ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 435: สงครามครั้งสุดท้าย (7)
บทที่ 435: สงครามครั้งสุดท้าย (7)
เวลาดูราวกับถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ
ที่โลกใต้พิภพ ฉินเย่ลุกยืนขึ้นทันทีที่ได้เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้น มือกำแน่นมากกว่าเดิม
แม่ทัพของเขา…สามารถบุกเข้าไปในอสูรกลไกได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
แถมยังควบคุมมันได้อีกด้วย?!
ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเขา ประการแรก กองกำลังของยมโลกไม่สามารถเข้าไปยังเมืองชั้นในได้โดยตรง เพราะอย่างไรแล้ว นั่นก็จะเป็นการทำให้พวกเขาถูกล้อมรอบโดยกองกำลังทหารจำนวน 800,000 นาย ความแตกต่างทางจำนวนจะทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างทางคุณภาพแทนที่จะเป็นความแตกต่างทางปริมาณ ถึงแม้ว่าในทางทฤษฎี ทหารวิญญาณของยมโลก 100,000 นายจะสามารถสู้กับทหารของนครชฺวีฟู่จำนวน 1 ล้านนายได้ แต่มันก็ยังมีตัวแปรอื่นๆที่สามารถทำให้ตาชั่งเกิดเอนเอียงได้ เขาจะไม่ยอมเสี่ยงทุกสิ่งทุกอย่างแบบนั้น มันเป็นการกระทำที่โง่เขลาเกินไปที่จะตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญเช่นนั้นด้วยการโยนเหรียญ
และในเมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็ย่อมมีเพียงสองจุดที่กองกำลังของยมโลกจะปรากฏตัวขึ้น ซึ่งนั่นก็คือด้านในของเมืองชั้นนอก หรือบนกำแพงเมือง
แต่มันก็ยังมีวิญญาณอีกมากมายที่อาศัยอยู่ภายในเมืองชั้นนอก หากกองกำลังของยมโลกเข้าไปโดยไม่สร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับกองกำลังของนครชฺวีฟู่เลยแม้แต่น้อย มันก็มีโอกาสเป็นไปได้มากที่พวกเขาจะสามารถระดมประชาชนทั้งหมดเพื่อต่อต้านการรุกรานของกองกำลังของยมโลก! และสถานการณ์เช่นนั้นก็อาจจะเลวร้ายกว่าการที่กองกำลังของยมโลกปรากฏตัวขึ้นภายในตัวเมืองชั้นในเสียอีก!
นอกจากนี้ หากกองกำลังของยมโลกสามารถปรากฏขึ้นภายในเมืองชั้นนอก เช่นนั้นก็หมายความว่ากำแพงเมืองยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของนครชฺวีฟู่ หากพวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับการรักษาชีวิตของเหล่าประชากรวิญญาณภายในเมือง พวกเขาก็สามารถระเบิดพื้นที่ทั้งหมดได้ ความคิดเกี่ยวกับการป้องกันที่ถูกวางไว้ที่กำแพงเมืองทำให้ฉินเย่รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
เช่นนั้นมันก็เหลือความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือกำแพงเมือง
ยึดครองกำแพงเมืองซะ ประการแรก พวกเขาจะสามารถหยุดการทำงานของอาวุธทำลายล้างทั้งหมดที่อยู่ด้านบนสุดของกำแพงเมืองได้ ประการที่สอง พวกเขาจะสามารถรักษาเส้นทางสำหรับการล่าถอยเอาไว้ และประการสุดท้าย พวกเขาจะสามารถดึงความสนใจของนครชฺวีฟู่ออกห่างจากเมืองชั้นในได้ แต่ถึงกระนั้น แม้แต่เขาหรือหยางเหยียนเจาก็ไม่ทันได้นึกถึงการยึดการป้องกันของอีกฝ่ายมาเพื่อใช้เอง!
