพวกนี้จะสามารถกัดกินแม้กระทั่งร่างของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ? นี่จะต้องเป็นวัฏจักรแห่งความตายและการเน่าสลายที่ถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นโดยพลังที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ของสวรรค์เป็นแน่”
“ยมโลกแห่งเก่าไม่มีอยู่อีกต่อไปเนื่องจากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์อย่างกะทันหันของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้สำเร็จลุล่วง และยมโลกก็ว่างเปล่า วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนเร่ร่อนไปทั่วแดนมนุษย์ และข้าก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจ้าวนรกองค์ต่อไปของยมโลกแห่งใหม่”
ความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมาควรจะเป็นข่าวที่น่าตกใจสำหรับผู้ที่ได้ยิน
แต่ถึงกระนั้น โนบูนางะกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เขาเพียงหรี่ตาลงและพยักหน้าเงียบ ๆ
เขาคือแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ และภาพที่เขาได้เห็นเมื่อครู่ก็พอที่จะทำให้เขาพอคาดเดาข่าวที่จะตามมาได้แล้ว หากจะมีสิ่งใดที่ทำให้เขาตกใจ มันก็คงจะเป็นข้อเท็จจริงที่ว่าฉินเย่คือว่าที่จ้าวนรกองค์ต่อไปของยมโลก
“ข้าสัญญาว่าข้าจะช่วยท่านพิชิตญี่ปุ่น มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ อันที่จริง มันคงจะไม่ใช่เรื่องยากเลยหากเรามีมรดกของยมโลกแห่งเก่า ดังนั้น…” เด็กหนุ่มประสานฝ่ามือกับกำปั้นของตนและโค้งคำนับอีกฝ่ายด้วยความเคารพ “ท่านโนบูนางะ ข้าคงต้องขอความช่วยเหลือจากท่านในครั้งนี้ พวกเราจะนำมรดกของยมโลกออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยการป้องกันของสมุดแห่งความเป็นตาย พวกเราจะปลอดภัยแน่นอน”
โนบูนางะไม่ได้ตอบออกไปทันที เขาหันหน้าไปมองเสาสีดำขนาดใหญ่ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่แหบพร่า “ข้าสัมผัสได้ถึงรัศมีที่น่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากกายวัชระของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ถ้าเราเข้าไปใกล้กว่านี้ ข้าเกรงว่าเราทั้งหมดจะถูกบดขยี้จนกลายเป็นผุยผงเป็นแน่”
นครเฟิงตูปรากฏให้เห็นในธารสายตาแล้ว และพวกเขาก็มองเห็นว่านครขนาดใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มก้อนสีดำจำนวนมาก หากพูดตามตรงก็คือความมืดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครในตอนนี้ดูไม่ต่างอะไรกับคลื่นที่สาดซัดเข้าฝั่งเป็นครั้งคราว ส่งผลให้ความมืดแพร่กระจายตัวไปรอบ ๆ
แมลงแห่งหายนะจำนวนมหาศาลกำลังกลืนกินนครเฟิงตูอยู่ !
“ไม่ มันจะไม่เป็นเช่นนั้น” อาร์ทิสเอ่ยแทรกขึ้น “หากเป็นในอดีต มันอาจจะใช่ แต่ไม่ใช่กับตอนนี้แน่ ๆ แมลงแห่งหายนะพวกนั้นได้ปกคลุมไปทั่วคราบเทพเจ้า และการมีอยู่ของพวกมันก็ป้องกันไม่ให้รัศมีของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มาถึงตัวของพวกเรา เราจะไม่กลายเป็นผุยผงหากเราทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง แต่น่าเสียดาย…”
นางจ้องไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครด้วยความขุ่นเคือง “หากข้าจำไม่ผิด นั่นคือจุดที่ตั้งของหอการค้าของนครเฟิงตูตั้งอยู่ หากพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ บริเวณนั้นคือจุดที่มีวัตถุล้ำค่ามากมายของนรกแห่งเก่าถูกเก็บอยู่ หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าวัตถุหยินพวกนั้นสามารถใช้ได้เฉพาะยมโลกที่มีขนาดเท่าเมืองเป็นอย่างน้อยแล้วล่ะก็ ข้าคงรีบไปเก็บมันมาแล้ว…”
คำพูดของนางแทงใจของฉินเย่เข้าอย่างจัง พวกนี้คือวัตถุที่ถูกสั่งสมมาตลอดระยะเวลาหลายพันปีของยมโลก… แต่มันกลับถูกทำลายและกลืนกินไปเพราะแมลงแห่งหายนะพวกนี้…
ขณะที่พวกเขาเดินทางใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ ทั้งหมดก็พบว่าบ้านทุกหลังในนครเฟิงตูได้ถูกปกคลุมไปด้วยแมลงแห่งหายนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าแมลงแห่งหายนะที่อยู่รอบ ๆ บ้านพวกนั้นไม่ได้หนาแน่นเท่ากับแมลงแห่งหายนะที่อยู่ที่ทางหวงเฉวียน อันที่จริง ถนนบางเส้นภายในนครวิญญาณยังคงว่างเปล่าด้วยซ้ำ
ฉินเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะเข้าใจในที่สุดว่านี่คือผลจากการมีอยู่ของกายวัชระของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ หรือหากพูดอย่างละเอียดก็คือ คราบเทพเจ้าได้ดึงแมลงแห่งหายนะ 99% จากทั้งหมดในนครเฟิงตูไปที่มัน… และสร้างความหวังให้กับพวกเขา !
