ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 35 อำนาจของตุลาการนรก
บทที่ 35 อำนาจของตุลาการนรก
ตูมม!!
19.25 น. ชั้นห้าของโรงแรมเฝิงไหลระเบิดพร้อมกับแสงสีดำที่มืดสนิท
วงแหวนแห่งความมืดนั้นมีขนาดใหญ่เหลือเชื่อ ทันทีที่มันปรากฏขึ้นความแวววาวของรูปสลักของเจ้าพ่อหลักเมืองก็จางหายไปในม่านหมอกทันที วงแหวนแห่งความมืดกวาดไปทั่วทั้งเมืองชิงซี ทำให้เส้นตรวจจับตัวตนเหนือธรรมชาติแตกเป็นเสี่ยง ๆ มันยังกวาดไปพื้นที่โดยรอบเหมือนพายุตามฤดูกาล ผ่านทั้งนครเซี่ยเจียง มณฑลซานตง มณฑลหลินเทียน …
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! ไม่นาน เส้นตรวจจับตัวตนเหนือธรรมชาติทั้งหมดที่มีในเมืองรอบ ๆ ก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ
วงแหวนแห่งความมืดยังคงขยายออกไปเหมือนเป็นการประกาศถึงการมีอยู่ของเขา … มันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งเมือง
อำนาจของตุลาการนรกแผ่ขยายไปทั่วทั้งเมืองแล้ว!
ฟ้าร้องดังก้อง เมฆดำรวมตัวกันเหนือเมืองชิงซี สายฟ้าก็สะบัดราวกับว่ามังกรกำลังเต้นรำอยู่บนท้องฟ้า ตอนนี้ทุกคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัว ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากเมืองชิงซี นครเซี่ยเจียง มณฑลซานตง เมืองหลินเทียน ฯลฯ หรือไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในแดนโลกหรือโลกใต้พิภพก็ตาม
“ นี่คือ … ตุลาการนรก?! ตุลาการนรกที่รอดชีวิต ?! นั่นหมายความว่าประตูนรกจะเปิดอีกครั้งใช่หรือไม่! ประตูนรกเปิดอีกครั้ง !!” ในนครเซี่ยเจียงผู้หญิงชุดแดงที่กำลังหวีผมอยู่หน้ากระจกส่งเสียงร้องโหยหวน เธอรับรู้ถึงพลังหยินที่กระโชกแรงและรีบซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงด้วยความกลัว
“ นี่มัน … ตุลาการนรกของแท้ !!” ที่สุสานแห่งหนึ่ง หลุมฝังศพที่มีรอยแตกร้าวราวกับหลุมศพไร้ญาติ จู่ ๆ ก็มีมือยื่นออกมาจากหลุมศพนั้น ไม่นานมันก็พยายามปิดหลุมเล็ก ๆ ให้มิดและซ่อนตัวอยู่ใต้ดินอย่างหวาดกลัว
“ ตุลาการนรก … คือตุลาการนรกจริง ๆ! นรก … กลับมาอีกครั้งใช่หรือไม่” ในมณฑลซานตงโลงศพที่เดิมเปิดไว้ครึ่งหนึ่งก็ถูกปิดทันทีจากโครงกระดูกผมสีขาวซีด
ผีนับหมื่นตนเงียบสงัดลงทันที
ตราบใดที่พวกเขารอดชีวิตจากการล่มสลายครั้งใหญ่ของนรก การเอ่ยถึงนรกหรือยมทูตจะทำให้ความกลัวเข้าเกาะกินจิตใจพวกเขาทันที
เหมือนกับที่มนุษย์กลัวความตายและแมลงที่กลัวนก
ที่จุดศูนย์กลางของเหตุการณ์ทั้งหมด ทุกคนในเมืองชิงซีต้องตกตะลึงกับสถานการณ์นี้
จางเฟิงจือรีบออกจากโรงแรมเหมือนคนบ้า เขาแน่ใจแล้วว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้!
