ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 334: โชคชะตา
บทที่ 334: โชคชะตา
จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งอย่างนั้นหรือ… ฉินเย่เดินไปรอบ ๆ อย่างร้อนใจโดยไพล่มือไปด้านหลังขณะที่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง
“ท่านกำลังจะบอกว่า… ยมโลกแห่งใหม่จำเป็นจะต้องได้รับการยอมรับจากราชทูตทั้ง 12 ในปลายปีนี้ให้ได้และนำตราประจำตัวของเหล่าข้าราชการศักดินากลับมา ? อีกนัยนึงก็คือ ข้าจะต้องก่อตั้งเส้นทางการค้าให้ได้ ในขณะที่รักษาชีวิตของตัวเองไปด้วย ?” เขาสงบลงในที่สุด และสายตาก็จ้องไปยังทิวทัศน์ที่อยู่ห่างออกไป “แต่ทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับว่าข้าสามารถทำให้จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งยอมรับได้หรือไม่ อย่างน้อยที่สุด เขาก็ต้องมองยมโลกใหม่อย่างเท่าเทียมกันเสียก่อนเราจึงจะสามารถเริ่มเจรจาต่อรองได้”
จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ชัดเจนขึ้นมาในหัว
ก่อนหน้านี้ การประชุมราชสำนักในปลายปีนั้นจะเป็นเพียงเรื่องรอบนอกและไม่สำคัญมากนัก แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ! มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องผ่านไปให้ได้ และจะต้องสำเร็จด้วย !
ไม่ใช่เพียงแต่ยมโลกแห่งใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตของเขาด้วย !
อาร์ทิสพยักหน้า “พยายามให้ดีที่สุด… พวกเราจะเชิญราชทูตทั้ง 12 มาพร้อมกัน และเมื่อเวลานั้นมาถึง… มันก็จะเป็นเวลาที่การแสดงเริ่มเปิดฉากขึ้น เชื่อข้า ราชทูตพวกนี้จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ ก่อนจะพยักหน้า ยังไม่พอ… มันยังไม่พอ ยมโลกยังไม่พัฒนามากเท่าที่ควร ! ชีวิตของเขา เส้นทางการค้า และความหวังในการจะเป็นพ่อค้าอาวุธ… มันมีอะไรหลายอย่างที่จะต้องทำสำหรับการประชุมราชสำนักกำลังจะมาถึงในสิ้นปี ! แต่… มันก็ยังมีความหวังอยู่ !
เพราะอย่างไรแล้ว ความรุ่งโรจน์และความเจริญของยมโลกในตอนนี้ บวกกับการสนับสนุนของสมุดแห่งความเป็นตาย และการดำรงอยู่ของตี้ทิงก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถมองข้ามได้เลยสักนิด !!
ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรยังคงเป็นสิ่งที่ต้องรอดู… สำหรับตอนนี้ พวกเขามีหน้าที่เพียงแค่ทุ่มสุดตัวสำหรับการแสดงที่จะถูกจัดขึ้นในสิ้นปีเท่านั้น
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็เงยหน้าขึ้นมาในที่สุด “ถ้าเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าเราควรจะไปดูสมุดแห่งความเป็นตายกันหรอกหรือ ?”
อาร์ทิส “???”
