ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 437: สงครามครั้งสุดท้าย (9)
บทที่ 437: สงครามครั้งสุดท้าย (9)
เวลาดูเหมือนว่าจะหยุดนิ่งไป
ขั้นตุลาการนรกทั้งสองของนครชฺวีฟู่อ้าปากค้างกับภาพของแท่นดอกบัวสูงร้อยเมตรที่ถูกสร้างขึ้นโดยโครงกระดูกมนุษย์ กลีบของดอกบัวเบ่งบานอย่างสวยงาม ถูกตกแต่งด้วยเปลวไฟแห่งกรรมที่ลุกโชติช่วง ในขณะที่อรากษสผู้หญิงที่มีสามเศียรและหกแขนนั่งอยู่ด้านบนสุดของบัลลังก์ดอกบัวนี้
ในวินาทีนั้น พวกเขาถูกสาดซัดไปด้วยคลื่นความกลัวที่เข้าเกาะกุมทุกอณูของหัวใจ
มันไม่ต่างอะไรกับความกลัวที่กระต่ายรู้สึกในตอนที่ถูกจับจ้องโดยหมาป่าเลยแม้แต่น้อย
ความกลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งใจ แม้แต่ขงโม่เองก็ไม่สามารถกระตุ้นความกลัวเช่นนี้ให้เกิดขึ้นภายในใจของพวกเขาได้ ขั้นตุลาการทั้งสองอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเหลือบมองเลยไปยังด้านหลังของอรากษสที่น่าสะพรึงกลัวตรงหน้า ลูกบอลพลังหยินสีดำเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
หากเดินทัพต่อ พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่ไม่สามารถเอาชนะได้ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้า
หากล่าถอย อสูรกลไกก็จะโจมตีและทั้งเมืองก็จะต้องตกอยู่ในอันตราย!
รุกฆาต
ความตึงเครียดปกคลุมไปทั่ว ทั้งสองฝ่ายต่างตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนต่างรู้ดีว่าสงครามครั้งนี้กำลังจะพุ่งถึงจุดสูงสุดในอีกไม่ช้า
การเผชิญหน้าที่ตึงเครียดดำเนินไปเป็นระยะเวลากว่าสองนาทีเต็ม และลูกบอลสีกำสนิทก็ค่อยๆขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุด ชายร่างผอมสูงก็สูดหายใจเข้าช้าๆและเอ่ยออกมาอย่างมาดมั่น “…ถอยไป… ไปซะ และนครชฺวีฟู่จะยอมมองข้ามการกระทำผิดของพวกเจ้าในครั้งนี้ไป!”
หึหึ… อาร์ทิสแค่นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน ในเสี้ยววินาทีต่อมา นางก็ประกบมือเข้าด้วยกัน และวงแหวนสีดำทองก็เริ่มหมุนรอบ ๆ มือของนาง
วงแหวนดังกล่างดูเหมือนจะอัดแน่นไปด้วยเสียงร้องอันโหยหวนและเสียงคร่ำครวญของวิญญาณนับล้าน แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเปล่งประกายด้วยลำแสงอันศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธ ตอนนี้พวกเขาอยุ่ห่างจากอสูรกลไกเพียงสิบกิโลเมตรเท่านั้น แต่ระยะทางที่สั่นอย่างไม่น่าเชื่อกลับดูไม่ต่างจากระยะห่างที่แยกระหว่างสวรรค์กับนรก
ไม่มีผู้ใดถอยหนี
ไม่มีผู้ใดสามารถถอยหนีได้
ยิ่งวงแหวนสีดำทองหมุนเร็วขึ้นเท่าไหร่ วัวคลั่งก็ยิ่งรวบรวมพลังหยินเข้าสู่ลูกบอลสีดำได้มากขึ้นเท่านั้น ความรู้สึกอึดอัดแพร่กระจายเข้าสู่หัวใจของขั้นตุลาการนรกทั้งสองของนครชฺวีฟู่ ตุลาการผู้หญิงกรีดร้องออกมาเสียงแหลมสูง “อย่าหาว่าข้าไม่ให้ทางออกแก่เจ้าก็แล้วกัน!” พร้อมกับเสียงตวัดที่รุนแรง เส้นผมของนางพุ่งออกไปหาอาร์ทิสทันที
