ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 360: การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่!
บทที่ 360: การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่!
อย่างนี้นี่เอง…
ฉินเย่ลูบคางของตัวเองอย่างเข้าใจ อย่างนี้นี่เอง…เขานึกว่าแต้มบุญ 200,000 จะใช้เวลานานมากเสียอีก แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่า…เขาจะสามารถเพิ่มแต้มพวกนั้นได้ภายในพริบตา !
เขากำลังฟื้นคืนยมโลกขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้น และมันก็มีอะไรหลายอย่างที่จะต้องทำ นี่มันยังมีแต้มกุศลอีกมากเพียงใดให้เขาได้คว้ามากัน ?
ความคิดพวกนี้สร้างความตื่นเต้นขึ้นภายในใจของเขาได้อย่างง่ายดาย…
“แต่ทำไมมันถึงน้อยแค่นี้ ?” เด็กหนุ่มยังคงไม่พอใจ เขาทำอะไรไปมากมายจนกว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่หรือ ? แล้วทำไมมันยังไม่ถึงล้านอีก ?
“เพราะว่ายมโลกในตอนนี้ยังมีขนาดเล็กมาก มันมีขนาดไม่ถึงหมู่บ้านด้วยซ้ำในตอนที่ถูกก่อตั้งขึ้นครั้งแรก เพราะฉะนั้นเจ้าคิดว่าแต้มกุศลที่เจ้าจะได้รับในตอนนั้นคือเท่าใดกัน ?” อาร์ทิสหัวเราะออกมา “แต่เมื่อยมโลกขยายจนมีขนาดทั่วทั้งจีน การออกนโยบายของเจ้าทุกนโยบายก็จะมอบแต้มกุศลให้เจ้าหลายล้านแต้มในคราวเดียว แน่นอน…แต้มกุศลพวกนี้คงจะไม่มีประโยชน์กับเจ้าอีกแล้วเมื่อถึงเวลาเช่นนั้น จะว่าไป หากข้าจำไม่ผิด มันต้องใช้แต้มกุศล 5 ล้านแต้มเพื่อที่ขั้นตุลาการนรกจะเลื่อนเป็นขั้นฝู่จวิน”
ห้า–… 5 ล้าน ?!
ฉินเย่ลอบกลืนน้ำลายอย่างร้อนใจ จากนั้นจึงหันไปสนใจกองกล่องความลับหยิน กล่องที่ใช้เก็บหยินปัทมา
หากทั้งหมดในนี้ล้วนมีหยินปัทมาอยู่ ต่อให้มันจะเป็นดอกบัวทองพันคุณธรรม แต่ดอกบัวนี่สิบดอกก็มีค่าถึง 10,000 แต้มกุศล ดอกบัวร้อยดอกก็มีค่าหนึ่งแสนแต้มกุศล และดอกบัวสองร้อยดอก—…
นี่เขาสามารถเลื่อนเป็นขั้นตุลาการนรกได้เลยหรือเปล่า ?!
ขั้นตุลาการนรก…ฉินเย่ตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น เพราะเขาไม่ต้องยอมต่อการทารุณกรรมจากปีศาจสาวด้านข้างอีกต่อไป ! เขาสามารถเชิดหน้าและยกมือเพื่อปฏิเสธอีกฝ่ายได้ !
แค่ความคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ก็ทำให้ภายในใจของเขาเต็มตื้นไปด้วยความตื่นเต้น แม้แต่ตาแก่โจวเซียนหลงก็อยู่แค่ขั้นตุลาการนรกระดับสูงเท่านั้น นี่ไม่ใช่ว่าหมายความว่าเขาจะสามารถเลื่อนไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในหน่วยสอบสวนพิเศษเพียงแค่เลื่อนขึ้นเป็นขั้นตุลาการนรกหรอกหรือ ?
อาร์ทิสสามารถอ่านความคิดของฉินเย่ได้ในทันที และนางก็ปรายตามองอีกฝ่าย “ตุลาการนรกระดับต้นอย่างเจ้า…ยังสามารถรู้สึกเจ็บจากการถูกข้าตบได้”
“เราช่วยคุยกันดี ๆ ได้หรือไม่ ? ข้ากำลังจะขึ้นเป็นขั้นตุลาการนรกในอีกไม่ช้า ! มันจะดีที่สุดหากท่านจะรู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเองเอาไว้บ้าง !”