ฉินเย่หัวเราะออกมาเบา ๆ “ก็ข้าต้องเตรียมตัวไม่ใช่หรือ ? ด้วยรูปลักษณ์และสติปัญญาของข้า การหว่านเมล็ดพันธุ์สำหรับอนาคตคงจะไม่ใช่ปัญหา แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องก็คือเมล็ดพันธุ์พวกนี้จำเป็นจะต้องถูกปลูกในที่ที่ถูกต้อง และข้าก็ต้องปลูกเผื่อไว้สำหรับกรณีผิดพลาดด้วย มันค่อนข้างเป็นเรื่องสำคัญหากเราต้องเผชิญหน้ากับเหตุไม่คาดฝันในปลายปีนี้ เพราะอย่างไรแล้ว บางครั้งเราก็ต้องยอมใช้จุดแข็งของตัวเองและสละแรงกายเพื่อให้ได้มาซึ่งชีวิตที่บริสุทธิ์…”
เส้นเลือดบริเวณขมับของเขาเต้นตุบ ๆ “หากข้าไม่รู้จักเจ้า ข้าอาจจะเชื่อคำพูดพวกนี้ของเจ้าไปแล้ว จะว่าไป เคล็ดลับของเจ้าคืออะไร ? เจ้าสามารถพัฒนาผิวหนังของตัวเองจนหนาถึงขนาดที่จนสามารถต้านทานอิทธิพลภายนอกได้อย่างไร ? นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะทำได้นะ… มันเป็นพรสวรรค์เฉพาะบุคคล…”
นางเอ่ยพร้อมส่งเสียงฮึดฮัดและเลิกสนใจฉินเย่ จากนั้น นางก็โบกมือ และสมุดแห่งความเป็นตายเล่มใหญ่ก็ลอยออกมาจากกลุ่มก้อนพลังหยินทรงกลมที่ลอยอยู่เหนือประตูนรก ไม่กี่วินาทีต่อมา สมุดโบราณเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของอาร์ทิส
“สมุดแห่งความเป็นตายจดบันทึกกรรมดีและกรรมชั่วทั้งหมดในชีวิตของคนแต่ละคน การแต่งงานที่วางแผนไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งงานที่ดี มันก็ถือว่าเป็นกรรมดีเช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้ว มันก็มีวัตถุประสงค์เพื่อการขยายพันธุ์ของมนุษยชาติ ดังนั้นสมุดแห่งความเป็นตายจึงจะเผยให้เห็นเฉพาะคู่ชีวิตที่ดีที่สุด หรือคู่ชีวิตที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้น อันที่จริง เย่ว์เหล่า เทพเฒ่าจันทราคนก่อนก็มักจะมาขอคำแนะนำกับยมโลกแห่งเก่าเมื่อตอนที่เขาพบเจอปัญหาในหน้าที่การงานของตัวเองเช่นกัน” ขณะที่นางเอ่ย อาร์ทิสก็ประสานมือและทำสัญลักษณ์มากมาย และสมุดโบราณก็ลอยขึ้นกลางอากาศก่อนจะเริ่มพลิกหน้ากระดาษด้วยตัวของมันเอง
“คน ๆ หนึ่งอาจจะมีโอกาสได้แต่งงานเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต แต่ก็มีหลายครั้งที่พวกเขาจบลงด้วยการแต่งงานกับผู้ที่ตนไม่ได้รัก …คู่ชีวิตที่เหมาะสมหรือคู่ที่ถูกกำหนดไว้ยังมีอยู่อีกมาก สมุดแห่งความเป็นตายจะจดรายชื่อของผู้คนเหล่านั้นด้วยสีชมพู ดูดี ๆ และจดรายชื่อของคนเหล่านี้ลงไป”
ฉินเย่พยักหน้าและจ้องมองสมุดแห่งความเป็นตายเขม็งขณะที่มันพลิกไปเรื่อย ๆ พรึ่บ… หน้ากระดาษยังคงพลิกไปอย่างแผ่วเบา หนึ่งนาทีผ่านไป… สองนาทีผ่านไป… สามนาทีผ่านไป… แต่มันก็ยังว่างเปล่า !
“เกิดอะไรขึ้น ?” อาร์ทิสมองสมุดโบราณตรงหน้าด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างมากขณะที่มันยังคงเปิดไปเรื่อย ๆ หลังจากผ่านไป 15 นาที สมุดโบราณก็เปิดมาถึงหน้าสุดท้าย และปกหลังก็ปิดลง จากนั้นมันก็เริ่มค้นหาใหม่อีกครั้ง
“ข้าเป็นดวงดาวแห่งความโดดเดี่ยว ข้าถูกกำหนดมาให้อยู่เพียงลำพัง !” ฉินเย่เอ่ยออกมาพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เป็นไปไม่ได้ !” อาร์ทิสเบิกตากว้าง ริมฝีปากของนางสั่นเทาขณะที่สายตาจับจ้องไปที่สมุดแห่งความเป็นตาย “ไม่ว่าจะเป็นใคร… ทุกคนต่างก็มีคู่ชีวิตที่ถูกกำหนดมาให้ตนเอง ! ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าถึงไม่มี !”