“ พระเจ้าช่วย … ” ทันทีที่เขาออกจากโรงแรม ลมพายุก็พัดเข้าปะทะกับเคราอันงดงามของเขา เขาจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“ นี่มันอะไรกัน … นี่ … ”
เมฆร้ายได้รวมตัวกันเป็นก้อนและสายฟ้าฟาดไปทั่วท้องฟ้า
สวรรค์และนรกกำลังระบำคู่กันไป ประกายสายฟ้าจากพลังหยินมาบรรจบกันที่จุดยอดสุดของพายุอันบ้าคลั่ง กองกำลังทหารหลายร้อยนายที่ประจำการอยู่ในโรงพยาบาลต่างตกตะลึงกับปรากฏการณ์ที่น่าตกใจนี้ ไม่มีใครสามารถอธิบายสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้
“ ให้ตายสิ!” ทหารหนุ่มอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
คลื่นลมทำให้ชายเสื้อคลุมสีดำของทหารกระพืออย่างดุเดือด ไม่กี่วินาทีต่อมา ชายคนนั้นรีบดึงเข็มทิศมาดูและพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
แต่เข็มบนเข็มทิศก็หมุนติ้ว เร็วขึ้นและเร็วขึ้นจนกระทั่ง…ระเบิด!
“ เป็นไปได้ยังไง !!” เขาจ้องไปที่เข็มทิศอย่างตกตะลึง จากนั้นไม่นานเหมือนว่าเขานึกถึงบางอย่างได้ เขารีบออกจากโรงพยาบาลทันที
“ อาจารย์แห่งสรวงสวรรค์จางเทียนซือ … พลังหยินนี้ … เป็นเพียง … ครอบงำ … ”
ในอีกฟากของเมืองชิงซี นักบวชหนุ่มลัทธิเต๋ากำลังยืนอยู่หน้าร้านค้าบนถนนของชนกลุ่มน้อย
“ นี่ คุณจะซื้อมั้ยเนี่ย? ผมขายให้คุณในราคาต้นทุนแล้ว!” คนที่กล้าเปิดร้านหลัง หกโมงครึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีวิชา ตามหลักแล้วเจ้าของร้านนี้ก็เป็นนักบวชด้วย เขาพูดต่อ “ สองพันนี่ราคาดีแล้วนะ! ถ้าคุณไปที่อื่น … ที่ … ที่ … “
เสียงเขาค่อย ๆ จางหายไปก่อนที่เขาจะพูดจบ
“ ขอดูอีกที” นักบวชหนุ่มลัทธิเต๋าตรวจดูรูปปั้นลิงที่ทำด้วยไม้อย่างละเอียด ก่อนจะถามต่อว่า“ ถูกกว่านี้อีกหน่อยได้มั้ย”
เงียบ ไม่มีการตอบสนอง
“ เฮ้ ผมกำลังคุยกับคุณอยู่นะ” นักบวชหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเห็นใบหน้าที่ว่างเปล่าของเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านกำลังจ้องมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าเหม่อลอย
ท้องฟ้า?
มีอะไรบนท้องฟ้ากัน?
นักบวชหนุ่มรู้สึกงุนงงอยู่บ้างแต่เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังจุดที่เจ้าของร้านจ้องมองอยู่ รูม่านตาของเขาหดตัวทันที ลิงไม้ในมือของเขาหล่นลงพื้น
“ อาจารย์แห่งสรวงสวรรค์จางเทียนซือ … ” ทั้งสองคนยืนอยู่ภายใต้เงามืดอันโอ่อ่าของเมฆดำ พวกเขาส่ายหัวไปมา แต่จิตใจของพวกเขากลับว่างเปล่า
พวกเขาไม่ใช่พวกเดียวที่ตกตะลึงกับปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่นี้ อันที่จริงมนุษย์ทุกคนที่เห็นก็เป็นเช่นเดียวกัน!
“ที่รัก! มาดูนี่สิ นั่นคืออะไรน่ะ?!” “ ภาพฉาย 3 มิติเหรอ ไม่น่าเชื่อ ภาพละเอียดมากเลย!”
“ พี่! มาดูนี่เร็ว! เทพเจ้าจุติแล้ว!”
ผู้คนนับไม่ถ้วนจ้องมองไปบนท้องฟ้า จากระยะไกลมีร่างสง่างามของผู้หญิงคนหนึ่งยืนตระหง่านราวกับว่าเชื่อมระหว่างสวรรค์กับโลก
ในความเป็นจริง ผู้หญิงคนนี้ดูเกือบจะคล้ายกับรูปสลักที่แบกท้องฟ้า ด้ายสีเขียวสามพันเส้นพุ่งไปในอากาศจากหลังศีรษะเธอ ทอดยาวไปหลายพันเมตรบนท้องฟ้าที่ซึ่งเมฆดำยังคงคละคลุ้ง เธอมีรูปลักษณ์ที่งดงาม คิ้วที่คมโดดเด่น ดวงตารูปอัลมอนด์ และริมฝีปากสีแดงเลือด เธอสวมเสื้อคลุมไหมพรมสีสันสดใสและถือร่มขนาดใหญ่ที่ประกอบจากเมฆดำบนท้องฟ้า ร่มมีรูปนกกางเขนจาง ๆ ที่บอกถึงความสดใสของฤดูใบไม้ผลิ
แต่ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดคือการที่ลิ้นของเธอยื่นออกมาจากปากและตรงไปที่พื้น ยาวหลายพันไมล์ราวกับดาวหางที่ตกลงมาจากท้องฟ้า!