แต่อาร์ทิสกลับเพียงเงยหน้ามองเพดานด้วยแววตาที่เป็นประกาย “คนอย่างเจ้าที่ไม่เคยศึกษาศาสตร์แห่งนรกเพื่อฝึกฝนศาสตร์เวทมนตร์ใด ๆ…ออกไปก็มีแต่จะสร้างความอับอายให้กับขั้นตุลาการนรกเท่านั้น…”
ฉินเย่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ข้าจะสร้างความอับอายให้กับขั้นตุลาการนรกแล้วอย่างไร ? อย่างไรเสียข้าก็ยังเป็นขั้นตุลาการนรกอยู่ดีไม่ใช่หรือ ?!
และนี่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เขาได้รับมาจากการประชุมราชสำนักเท่านั้น เขาแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้รู้ว่ามันยังมีสมบัติอะไรอีกที่รอเขาอยู่ !
“นักเรียนหวังหนึ่งหาง เจ้าได้ทำรายการทรัพย์สินทั้งหมดแล้วหรือยัง ? นี่เจ้ารออะไรอยู่ ? รายงานออกมาเดี๋ยวนี้ ! หรือต้องรอให้ข้าสั่งก่อนเจ้าถึงจะพูดออกมา ?”
“……” หวังเฉิงห่าวอยากจะโวยวายออกมา แต่เขาระงับความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองเอาไว้หลังจากที่พิจารณาถึงนิสัยขี้หงุดหงิดของฉินเย่ควบคู่ไปกับแรงกระตุ้นทางความคิดของอีกฝ่ายในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงขจัดความรู้สึกไม่พอใจในหัวของตนออกไป
เขาหยิบม้วนกระดาษที่ค่อนข้างวิจิตรงดงามข้าง ๆ ตนขึ้นมา คลี่มันออกและเริ่มอ่านตั้งแต่ต้น “ผลผลิตพิเศษจากโลกใต้พิภพแห่งลิชชาวี อสูรภูเขา 10 ตัว หินวิญญาณ 5,000 ตัน ไม้มืดมน 50 ตัน หินจุติ 1 ตัน สายน้ำพลังหยินเข้มข้น 1 ตัน และกล่องความลับหยิน 100 กล่อง”
ฉินเย่เริ่มจินตนาการถึงการเลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการคนที่สามของหน่วยสอบสวนพิเศษ เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่งและเหลือบมองอาร์ทิส ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ล่าม”
อาร์ทิส: ……
อย่าไปสนใจ… อดทน… อดทนไว้ ! หากเราฆ่าเขาตอนนี้ เราจะไม่สามารถหาคนมาแทนเขาได้… เป็นอย่างที่คิด จ้าวนรกองค์ปัจจุบันของยมโลกจะเปลี่ยนกลับไปเป็นตัวตนที่แปลกประหลาดดังเดิมทันทีที่กิจการทั้งหมดเสร็จสิ้น อันที่จริง เขาหุนหันและดื้อรั้นเสียจนไม่คิดจะรักษาภาพพจน์ของตัวเองอีกต่อไป
นางสูดหายใจเข้าช้า ๆ และพยายามฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย “อสูรภูเขา…คืออสูรวิญญาณที่มีความเชื่อมโยงกับระบบขนส่งของยมโลก อันดับแรกเจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าการขนส่งในยมโลกนั้นไม่ได้ใช้รถไฟหรือเครื่องบินดั่งเช่นที่ใช้ในแดนมนุษย์”
“ตุลาการนรกสามารถบินได้เพียง 30 นาที มีเพียงหลังจากขึ้นเป็นขั้นฝู่จวินแล้วเท่านั้นที่พวกเขาจะสามารถก้าวข้ามกฎแรงโน้มถ่วงของสวรรค์และบินบนอากาศได้อย่างอิสระ แต่เพื่อที่จะพูดให้เห็นภาพ ในยมโลกแห่งเก่ามีขั้นฝู่จวินอยู่เพียงแค่ 100-200 ตนเท่านั้นจากจำนวนประชากรวิญญาณกว่าหมื่นล้าน และขั้นฝู่จวินทั้งหมดก็ล้วนเป็นผู้มีอำนาจหรือผู้ว่าราชการระดับสูงทั้งสิ้น ส่วนผู้อื่นน่ะหรือ ?” นางไล่นิ้วไปตามม้วนกระดาษ “พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องอาศัยอสูรวิญญาณพวกนี้อย่างไรล่ะ !”