“แม้แต่สุนัขก็มีคู่ของมัน !”
ฉินเย่ ‘ท่านพูดเรื่องบ้าอะไร ? พยายามจะหาเรื่องกันอย่างนั้นหรือ ?’
“การค้นหาเสร็จสิ้นแล้วไม่ใช่หรือ ? มีสิ่งใดให้ต้องดูอีก ?” พูดกันตามความจริง ฉินเย่ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการที่เขาไม่ได้ถูกกำหนดมาให้มีคู่ชีวิตเลยสักนิด นี่คือสิ่งที่เขารู้ตั้งแต่ที่ได้ไปเข้าร่วมงานฝังศพของรักแรกของตัวเองแล้ว
ทำไมคนอย่างเขาต้องหาคู่ชีวิตด้วย ?
เขาได้เห็นงานฝังศพของคนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้ เขาได้เห็นคนรักของตัวเองหัวเราะอย่างมีความสุขในอ้อมแขนของชายอื่น เขาคอยมองดูคนรักโศกเศร้าจากการหายตัวไปของตัวเองเป็นเวลาหลายปีก่อนที่อีกฝ่ายจะตัดความรู้สึกทั้งหมดและหาความรักจากคนอื่น แม้ว่าจะยังยึดติดกับความรักของเขาอยู่บ้างก็ตาม ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ที่เขาไม่ต้องการประสบอีกเด็ดขาด
ดูสิ… แม้แต่สมุดแห่งความเป็นตายก็เข้าใจว่าเขานั้นอยู่นอกกรอบของระบบแห่งกรรม…
เขาหัวเราะเสียงดัง แต่เสียงหัวเราะนั้นกลับเจือไปด้วยร่องรอยของความขมขื่น
“การค้นหาครั้งแรกนั้นสำหรับศตวรรษปัจจุบันเท่านั้น” อาร์ทิสเอ่ย “หรือก็คือ ไม่มีผู้ใดที่เกิดในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาที่เหมาะสมกับเจ้า ในคราแรก เจ้าได้ถูกกำหนดมาให้อยู่เพียงลำพัง อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่ได้รวมถึงช่วงเวลาก่อนหน้าศตวรรษที่ผ่านมา…”
ดวงตาของฉินเย่เบิกกว้าง “ท่านต้องกำลังล้อข้าเล่นเป็นแน่ การแต่งงานมรณกรรม ?”
“เจ้ากำลังอยู่ในยมโลก ! จะแปลกตรงไหนที่จะมีการแต่งงานมรณกรรม ?” อาร์ทิสมองอีกฝ่ายก่อนจะสั่งการสมุดแห่งความเป็นตายอีกครั้ง “ขยายขอบเขตการค้นหาและเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ไม่จำกัดว่าเป็นเพศใด”
ฉินเย่ “……”
เขาพูดอะไรไม่ออกอย่างแท้จริง
ฟึ่บ ! พรึ่บ พรึ่บ… ภายในไม่กี่นาที รายชื่อมากมายก็เริ่มปรากฏขึ้น
เย่ซิงเฉิน หลินฮั่น หวังเฉิงห่าว… ภายในหัวของฉินเย่ตื้อชาและเขารีบคว้าสมุดแห่งความเป็นตายทันที “นี่เจ้ากำลังล้อข้าเล่นกันนั้นหรือ ?!! เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าฉีกเจ้าเพียงเพราะเจ้าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์หรืออย่างไร ?! เจ้าไปเอาความคิดแปลกประหลาดพวกนี้มาจากที่ไหน ?!”