เล็บบนมือของเธอทาสีดำสนิท ดูเหมือนเธอจะถือสิ่งที่ดูเหมือนพู่กันขนาดใหญ่ด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างถือหนังสือ หากมองใกล้พอ จะเห็นชื่อหนังสือที่อยู่ในมือของ เป็นชื่อที่ใครก็ตามที่เห็นต้องใจเต้นรัวด้วยตกใจ นั่นคือหนังสือแห่งชีวิตและความตาย
มันเป็นเงาขนาดใหญ่สูงตระหง่านที่เชื่อมระหว่างสวรรค์และโลก!
เป็นเงาที่เกิดจากการรวมขององค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง
ภาพเงาที่สูงตระหง่านยืนอย่างเงียบ ๆ มีเมฆลอยผ่านเธอ จากนั้นเสื้อผ้าลักษณะผมและร่มของเธอก็ค่อย ๆ จางหายไปกลายเป็นสิ่งไร้ตัวตน
ผีทั้งหมดในเมืองชิงซีล้มลงกับพื้นและแสดงความเคารพต่อเธอ ตราบใดที่ร่างที่สง่างามนั้นยืนตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า ไม่มีวิญญาณแม้แต่ตนเดียวที่กล้าเงยหน้าขึ้น
นี่คือการแสดงอำนาจของตุลาการนรก!
ตูมม !!!
การสั่นสะเทือนที่รุนแรงอีกครั้งดังก้องแถวโรงแรมเฝิงไหล คลื่นแห่งความมืดระลอกใหญ่อีกอันพัดออกมาเพียงชั่วพริบตาตราของมัจจุราชแห่งยมโลกทั้งหมดได้ถูกทำลายลงและสลายตัวเป็นโมเลกุลบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับหิมะที่ละลายเพราะดวงอาทิตย์ที่ส่องแสง
ตอนนั้นเอง…
เสียงดังกึกก้องไปทั่วดินแดน “ เรียนประชาชนทุกท่าน นี่เป็นเพียงการฝึกซ้อมทางทหาร เราเปิดใช้งานอาวุธที่ฉายภาพร่างขนาดใหญ่ เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง โปรดอยู่ในบ้านและอย่าออกจากบ้าน การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใด ๆ จะได้รับการจัดการตามขอบเขตสูงสุดของกฎหมาย ขอย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นการฝึกซ้อมทางทหารและมีการเปิดใช้งานอาวุธที่ฉายภาพร่างขนาดใหญ่ เพื่อความปลอดภัยของคุณเองโปรดอยู่ในบ้าน … ”
ในขณะเดียวกันในเกสต์เฮาส์ จางเฟิงจือได้สติกลับคืนมา เขาร้องออกมาอย่างสุดเสียง“ ทุกคน !!”
“ ไปที่โรงแรมเฝิงไหลเดี๋ยวนี้! ”
แต่ว่าตอนนี้คำสั่งของเขาไม่จำเป็นอีกแล้ว
ตอนนี้มีการระดมยานพาหนะจำนวนมาก! ภาพเงาหลายภาพจากทั้งสี่มุมของเมืองชิงซีพุ่งตรงไปที่โรงแรมเฟิงไหลราวกับสายฟ้าฟาด!
ขณะเดียวกันในโรงแรมเฝิงไหล ประตูลิฟต์ของโรงแรมเปิดออก ฉินเย่ก็อ้าปากค้าง
นักเชิดหุ่นยังอยู่ชั้นบน เขารู้ดีว่าอาร์ทิสพูดถึงอะไร นี่เป็นเพียงการแสดงอำนาจของเธอในฐานะตุลาการนรก
การแสดงอำนาจ … ไม่เหมือนกับอำนาจที่แท้จริง
นักเชิดหุ่นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ภายใต้แรงกดขี่อันยิ่งใหญ่ของการแสดงของเธอ ตราทั้งหมดแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่จากไปตอนนี้ภายในสามนาที เขาจะพลาดโอกาสเดียวในการหลบหนี!