“อาร์ทิส ! สถานที่ที่สำคัญที่สุดในยมโลกคือที่ใด ?! เร็วเข้า !!” เขาหันไปตะโกนกับอาร์ทิส
หน้าผากของอาร์ทิสในเวลานี้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ นางคิดอยู่สามวินาทีก่อนจะรีบตอบออกไป “ค่ายทหาร ! นั่นคือที่ที่งานวิจัย กลยุทธ์และนโยบายทั้งหมดของเราถูกเก็บเอาไว้ มันมีแม้กระทั่งแบบแผนการสร้างอาวุธและการทำสงครามด้วย !”
“มุไรคุง !” ทันทีที่ได้ยินอาร์ทิสพูด โนบูนางะก็หันไปสั่งผู้ติดตามของตนเสียงดัง “ไปนำของพวกนี้มาเดี๋ยวนี้ ! และจงอย่ากลับมาหากไม่สามารถนำกลับมาได้ครบแม้แต่สิ่งเดียว !”
ในฐานะของเทพแห่งสงครามผู้โด่งดัง เขารู้ถึงความสำคัญของสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี
ยิ่งกว่านั้น เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้การให้ความช่วยเหลือฉินเย่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด
“รับทราบ !” มุไร ซาดาคัตสึสูดหายใจเข้าช้า ๆ พลังหยินมากมายปะทุออกมา ห่อหุ้มร่างของเขาด้วยชุดเกราะสีแดงเลือดอย่างรวดเร็ว เส้นผมสีขาวสะบัดไปมา และสวมหน้ากาก ดวงตาลุกโชนด้วยเปลวไฟนรก เขาชักดาบที่ยาวสองเมตรของตนออกมา คำรามเสียงดังและพุ่งไปยังเป้าหมาย
ไม่มีเวลาให้อธิบายอะไรไปมากกว่านี้ เส้นผมของอาร์ทิสเปลี่ยนร่างเป็นมือขนาดใหญ่ที่ผลักมุไร ซาดาคัตสึให้ตรงไปยังอาคารสูงราวกับลูกกระสุนที่ถูกยิงออกจากหนังสติ๊ก จากนั้นจึงตะโกนว่า “ยมโลกได้ล่มสลายไปแล้ว ดังนั้นอาณาเขตเวททั้งหมดจึงไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป พยายามมองหาถุงเฉียนคุนทั้งหมดที่อยู่ในนั้นและเอามันออกมา !! อย่าทิ้งไว้แม้แต่ถุงเดียว”
ฉินเย่กะพริบตาปริบ ๆ “ถุงเฉียนคุน ?”
“มันยังถูกรู้จักในชื่อของถุงเอกภพอีกด้วย มันก็คล้ายกับแหวนมิติที่เจ้าเคยอ่านในนิยายออนไลน์ เจ้าคงไม่คิดว่าเรายังใช้หีบเก็บของในยมโลกเหมือนในแดนมนุษย์หรอกใช่หรือไม่ ?” อาร์ทิสถอนหายใจออกมาและจิ้มนิ้วระหว่างหัวคิ้ว หลายวินาทีต่อมา นางส่งร่างของโมริรันมารุตรงไปยังพระราชวังขนาดใหญ่ “คฤหาสน์หยินซี ! นั่นคือสถานที่ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับขนนกทมิฬ ข้าราชการศักดินา กองกำลังรักษาการณ์ต่างชาติ รวมถึงสายสืบทั้งหมดถูกเก็บอยู่ ! นำมันมาทั้งหมด !”