บ้าไปแล้ว… สมุดเล่มนี้ไม่สามารถหาผู้หญิงที่เหมาะกับเขาได้ แต่เมื่อเราขยายขอบเขตการค้นหาเป็นทั้งผู้หญิงและผู้ชาย มันกลับมีรายชื่อบ้า ๆ พวกนี้ออกมา !
ไม่กี่วินาทีต่อมา อาร์ทิสกระแอมเสียงแห้ง “ใจเย็น ๆ ข้าผิดเอง การค้นหาเมื่อครู่นั้นสำหรับ ‘มิตร’ ไม่ใช่ ‘คนรัก’”
ภายใต้สายตาอาฆาตของฉินเย่ อาร์ทิสเปลี่ยนเงื่อนไขในการค้นหา
อย่างไรก็ตาม มันยังคงไม่มีรายชื่อปรากฏ
ฟึ่บ… นับตั้งแต่ที่เงื่อนไขการค้นหาได้รับการแก้ไขและสรุปผล สมุดแห่งความเป็นตายได้ค้นหาจากบันทึกทั้งหมดของมันมาแล้วถึงสามครั้ง
อีกนัยหนึ่งก็คือ มันหมายความว่าฉินเย่ไม่ได้ถูกลิขิตมาให้คู่กับผู้ใดเลยในช่วง 300 ปีที่ผ่านมา.. แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นวิญญาณแล้วก็ตาม
“เจ้าอยากจะลองหาคนรักที่เป็นผู้ชายดูหรือไม่ ?” อาร์ทิสหันไปถามผู้ที่กำลังทำหน้าเหมือนยักษ์ข้าง ๆ ตนอีกครั้ง
ฉินเย่จ้องอาร์ทิสอย่างดุดัน จนนางยอมละสายตากลับไป เห้อ~ นางเพิ่งจำได้ราง ๆ ว่าจ้าวนรกองค์แรกและองค์ที่สองของยมโลกเองก็ไร้ซึ่งคู่ครองเช่นกัน… นี่คือสิ่งที่ต้องจ่ายสำหรับการมีอำนาจอย่างนั้นหรือ…
หลังจากผ่านไปประมาณห้านาที ฉินเย่ก็ถอนหายใจออกมา “พอเถอะ”
อาร์ทิสสามารถจับความรู้สึกจากคำพูดสั้น ๆ ของอีกฝ่ายได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ใครก็ตามที่ถูกบอกด้วยความมั่นใจว่าเขาจะไม่มีทางหาคู่ครองได้คงไม่มีทางรู้สึกดีกับตัวเองนัก
ไร้ซึ่งคำตอบ นางแตะไปที่สมุดแห่งความเป็นตายอย่างแผ่วเบา แต่ทันใดนั้น… ขณะที่นางกำลังจะปิดหน้าสมุด แสงสีชมพูก็เปล่งประกายขึ้น !
ฉินเย่ที่กำลังเดินกลับไปที่ประตูนรกชะงักไปก่อนจะหันกลับไปมองด้วยความตกตะลึง
อาร์ทิสเองก็เช่นกัน ตกใจเป็นอย่างมาก และนางก็มองไปที่สมุดแห่งความเป็นตายด้วยสายตาเหลือเชื่อ
นี่มัน… 370 หรือ 380 ปีก่อน ย้อนกลับไปในยุคสมัยของราชวงศ์หมิง…
มันมีผู้ที่สามารถรักฉินเย่อยู่จริง ๆ
ฉินเย่มองรายชื่อสีชมพูตรงหน้าด้วยความตกตะลึง คลื่นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ก่อตัวขึ้นในใจ
“เซี่ยจิ่นเส้อ…” เขาเดินไปที่สมุดแห่งความเป็นตายและไล่นิ้วไปตามชื่อของอีกฝ่าย แทบจะเหมือนกับเขากำลังพยายามก้าวผ่านช่องว่างของระยะเวลากว่า 300 ปีและลูบไล้แก้มของนางด้วยความหลงใหล
มีคน…
อย่างน้อยก็ยังมีใครบางคนที่สามารถรักเขาได้…
น่าเสียดาย… ท่านเกิดก่อนข้า และท่านก็อายุมากแล้วในตอนที่เขาเกิด ท่านเกลียดที่ข้าเกิดช้าเกินไป ในขณะที่ข้าเกลียดที่ท่านเกิดเร็วเกินไป
ความขมขื่น เศร้าโศก และโกรธเคือง ในวินาทีนั้น ความรู้สึกมากมายแผ่ถาโถมเข้ามาในหัวใจ และท้ายที่สุดเด็กหนุ่มก็เผยรอยยิ้มที่ซับซ้อนออกมา
เขาควรจะทำอย่างไรกับข้อมูลเหล่านี้ ?