เพราะอย่างไรแล้ว ยุทโธปกรณ์ทั้งหมดที่ถูกติดตั้งเอาไว้บนกำแพงเมืองก็ยึดอยู่กับที่และอยู่ห่างกันหลายพันเมตร พวกเขาไม่มีเวลาที่จะถอดและย้ายตำแหน่งอาวุธเหล่านี้ได้ทันเวลาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขเหล่านี้จำกัดอยู่ที่เครื่องยิงหน้าไม้ขนาดใหญ่เท่านั้น มันยังมียุทโธปกรณ์สำหรับป้องกันชิ้นอื่นๆที่ยังเล็ดลอดความคิดของพวกเขาไปอีก และมันก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากอสูรกลไก!
มันมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่เสียจนอยู่เกินความคาดคิดของพวกเขาไป ราวกับเป้าหมายที่ถูกซ่อนไว้ใต้เรดาร์ ผู้ใดจะไปคิดว่าจะมีคนที่ตัดสินใจบุกเข้าจู่โจมอสูรกลไกและสามารถแย่งชิงมันมาได้สำเร็จ?
ไม่ใช่ว่ามันควรจะมีทหารวิญญาณจำนวนมากคอยคุ้มกันอสูรกลไกอยู่อย่างนั้นหรือ?
พวกเขาทำมันสำเร็จได้อย่างไร?
ไม่…มันไม่ใช่เวลาที่จะมาพิจารณาเรื่องเหล่านี้ โอกาสเช่นนี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นง่ายๆ! ดวงตาของฉินเย่แดงก่ำด้วยความตื่นเต้นและเขาก็ตะโกนออกไปสุดเสียง “เตรียมตัวเคลื่อนทัพ!!”
“ยมโลกจงเจริญ!!” เสียงตะโกนที่ดั่งสนั่นดังตอบกลับมา ทหารวิญญาณที่อยู่ด้านหลังหยิบโล่และหอกของตนพร้อมตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบทันที
ทุกคนต่างรู้ดีว่าพวกเขาคือกองกำลังทหาร 20,000 นายสุดท้ายของยมโลก แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังตะโกนตอบอย่างมุ่งมั่น ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกองกำลังทหารนับล้านที่กำลังมั่งหน้าไปยังนครชฺวีฟู่เท่านั้น
ร่างของฉินเย่สั่นสะท้าน เป็นไปได้อย่างไร? เขาสมควรที่จะต้องหวาดกลัวสิ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ภาพของสงครามที่น่าสะพรึงกลัวกระตุ้นให้อะดรีนาลีนภายในร่างของเขาเดือดพล่านเช่นนี้?
แต่…เขาต้องยอมรับเลยว่ามันเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างดีทีเดียว
ฉินเย่คอยมองดูยมโลกเติบโตขึ้นจากความว่างเปล่า ทีละเล็กทีละน้อย ยมโลกค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นภายใต้การสนับสนุนที่อดทนของเขา และความพยายามทั้งหมดก็จะถูกตัดสินด้วยการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในวันนี้ ความรู้สึกของการประสบความสำเร็จ ความภาคภูมิใจ ความพึงพอใจ และแม้แต่ความเป็นเอกลักษณ์นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถปฏิเสธได้เลย!
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หน้าจอพลังหยินตรงหน้า การโต้กลับนี้…สร้างความเสียหายทางจิตใจอย่างมหาศาล!
การปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของอสูรกลไกอย่างไม่ลังเล ทำลายหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของนครชฺวีฟู่จะต้องสร้างความหวาดกลัวให้กับอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“พวกเจ้าจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปเช่นนี้จริงๆน่ะหรือ?”
“พวกเจ้าไม่คิดจะส่งกองกำลังที่เก็บซ่อนไว้ออกมาเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้เลยอย่างนั้นหรือ?”
ฉินเย่ขนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง เขารู้ดีว่าวินาทีแห่งโอกาสที่เขาอดใจตั้งตารอและโอกาสที่กองกำลังทหาร 80,000 นายพยายามต่อสู้เพื่อให้ได้มากำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้…
เอาอีก! อีกสองนัด! นั่นจะเพียงพอที่จะดึงกองกำลังสุดท้ายที่นครชฺวีฟู่เก็บซ่อนไว้ออกมา!