ย้อนกลับมาบนชั้นที่หกของอาคารที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองชั้นใน “นังโง่!” ดวงตาของหลายจวิ่นเฉินแดงก่ำ การปรากฏตัวของขั้นตุลาการนรกของยมโลกสร้างความหวาดกลัวให้กับเขาจนดวงจิตของเขาแทบจะหลุดออกจากร่าง แต่ถึงกระนั้น…เขาก็ไม่คิดเลยว่าขั้นตุลาการนรกทั้งสองของนครชฺวีฟู่จะกล้าเผชิญหน้ากับขั้นตุลาการนรกของยมโลกโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย! เขารีบฉีกยันต์ที่ตนเองถือไว้ในมือมาตลอดทิ้งไปทันที
เขาจะเสียกองกำลังทหารไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว…
อีกฝ่ายยังมีขั้นตุลาการนรกอยู่… เขาจะต้องรักษาจำนวนทหารไว้ให้ได้มากที่สุด จะสูญเสียขั้นตุลาการนรกให้กับกองกำลังของยมโลกไปมากกว่านี้อีกไม่ได้แล้ว แม้ว่าเขาไม่ต้องการที่จะช่วยขั้นตุลาการนรกทั้งสอง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก!
“วงล้อระบำเทวะ” ภายในอำนาจของ “อาณาเขตไร้เทพ” ดวงตาของอาร์ทิสเป็นประกายเจิดจ้า สายลมที่พัดรอบตัวนางยังคงส่งเสียงโหยหวนอย่างต่อเนื่อง พัดร่างตุลาการนรกทั้งสองของนครชฺวีฟู่จนพวกเขาแทบจะไม่สามารถทรงตัวได้ และไม่กี่วินาทีต่อมา แม้แต่ผิวหนังของพวกเขาก็เริ่มปรากฏรอยแตก
“นี่มัน–…” ชายร่างผอมสูงจ้องมองมือของตนอย่างเหลือเชื่อ มันเต็มไปด้วยรอยแตก เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก นี่คือพลังขั้นตุลาการนรกของยมโลกอย่างนั้นหรือ?
พวกเขาเองก็อยู่ขั้นตุลาการนรกเช่นกัน… แล้วเหตุใดพวกเขาถึงไม่สามารถต้านทานการโจมตีของอีกฝ่ายได้เลย?
เขามีความคิดที่จะหนี แต่ในวินาทีที่วงแหวนของอาร์ทิสเริ่มหมุน เขาก็รู้สึกว่าตัวเองถูกบดขยี้โดยรัศมีที่ท่วมท้นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของอีกฝ่าย มันแทบจะเหมือนกับว่าร่างทั้งร่างของเขาถูกดูดเข้าไปในกลุ่มพลังหยินที่หนาแน่น ไม่สามารถหลุดออกมาจากมันได้!
มันเหมือนกับละมั่งที่ยืนเผชิญฆน้ากับสิงโตที่แข็งแกร่ง ทางเลือกเดียวสำหรับเขาก็คือการอ้อนวอนขอความเมตตา
มันเป็นความรู้สึกหวาดกลัวที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณ
แต่ทันใดนั้นเอง—!!!
แววตาของอาร์ทิสสั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่นางหันไปมองยังเมืองชั้นใน ในขณะเดียวกัน ฉินเย่ หยางเหยียนเจา และหยางเหยียนเต๋อต่างลุกยืนขึ้นพร้อมกัน ทั้งหมดต่างจ้องเขม็งไปยังภาพที่ฉายอยู่บนหน้าจอ
หัวใจของพวกเขาเต้นแรงขึ้น
ตู้ม!!!
ประกายแสงสีดำระเบิดขึ้นภายในเมือง ทำให้ทุกอย่างด้านในกลายเป็นสีขาวดำไปหมด ที่ใจกลางเมืองในเวลานี้ดูราวกับตกอยู่ภายใต้การเกิดสุริยุปราคา ท้องฟ้าด้านบนพลันระเบิดด้วยเปลวไฟนรกจำนวนมาก จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมา อุกกาบาตจำนวนมากก็เริ่มพุ่งเข้าสู่เมืองชั้นในของนครชฺวีฟู่!
