ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 324: วิญญาณอายุ 50 ปี
บทที่ 324: วิญญาณอายุ 50 ปี
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?” วิญญาณหมอผีกระหยิ่มยิ้มย่อง “เจ้าอยู่ขั้นยมทูตขาวดำ ข้าก็อยู่ขั้นยมทูตขาวดำ และลูกของข้าเองก็อยู่ขั้นยมทูตขาวดำเช่นกัน แล้วเจ้าคิดหรือว่าเจ้าเพียงตนเดียวจะสามารถเอาชนะเราได้ ?”
ฉินเย่แย้มยิ้มออกมาโดยไม่เอ่ยอะไร
เมื่อครู่เขาเพิ่งสงสัยขึ้นมาว่าทำไมวิญญาณขั้นยมทูตขาวทำทั้งสองถึงไม่หันหลังและวิ่งหนีไปแม้ว่าจะเห็นการปรากฏตัวของยมทูตที่อยู่ขั้นเดียวกัน เพราะอย่างไรแล้ว หากเป็นวิญญาณที่มีอายุมานานกว่าร้อยปีจะต้องรีบหนีไปอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ เขารู้แล้ว
“พวกเจ้าเพิ่งตายมาเพียง 50 ปีสินะ นั่นถือเป็นคำอธิบายการกระทำที่โง่เขลานี้ได้อย่างดี…” เขายิ้มบางและเริ่มเดินโดยลากไม้ขกสังปั๊งในมือไปตามพื้น ทิ้งไว้เพียงรอยเลือดที่ลากเป็นทางยาว ไม่นาน เด็กหนุ่มก็เดินมาหยุดลงตรงหน้าคู่แม่ลูกมัจจุราชแห่งยมโลกและเผยรอยยิ้มเห็นฟัน
เด็กน้อยเลียริมฝีปากของตนอย่างหิวโหย วิญญาณหมอผีเองก็หรี่ตาลงขณะที่จิตสังหารแผ่ออกมาจากร่าง
เสี้ยววินาทีต่อมา พร้อมกับคลื่นเสียงกระแทกที่ดังขึ้นในอากาศ ไม้ขกสังปั๊งของฉินเย่วาดออกด้านหน้าด้วยความเร็วที่เหมือนกับสายฟ้าฟาด แววตาที่ผ่อนคลายของมัจจุราชทั้งสองหดลง และทั้งคู่ก็กระโดดถอยหลังพร้อมกับกรีดร้องออกมาเสียงดัง
เร็ว…
เร็วมาก !
เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ !
“พยายามจะหนีอย่างนั้นหรือ ?” ฉินเย่แสยะยิ้ม โซ่ตรวนวิญญาณพุ่งออกไปจากแขนเสื้อ พันธนาการร่างส่วนบนของวิญญาณเด็กเอาไว้อย่างแม่นยำ
ซ่ากกกก !!! อีกฝ่ายร้องออกมาอย่างน่าสังเวชขณะที่ร่างของเขาพองออกราวกับลูกโป่งจนมีขนาดสองเมตร มันพยายามใช้ร่างกายที่ใหญ่โตของตัวเองในการต่อสู้และพยายามจะคลายโซ่ที่มัดร่างของตนไว้ แต่ก็ไร้ประโยชน์ โซ่ที่พุ่งออกมาจากแขนเสื้อของฉินเย่ดูราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งร่างของมันขยายใหญ่ขึ้น ความยาวโซ่ที่พุ่งออกมาเองก็ยาวขึ้นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ความพยายามของวิญญาณเด็กจึงไร้ประโยชน์
โฮกกก !! ทันใดนั้น ขณะที่โซ่เริ่มรัดแน่นขึ้น วิญญาณตรงหน้าก็เปล่งเสียงคำรามที่ทรงพลังออกมา ร่างของเขาพองจนมีขนาดสามเมตร และพยายามดิ้นรนที่จะหนีไปจากดาดฟ้าของอาคาร แต่ขณะที่มันจะไปถึงประตูบานที่พวกมันออกมา ยันต์สีทองบนโซ่ก็เปล่งแสงออกมา ส่งผลให้พลังหยินที่อยู่โดยรอบพุ่งมาบรรจบกัน จากนั้น ด้วยเสียงกรีดร้องที่เสียดแทงหัวใจ วิญญาณเด็กก็ถูกหั่นออกครึ่งหนึ่งด้วยการหดตัวเข้าหากันของโซ่!
ฟึ่บ… พลังหยินกระจัดกระจายออกไปโดยรอบราวกับผีเสื้อ เมื่อพลังหยินดังกล่าวหายไป มันก็เผยให้เห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของวิญญาณหมอผีผู้เป็นแม่
เป็นไปได้อย่างไร ?!