เขากำลังรอ
รอให้เสียงแตรแห่งชัยชนะดังขึ้น
……………………………………………..
บนชั้นที่เก้าภายในร่างของอสูรกลไกวัวคลั่ง ฉึก… หลี่หลินฝู่จ้องมองมู่กุ้ยอิงด้วยความเหลือเชื่อ พลังหยินที่รุนแรงหลั่งไหลแผ่ออกมาจากทั่วทั้งร่างกายเขา และร่างที่สั่นเทาของเขาก็ค่อยๆเดินถอยไปยังมุมๆหนึ่งของห้อง
ร่างส่วนใหญ่ของมู่กุ้ยอิง ตั้งแต่ช่วงไหล่ซ้ายไปจนถึงเอวได้ถูกแยกออกจากร่างของนางอย่างสมบูรณ์ มันเป็นบาดแผลที่แสนสาหัส แต่ถึงกระนั้น…นางกลับยังคงยืนอยู่ได้!
ทำไมนางถึงยังไม่ล้มลงอีก?!
นางยังยืนอยู่ได้อย่างไร?!
หลี่หลินฝู่พยายามข่มความเจ็บปวดของตนเองไว้ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด! อาการบาดเจ็บเช่นนี้สมควรที่จะทำให้นางกลายร่างเป็นกลุ่มก้อนพลังหยินไปได้แล้ว นี่นางยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน?!!
ผู้หญิงเพียงคนเดียวได้ทำลายการป้องกันทั้งเก้าชั้นภายในอสูรกลไก ลูกไฟนรกจำนวนมากลอยไปมาอยู่ด้านหลังของนาง จำนวนทหารวิญญาณที่สูญสลายไปมีมากกว่าพันนาย ในขณะที่เหล่าทหารที่มีอยู่ต่างถอยห่างจากมู่กุ้ยอิงอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่มีใครกล้าลอบโจมตีนางเลยแม้แต่น้อย หากพูดกันตามความจริง ไม่มีผู้ใดกล้าขยับเขยื้อนตัวต่อหน้าบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวผู้นี้เลยสักคน
นี่คือพลังของความเชื่อมั่น
ความเชื่อมั่นที่ไม่สั่นคลอนในเส้นทางที่นางได้เลือก
มันเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีที่ไม่มีที่สิ้นสุดของนางที่มีต่อยมโลก มันมากเสียจนนางวางจุดประสงค์ของยมโลกไว้เหนือความสำคัญในการรักษาชีวิตของตนเอง!
และตอนนี้ร่างของนางก็กำลังแผ่รัศมีที่ดุดันอย่างไม่สามารถหาที่เปรียบได้ออกมา
ถึงแม้ว่ามู่กุ้ยอิงจะบาดเจ็บสาหัส แต่บาดแผลเหล่านี้ก็ไม่สามารถลดแรงกดดันที่นางแผ่ออกมาได้เลย
“เมตตา…เมตตาด้วย!!” ในที่สุดหลี่หลินฝู่ก็พ่ายแพ้ต่อแรงกดดันที่ถาโถมลงมาที่ตน ทว่าน่าเสียหายที่หอกอันแหลมคมพุ่งตรงเข้าใส่ลำคอของเขาก่อนที่เขาจะทันได้อ้อนวอนขอชีวิต
ฉึก… เขาไม่แม้แต่จะได้กรีดร้องออกมาได้ด้วยซ้ำ ดวงตาสีแดงสดของเขาหดเล็กลงและเปลวไฟที่รุนแรงก็ปะทุออกมาจากร่าง ลุกโชนอยู่ในอากาศ มือของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง ราวกับว่าต้องการที่จะไขว่คว้าอะไรบางอย่างบนพื้น แต่หอกที่แทงทะลุลำคอของเขาก็ทำให้เขาไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว
เขาอยากจะถามว่าทำไม
ข้าวิงวอนขอความเมตตาแล้ว แต่เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมไว้ชีวิตข้ากัน?