เซี่ยจิ่นเส้อ… นางเป็นคนจากสมัยราชวงศ์หมิง และตอนนี้นางก็คงกลายเป็นผุยผงไปแล้ว แม้ว่านางจะเดินทางมายังยมโลก นางก็คงกลายเป็นเพียงฝุ่นผงเมื่อพระกษิติครรภโพธิสัตว์ตรัสรู้และขึ้นสู่สรวงสวรรค์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นี่เขาต้องรอไปอีกนานเพียงใดถึงจะได้พบเจอกับความรักที่แท้จริง ?
นี่คือสิ่งที่เขาได้ฝังมันไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ มันคือสิ่งที่เขาไม่คิดจะคิดถึง เขาไม่กล้าที่จะรัก เขาเจ็บมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนที่รักเขา หรือคนที่เขารัก ความตายและความโศกเศร้าก็เป็นจุดจบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ดังนั้นเขาจึงปิดล็อกหัวใจของตนเองและยอมแพ้ต่อโชคชะตา
และในเวลานี้ ประตูแห่งความรักที่ถูกปิดตายไว้ในส่วนลึกของจิตใจก็ได้แง้มออก แต่มันก็ปิดลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“หึหึ…” เขาหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินจากไปอีกครั้ง ทว่าทันใดนั้น อาร์ทิสก็เรียกเขาเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน… อย่าเพิ่งไป…”
“มีอะไรอีก…” ฉินเย่หมุนตัวกลับไป แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ เขาก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อมองไปที่ชื่อตรงหน้า
ชื่อของเซี่ยจิ่นเส้อ… เปลี่ยนเป็นสีดำ
แต่ทันใดนั้นมันก็สว่างขึ้นอีกครั้ง จากสีขาว ไปเป็นสีแดง จากนั้น… ก็กลับไปเป็นสีดำอีกครั้ง !
ในขณะเดียวกันสมุดแห่งความเป็นตายก็เริ่มพลิกหน้ากระดาษ แกะรอยเวลาชีวิตของนางจนกระทั่งเมื่อประมาณร้อยปีก่อน ชื่อของนางเปลี่ยนเป็นสีดำอีกครั้ง !
จากนั้น… มันก็สว่างขึ้นอีกครั้ง !
หน้ากระดาษยังคงพลิกต่อไปเรื่อย ๆ จนมาถึงช่วงเวลาปัจจุบันในเวลานาน แต่ถึงกระนั้น ชื่อของนางก็ยังคงเป็นสีชมพู… แต่มันไม่ได้ถูกบันทึกในชื่อของเซี่ยจิ่นเส้ออีกต่อไป !
ชื่อของเซี่ยจิ่นเส้อได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนชื่อเดิมของนางไม่ปรากฏให้เห็นบนหน้าสมุดแห่งความเป็นตายอีกต่อไป และสมุดโบราณก็ไม่สามารถแกะรอยตามชื่อของนางได้อีก !
“เกิดอะไรขึ้น ?” ฉินเย่มึนงงเป็นอย่างมาก
อาร์ทิสจ้องมองสมุดแห่งความเป็นตายเป็นเวลาครู่หนึ่งก่อนจะให้ไปหาฉินเย่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “สีดำ… หมายถึงตาย นางได้ตายไปอย่างน้อยสามครั้งในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา… จากนั้น… นางก็กลับมามีชีวิต นอกจากนี้ ในทุกครั้งที่กลับมามีชีวิต นางจะใช้ชื่อที่แตกต่างกันออกไป นางใช้ชีวิตมามากมาย… และตอนนี้… นางก็ยังมีชีวิตอยู่ในแดนมนุษย์ !”