นางอ้าปากอย่างตกตะลึงและหันไปมองยังจุดที่วิญญาณเด็กสลายไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาแดงก่ำเบิกโพลงขณะที่ปากอ้าค้าง มันไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับกัน นางถูกถาโถมไปด้วยคลื่นของความประหลาดใจแทน
ตายในทันที?
เรื่องบ้า ๆ แบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
สามารถสังหารตัวตนที่อยู่ขั้นพลังเดียวกันได้ภายในทันทีเนี่ยนะ ? นั่นเป็นสิ่งนางไม่เคยเห็นมาก่อนในตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ตายมา !
หลังจากผ่านไปสามวินาที นางก็หันหน้ากลับมามองฉินเย่อย่างแข็งขืนขณะที่ถามออกมาเสียงเบา “เจ้า… ทำได้อย่างไรกัน ?”
แต่คำตอบเดียวที่นางได้กลับมาก็คือการสะบัดมือเบา ๆ ของฉินเย่ แผ่นยันต์บนไม้ขกสังปั๊งกระจายตัวออกราวกับเงินกระดาษที่ตกลงมาจากฟากฟ้า เผยให้เห็นใบมียาวด้านใน
จากนั้น ทันทีที่แผ่นยันต์ร่วงลงพื้น พวกมันก็ลุกไหม้ด้วยประกายไฟดีดำสนิท จากนั้น… มันก็เริ่มหมุนไปรอบ ๆ และก่อตัวเป็นกำแพงยันต์ที่ปิดกั้นเส้นทางหลบหนีทั้งหมดไป
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมราชาผีของเจ้าถึงไม่มาที่นี่ด้วยตนเอง ?” ฉินเย่ลากอาวุธในมือของตนไปตามพื้นและแย้มยิ้มให้กับมัจจุราชแห่งยมโลกตัวเดียวที่เหลืออยู่
นางส่ายหน้า
ตึก… ฉินเย่ก้าวไปข้างหน้า และพลังหยินที่อยู่โดยรอบพวกเขาก็เริ่มปั่นป่วนอย่างรุนแรง วิญญาณหมอผีมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยความหวาดกลัว และนางก็พบว่าแม้แต่พลังหยินของนางเองก็ดูเหมือนจะทรยศตนและพุ่งไปหาฉินเย่ราวกับต้องการจะยอมสวามิภักดิ์ให้กับจ้าวแห่งยมโลก ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มก่อตัวขึ้น
“เพราะว่าเขากลัวอย่างไรเล่า” ปลายกระบี่สร้างประกายไฟขึ้นตามพื้น แต่ฉินเย่ก็ยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ “ราชาผีของเจ้าไม่เคยบอกหรอกหรือว่ายมทูตนั้นมีอำนาจเหนือวิญญาณที่อยู่ขั้นพลังเดียวกันและต่ำกว่า ?”
ตึก !
เด็กหนุ่มก้าวไปด้านหน้าอีกก้าว ฟันของวิญญาณหมอผีเริ่มกระทบกันอย่างไม่สามารถควบคุมได้ น่ากลัวมาก… ความหวาดกลัวภายในใจของนางในเวลานี้ไม่ต่างอะไรก็หนูที่จ้องมองไปยังแมวตัวใหญ่ หรือยุงที่มองไปยังแมงมุมบนใยแมงมุมที่ตนติดอยู่เลยแม้แต่น้อย มันเป็นความกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจ
นี่มันบ้าอะไรกัน ?!!
ตึก… ก้าวที่สาม ตอนนี้ฉินเย่อยู่ห่างจากวิญญาณตรงหน้าไม่ถึงสามเมตรเท่านั้น และความกลัวภายในใจของวิญญาณหมอผีก็เริ่มพุ่งขึ้นไปถึงสมอง พร้อมกับเสียงร้องแหลมสูง ผมของนางพุ่งออกมาและก่อตัวเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ในขณะที่นางตะเกียกตะกายไปยังอีกมุมหนึ่งของดาดฟ้า แนบหลังพิงกับกำแพงยันต์ที่อยู่ด้านหลังของตนเอง
“อย่าเข้ามา !!” นางตะโกนออกไปสุดเสียง
โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องของอีกฝ่าย ฉินเย่ยังคงเดินเข้าไปหานาง ทีละก้าว ๆ เร็วขึ้นเรื่อย ๆ สามเมตร… สองเมตร… และขณะที่เขาเข้าไปในระยะสองเมตร ฟางเส้นสุดท้ายภายในใจของวิญญาณตรงหน้าก็ขาดผึง ! พร้อมกับเสียงร้องที่ดังลั่น ตาข่ายผมของนางพุ่งเข้าหาฉินเย่ราวกับกระแสน้ำทะเลที่ถาโถม
“ตาย… ตาย !!!” นางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง แทบจะเหมือนกับต้องการปกปิดความกลัวที่เข้าปกคลุมหัวใจ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ… เสียงพันกันดังขึ้นและร่างของฉินเย่ก็ถูกห่อหุ้มด้วยเส้นผมจนดูราวกับรังไหมสีดำสนิท วิญญาณหมอผีตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น นางไม่คิดว่าการโจมตีของตัวเองจะเป็นไปอย่างราบรื่นเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม นางรีบรัดผมของตัวเองรอบร่างของฉินเย่ทันที !