ยิ่งๆผกว่านั้น เจ้าอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าข้าเสียอีก แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังไม่ตาย?!
ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสที่จะทำเช่นนั้น
เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างของเขาก็สลายหายไปท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโชนและกลายเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังหยินไป
ภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบ มู่กุ้ยอิงดูเหมือนจะไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใดๆเลยแม้แต่น้อย นางค่อยๆเดินจากมา ร่างของนางยังคงเป็นเพียงร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ในสายตาของทหารวิญญาณทั้งหมดที่อยู่โดยรอบ นางดูไม่ต่างอะไรกับอสูรที่โหดเหี้ยมเลยแม้แต่น้อย
“นัดที่สอง…” เสียงที่เอ่ยออกมาของนางแหบพร่าเป็นอย่างมาก แต่ถึงกระนั้น นางก็ค่อยๆชี้ปลายหอกไปยังเหล่าวิญญาณที่อยู่โดยรอบทั้งหมด “โจมตีเป้าหมายของนัดที่สองตามที่ข้าสั่ง”
“มีผู้ใดคัดค้านหรือไม่?”
แน่นอน ไม่มีผู้ใดกล้า
พงศาวดารของยมโลกแห่งใหม่: ในปีที่ 001 ของยมโลกแห่งใหม่ แม่ทัพมู่กุ้ยอิงสามารถบุกเข้ากำแพงเมืองทางฝั่งตะวันตกของด่านซานไห่และแย่งชิงการควบคุมของอสูรกลไกวัวคลั่งได้สำเร็จ นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของการปิดล้อมนครชฺวีฟู่
………………………………………………………..
ตู้ม!!!
ลำแสงสีดำเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดหลายสิบเมตรระเบิดออกไปด้านหน้าทันที มันปกคลุมแหล่งกำเนิดแสงทั้งหมดที่อยู่โดยรอบ แม้กระทั่งดวงดาวทั้งหมด สายฟ้าสีแดงเป็นประกายอยู่รอบๆขณะที่มันพุ่งตรงไปที่เจ้าแห่งหัวหยิน ขัดจังหวะการเผชิญหน้าระหว่างเขากับฮวาเจี่ยอวี่อย่างกระทันหัน
เป็นไปได้อย่างไร?!
นี่เป็นความคิดแรกที่ผุดเข้ามาในหัวของเขา เขาจ้องมองลำแสงดังกล่าวอย่างเหม่อลอย ปากอ้ากว้างด้วยความตกตะลึง
นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด…
ประชากรที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่ยื่นศีรษะออกมาต่างจ้องมองไปยังลำแสงดังกล่าว
เวลาดูเหมือนว่าจะถูกหยุดไปชั่วขณะ
อานุภาพในการทำลายล้างของการโจมตีดังกล่าวทำให้ภายในหัวของคนทั้งหมดว่างเปล่า
การทำลายล้างที่เกิดขึ้นนั้นเป็นภาพที่ไม่สามารถลืมเลือนได้ ตู้ม…ลำแสงสีดำกลืนกินระยะทางที่เหลืออยู่ไปถึงที่พักซึ่งอยู่กลางท้องถนนภายในชั่วพริบตา พื้นดินเต็มไปด้วยรอยร้าว เศษดินและฝุ่นลอยคละคลุ้งไปในอากาศ ในขณะที่ม่านของที่พักอาศัยส่วนใหญ่กระพรืออย่างรุนแรง
ลำแสงแห่งความตายที่พุ่งลงมาที่ร่างของเจ้าแห่งหัวหยินทำให้เขากลับมาได้สติ เขากรีดร้องออกมาและพุ่งตัวออกจากพระราชวัง ตะโกนออกมาสุดเสียง “คุ้มกันข้า…คุ้มกันข้า!!”