นี่เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
มันจะส่งผลกระทบอะไรต่อประเทศที่ถูกทำลายอยู่แล้ว?
ปรากฏการณ์แบบนี้จะดึงดูดผู้คนแบบไหน?
หัวหน้าของกรมสอบสวนคดีพิเศษ?
ผู้ปลูกฝังศาสนาพุทธและนักบวชจากลัทธิเต๋า?
ฉินเย่ถือได้ว่าโชคดีที่ได้พบกับชู้รักคนนั้นตั้งแต่เริ่มต้นการเดินทางในฐานะยมทูต
ทั้งโลกใต้พิภพและโลกมนุษย์นั้นกว้างใหญ่ไพศาลมาก ไม่มีทางที่ยมทูตระดับยมเทพแห่งนรกจะสามารถครอบครองได้ในทุกที่ที่เขาไป
“ แต่ … เราจะไปที่ไหนต่อ” เขาแสยะยิ้มขณะเปิดประตูเข้าโรงแรมและเดินออกไปตามถนนที่มืดมิดในยามค่ำคืน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ นี่เป็นข้อดีของการเคอร์ฟิวทั่วประเทศ
จางเฟิงจือและคนของเขากำลังมาที่นี่แน่นอน ด้วยสภาพปัจจุบันของเขาไม่มีทางที่เขาจะสามารถจัดการกับพวกจางเฟิงจือได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาร์ทิสดูเหมือนจะตกอยู่ในสภาวะที่หลับใหล ไม่ว่าเขาจะเรียกมากแค่ไหนเธอก็ไม่ตอบสนองแต่อย่างใด
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขาไม่สามารถส่งพลังหยินจากชิ้นส่วนตราจ้าวนรกเข้าสู่ร่างกายของเขาเองและใช้ความสามารถที่มีอยู่ได้
ใช่แล้ว อาร์ทิสไม่เคยสอนวิธีใช้ความสามารถที่มาพร้อมกับความเป็นเจ้าของชิ้นส่วนตราจ้าวนรก และเขาก็ไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน มันคือวิธีการหนึ่งของอาร์ทิสในการเก็บไพ่ไว้ในมือของเธอ
“ ให้ตายเถอะ … ” เขากุมความเจ็บแสบไว้ในอก และเหลือบมองสิ่งรอบข้าง เขาได้ยินเสียงไซเรนจากระยะไกล ก่อนจะรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีและเริ่มวิ่งออกจากโรงแรม น่าเสียดายที่ความเร็วของเขาไม่ต่างจากเต่า
มีรถอยู่เต็มไปหมด น่าเสียดาย… ที่เขาไม่รู้วิธีขับรถ!
ใบอนุญาตขับขี่ในทุกวันนี้ก็เหมือนกับบัตรประชาชน เขาจึงไม่กล้าลงทะเบียน!
“ ฉินเย่ !!” ทันใดนั้นเสียงแตรรถก็ดังขึ้น ฉินเย่เงยหน้าขึ้น สีหน้าสิ้นหวังของเขาในตอนแรกกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
หวังเฉิงห่าววิ่งไปเอารถตัวเองที่จอดเอาไว้ แล้วรีบขับมารับฉินเย่ ทันทีที่ฉินเย่ขึ้นรถเขาก็ขับออกไปทันที
“เฮ้อ…” ฉินเย่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากที่รถพุ่งออกไปบนทางหลวง ในที่สุดความตึงเครียดของเขาก็คลายลง แต่ก็ยังมีเสียงดังและเสียงหึ่ง ๆ อยู่ในหูของเขาอยู่
“ในที่สุด มันก็จบแล้ว ใช่ไหม” หวังเฉิงห่าวถามด้วยเสียงสั่นเทาขณะที่เขาขับรถต่อไปเรื่อย ๆ เขาจ้องมองไปที่ฉินเย่
“ ในที่สุด มันจบแล้ว” ฉินเย่พึมพำอย่างเงียบ ๆ
ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ระหว่างที่ขับรถออกไปจากโรงแรมเฝิงไหล พวกเขาสังเกตเห็นรถตำรวจและรถบรรทุกของกองทัพที่บรรทุกทหารติดอาวุธหลั่งไหลไปยังโรงแรมเฝิงไหลจากทุกทิศทาง