จากรายชื่อพวกนี้… พวกเขาบางตนน่าจะยังมีชีวิตอยู่ !
ถึงแม้ว่ายมโลกจะล่มสลายไป และพวกเขาก็กลายเป็นวิญญาณร้ายที่ไม่มีตำแหน่ง… แต่ทั้งหมดที่พวกนางต้องทำก็คือเขียนชื่อพวกเขาลงไปในบันทึกนรก ! นอกจากนี้ พวกนางยังสามารถมั่นใจได้ด้วยว่าพวกเขาคือพวกหัวกะทิในหมู่หัวกะทิ !
นี่คือแหล่งกำลังสำคัญที่พวกนางจะเสียไปไม่ได้เด็ดขาด !
หลังจากส่งผู้ติดตามทั้งสองไปทำหน้าที่ของตน อาร์ทิสก็หันไปหาโนบูนางะ “โนบูนางะซัง… มีสถานที่หนึ่งที่ท่านจะต้องไปด้วยตัวเอง”
นางหันไปมองยังจุดที่มีแมลงแห่งหายนะเกาะอยู่รอบๆ “หอวิญญาณ… นั่นคือที่เก็บงานวิจัยตลอดพันปีเกี่ยวกับยันต์ ผนึกและอาณาเขตเวท ตอนนี้ท่านอาจจะไม่เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญอย่างไร แต่ข้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า มันสำคัญมากกว่าของที่อยู่ในค่ายทหารเสียอีก !”
“เข้าใจแล้ว…” โนบูนางะสูดหายใจเข้าช้า ๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะระเบิดพลังหยินที่รุนแรงออกมา บริเวณอกเปิดออกพร้อมกับเสียงหักของกระดูก ซี่โครงของเขายื่นออกมาราวกับกิ่งของต้นหลิว เผยให้เห็นกะโหลกสีขาวที่อยู่ภายใน เปลวไฟนรกสีทองลุกโชนขึ้นในจุดที่เคยเป็นเบ้าตา พร้อมกับเสียงตะโกนที่สนั่น เขาพุ่งตัวไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เหลือเพียงอาร์ทิสและฉินเย่เท่านั้นที่ยืนอยู่ และทันใดนั้นอาร์ทิสก็หันไปมองอีกฝ่าย “ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องไปสถานที่ที่สำคัญที่สุด…”
เงียบ
ไม่กี่วินาทีต่อมา ฉินเย่กระแอมแห้ง ๆ “เรา… เรียกโนบูนางะกลับมาดีหรือไม่ ?”
อาร์ทิสเอ่ยเสียงแข็ง “ศาลาตงเถียนหรือศาลาแห่งการรู้แจ้ง นั่นคือสถานที่ซึ่งความลับ งานวิจัย การต่อตัวและการพัฒนาวิญญาณ รวมถึงข้อมูลการทดลองและสมมติฐานทั้งหมดของยมโลกถูกเก็บเอาไว้ มันยังเป็นสถานที่ที่พวกวิญญาณร้ายถูกผนึกเอาไว้ด้วย เจ้าจะเจอบันทึกเกี่ยวกับวิธีการรับมือกับวิญญาณที่ทรงพลังที่สุด รวมถึงภูตผีคลุ้มคลั่งและตัวตนที่แข็งแกร่งกว่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลลับที่ทำให้ยมโลกมีความได้เปรียบเหนือโลกใต้พิภพอื่น ๆ หากคนนอกได้เห็นสิ่งเหล่านี้…”
“ข้ารู้แล้ว เข้าใจแล้ว ข้าจะไป ข้าไปเอง…” ฉินเย่คลึงขมับของตนขณะที่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน จากนั้น ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร มือขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นจากเส้นผมสีดำสนิทก็ผลักเขาจากด้านหลังและส่งเขาไปยังสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ทันที
อาร์ทิสไม่ได้ขยับไปไหนเลยแม้แต่น้อย กลับกัน นางเพียงลอยตัวอยู่กลางอากาศเป็นเวลาหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างไม่พอใจนักขณะที่หันไปมองยังสถานที่แห่งหนึ่ง
มันคือทะเลสาบสีดำสนิท
ความกว้างของมันประมาณสิบเมตร และมันก็มีสิ่งก่อสร้างมากมายถูกสร้างอยู่รอบ ๆ อย่างเป็นระเบียบ
พระราชวังแห่งชีวิตนิรันดร์ !