เป็นไปได้อย่างไร ?!
ฉินเย่กำลังจะตะโกนกลับไปเมื่อจู่ ๆ เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาสั่นเทา “ไม่… มันเป็นไปได้… มันเป็นไปได้ !!”
เขาคว้าสมุดแห่งความเป็นตายและไล่นิ้วไปตามชื่อของนางอีกครั้ง “นางเป็นเหมือนข้า… เป็นผู้ที่ได้กินเห็นเทียนสุ่ยเข้าไป ! นางได้ตายไปแล้วสามครั้ง สูญเสียความทรงจำ และเกิดใหม่มาสามครั้งแล้ว !”
นี่มันพรหมลิขิต !
เขาจะไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้เด็ดขาดหากมันไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในสมุดแห่งความเป็นตาย เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาก็แทบจะไม่เชื่อเลยว่ามันจะยังมีคนอื่นบนโลกที่ได้กินเห็ดเทียนสุ่ยเข้าไปเหมือนกันกับตัวเอง ! นางยังคงมีชีวิตอยู่ และยังถูกลิขิตให้เป็นคู่ชีวิตของเขาอีกด้วย !
มันสมเหตุสมผล นางเป็นเพียงคนเดียวที่เหมาะสมกับเขาที่สุด
พวกเขาทั้งคู่เป็นอมตะและไม่แก่ขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการจากไปของคนรักอีกต่อไป มันจะไม่มีแนวคิดที่ว่า ‘มีเพียงความตายเท่านั้นที่สามารถแยกเราออกจากกัน’ หากนี่ไม่เรียกว่าพรหมลิขิต มันก็ไม่มีอะไรในโลกที่ใช่แล้ว
แต่… คน ๆ นี้อยู่ที่ใด ?
“เราสามารถระบุตำแหน่งของนางได้หรือไม่ ?” ฉินเย่รีบถาม
“ได้เพียงแค่ตำแหน่งคร่าว ๆ เท่านั้น… นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าค้นหาผู้ที่กินเห็ดเทียนสุ่ยเข้าไป เราสามารถแกะรอยตำแหน่งโดยประมาณของนางได้เท่านั้น…” อาร์ทิสครุ่นคิดเกี่ยวกับชื่อของอีกฝ่าย ราวกับกำลังพยายามระบุสถานที่ที่ใช้ชื่อแนวนี้
ไม่กี่วินาทีต่อมา ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้น จากนั้นนางก้าวถอยหลังเล็กน้อย พึมพำออกมาเบา ๆ “ฮันยาง”
“นางอยู่ที่ฮันยาง ! แดฮัน !”
ราชทูตทั้ง 12 อีกแล้ว !
ฉินเย่กัดฟันกรอด ทำไมโชคชะตาของพวกเขาถึงเกี่ยวพันกันอย่างไม่สามารถแยกได้แบบนี้ ?!
ใจเย็น ๆ …ใจเย็น ๆ…
ผลลัพธ์ที่ออกมาในวันนี้ค่อนข้างอยู่เหนือความคาดหมาย ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ ก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นพายุพลังหยินและตั้งท่าที่จะจากไป
“เจ้าจะไปที่ใด ?” อาร์ทิสถาม
“ไปเตรียมการ” ฉินเย่ตอบเสียงเย็น “ข้าจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้หลิวจี้หนูตกตะลึงในปลายปีนี้ ตกตะลึงจนอยากจะเปิดช่องทางระหว่างแดนฮันและแผ่นดินจีน !”
“รอดูก็แล้วกัน… ข้าไม่เคยทุ่มเทให้กับการพัฒนาตัวเองมากขนาดนี้มาก่อน ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับเหล่าราชทูตทั้ง 12 ในการประชุมราชสำนักที่จะถูกจัดขึ้น !”