ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 434: สงครามครั้งสุดท้าย (6)
บทที่ 434: สงครามครั้งสุดท้าย (6)
ภายในพระราชวังหรู ดวงตาสีเขียวคู่หนึ่งหรี่ลงอย่างกระทันหัน เขาตกตะลึงเมื่อพบว่าตนกำลังรู้สึกถูกคุกคามโดยลูกธนูคิดไฟของฝ่ายตรงข้าม
“เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!!” ด้วยเสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยว ม่านสีเขียวของที่พักอาศัยถูกเปิดออกอย่างกระทันหัน ฟึ่บ ฟึ่บ… ไม่กี่วินาทีต่อมา แหล่งพลังหยินจำนวนมากก็กระโจนออกมาจากภายใน พุ่งขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว!
พวกเขาเหล่านี้คือทหารวิญญาณ!
และพวกเขาก็มีอย่างน้อย 50,000 นาย!
ราวกับฝูงอีกาที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้า ทหารวิญญาณของนครชฺวีฟู่ที่ยืนอยู่ในลักษณะของค่ายกล ผู้ที่พบเห็นสามารถบอกได้ทันทีว่าทหารวิญญาณเหล่านั้นแตกต่างจากทหารวิญญารที่ยมโลกเผชิญหน้าเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
เพราะทหารวิญญาณทั้งหมดนี้ล้วนเป็น…หุ่นกระบอก
ดวงตาของพวกมันถูกปิด และใบหน้าของหุ่นทั้งหมดก็แข็งทื่อเช่นเดียวกับใบหน้าของเหล่าวิญญาณ พวกมันไม่ได้สวมชุดเกราะใดๆ แต่กลับสวมชุดเสื้อคลุมเต๋าสีขาวดำและขี่อยู่บนนกกระเรียนกระดาษโดยที่จับมือกันเอาไว้อย่างแนบแน่น มันเป็นภาพที่แปลกประหลาดและน่าขนลุกเป็นอย่างมาก
เงียบสนิท
ฮวาเจี่ยอวี่กัดริมฝีปากของตนอย่างแรง นางสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงและพลังหยินที่ไม่ธรรมดาปะทุออกมาจากร่างของหุ่นกระบอกรูปทรงคล้ายมนุษย์เหล่านี้ และนางก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือไพ่ตายของนครชฺวีฟู่!
ตอนนี้ทุกอย่างที่ทำลงไปคุ้มค่าแล้ว ท่านจ้าวฉิน พระองค์ทรงเห็นหรือไม่? ตระกูลหยางไม่เคยทรยศต่อความคาดหวังของพระองค์เลยแม้แต่น้อย พวกเรายินยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อความรุ่งโรจน์ของยมโลก! น้องๆที่รักของข้า…พวกเจ้าเห็นหรือไม่? ขั้นตุลาการนรกและกองทัพหุ่นกระบอกพวกนี้เคลื่อนไหวแล้ว สถาการณ์ของฝั่งนครชฺวีฟู่…ไม่ได้ดีอย่างที่เห็น!
เป็นไงเป็นกัน…
ท่านจ้าวฉิน หม่อมฉันหวังว่าพระองค์จะทรงพร้อมแล้ว นครชฺวีฟู่เริ่มใช้กองกำลังสำรองของพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ หม่อมฉันหวังว่าพระองค์จะทรงพร้อมที่จะลงมือในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อบดขยี้ศัตรูให้ราบคาบ!
“หน้าไม้ศักดิสิทธิ์เปลวไฟแห่งกรรมเตรียมพร้อม…” นางสูดหายใจเข้าช้าๆและจ้องมองไปยังหุ่นกระบอกที่ลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้น ด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง นางเหวี่ยงแขนของตัวเองลง “ยิง!!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!!!
เปลวไฟนรกลุกโชนอยู่ในอากาศ เปลี่ยนเป็นกลุ่มฝนดาวตกที่พุ่งย้อนกลับขึ้นไปบนฟ้า
มันเป็นการต่อสู้ระหว่างไพ่ตายของทั้งสองฝ่าย
“ฆ่ามันให้หมด!!” เสียงหนึ่งตะโกนดังออกมาจากภายในที่พำนัก และพลังหยินโดยรอบก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เสี้ยววินาทีต่อมา คลื่นจิตสังหารที่รุนแรงก็ปะทุออกมาจากใจกลางของพระราชวัง ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ดวงตาของหุ่นกระบอกทั้ง 30,000 ตัวลืมขึ้นพร้อมกัน เผยให้เห็นเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ภายใน
ฟิ้วว~ ราวกับดาวตก หุ่นกระบอกมนุษย์ก็พุ่งเข้าใส่เปลวไฟที่พุ่งขึ้นมาของลูกดอกหน้าไม้ด้านล่าง ฝนดาวตกทั้งสองปะทะกันทันที!