ฟึ่บ… เสียงของมันเหมือนกับสายธนูที่ถูกดึงจนตึง ดวงตาของนางแดงก่ำ เส้นผมสีดำได้รับการเสริมความแข็งแกร่งขึ้นด้วยน้ำศพที่มีอายุมานานกว่าหลายสิบปี มันหนาและมีพิษจากซากศพติดอยู่ ใครก็ตามที่ติดอยู่ภายในพันธนาการของนางล้วนต้องตายทั้งสิ้น แต่ถึงกระนั้น… ภายในใจของนางกลับยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ไม่สิ้นสุด
“ทั้ง ๆ ที่อยู่ขั้นยมทูตขาวดำเช่นกันแต่กล้าดีอย่างไรถึงทำตัวราวกับพระเจ้าต่อหน้าข้า ?!” นางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้งขณะที่เส้นผมจำนวนมากพุ่งขึ้นมาจากรอยแตกบนพื้น บิด หมุน และก่อตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นมือขนาดใหญ่ที่คว้ารังไหมสีดำตรงหน้าก่อนจะบีบมันด้วยแรงทั้งหมดที่มี !
ตู้ม !
พลังหยินที่อยู่บริเวณใกล้เคียงสั่นไหวอย่างรุนแรง นี่เป็นการโจมตีที่แสนทรงพลังของวิญญาณขั้นยมทูตขาวดำ และคลื่นกระแทกจากการโจมตีของนางก็กระจายตัวออกไปมากกว่าร้อยเมตร
ฟึ่บ…
แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา เส้นผมของนางก็ขาดสะบั้น และเผยให้เห็นกลุ่มก้อนพลังหยินที่หนาแน่นปรากฏอยู่ตรงกลางของรังไหม
นางมึนงงเป็นอย่างมาก
วิญญาณหมอผียืนอยู่บนชั้นดาดฟ้า ตรงหน้าเส้นผมสีดำจำนวนมากของตัวเอง ริมฝีปากสั่นเทา และร่างของนางเองก็สั่นระริกขณะที่มองดูฉินเย่เดินออกมาจากความมืดด้วยความตะลึงงัน
ปราศจากรอยขีดข่วนใด ๆ!
“ไม่ต้องประหลาดใจ” ฉินเย่เอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก “ศักดิ์ศรีแห่งอำนาจ การโจมตีจากวิญญาณที่มีระดับพลังเดียวกันจะไม่สามารถทำลายการป้องกันของข้าได้… จะว่าไป เจ้าไม่คิดว่าตัวเองควรสระผมสักนิดหรือ ? กลิ่นของมันเหม็นชะมัด”
ไร้ซึ่งคำตอบ
เปลวไฟนรกในดวงตาของวิญญาณหมอผีลุกโชนอย่างรุนแรง เสี้ยววินาทีต่อมา นางกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวและพยายามจะหนีลงบันไดราวกับคนเสียสติ
ปีศาจร้าย…
ชายผู้นี้เป็นปีศาจร้าย ! ปีศาจร้ายอย่างแท้จริง !
นางไม่เหลือไพ่ตายอะไรอีกแล้ว และนี่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่นางจะสามารถอาศัยโชคของตัวเองในการหนีรอดไปได้ การต่อสู้เมื่อครู่ทำให้นางได้รู้ความจริงข้อหนึ่ง…. ตัวนางกับอีกฝ่ายมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หนี… หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ! นี่มันบ้าอะไรกัน ?! ชายผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว !!!