มันเป็นภาพที่ตระการตาเป็นอย่างมาก ราวกับว่าดวงดาวและดวงจันทร์กำลังเคลื่อนไหวไปพร้อมกันกับตอนที่ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นมาทางทิศตะวันออก รัศมีอันน่าเกรงขามปกคลุมไปทั่วพื้นดิน บางสิ่งบางอย่าง…กำลังปรากฏขึ้น ณ ที่ปลายสุดของขอบฟ้า
แกร็ก…ปากกาแห่งการพิพากษาที่อยู่ในมืองของฉินเย่ส่งเสียงเบาๆขณะที่จ้องมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้น สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่านี่แหละ…มันจะต้องใช่แน่ ๆ ! นี่คือรูปลักษณ์ที่แท้จริงของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา! นี่คือไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของนครชฺวีฟู่อย่างไม่ต้องสงสัย!
“ทหารวิญญาณทุกนายเริ่มเคลื่อนทัพไปที่ลำแสง…” ฉินเย่สั่งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ไม่จำเป็นจะต้องเอ่ยอะไรมาก ทหารวิญญารที่เหลืออยู่ทั้งหมดรีบวิ่งไปทันที
ธงของพวกเขาปลิวไสวไปในอากาศอย่างยิ่งใหญ่ สายลมกระโชกแรงพัดผ่าน ทุกคนต่างเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม
“ทหาร… เตรียมพร้อม…” หยางเหยียนเจาและหยางเหยียนเต๋อตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น แม้แต่แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่มากประสบการณ์อย่างพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าภายในใจของตัวเองเดือดพล่านเมื่อต้องมายืนอยู่ตรงหน้าสงครามที่ชี้ชะตาเช่นนี้!
ทันใดนั้นเอง–!!
ครืดดดด… ตู้ม!!!
ทันใดนั้น สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ก็ผุดขึ้นมาจากพื้นท่ามกลางเปลวไฟนรกที่ลุกโชติช่วงอยู่บนท้องฟ้า หากพูดให้ถูกก็คือ มันคือแท่นบูชาที่สูงตระหง่าน ขณะที่มันผุดขึ้นจากพื้น ค่ายทหารและบ้านเรือนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็พังทลายกลายเป็นผุยผง คลื่นกระแทกที่รุนแรงกระเพื่อมออกเป็นวงกว้าง กองทัพหุ่นกระบอก 100,000 ตัวสุดท้ายลอยขึ้นในอากาศพร้อมกับเสียงร้องที่ดังสนั่นและยืนลงบนแท่นบูชาราวกับว่าพวกมันคือผู้พิทักษ์ของเทพแห่งความตาย
แท่นบูชาดังกล่าวมีอยู่ทั้งสิ้นสิบชั้น และมันก็มีความสูงกว่าร้อยเมตร ขั้นบันไดกว้างมีคำว่า ‘พระราชวังแห่งการสะท้อนเงา’ ถูกเขียนเอาไว้ กระจกที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 300 เมตรถูกตั้งอยู่ที่ด้านบนสุดของแท่นบูชา สะท้อนให้เห็นภาพทั้งหมดของนครชฺวีฟู่ รัศมีที่แผ่ออกมาพร้อมกับการปรากฏตัวของมันเป็นเหมือนกับการกำเนิดของดวงอาทิตย์ไม่มีผิด
กลับมาที่โลกใต้พิภพ ฉินเย่หลับตาลง
นี่แหละ!
เมืองชั้นในไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าฉากหน้าที่ปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมัน และกองกำลังของนครชฺวีฟู่ก็ฉีกกระชากการป้องกันทั้งหมดและเปิดเผยความจริงทั้งหมดให้กับเหล่าวิญญาณที่อยู่โดยรอบ ทุกคนต่างสามารถเดาได้แล้วว่าการสูญเสียครั้งใหญ่นี้ย่อมหมายความว่านครชฺวีฟู่กำลังเตรียมที่จะปล่อยการโต้กลับที่ทรงพลังออกมาในอีกไม่ช้านี้!