…………………………………………………
เต้ง…เสียงระฆังขนาดใหญ่ดังมาจากชั้นที่หกของอาคารหกชั้นภายในเมืองชั้นใน
นอกเหนือจากร่างสองร่างที่ยืนอยู่ที่ประตูในเวลานี้ ทั่วทั้งห้องที่กินพื้นที่หลายพันเมตรก็ไม่มีวิญญาณตนอื่นเลยสักตน
หลายจวิ่นเฉินยืนอยู่ตรงหน้าของประตู จับราวจับแน่นขึ้นด้วยดวงตาที่ลุกโชนขณะที่มองดูสถานการณ์ของกำแพงเมืองทั้งสามด้านที่สามารถมองเห็นได้จากจุดของเขา
นครชฺวีฟู่นั้นใหญ่จนเสียงจากการปะทะกันของกองกำลังไม่สามารถดังมาจนถึงที่นี่ได้ เขาสามารถมองเห็นเฉพาะกลุ่มก้อนพลังหยินที่ลอยไปมาในอากาศ รวมถึงเปลวไฟนรกที่ปะทุขึ้นบนท้องฟ้าเป็นครั้งคราว ประชากรวิญญาณที่อาศัยอยู่ภายในเมืองชั้นในดูไม่ได้วิตกกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย กลับกัน พวกเขาเพียงยื่นหน้าออกมาจากบ้านและชี้ไม้ชี้มือไปที่กำแพงเมืองอย่างสงสัย
บางครั้ง พวกเขาจะเห็นคลื่นกระแทกพลังหยินที่กระเพื่อมออกมาจากกำแพงเมืองที่อยู่ห่างออกไป และมันก็จากเงาสะท้อนของพลังหยินพวกนี้เองที่ทำให้พวกเขามองเห็นได้ชัดเจนว่ามีหุ่นกระบอกกว่า 200,000 ตัวซ่อนอยู่ด้านล่างโดยนั่งอยู่บนแทนสีแดงราวกับประติมากรรมไม้ที่ไม่มีชีวิต
ภายในห้องชั้นหกครอบครองพื้นที่หลายพันเมตร พื้นไม้ที่เป็นสีน้ำตาลแดงด้านล่างดูว่างเปล่า
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
ภาพวาดของตี้ทิงและเซี่ยจื้อถูกแขวนไว้กลางห้อง ทั้งภาพมีความยาวหลายร้อยเมตร รูขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงกลางของภาพวาดซึ่งเป็นจุดที่มีกระจกเงาขนาดใหญ่ซ่อนอยู่
เงาสะท้อนบนกระจกเผยให้เห็นภาพของด่านซานไห่ทั้งหมด มันมีแม้กระทั่งกลุ่มควันและลำแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากผิวกระจก อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ร่องรอยของพลังของเทพเลยแม้แต่น้อย แต่พลังที่แผ่ออกมากลับเป็นพลังหยินที่หนาแน่นและบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก
หากพูดกันตามความจริง พลังหยินดังกล่าวนั้นให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก และมันก็ปราศจากการเจือปนของเจตนาร้ายใดๆ
กลับไปที่ประตู สีหน้าของหลายจวิ่นเฉินเผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่าภายในใจของเขาเคร่งเครียดกับสถานการณ์ในเวลานี้เป็นอย่างมาก อันที่จริง มันชัดเจนเลยว่าฝันที่เลวร้ายที่สุดของเขากำลังจะกลายเป็นจริงแล้ว
เขารู้ดีว่าท่านขงได้ทำอะไรลงไปในเมืองกู่เฉิง และมันก็เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะทิ้งกองกำลังทหารจำนวนกว่า 800,000 นาย รวมถึงกองกำลังหุ่นกระบอกระดับสูงของตระกูลขงอีก 200,000 ไว้ในนครชฺวีฟู่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังสามารถต้านทานการรุกรานของราชาผีในทางตอนเหนือได้ก็ตาม เพราะพวกเขากลัวว่ายมโลกจะหันมาโจมตีพวกเขาเช่นกัน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงรีบรวบรวมกองกำลังของตัวเองทันทีที่ได้รู้ถึงการตายของเจ้าแห่งเจียงอิน
หลังจากได้รับโทษให้ต้องทุกข์ทรมานอยู่ภายใต้กงล้อแห่งสังสารวัฏเป็นเวลากว่าหลายร้อยปี หลี่หลินฝู่และหลายจวิ่นเฉินรู้ดีว่ายมโลกนั้นสามารถน่ากลัวได้เพียงใด แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่คิดเลยว่าการแก้แค้นของยมโลกจะมาถึงอย่างรวดเร็ว รุนแรง และเด็ดขาดเช่นนี้!