ฉินเย่ไม่แม้แต่จะพยายามขัดขวางอีกฝ่าย
กลับกัน เขาเพียงถือกระบี่ในมือ จากนั้นร่างของเขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียงภาพติดตา เสื้อคลุมของเขากระพืออย่างรุนแรงขณะที่เขาแทรกตัวผ่านความมืด ทิ้งไว้เพียงคลื่นเสียงที่ดังสนั่น พลังหยินจำนวนมหาศาลก่อตัวรอบกระบี่ราวกับมังกรดำที่แสนดุร้ายก่อนจะพุ่งเข้าหาวิญญาณตรงหน้า วิญญาณหมอผีไม่มีแม้แต่โอกาสให้หันกลับไปมอง สิ่งเดียวที่นางได้ยินคือเสียงลมพายุรุนแรงที่พุ่งมาจากด้านหลัง ความหวาดกลัวมหาศาลเข้าเกาะกุมหัวใจ และทำได้เพียงแค่กรีดร้องออกมาเสียงดัง “ไว้ชีวิต—…”
จากนั้นนางก็ไม่รับรู้อะไรอีก
สติสัมปชัญญะของนางว่างเปล่า !
ประมาณสองวินาทีต่อมา นางก็ตื่นจากอาการมึนงงก่อนที่ความเจ็บปวดจะแล่นไปทั่วร่าง นางพยายามจะกรีดร้อง อยากจะขอความช่วยเหลือ แต่ก็พบว่า… กระบี่ที่ยาวได้แทงทะลุลำตัวของนางและตรึงร่างของนางไว้กับพื้น การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยสร้างคลื่นความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับกระแสไฟฟ้า
ตึก… เท้าคู่หนึ่งเดินมาหยุดลงตรงหน้า ความหวาดกลัวเข้าครอบงำ ชำระล้างความกระหายเลือดทั้งหมด และแม้แต่ความจงรักภักดีต่อที่มีต่อราชาผีเองก็เช่นกัน ในวินาทีนี้ นางทำได้เพียงรวบรวมแรงทั้งหมดและร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง “ได้โปรด… ไว้ชีวิตข้า…”
นางหันกลับไปมองฉินเย่ด้วยความเคารพและหวาดกลัว แทบจะเหมือนกับอ้อนวอน ขณะที่พยายามข่มความเจ็บปวดที่รุนแรงบริเวณอก “ได้โปรด… ไว้ชีวิตข้า… สะ เส้น… เส้นการบ่มเพาะของข้าไม่ใช่เรื่องง่าย… นะ นายท่านโปรดเมตตา…”
ฉินเย่นั่งยอง ๆ และตบหน้าอีกฝ่ายเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง เจ้าจะยังไม่ตายตอนนี้”
“ข้ายังมีคำถามอีกมากมายที่ต้องการคำตอบ มันไม่ใช่ทุกวันที่ข้าจะมีโอกาสได้เจอขั้นยมทูตขาวดำ… แถมยังเป็นมัจจุราชแห่งยมทูตอีกด้วย ดังนั้นข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่ใช่ผู้ช่วยที่ได้รับความไว้วางใจจากราชาผี”
จากนั้นเขาก็หยิบลูกบอลผนึกออกมา “ว่าอย่างไร ? เจ้าจะทำมันด้วยตัวเองหรือจะให้ข้าช่วย ?”
“ขะ ขอบคุณ…” วิญญาณหมอผีกัดฟันแน่นและข่มความเจ็บปวดที่อกของตัวเองขณะที่เปลี่ยนร่างเป็นกระแสพลังหยินและพุ่งเข้าไปในลูกบอลวิญญาณ อักขระบนลูกบอลวิญญาณเปล่งแสงออกมาก่อนจะกลับเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
นี่คือวิญญาณตนสุดท้าย… ฉินเย่ถอนหายใจออกมาและเหลือบไปมองศพของหวังเฉิงห่าวและหลี่จี่สี่ก่อนจะมองกำแพงยันต์ที่อยู่ล้อมรอบพวกเขา
“แต่ดูเหมือนว่าจะยังติดอยู่อีกเรื่องสินะ…” เขายื่นมือออกไปและกำมือ และยันต์ทั้งหมดที่อยู่รอบตัวก็ลอยกลับเข้ามาติดอยู่บนกระบี่และกลายเป็นไม้ขกสังปั๊งตามเดิม ในขณะเดียวกัน สายตาของพวกเขาก็หันไปมองทางชานเมือง
ฝนหยุดตกไปสักพักหนึ่งแล้ว
ทุกอย่างยังคงมืด แต่พื้นที่รอบวงกว่า 1,000 เมตรได้ถูกปิดล้อมด้วยเทปกาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทันทีที่ยันต์ทั้งหมดหายไป เขาก็ได้ยินเสียงของกองกำลังทหารติดอาวุธจำนวนมากดังขึ้น รถทหารหลายขนาดถูกจอดอยู่โดยรอบ ในขณะที่แสงไฟจากรถถูกฉายมาที่ดาดฟ้า