การโจมตีทั้งต่อไปของระเบิดทมิฬกำลังใกล้เข้ามา และอาร์ทิสก็กำลังขัดขวางการก้าวไปข้างหน้าของขั้นตุลาการนรกทั้งสองของนครชฺวีฟู่ ฝ่ายตรงข้ามกำลังได้เห็นการที่ขั้นตุลาการนรกของยมโลกสังหารขั้นตุลาการนรกของพวกเขาด้วยตาของตนเอง นี่คือเหตุผลว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องหยิบไพ่ไม้ตายชิ้นสุดท้ายของตัวเองออกมา
พวกเขาจะต้องรีบสังหารอาร์ทิสโดยเร็วที่สุด
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดในที่นี่อยู่ขั้นฝู่จวิน
และทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขาในตอนนี้ก็คือการหันไปพึ่งพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา!
พรึ่บ… ทั่วทั้งนครชฺวีฟู่ส่องประกายเจิดจ้า ส่งผลให้วิญญาณกว่าสิบล้านตนด้านล่างเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้าด้วยความมึนงง ร่างสองร่างยืนอยู่เหนือบานกระจกขนาดใหญ่ หลายจวิ่นเฉินยืนอยู่ด้านหน้า ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและสั่นเทาด้วยอิทธิพลจากความกลัว ความโกรธ และความวิตกกังวล
เขากำลังกลัวว่านครชฺวีฟู่จะล่มสลายลงในชั่วพริบตา
และกำลังเดือดดาลกับข้อเท็จจริงที่ว่ามีใครบางคนสามารถบังคับให้พวกเขาต้องใช้ไพ่ตายสุดท้ายที่ซ่อนอยู่ของตัวเอง
เขาหวาดกลัวกับความคิดที่ว่า…ยมโลกยังมีสิ่งใดที่เตรียมไว้สำหรับพวกเขาอีกบ้าง
“พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตายที่นี่!!” พลังหยินที่รุนแรงระเบิดออกมาจากร่างของเขาขณะที่เขาตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังลั่น “ยมโลกอย่างนั้นหรือ?!!”
“พวกเจ้าจะเป็นยมโลกที่แท้จริงแล้วอย่างไร?! พวกเรากำลังอยู่ในยุครณรัฐ! มีเพียงผู้ที่สามารถยืนหยัดจนถึงวินาทีสุดท้ายเท่านั้นที่ควรค่าแก่การถูกเรียกว่าเป็นยมโลกที่แท้จริง! และพวกเรา กลุ่มพันธมิตรแห่งความมืด ก็จะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ได้รับชัยชนะ!!”
“ไปลงนรกซะ…” ริมฝีปากของเขาแย้มยิ้มกว้างจากหูข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง เผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมที่อยู่ภายในปาก เขาวางมือลงบนบานกระจกขนาดใหญ่และเริ่มใส่พลังหยินของตัวเองเข้าไป มากจนร่างของเขาซูบผอมลงเล็กน้อย แต่…ทันทีที่เขาทำเช่นนั้น แสงสว่างที่แผ่ออกมาจากบานกระจกก็ค่อยๆขยายกว้างขึ้น จนกระทั่งในที่สุด…ภาพอันพร่าเลือนของตะเกียงดวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
มันคือตะเกียงเถาฮวา
“ตายซะ!!!” พร้อมด้วยเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนปฐพี ตะเกียงเถาฮวาเริ่มหมุนเร็วขึ้นและร่างเงาของแม่ทัพจำนวนมากก็เริ่มฉายขึ้น ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงดึงสายของคันธนูก็ดังขึ้นจากพื้นที่ว่างตรงหน้าของตะเกียงเถาฮวา
ฉึก!!
พรึ่บ!!