“อสูรวิญญาณนั้นมีอยู่หลายประเภท และส่วนใหญ่ก็จะปรากฏขึ้นทันทีที่ยมโลกมีขนาดเท่านคร อสูรวิญญาณพวกนี้ยังถูกแบ่งออกตามประเภทต่าง ๆ โดยอสูรแต่ละประเภทจะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ความเร็วของอสูรวิญญาณระดับสูงนั้นสามารถเทียบได้กับความเร็วของรถยนต์ ในขณะที่อสูรภูเขา…มีความสามารถในการควบคุมพื้นที่ภายในร่างกาย โดยพื้นที่ภายในจะมีขนาดประมาณ 300 ตารางฟุต และมันก็สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังนั้น…เจ้าคิดว่ามันควรจะถูกใช้สำหรับจุดประสงค์ใด ? และถ้าเจ้าจะบอกว่า เพื่อเอามาวางบนศีรษะของใครบางคนเพื่อเป็นเครื่องประดับล่ะก็…พวกเราก็แยกทางกันตรงนี้ เดี๋ยวนี้เลย ! ข้ารู้ดีว่าเจ้าตื่นเต้นเกี่ยวกับสิ่งที่ได้มา แต่เจ้าควรจะคิดให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมา !”
ฉินเย่กำลังจะโพล่งคำพวกนั้นออกไปเมื่อได้รับคำเตือนจากอาร์ทิส เด็กหนุ่มจึงเอ่ยคำตอบที่สมเหตุสมผลมากกว่าออกมา “ขนส่งสินค้า ? บริการรถไฟ ?”
ขณะที่พูด สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมและจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ
การประชุมราชสำนักจบลงแล้ว แต่มันยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องทำในยมโลก ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการก่อตั้งเมืองท่าสำหรับทำการค้ากับต่างประเทศ
และหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือการจัดการปัญหาในเรื่องของการขนส่งสินค้าจำนวนมาก
นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถจัดได้ด้วยวิญญาณเพียงอย่างเดียว มันเป็นปัญหาที่ติดค้างอยู่ภายในใจของเขามาระยะหนึ่งแล้ว และเขาก็ไม่กล้าที่จะปล่อยให้อาร์ทิสต้องแบกรับปัญหาเรื่องนี้เพียงลำพัง แต่โชคดี เครื่องบรรณาการของอวี๋เชียนได้แก้ปัญหาในเรื่องนี้ให้เขาอย่างแท้จริง !
หวังเฉิงห่าวที่ได้ยินเช่นนั้นก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เขาไม่คิดมาก่อนว่าสิ่งมีชีวิตในยมโลกจะแตกต่างจากแดนมนุษย์ถึงเพียงนี้ หลังจากผ่านไปหลายวินาที เขาก็กลับมาได้สติอีกครั้ง “รถไฟ ? นี่คือ…รถไฟ ? รถไฟความเร็วสูง ?”
“แล้วเครื่องบินกับรถยนต์เล่า ? มีอสูรวิญญาณที่มีคุณสมบัติเช่นนี้อยู่หรือไม่ ?”