“นายมองอะไร” ฉินเย่ที่ใกล้จะหลับพยายามฝืนดวงตาที่แดงก่ำให้ตื่นตัว
“ ไม่มีอะไร…” หวังเฉิงห่าวกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย เขาพึมพำอย่างลังเล “นาย… แตกต่างกับฉินเย่ที่ฉันรู้จัก… วันนี้นายแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง… ”
ฉินเย่ไม่ได้อะไร เขาจ้องมองไปที่หลังคารถด้วยความว่างเปล่า ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา “ ผู้คนมีเป็นพันหน้า”
“ ไม่มีใครที่มีบุคลิกเดียวหรอก”
ไม่ว่าคนนั้นจะขี้ขลาดหรือกลัวความตายแค่ไหน เขาจะไม่ยอมสละสิ่งใดเว้นแต่จะรู้ขีดจำกัดของตัวเองหรือถูกต้อนให้จนมุม ในเรื่องนี้ฉินเย่รู้ดีถึงขีดจำกัดของตัวเอง หลังจากเขาได้รับประสบการณ์ตรงจากการตายหลายครั้งในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา
ยายเมิ่งได้ประเมินบุคลิกภาพของฉินเย่ เธอมั่นใจว่าความขี้ขลาดและความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ของฉินเย่นั้นทำให้เขามีนิสัยชอบเสแสร้ง แต่สัญชาตญาณของเธอยังบอกเธอว่าเขาเป็นผู้ชายที่เหมาะสมกับงานในครั้งนี้
เธอรู้ดีว่าด้วยบุคลิกของฉินเย่ เขาจะยังคงแสดงต่อไปเว้นแต่จะถูกต้อนให้จนมุม
หวังเฉิงห่าวพยักหน้าก่อนเปลี่ยนเรื่อง เธอถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา“ จะ … เราจะกลับไปที่บ้านของฉันไหม”
“คืนนี้ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว… ”
ฉินเย่หลับตาและไตร่ตรองสักครู่ก่อนจะส่ายหัวในที่สุด
“ ฉินเย่ … ” หวังเฉิงห่าวน้ำตาไหล
“ ฉันไม่สามารถอยู่ในเมืองชิงซีได้แล้ว” ฉินเย่ลืมตาขึ้นและประกาศอย่างแน่วแน่ว่า“เราจะเรียนจบแล้ว … ฉันต้องอยู่ที่อื่น และฉันต้องไปตอนนี้”
“ นายจะไปแล้วเหรอ” หวังเฉิงห่าวผงะ กระนั้นโดยไม่ลังเลใด ๆ เขาพูดต่อว่า“ ขอฉันไปกับนายได้ไหม”
“ ไม่จำเป็น … ”
“ จำเป็นสิ!” หวังเฉิงห่าวตะโกนด้วยความโกรธ“ ฉินเย่ … บางทีนายอาจจะหัวเราะเยาะฉันไปตลอดชีวิตก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่านายอาศัยอยู่ในโลกที่แตกต่างไปจากที่ฉันเป็น … แบบที่ฉันเคยเป็น !”
“ ฉันไม่คิดว่าฉันจะกล้าใช้ชีวิตตัวคนเดียวในอนาคตอันใกล้นี้ได้ อยู่กับฉันเถอะนะ ได้โปรด … แม้ว่าฉันจะต้องอยู่ข้างถนนก็ตาม! ฉันจะไปด้วยไม่ว่านายจะไปที่ไหนก็ตาม! แต่ …ตอนนี้…ฉันกลัวที่จะจากนายไปและ… และหลังจากได้เห็นสิ่งต่าง ๆ มากมายด้วยสองตานี่ นายคิดว่าฉันจะมีชีวิตเหมือนคนปกติได้เหรอ?”
ฉินเย่มองไปที่หวังเฉิงห่าวด้วยความประหลาดใจ ไม่นาน ในที่สุดเขาก็พยักหน้าสายตาเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “มีสิ่งหนึ่งที่เราต้องทำก่อนออกเดินทาง!”
“นาย … บอกมาเลยว่าที่ไหน!”
“ พาฉันไปที่ที่หนึ่ง … เดี๋ยวนี้” ฉินเย่หลับตาอีกครั้งเพื่อฟื้นฟูพลังของเขา “… เมืองชิงซี … ฉันกลัวว่าสถานที่แห่งนี้จะอยู่ภายใต้การตรวจตราที่เข้มงวดที่สุดของรัฐบาลเสียแล้ว”