ด้วยคำพิพากษาจากนรก เหล่าวิญญาณทั้งปวงจงสูญสิ้น แค่การพูดวลีเหล่านี้ก็มากเพียงพอที่จะทำให้แผ่นหลังของพวกเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว
พวกเขาไม่สามารถใช้ทหารวิญญาณได้อีกต่อไป… เขาจ้องเขม็งไปยังกำแพงเมือง พวกเขาจะต้องรักษาความปลอดภัยของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา แต่…พวกเขาจะสามารถหยุดยั้งการรุกรานของกองกำลังยมโลกได้ด้วยกองกำลังที่พวกเขามีอยู่ในเวลานี้ได้จริงๆน่ะหรือ?
มือที่จับราวจับอยู่กระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เล็บสีดำสนิทจิกขูดกับเหล็กจนเกิดเสียงเสียดหูดังขึ้นให้ได้ยิน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและวิตกกังวล
และมันก็เป็นเพราะสิ่งนี้อีกที่ทำให้เขาตกลงที่จะส่งเจ้าแห่งหัวหยินออกไปยังสนามรบทันทีที่อีกฝ่ายเรียกร้อง
เขากำลังกลัว
กลัวว่ายมโลกจะยังมีกำลังเสริมซ่อนอยู่อีก! เพราะอย่างไรแล้วการปรากฏตัวของอีกฝ่ายก็กระทันหันและแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก โชคดีที่มันยังไม่มีกองกำลังของยมโลกปรากฏตัวขึ้นภายในเมืองชั้นใน ดังนั้นเขาจึงยังสามารถปรับใช้กองกำลังหุ่นกระบอกระดับสูง 200,000 นายของตระกูลขงไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้
แต่ถึงกระนั้น เขาก็อนุญาตให้เจ้าแห่งหัวหยินนำกองกำลังหุ่นกระบอกไปด้วยทั้งสิ้น 30,000 ตัว
เป้าประสงค์ในการทำสิ่งนี้ของเขาก็คือเพื่อทดสอบและดูว่ามียมทูตขั้นตุลาการนรกอยู่ภายในกองกำลังของยมโลกหรือไม่
แรงกดดันที่กองกำลังของทางฝั่งยมโลกอาจจะมีมาก แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขาเสียสติ แต่การปรากฏตัวของขั้นตุลาการนรกอาจจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
จนกว่าเขาจะสามารถยืนยันในเรื่องนั้นได้ เขาจะไม่มีทางระดมกองกำลังที่เหลืออยู่ภายใต้บังคับบัญชาของตัวเองเด็ดขาด
ก๊อก ก๊อก!! ทันใดนั้นเอง เขาก็ถูกดึงกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงด้วยเสียงเคาะประตูที่รัวแรง เสียงที่สั่นเทาและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของประตู “ท่าน–…” “ไปให้พ้น!!!”
ไม่กี่วินาทีต่อมา สายลมรุนแรงสองสายก็พัดเข้ามาด้านในและหยุดลงที่เบื้องหน้าของเขา
คนหนึ่งคือชายร่างผอมสูงที่มีรอยแผลจากใบมีดปรากฏขึ้นทั่วร่าง ในขณะที่อีกคนหนึ่งคือผู้หญิงที่ไร้ศีรษะ ทั้งสองแผ่พลังหยินที่อยู่ขั้นตุลาการนรกออกมา
ใช่แล้ว – กลุ่มพันธมิตรแห่งความมืดได้ทิ้งขั้นตุลาการนรกระดับสูงสามตนเอาไว้ที่นครชฺวีฟู่!
“หลายจวิ่นเฉิน” กะบังลมของวิญญาณผู้หญิงหัวขาดพองตัวขณะที่นางกรีดร้องออกมาเสียงดัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังทำสิ่งใดอยู่?!”