รูม่านตาสีขาวของเขาทำให้เห็นมองเห็นสายพลังหยางที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกได้ว่าอาคารที่เขาอยู่นั้นเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่จำนวนมากตั้งแต่ชั้นแปดลงไป มันมีแม้กระทั่งพลซุ่มยิงที่อยู่ชั้นบนสุดของตึกที่อยู่ออกไปจากเขาอีก 200 เมตร เลเซอร์ของพวกเขาถูกปิดอยู่แต่มันก็เห็นได้ชัดว่าศูนย์เล็งของอีกฝ่ายเล็งมาที่เขาอย่างแน่นอน
ตอนนี้มีผู้ฝึกตนอย่างน้อย 300 คนรวมตัวกันอยู่ด้านลง… เด็กหนุ่มจุดธูปลบความทรงจำขึ้นอย่างเงียบๆ พลังหยินของเขากลายร่างเป็นอีกาจำนวนนับไม่ถ้วนก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นไปเหยียบพวกมันและลอยลงไปด้านล่าง
เขาจำเป็นจะต้องหาทางออกจากเหตุการณ์ในคืนนี้
เขาจำเป็นต้องหาข้อแก้ตัวที่เหมาะสมเพื่ออธิบายว่าทำไมตนถึงมาที่นี่และหลี่จีสี่กับหวังเฉิงห่าวเสียชีวิตในหน้าที่ได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ สิ่งนี้จะช่วยมอบทางออกที่สมบูรณ์แบบให้กับเขา !
……
กวนเกินยังคงคาบบุหรี่ไว้ในปากขณะที่จ้องมองไปที่ดาดฟ้าด้วยดวงตาแดงก่ำ
เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน มีการตรวจจับได้ถึงการระเบิดของพลังหยินขึ้นในบริเวณใกล้เคียง
เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน กองกำลังรักษาการณ์ทั้งหมดในมือมาถึงที่ด้านนอกของเขตไล่ล่า D-69 ที่ซึ่งพวกเขาได้เห็นกำแพงยันต์ปรากฏขึ้นด้วยตาของตัวเอง และพวกเขายังสัมผัสได้ถึงการปะทะกันระหว่างสองยมทูตขาวดำอีกด้วย
แต่ถึงกระนั้น การปะทะกันกลับเกิดขึ้นไม่ถึงสิบวินาที ตั้งแต่ที่คลื่นกระแทกที่ทรงพลังของการปะทะกันของพลังหยิน ไปจนถึงการประกาศชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ของฝ่ายหนึ่ง
จบแล้วหรือ ?
แบบนี้น่ะหรือ ?
ภาพสุดท้ายที่กล้องวงจรปิดจับได้เผยให้เห็นว่าหวังเฉิงห่าว ฉินเย่ และหลี่จีสี่ล้วนอยู่ในอาคาร
เกิดอะไรขึ้น ? คนอย่างหลี่จีสี่… เขาไม่สามารถต่อว่าการกระทำของอีกฝ่ายได้ แต่เขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของอีกฝ่ายด้วย พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างมีมุมมองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนอย่างหลี่จีสี่… แบกรับน้ำหนักของโลกไว้บนไหล่ แล้วอะไรกันที่ทำให้เขาลดความสำคัญของภารกิจอื่น ๆ ตลอดจนพาตัวเองมาที่นี่ ? คน ๆ นั้นรู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่ามันจะมีการปะทะกันระหว่างวิญญาณขั้นยมทูตขาวดำสองตน ?
“ให้ตายเถอะ…” เขากัดก้นบุหรี่ของตัวเองอย่างแรงก่อนจะพ่นมันลงกับพื้น ทันใดนั้นแสงจันทร์ก็มืดลง และเงาดำก็ดูเหมือนจะลอยลงมาพร้อมกับเสียงร้องที่ดังกึกก้อง
“ระวัง !!!” คนทั้งหมดกลับมาได้สติและเพิ่มระดับความระมัดระวังของตนขึ้นถึงจุดสูงสุด หน่วยสอบสวนพิเศษได้รับมอบอำนาจในการสั่งการกองกำลังทั้งหมดเป็นการชั่วคราว ดังนั้น ด้วยการส่งสัญญาณมือเพียงเล็กน้อย… กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก… ปากกระบอกปืนนับพันก็ถูกเล็งขึ้นไปบนฟ้าทันที