เขาขยับมือไปมาอย่างบ้าคลั่ง ส่งผลให้เส้นด้ายสีดำที่เชื่อมอยู่กับกองทัพหุ่นกระบอกที่ลอยอยู่ในอากาศลอยกลับมาอยู่ตรงหน้าของเขาทันที
แกร๊ก แกร๊ก! หุ่นกระบอกนับหมื่นปกคลุมรอบร่างของเขาราวกับป้อมปราการที่ไม่สามารถทำลายได้ และจากนั้น การทำลายล้างก็มาถึง
มันไม่มีเสียงใดๆดังขึ้น
แต่ถึงกระนั้นมันกลับสร้างความอึดอัดให้กับผู้คนอย่างไม่สามารถหาที่เปรียบได้ ไม่ว่าจะเป็นทหารวิญญาณหรือประชากรวิญญาณ ทุกคนล้วนหลับตาลงในวินาทีแห่งการปะทะนี้
มันมีแสงสว่าง
แสงสว่างอันไร้ขอบเขต
การระเบิดของลำแสงสีดำสนิทปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่บริเวณใกล้เคียง การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของวัวคลั่งมีความรุนแรงเทียบได้กับการโจมตีของขั้นตุลาการระดับสูงหลายสิบตนรวมกัน หากพูดกันตามตรง มันคล้ายกับการโจมตีของขั้นฝู่จวินด้วยซ้ำ!
แกร็ก…แกร็ก… พื้นดินเริ่มปรากฏรอยร้าวและแตกออก บ้านเรือนจำนวนนับไม่ถ้วนถูกดึงขึ้นจากพื้นด้วยแรงดูดที่รุนแรงก่อนที่จะสลายไป
มีเพียงหลังจากผ่านไปสักพักใหญ่แล้วเท่านั้นที่วิญญาณโดยรอบถึงจะสามารถลดแขนลงและมองไปยังที่พำนักของจ้าวแห่งหัวหยินได้ในท้ายที่สุด
หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในจุดที่พระราชวังเคยตั้งอยู่ ฮวาเจี่ยอวี่ยืนอยู่ห่างจากขอบของหลุมเพียงสิบเมตรเท่านั้น
หลุมดังกล่าวมีขนาดอย่างน้อย 300 เมตร และผิวหน้าของพื้นดินในเวลานี้ก็ว่างเปล่าโดยสมบูรณ์
เมื่อไม่กี่สิบวินาทีที่ผ่านมาท้องถนนยังคงเต็มไปด้วยค่ายกลของทหารวิญญาณหลายหมื่นนายที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับกองกำลังของยมโลกอยู่เลย
อ่า…หากพูดกันตามตรง กองกำลังยังคงอยู่
นกกระเรียนกระดาษที่ถูกเผาไหม้ร่วงลงมาจากฟ้า ในขณะที่หุ่นกระบอกทั้งหมดเริ่มแตกสลายและตกลงกับพื้นอย่างไร้ชีวิตชีวา ก่อนจะเผยให้เห็นร่างกายที่บอบช่ำของเจ้าแห่งหัวหยิน
เขายังมีชีวิตอยู่
แต่ร่างทั้งร่างของเขาตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยแตกที่ไม่ต่างอะไรไปกับแจกันลายครามเลยแม้แต่น้อย เปลวไฟนรกมากมายลุกโชนให้เห็นตามรอยร้าวดังกล่าว ร่างทั้งร่างสั่นเทาอย่างรุนแรงขณะที่เขาค่อยๆหันไปมองทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบ
รอด?
เขายังรอด?!
“ยังไม่ตาย… ไม่อยากเชื่อ…” ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทาขณะที่จ้องมองมือของตนเอง ก่อนจะหันไปหาฮวาเจี่ยอวี่ “เจ้า…นังสารเลว!!”
“ทั้งหมดมันเป็นเพราะเจ้า… เพราะเจ้าคนเดียว… เจ้าต้องตาย!!”