ภายในใจของหลายจวิ่นเฉินปั่นป่วนเป็นอย่างมาก เขาไม่ใช่นายทหารตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เขากลับได้รับหน้าที่ในการป้องกันเมืองและรักษาความปลอดภัยของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดังนั้นเขาจึงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรอย่างนั้นหรือ?!” เสียงของชายร่างสูงนั้นดังสะนั่นราวกับสายฟ้า เขาทุบราวจับอย่างแรงจนทำให้ชิ้นส่วนของมันแตกสลายและตกลงไปด้านล่างของอาคาร สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวขณะที่กัดฟันเอ่ยกับหลายจวิ่นเฉิน “ให้ตายเถิด…นี่เจ้าสนใจบ้างหรือไม่ว่าเหล่าทหารวิญญาณที่ถูกกำจัดไปทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกองกำลังของพวกเรา?!”
“ท่านขงบอกว่าเจ้าเมืองแต่ละคนจะต้องสั่งการกองกำลังทหารทั้งสิ้น 200,000 นาย” วิญญาณไร้ศีรษะเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งเสียงขู่ราวกับอสรพิษ “แต่ผู้ที่พุ่งไปยังแนวหน้าทั้งหมดล้วนเป็นทหารของพวกข้า แต่กองทัพหุ่นกระบอกของเจ้ากลับยังอยู่ที่นี่—…”
ฉึก!! ก่อนที่นางจะเอ่ยจบ ร่างทั้งร่างของนางก็แยกออกเป็นสองส่วนจากกึ่งกลาง เผยให้เห็นชั้นฟันจำนวนมากที่ซ่อนอยู่ภายใน “เจ้ากำลังทำบ้าอะไรอยู่?! นี่เจ้าคิดว่าพวกเราไม่กล้าจัดการกับเจ้าอย่างนั้นหรือ?!”
“เจ้ารู้บ้างหรือไม่ว่ามันเป็นเรื่องยากเพียงใดในการฝึกฝนทหารวิญญาณเหล่านี้มา?! เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเป็นเรื่องยากเพียงใดในการจะรวบรวมทรัพยากรทั้งหมดมาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาของกองกำลัง?! หากเจ้ายังอยากโต้กลับ เช่นนั้นก็จงรีบส่งหุ่นกระบอกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้! เหล่าทหารวิญญาณของเราต่างล้มตายและได้รับบาดเจ็บสาหัสกันถ้วนหน้า! มันไม่มีทางที่พวกเราจะสามารถต้านอีกฝ่ายได้นานกว่านี้แล้ว!!”
พวกโง่!!
หน้าผากของหลายจวิ่นเฉินเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น แต่เขาก็ยังคงกำมือแน่นและไม่เอ่ยอะไรออกมาตามเดิม
เจ้าเมืองทั้งสองต่างกำลังเกรี้ยวโกรธอย่างแท้จริง
จนถึงตอนนี้ กองกำลังของยมโลกที่มีเพียง 80,000 นายกลับสามารถสังหารกองกำลังของนครชฺวีฟู่ไปได้มากถึง 500,000 นาย! นี่มันน่าอัปยศแค่ไหนกัน? ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าความสูญเสียในการทำสงครามกับกองกำลังทหารที่แท้จริงของยมโลกนั้นอาจอยู่ในขอบเขตราวๆหนึ่งถึงสิบเท่า แต่ขั้นตุลาการนรกคนอื่นๆก็ไม่ได้รู้ถึงข้อเท็จจริงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย!
ในความคิดของพวกเขา นี่เป็นเพียงการจัดสรรกองกำลังอย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่านั้น มันยังมีกองกำลังหุ่นกระบอกอีกจำนวนมากให้ปรับใช้ แต่ถึงกระนั้นหลายจวิ่นเฉินก็ยังเลือกที่จะใช้ทหารวิญญาณแทน แล้วแบบนี้พวกเขาจะสามารถทนต่อการตัดสินใจที่ย่ำแย่เหล่านี้ได้อย่างไร?