“มี” อาร์ทิสพยักหน้า “เครื่องบินถูกเรียกว่าอีกาทมิฬ ปีกของมันมีความกว้างกว่าร้อยเมตร และพวกมันก็มีพระราชวังขนาดเล็กอยู่บนหลัง แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจออสูรพวกนี้ นอกจากนั้น…มันยังมีความเสี่ยงอีกด้วย มีบางบริษัทที่ฝึกฝนอีกาทมิฬของพวกเขาได้ไม่ดีนัก หรือพวกเขาอาจจะจ้างผู้ดูแลที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์นัก ดังนั้นอีกาทมิฬจึงอาจเกิดความตกใจขึ้นระหว่างการบิน มันมีโอกาสที่พวกนั้นอาจกลิ้งไปมาในอากาศแทน… ข้าจำได้ว่าเสิ่นว่านซาน พ่อค้าวานิชผู้ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์หมิงได้รับความเสียหายอย่างมากจากบริษัทการบินของเขาเพราะปัญหาดังกล่าว”
มันมีอะไรแบบนั้นจริง ๆ น่ะหรือ ?
“จะว่าไป พวกมันกินอะไรเป็นอาหาร ?” ทันใดนั้นฉินเย่ก็ถามคำถามสำคัญขึ้นมา ซึ่งอาร์ทิสเพียงจ้องมองกลับมาด้วยสายตาตกใจ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็แกล้งพูดออกมาเบา ๆ “ทำไม…เจ้าไม่ลองให้มันกินหินวิญญาณดูเล่า ?”
ข้าจะลองเอาศีรษะของเจ้าไปให้มันกินแทนน่ะสิ !!!
เจ้าพูดมาตั้งนานว่าประโยชน์ของพวกมันมีอะไรบ้าง แต่ท่านกลับไม่รู้ว่าพวกมันกินสิ่งใดเป็นอาหารเนี่ยนะ ?! เช่นนี้เราจะทำอย่างไรหากรถไฟอันล้ำค่าของเราต้องอดตาย ?!
เจ้ามันไร้ประโยชน์ !!!
เขาข่มความรู้สึกโกรธเกรี้ยวภายในใจของตัวเองและเรียกสติของตัวเองให้กลับมาอยู่กับผลผลิตอันมหาศาลที่ตนได้มา จากนั้นจึงถามอย่างตั้งตารอ “มีอะไรอีกบ้าง ?”
“ส่วนที่เหลือนั้นไม่ได้สำคัญอะไร” อาร์ทิสเหลือบตามองของที่เหลือ “พวกเราไม่สามารถคาดหวังได้ว่าของทุกชิ้นที่นี่จะล้ำค่าหรือมีประโยชน์เหมือนกันหมด ดังนั้นแทนที่จะมาเสียเวลากับเครื่องบรรณาการของท่านอวี๋เชียน เหตุใด…เราไม่หันไปสนใจเครื่องบรรณาการของท่านหยางแทนเล่า ?”
สมบัติที่อยู่ภายในห้องใต้ดินถูกแบ่งออกเป็นสองกอง กองซ้ายคือเครื่องบรรณาการของอวี๋เชียนจากโลกใต้พิภพแห่งลิชชาวี ในขณะที่กองฝั่งขวาคือเครื่องบรรณาการของหยางจีเย่จากโลกใต้พิภพแห่งลูซอน ทั้งสองต่างคล้ายคลึงกันในเรื่องของปริมาณ
แต่ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือนอกจากกองกล่องความลับหยินและหินวิญญาณแล้ว เครื่องบรรณาการที่เหลือจากโลกใต้พิภพแห่งลูซอนทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยหีบใบใหญ่ที่ดูหนักและเต็ม
ฉินเย่อดไม่ได้ที่จะรีบพุ่งไปเปิดดูหีบสมบัติที่ตนได้มา เครื่องบรรณาการของอวี๋เชียนนั้นมั่งคั่งอย่างไม่น่าเชื่อ และความคาดหวังของเขาสำหรับเครื่องบรรณาการพวกนี้ก็พุ่งสูงจนถึงเพดาน ของทุกชิ้นที่อวี๋เชียนมอบให้คือสิ่งที่สามารใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี อสูรภูเขามีบทบาทสำคัญในการสร้างเมืองท่า และมันยังมีหินวิญญาณอีกจำนวนมากที่สามารถทำให้ยมโลกสร้างสิ่งปลูกสร้างพิเศษขึ้นได้ในทันทีอีกด้วย เขาอดไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นว่ามันยังมีอะไรซ่อนอยู่ในหีบเครื่องบรรณาการของหยางจีเย่อีก !