อากาศระหว่างเมืองชั้นในและอาร์ทิสบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัดขณะที่ลูกธนูดังกล่าวพุ่งตรงไปที่อกของอาร์ทิส อาคารที่อยู่โดยรอบทั้งหมดพังทลายลงจากระเบิดคลื่นเสียงอันรุนแรงที่เกิดขึ้น
แต่ถึงกระนั้น อาร์ทิสกลับไม่คิดที่จะหลบหลีกมันเลยสักนิด
ในวินาทีนั้น นางตระหนักได้ว่าลูกธนูดังกล่าวไม่ได้เพียงเล็งมาที่นางเพียงผู้เดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอสูรกลไกวัวคลั่งที่อยู่ด้านหลังของนางอีกด้วย หากนางหลบไปตอนนี้ พวกนางจะสูญเสียข้อได้เปรียบทั้งหมดที่พวกนางพยายามสู้เพื่อให้ได้มา
ดังนั้น นางจึงประสานมือและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนมันเหลือเพียงภาพลวงตาที่ค้างไว้ในอากาศ
“การรวมตัวของผู้กล้า!”
ยันต์นรกรูปแบบที่หนึ่ง – เสียงร้องแห่งฝู่จวิน
วี๊ดดดดด!!! นางอ้าปากกว้างหลายเมตรและส่งเสียงร้องที่ไม่สามารถได้ยินได้ด้วยหูออกมา วิญญาณหลายพันตนถูกสังหารไปในทันที ในขณะที่คนอื่น ๆ ต่างกุมศีรษะของตัวเองอย่างเจ็บปวดขณะที่ล้มลงกับพื้น
ตู้ม ตู้ม ตู้ม… อากาศโดยรอบราวกับถูกแช่แข็งไป ภายใต้เสียงร้องอันทรงพลังนี้ ทุกอย่างระเบิดออก เผยให้เห็นว่า ณ จุดกึ่งกลางของลูกธนูที่พุ่งเข้ามานั้นแท้จริงแล้วมีกลีบดอกไม้ฝังอยู่
ฉีก!
อย่างไรก็ตาม การมองเห็นและการป้องกันนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ภายในเสี้ยววินาทีต่อมา ลูกธนูกลีบดอกไม้ก็ปักเข้าที่อกของอาร์ทิสอย่างแรง
“อ๊ากกกก!!!” อาร์ทิสกรีดร้องออกมาอย่างเดือดดาล มันเป็นเสียงร้องที่ฉินเย่ไม่เคยได้ยินมาก่อน พลังหยินจำนวนมากหลั่งไหลออกมาจากร่างของนางราวกับน้ำพุขนาดใหญ่ แต่นางกลับไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางยังคงประดับด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายขณะที่นางเอ่ยคำ ๆ หนึ่งออกมา
“บุก”
บุก
คำ ๆ นี้ไม่ได้ถูกส่งไปยังเหล่าผู้ที่อยู่รอบข้างนาง
กลับกัน…มันถูกส่งไปยังโลกใต้พิภพ มันคือข้อความที่นางต้องการส่งไปให้ฉินเย่!
ได้เวลาแล้ว
เหล่าผู้ทำการกบฏทั้งหมดจะต้องถูกกำจัดโดยไร้ซึ่งความปราณี!
บุก... คำเพียงคำเดียวที่สั่นสะเทือนหัวใจของทหารวิญญาณทั้งหมดที่ยังประจำการอยู่ที่โลกใต้พิภพ หน้าอกของทุกคนกระเพื่อมขึ้นลงอย่างหนักหน่วง
ริมฝีปากของพวกเขาสั่นเทา สามวินาทีต่อมา วิญญาณตนหนึ่งก็คุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่งพร้อมกับตะโกนออกมาสุดเสียง “ยมโลกจงเจริญ!!”
“ยมโลกจงเจริญ!” “ยมโลกจงเจริญ!” “ยมโลกจงเจริญ!”
ฉินเย่รู้สึกได้ว่าหูของเขาอื้อไปชั่วขณะ
กำแพงเมืองทั้งสี่ด้านล้วนถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มควัน นครชฺวีฟู่ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟนรก พระราชวังแห่งการสะท้อนเงาผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ตั้งสูงตระหง่านอยู่เหนือเมืองทั้งหมด สงครามทั้งหมดได้มาถึงจุดสูงสุดด้วยคำพูดเพียงคำเดียว
บุก
ระดมกองกำลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดและขับเคลื่อนการต่อสู้ไปสู่จุดสูงสุด!
“บุก!” ฉินเย่เหวี่ยงมือไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น “เคลื่อนทัพได้!!”