“มันไม่ใช่แบบนั้น” หลายจวิ่นเฉินกัดฟันกรอด “กองทัพหุ่นกระบอกพวกนี้คือแนวป้องกันด่านสุดท้ายของเรา ด่านซานไห่แห่งนี้ขึ้นอยู่กับการทำงานของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา ทันทีที่วัตถุหยินชิ้นนี้หยุดทำงาน ผลที่จะตามมานั้นไม่อาจสามารถจินตนาการได้! ข้า—…”
เสียงของเขาล่องลอยไปอย่างกระทันหันเนื่องจากหอกโครงกระดูกสีขาวซีดและลิ้นสีแดงสดได้พุ่งทะลุหน้าผากของเขา
นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นจากปรับใช้กฎอัยการศึก
หากหยางเหยียนเจาอยู่ที่นี่ เขาคงจะสามารถบอกได้ทันทีว่าหลายจวิ่นเฉินต้องการจะทำสิ่งใด แต่น่าเสียดาย ขั้นตุลาการนรกทั้งสองตรงหน้านี้คือวิญญาณร้ายของยุคสมัยใหม่ และพวกเขาก็ไม่สามารถแยกตัวเองออกจาก ผลประโยชน์ตรงหน้าได้ ทั้งหมดที่พวกเขามองเห็นมีเพียงข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาได้สูญเสียทหารวิญญาณที่ตนเองพยายามสร้างขึ้นมาจำนวนมากไป พวกเขาได้ให้ความสนใจกับเรื่องเล็กน้อยตรงหน้ามากเกินไปจนไม่ทันได้สังเกตสิ่งที่สำคัญกว่า
หลายจวิ่นเฉินกัดฟันแน่น “ข้าได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของท่านเฉิง พวกเจ้าอยากจะถูกลงโทษในข้อหาก่อกบฏอย่างนั้นหรือ?! นอกจากนี้ มันจะมีประโยชน์อะไรในการที่จะรักษาชีวิตของทหารของพวกเจ้าไว้หากพวกเราต้องสูญเสียนครชฺวีฟู่?! ข้าจะสามารถเมินเฉยต่อความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ไปได้อย่างไร?!”
“เช่นนั้นก็จงแลกทหารของเจ้ากับของเราซะ” ชายร่างสูงแค่นหัวเราะออกมา “หากยมโลกสามารถทำได้ พวกเขาก็คงจะสามารถเข้ามาในเมืองชั้นในได้ด้วยอาณาเขตมนตราของพวกเขาไปตั้งนานแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ทำ มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้! หลายจวิ่นเฉิน จากหนังสือประวัติศาสตร์ พวกเราทั้งหมดต่างรู้ดีว่าเจ้านั้นขี้ขลาดเพียงใด ดังนั้นเจ้าเลิกเสแสร้งได้แล้ว เจ้าเป็นเพียงคนแก่ที่พยายามกลบความขี้ขลาดของตัวเองมาเป็นระยะเวลากว่าพันปีจนกระทั่งได้กลายเป็นวิญญาณขั้นยมทูตขาวดำก็เท่านั้น”
“เจ้า!!” ภายในใจของหลายจวิ่นเฉินระเบิดด้วยเปลวไฟแห่งโทสะ แต่ทันใดนั้นเอง…ทั่วทั้งเมืองก็พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
นี่มัน…
หัวใจของหลายจวิ่นเฉินสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เขาดึงหอกและลิ้นที่ปักอยู่บริเวณหน้าผากของตนออกและวิ่งไปที่ราวบันไดพร้อมกับหันไปมองแห่งที่มาของเสียงด้วยความเหลือเชื่อ
ขั้นตุลาการนรกทั้งสองเองก็ตามไปติดๆ
เสียงดังกล่าวดังมาจากกำแพงทางฝั่งตะวันตก
นี่คือเสียงที่คล้ายคลึงกันกับตอนที่ทั้งด่านซานไห่ถูกสร้างขึ้นในตอนแรกเช่นกัน อสูรจักรราศีที่ถูกตั้งอยู่ที่ด้านบนของกำแพงเมืองถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเอกตลอดระยะเวลาพันปีของม่อจื๊อ และเสียงของมันก็ตามมาด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่องของอสูรกลไกทั้งหมด
มันมาถึงจุดนี้แล้วหรือ?
ไม่ มันยังมีทหารวิญญาณอีกกว่าแสนนายที่ยังเหลือรอดอยู่ พวกเขายังสามารถถ่วงเวลากองกำลังของยมโลกจนกว่าอีกฝ่ายจะถูกกำจัดจนหมดได้ แล้วเหตุใด…ระบบโจมตีขั้นสูงสุดของอสูรกลไกเหล่านี้จึงถูกเปิดใช้งาน?