ทั้งสองคือข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของยมโลก ดังนั้น…เครื่องบรรณาการของหยางจีเย่ก็น่าจะมีประโยชน์ไม่แพ้กัน ?
ฟึ่บ… หีบจำนวนมากตรงหน้าถูกเปิดออก และเมื่อคนทั้งหมดมองด้านใน พวกเขาก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ตนได้เห็น
ทั้งหมดที่อยู่ภายในหีบพวกนี้คือผลไม้สีดำที่มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ
นี่มันบ้าอะไร ?!
ฉินเย่ค่อนข้างสับสน และเขาก็เอื้อมมือไปคุ้ยมันเพื่อดูสิ่งที่อยู่ลึกลงไป แต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นพวกผลสีดำนี่ !
เขาลองหยิบมันขึ้นมาปอกเปลือกด้วยความไม่เต็มใจนัก และก็พบว่าด้านในของผลไม้พวกนี้ไม่มีอัญมณีเลยแม้แต่น้อย…
นี่มันไม่ถูกต้อง !!
ตาแก่ นี่ท่านคิดว่าตัวเองกำลังเล่นกับใครอยู่ ? นี่มันไม่เกินไปหน่อยหรืออย่างไร ? ท่านหยาง ลองดูเครื่องบรรณาการของท่านอวี๋เสียบ้างสิ ! เรากำลังพูดถึงไข่มุกและหยกที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ! การมอบอะไรแบบนี้มามันไม่ทำให้ท่านรู้สึกผิดสักนิดเลยอย่างนั้นหรือ ?
“นี่มันบ้าอะไรกัน ?”
“เมล็ด” หวังเฉิงห่าวอ่านเนื้อหาบนกระดาษต่อ “อีกชื่อหนึ่งคือไข่มุกดำ มันคือเมล็ดยาสูบใต้พิภพที่ดีที่สุดในฟิลิปินัส ไม่เหมือนกับยาสูบสมุนไพรในแดนมนุษย์ ซิการ์ของโลกใต้พิภพนั้นทำมาจากไม้พุ่มที่มีดอกไม้หลากสีสัน หากพูดกันตามตรง โลกใต้พิภพแห่งลูซอนนั้นมีถนนยาสูบพิเศษที่มีความยาวถึงสามกิโลเมตร ซึ่งเต็มไปด้วยสวนยาสูบตลอดทั้งสองข้างทางอีกด้วย อ้อ มีอีกอย่าง ซิการ์ที่ผลิตในฟิลิปินัสเองก็โด่งดังไปทั่วโลกเช่นกัน น่าเสียดายที่ซิการ์ของพวกเขาถูกพัฒนาขึ้นในตอนปลายของการปฏิวัติวัฒนธรรมจีน มันจึงเป็นที่รู้จักน้อยกว่าซิการ์ของบราซิลเลี่ยนที่แพร่หลายกันในทุกวันนี้มาก [1] การผลิตของซิการ์พวกนี้ยังผลิตโดยวิธีการแบบดั้งเดิมที่สุด และรสชาติของมันยังคงกลมกล่อมและชวนให้มึนเมาอย่างไม่น่าเชื่อ”
เมล็ด ?
ฉินเย่กะพริบตาปริบ จากนั้นจึงเปิดหีบใบอื่น ๆ มองดูของในหีบทั้งหมดอย่างละเอียด
ข้าวโพด มะพร้าว มะม่วง องุ่น… ผลผลิตพิเศษของลูซอนทั้งหมดล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์ ! ไม่…และมันยังมีหีบอีกนับร้อยใบที่เต็มไปด้วยใยผ้าและเนื้อผ้า !
อาร์ทิสพยักหน้า “ผลผลิตพิเศษของโลกใต้พิภพทุกแห่งนั้นเกี่ยวโยงกับแดนมนุษย์อย่างไม่สามารถแยกได้ ลูซอนนั้นคือแหล่งกำเนิดผลไม้และดินแดนแห่งเกษตรกรรม ผลผลิตของมันจึงมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นสิ่งของเหล่านี้ นอกจากนี้ มันไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ต้องการอาหารเพียงเพราะว่าวิญญาณไม่จำเป็นต้องกินอาหารเพื่อดำรงชีวิต ยมโลกเคยมียุ้งฉางแห่งชาติและกองอุตุนิยมวิทยาที่พยายามอย่างหนักเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งทั้งอร่อย สด และเต็มไปด้วยพลังหยิน… หืม ? ผ้าไหมเมฆา ?”