มันคือจุดศูนย์กลางของงานบริหารทั้งหมด ! นอกจากนี้ การติดต่อจากต่างประเทศทั้งหมดตั้งแต่ที่ยมโลกล่มสลายไปจะถูกส่งตรงมากที่นี่โดยอัตโนมัติ ซึ่งนั่นรวมถึงคำเชิญเข้าร่วมงานประชุมจากต่างแดนและการประชุมระดับโลก และสมบัติที่มีความสำคัญเป็นพิเศษเองก็ถูกเก็บไว้ที่นี่เช่นกัน
ซึ่งนั่นก็คือโครงกระดูก
ตำนานได้กล่าวเอาไว้ว่านี่คือโครงกระดูกของราชินีแห่งแผ่นดิน โฮ่วถู่เหนียงเหนียง ถูกห่อหุ้มด้วยแผ่นยันต์ของยมโลก ถูกเก็บไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของนรก ดูดซับพลังหยินอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มหาสมบัติพื้นฐานทั้งสาม และวัตถุศักดิ์สิทธิ์ขั้นรองชิ้นอื่น ๆ ทั้งหมดได้กระจัดกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ …..นี่เป็นวัตถุหยินอันแสนล้ำค่าเพียงชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ในนรกตอนนี้ !
และบังเอิญ มันก็เป็นจุดที่มีพลังหยินหนาแน่นมากที่สุดเช่นกัน
เมื่ออาร์ทิสมองลึกลงไปในทะเลสาบ เปลวไฟนรกสีแดงพลันลุกโชนขึ้นและจ้องกลับมาที่นางอย่างไม่ยอมแพ้
“อ่า… มันมีราชาแมลงแห่งหายนะอยู่จริง ๆ…” ร่างของนางลอยไปมาเล็กน้อยก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครั้งในจุดที่ห่างออกไปหลายพันเมตร “หากข้าสามารถจัดการกับเจ้าได้… ข้าจะสามารถควบคุมพวกแมลงแห่งหายนะที่อยู่โดยรอบได้ใช่หรือไม่ ?”
………
ฉินเย่ไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
สมุดแห่งความเป็นตายไม่ได้อยู่กับเขา อาร์ทิสยังคงเก็บมันอยู่กับตัว และนางก็ผลักเขามาอย่างกะทันหันเสียจนเขาทำได้เพียงสบถออกมาเบา ๆ
“นี่คือการแย่งชิงบัลลังก์ใช่ไหม ? ใช่ มันจะต้องใช่แน่ ๆ! ในที่สุดท่านก็แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาหลังจากที่ซ่อนมันไว้เสียนานสินะ ? ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านอยากได้ตำแหน่งจ้าวนรก ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านนั้นมันตัวอันตราย ! ไม่เช่นนั้น เหตุใดจึงไม่มอบสมุดแห่งความเป็นตายให้กับคนที่อ่อนแออย่างข้ากัน ?!”
ร่างของเขาไม่ได้ลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อยขณะที่เขายังคงบ่นและต่อว่าอาร์ทิสต่อไป โชคดีที่เขาไม่เจอพวกแมลงแห่งหายนะมากนักในระหว่างที่พุ่งตัวไปยังจุดหมาย มันไม่ใช่ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีแมลงพวกนั้นอยู่ แต่มันเป็นเพราะขนาดที่ใหญ่โตของนครเฟิงตู และการมองลงไปจากด้านบนก็ทำให้ทุกอย่างแย่กว่าเดิมเสียอีก
ซ่ากกกก !! เสียงร้องที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันขณะที่เลี้ยวโค้งทำให้เด็กหนุ่มตกใจเป็นอย่างมาก ด้วยเสียงกระพือของปีกหลายสิบคู่ ร่างสีดำจำนวนมากพุ่งเข้ามาหาเขาจากทุกทิศทาง ความปรารถนาและความหิวโหยของพวกมันดังให้ได้ยินผ่านเสียงร้องนั้น
“พวกเจ้ารนหาที่ตายชัด ๆ!” ฉินเย่เอ่ยออกมาอย่างเย็นชาและกางไม้ขกสังปั๊งของตนทันที ตู้ม ตู้ม ตู้ม ! … เขารู้สึกว่าแขนของตัวเองสั่นเทาเล็กน้อยขณะที่แมลงแห่งหายนะปะทะเข้ากับผิวของไม้ขกสังปั๊งโดยตรงและตกลงไปบนพื้น
ฟุ่บ… เมื่อเขาเก็บไม้ขกสังปั๊งอีกครั้ง ฉินเย่ก็ได้เห็นร่างที่แท้จริงของเหล่าแมลงแห่งหายนะที่อยู่โดยรอบ