กำแพงเมืองทางฝั่งตะวันตก พรึ่บ…คลื่นพลังหยินจำนวนมากสาดซัดไปทั่วทั้งดินแดน อสูรกลไกวัวคลั่งยกหัวของมันขึ้น แผ่นยันต์ที่ถูกติดอยู่ทุกส่วนของร่างกระพืออย่างรุนแรงขณะที่มันรวบรวมพลังหยินจากโดยรอบไปรวมอยู่ที่ปากของตนเอง
ฟึ่บ...ดวงตาของมันเปล่งแสง ไม่กี่วินาทีต่อมา… ลูกบอลสีดำขนาดสิบเมตรก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าปากของมัน
ลูกบอลทั้งลูกก่อตัวขึ้นจากพลังหยินที่หนาแน่น ทุกคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงสามารถสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของการโจมตีที่ก่อตัวขึ้น มันทรงพลังไม่ต่างไปจากทักษะวิชาที่รุนแรงที่สุดของขั้นตุลาการนรกระดับต้นเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม…พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่ามันมีพลังมากกว่านั้นเสียอีก!
ครืนนน...ครืนนน!!! กำแพงเมืองทางฝั่งตะวันตกสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง กองกำลังของทั้งสองฝั่งต่างละมือจากการต่อสู้และหันไปมองยังภาพที่น่าสะพรึงกลัวนี้ แม้แต่โนบูทาดะก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความหวั่นสะพรึง ผู้ที่อยู่ใกล้อสูรกลไกที่สุดสามารถสัมผัสได้ถึงอานุภาพของมันได้อย่างชัดเจน แม้แต่กำแพงที่ไม่สามารถพังทลายได้ของด่านซานไห่ก็เริ่มเผยรอยร้าวจากการสั่นสะเทือนนี้
ระเบิดทมิฬ
นี่คือชื่อของการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของอสูรกลไกวัวคลั่ง
มันคือการโจมตีที่จะไม่เหลือผู้รอดชีวิตไว้แม้แต่คนเดียว
ลูกบอลสีดำค่อยๆขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ! 20 เมตร… 30 เมตร… และจากนั้น หลังจากผ่านไปกว่าสิบวินาที มันก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดถึง 50 เมตร!
แม้แต่เหล่าประชากรที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังลูกบอลสีดำสนิทด้วยความหวาดกลัวขณะที่แรงดึงดูดที่รุนแรงดึงหลังคาบ้านของพวกเขาเข้าไปสู่ศูนย์กลาง
มันแทบจะเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบได้สูญเสียน้ำหนักของมันไป
หากพูดกันตามตรง แรงกดดันมหาศาลจากลูกบอลสีดำสนิทลูกนี้นั้นเพียงพอที่จะดับเปลวไฟจิตวิญญาณของเหล่าวิญญาณที่อ่อนแอกว่าโดยรอบได้อย่างง่ายดาย โนบูทาดะลอบกลืนน้ำลายอย่างร้อนใจ เขารู้สึกขมขื่นอย่างไม่น่าเชื่อ น้ำหนักของดาบคิคุอิจิมอนจิไม่เคยหนักเท่านี้มาก่อน
นี่พวกเขา… มาถึงจุดจบแล้วอย่างนั้นหรือ…?
ช่างน่าเศร้านัก… เขาหันไปมองยังนครชฺวีฟู่ด้วยความเสียดายและความรู้สึกผิด
โลกอยู่ในกำมือ… แต่เขากลับไม่สามารถเพลิดเพลินไปกับมันได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว…
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังลูกบอลขนาดใหญ่ วินาทีนั้น มันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบพลันเงียบเสียงลง
มันเป็นความเงียบที่ตึงเครียดซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าความตายกำลังจะมาเยือน
ทุกคนต่างจมอยู่กับความสิ้นหวัง พวกเขารู้ดีว่ามันไม่มีทางที่จะสามารถป้องกันการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
ไม่มีใครมีความคิดที่จะหนี เพราะท้ายที่สุดแล้ว เกียรติและศักดิ์ศรีของนักรบก็คือการมีชีวิตและตายในสนามรบ
โนบูทาดะแย้มยิ้มออกมาอย่างขมขื่นก่อนจะเหลือบมองไปทางตะวันออก “ท่านพ่อ…”
จากนั้นเขาก็หลับตาลง
ตู้ม!!!
สวรรค์และปฐพีต่างสั่นสะเทือน
การระเบิดของพลังหยินดังกล่าวดึงสายตาของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฉินเย่ อาร์ทิส หลายจวิ่นเฉิน หรือเจ้าแห่งหัวหยิน…
และด้วยแววตาตกตะลึงของคนทั้งหมด ลูกบอลพลังหยินสีดำสนิท…ถูกยิงตรงไปยังเจ้าแห่งหัวหยินและค่ายกลหุ่นกระบอกที่อยู่ด้านหลังของเขา!