ตู้ม!! ทันใดนั้น กระแสน้ำวนสีแดงเข้มในอากาศก็ระเบิดแรงดูดมหาศาลออกมา เปลวไฟนรกแพร่กระจายทั่วร่างของทหารวิญญาณทั้งหมดขณะที่พวกเขาพุ่งตรงเข้าสู่กระแสน้ำวนดังกล่าว
เงาสะท้อนจากใบมีดส่องประกายออกมาเมื่อดาบถูกชักออกจากฝัก
การแสดงสุดท้ายได้ถูกเปิดฉากแล้ว และคมเขี้ยวของยมโลกก็ถูกเปิดเผยออกมาในที่สุด
และมันก็กำลังเล็งไปที่ลำคอของนครชฺวีฟู่
…………………………………………..
ณ ด่านซานไห่ นครชฺวีฟู่
หลายจวิ่นเฉินแน่นิ่งไปด้วยความตกตะลึง
การโจมตีสุดท้ายนี้ไม่สามารถสังหารตุลาการนรกได้อย่างนั้นหรือ?!
จริงอยู่ว่าเขานั้นไม่สามารถดึงพลังขั้นฝู่จวินของตะเกียงเถาฮวาออกมาใช้ได้ แต่การโจมตีสุดท้ายของเขาก็ยังเต็มไปด้วยพลังที่ใกล้เคียงกับพลังที่วิญญาณขั้นฝู่จวินสามารถรวบรวมได้ แต่เหตุใดมันถึงไม่สามารถสังหารขั้นตุลาการนรกตนนี้ได้กัน?
ไม่… นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ… สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ… คำพูดสุดท้ายของนางนั้นหมายจะส่งไปให้ผู้ใด?
ความรู้สึกหวาดกลัวเข้าครอบคลุมจิตใจ และความคิดที่น่าสะพรึงกลัวก็ผุดขึ้นมาในหัว ไม่…เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้…
ริมฝีปากของเขาสั่นเทา ลำคอรู้สึกแห่งผาก “ทะ ทหาร… คะ คุ้มกัน… คุ้มกัน…”
ทว่าก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมาได้จนจบประโยค… ตู้ม!
อาณาเขตมนตราสำหรับเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นด้านล่างของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา
ชายร่างผอมสูงและหญิงที่ร่างแยกออกจากกันแน่นิ่งไปด้วยความตกตะลึงก่อนที่พวกเขาจะหันกลับไปมองด้วยความเหลือเชื่อ ทั้งคู่จ้องมองไปยังใจกลางเมืองชั้นในด้วยความมึนงง จากนั้น พร้อมกับเสียงร้อยที่โหยหวน ทั้งสองรีบวิ่งไปยังจุดดังกล่าวราวกับคนเสียสติ
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่ามันมีทหารวิญญาณอีก 20,000 นายเพิ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า อีกฝ่ายรอคอยอย่างใจเย็นโดยไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น และตอนนี้พวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านล่างของแท่นบูชา
ตุบ...ขาทั้งสองข้างของหลายจวิ่นเฉินอ่อนแรง และเขาก็ทรุดลงกับพื้นทันที
พวกเขาพลาดแล้ว… นี่เป็นเพียงคำไม่กี่คำที่วิ่งวนอยู่ภายในหัวของเขาอย่างไม่รู้จบ ความรู้สึกเย็นยะเยือกเข้าเกาะกุมหัวใจ
พรึ่บ… เปลวไฟนรกที่ร้อนแรงลุกโชนอยู่ที่ฐานของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา สายลมกระโชกแรงพัดผ่าน ในขณะที่ทหารวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นจากกลุ่มก้อนพลังหยินที่อยู่โดยรอบ ในเสี้ยววินาทีถัดมา ทหารทั้งหมดก็เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบก่อนจะเปล่งเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนปฐพีออกมา “ด้วยคำพิพากษาจากนรก เหล่าวิญญาณทั้งปวงจงสูญสิ้น!!”
วูบ! แม้แต่แสงประกายจากพระราชวังแห่งการสะท้อนเงาก็หม่นแสงลงครู่หนึ่งจากเสียงกู่ร้องดังกล่าว