ขณะที่กรีดร้อง ร่างทั้งร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นกระแสลมที่เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น–… ตู้ม… เสียงที่ดังสนั่นก็ดังมาจากทางกำแพงเมืองทางตะวันตกอีกครั้ง
หากพูดให้ถูกก็คือ มันดังมาจากปากของอสูรกลไก วัวคลั่ง
เจ้าอสูรหันหัวขนาดใหญ่ของมันมา และเป้าหมายของมันในครั้งนี้…ก็คือเมืองชั้นในของนครชฺวีฟู่!
ฟึ่บ! สายลมเริ่มพัดผ่านดินแดนอีกครั้งเมื่อวัวคลั่งเริ่มรวบรวมพลังหยินจากบริเวณโดนรอบอีกรอบ พวกเขาทั้งหมดสามารถสัมผัสได้ว่าพลังหยินที่รวมรวบในครั้งนี้นั้นน้อยกว่าครั้งแรกมาก แต่มันกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในทุกวินาทีที่ผ่านไป
กลับมาบนชั้นที่หกของอาคารที่ตั้งอยู่ที่ใจกลางของเมืองชั้นใน ตุบ ตุบ…หลายจวิ่นเฉินเผลอก้าวถอยหลังกลับไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความกลัวจากสิ่งที่เกิดขึ้น หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่ามีผู้ติดตามคอยพยุงร่างของเขาเอาไว้ เขาก็คงจะทรุดลงกับพื้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และมันก็ไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ขั้นตุลาการนรกอีกสองคนที่เพิ่งโต้เถียงกับเขาเมื่อครู่นี้เองก็มึนงงไปตามๆกัน
นี่จะต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ… นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของพวกเขาทั้งหมด
มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?
แต่ไม่นานพวกเขาก็กลับมาได้สติด้วยมือที่กระชากเข้าที่เสื้อของพวกตน หลายจวิ่นเฉินจ้องมองทั้งสองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และเปลวไฟนรกที่รุนแรงก็พวยพุ่งออกจากทวารทั้งเจ็ด แม้แต่เสียงที่เอ่ยออกมาของเขาเองก็แหบพร่าไปในพริบตา
“เคลื่อนทัพ…”
“หืม?” ขั้นตุลาการนรกทั้งสองยังพยายามที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมด แต่หลายจวิ่นเฉินกลับดึงพวกเขากลับมาด้วยเสียงะโกนที่ดุเดือด “เคลื่อนทัพ! เคลื่อนทัพเดี๋ยวนี้!!! ระดับพลทั้งหมดที่พวกเจ้าสามารถทำได้!! เหลือกองทัพหุ่นกระบอกไว้ที่นี่เพียง 100,000 ตัวเท่านั้น!!”
“ข้าต้องการให้พวกเจ้าฆ่าพวกมัน… ฆ่าพวกมันให้หมด!!!”
ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านขณะที่เขาพยายามพยุงตัวเองด้วยราวจับ “นี่คือสถานที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา… หาพวกเราปล่อยให้พวกมันโจมตีได้อีกครั้ง ผลที่ตามมาจะต้องเหนือจินตนาการอย่างแน่นอน!! และ…หากกองกำลังที่เหลืออยู่ตามเข้ามา นครชฺวีฟู่จะต้องพังทลายลงในชั่วพริบตา!!”
“พวกเจ้าทั้งหมดยังด้อยประสบการณ์ ไม่รู้อะไรเลยสักนิด! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งใดกำลังรอพวกเราอยู่หากเราถูกกองกำลังของยมโลกจับไป? พวกเราจะถูกเนรเทศให้ไปอยู่ในส่วนลึกของขุมนรกไปชั่วนิรันดร์!!”
“รีบเคลื่อนทัพเดี๋ยวนี้… ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แย่งอสูรกลไกกลับคืนมาให้ได้!!! พวกเราจะต้องโต้กลับโดยเร็วที่สุด!!”