เมื่อหีบใบก่อนสุดท้ายถูกเปิดออก อาร์ทิสก็พุ่งไปหามันด้วยความเร็วแสงและหยิบผ้าขึ้นมา นางสะบัดมันเบา ๆ และผ้าผืนตรงหน้าก็กระพือในลักษณะของระลอกคลื่นราวกับน้ำในทะเลสาบที่เงียบสงบ เนื้อผ้าดูไม่ต่างอะไรกับผ้าซาตินและโปร่งแสง เมื่อมองจากไกล ๆ มันดูไม่ต่างอะไรกับกลุ่มควันเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่านี่คือเนื้อผ้าคุณภาพสูง
“นี่คือผ้าไหมเมฆาที่โด่งดังซึ่งสามารถผลิตขึ้นได้บนเกาะเครื่องเทศเท่านั้น ดักแด้ของผีเสื้อดำมรณะที่ใช้ผลิตนั้นมีให้เห็นในหมู่เครื่องเทศ และมันก็มีราคาพอ ๆ กับทองคำ หึหึ…นี่หยางจีเย่ได้ส่งดักแด้ของผีเสื้อดำมรณะมาให้เราด้วยหรือไม่ ?”
อาร์ทิสปรายตาไปยังหีบใบสุดท้าย ซึ่งภายในมีดักแด้สีขาวราวหิมะของผีเสื้อดำมรณะหลายพันตัวอยู่
กล่องทั้งหมดถูกเปิดออกในที่สุด และกล่องความลับหยินใบอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ มันอาจจะดูไม่พิเศษนัก แต่ใบหน้าของฉินเย่ในเวลานี้กลับแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ของดีทั้งนั้น !” สีหน้าไม่พอใจก่อนหน้านี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาคว้าเมล็ดพันธุ์สีทองด้วยดวงตาที่เป็นประกายแห่งความสุข “นี่คือเสน่ห์ของการทำการค้าทางทะเล… อาร์ทิส เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ ? พูดต่อสิ”
มนุษย์ทุกคนต่างมีสิ่งที่ตนแสวงหา ไม่ว่าจะเป็นในตอนที่ยังมีชีวิต หรือตอนที่ตายไป
การเปลี่ยนไปของวันเวลาไม่ได้หมายความว่าความต้องการในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของคนคนนั้นจะลดลง ในทางตรงกันข้าม ความต้องการของพวกเขามีแต่จะเพิ่มขึ้นจากอายุขัยที่เพิ่มขึ้นของตัวเอง แหล่งความบันเทิงเพียงแหล่งเดียวสามารถตอบสนองความกระหายของคนคนหนึ่งได้เพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แต่การเติมเต็มความรู้สึกในชีวิตของคนคนหนึ่งมันต้องใช้อะไรมากกว่านั้น
เพราะอย่างไรแล้ว มันจะไม่น่าสงสารเกินไปหรอกหรือหากหลังจากที่ตายแล้ว พวกเขายังไม่มีโอกาสได้รับอาหารที่มีคุณภาพและเอร็ดอร่อย ?
ฉินเย่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศอื่น ๆ มากนัก แต่จีนคือดินแดนที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องอาหารเป็นอย่างมาก ! รสชาติของอาหารจะต้องอร่อยและกลมกล่อม นอกจากนี้… ไม่ใช่ว่านี่จะเป็นการสร้างโอกาสในการปลดล็อกทักษะในการเกษตรของพวกเขาหรอกหรือ ?
แต่เดี๋ยวก่อนนะ…
ท่านแน่ใจใช่หรือไม่ว่าเมล็ดพันธุ์พวกนี้จะไม่เติบโตไปเป็นอะไรแปลก ๆ อย่างผลไม้ที่มีเลือดออกมาหรืออะไรประมาณนั้น ?
[1] บราซิล