ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 439: พระราชวังแห่งการสะท้อนเงา (1)
บทที่ 439: พระราชวังแห่งการสะท้อนเงา (1)
หลายจวิ่นเฉินกันไปมองที่ผู้ติดตามของตนด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด
คลื่นความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจของผู้ติดตามผู้นั้นทันที เขาอยากที่จะวิ่งหนี แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายจับร่างของเขาเอาไว้แน่น
ความหวาดกลัวและวิตกกังวลที่มากเกินไปทำให้สีหน้าของหลายจวิ่นเฉินในเวลานี้บิดเบี้ยวอย่างผิดรูป เขายังยามแย้มยิ้มบางบนใบหน้าขณะที่เอ่ยต่อ “เจ้าคือหนึ่งในคนของหลี่หลินฝู่ใช่หรือไม่?”
“ไม่… ผิดแล้ว…นายท่าน! ทะ ท่านกำลังเข้าใจผิดแล้ว!”
“ไม่เป็นไร… มันไม่เป็นไรจริง ๆ …” หลายจวิ่นเฉินแย้มยิ้มบาง จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ยกร่างของวิญญาณตนดังกล่าวและโยนเข้าไปในกระจก
วูบ… ผิวกระจกกระเพื่อมราวกับระลอกน้ำ ตามมาติด ๆ ด้วยอักขระสีแดงเลือดที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นราวกับว่ามีคนกำลังเขียนมันขึ้นมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกผิดอะไรเมื่อฆ่าเจ้า” เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะปีนขึ้นไปอยู่บนจุดบนสุดของแท่นบูชา ชะโงกหน้าลงมองด้านล่าง หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันดังสะนั่นอย่างน่าขนลุก
“หึหึหึ… ฮ่าๆๆๆๆ!!!”
“ตาย…พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!!” แทบจะเหมือนกับว่าเขาสงบสติอารมณ์จากอาการบ้าคลั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาก็ประสานมืออีกครั้งพร้อมด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า “ฮ่า!!!”
พวกเจ้าคิดหรือว่านั่นคือความสามารถทั้งหมดที่พระราชวังแห่งการสะท้อนเงามี?!
ต่อให้ข้าจะต้องตายไป ข้าก็จะลากเจ้าลงไปขุมนรกกับข้าด้วย!
ขณะที่หลายจวิ่นเฉินยังคงประสานมือต่อไป ฉินเย่ก็พบว่ากองทัพหุ่นกระบอกที่อยู่รอบตัวเขาพลันบินขึ้นไปบนฟ้า
เกิดอะไรขึ้น?
แต่ถึงกระนั้น เขาก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ควรจะหมกมุ่นอยู่กับความคิดเหล่านั้น เพราะอย่างไรแล้ว ชัยชนะก็อยู่อีกไม่ไกลเกินเอื้อม ตราบใดที่พวกเขาสามารถแย่งชิงการควบคุมของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงาได้ จากนั้นนครชฺวีฟู่…ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของยมโลกแห่งใหม่! ยมโลกจะได้รับที่ดินขนาดใหญ่เพื่อเสริมสภาพที่น่าเศร้าสลดของมันในตอนนี้!
เคลื่อนทัพต่อไป!
ดังนั้นเขาจึงเก็บความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หลายจวิ่นเฉินกำลังทำกลับไป เขาไม่มีเวลามาเสียใจเกี่ยวกับการเสียสละของเหล่าทหารวิญญาณที่เพิ่งถูกสังหารไปเมื่อครู่ หลังจากที่อยู่ภายใต้การห่อหุ้มของสมุดแห่งความเป็นตาย เขาก็พุ่งตัวไปข้างหน้าราวกับอุกกาบาตที่ไร้ซึ่งความกลัวใด ๆ อีกครั้ง
กึก… อย่างไรก็ตาม เขากลับพบว่าในร่างกายของตนเองมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไป
ปากกาแห่งการพิพากษาในมือเริ่มดูดเอาพลังหยินโดยรอบเข้ามาและยืดขยายออกจนกระทั่ง…มันกลายร่างเป็นหอกสีเงินในที่สุด
ด้ามจับของมันยังคงมีลักษณะไม่ต่างอะไรกับด้ามพู่กัน ไม่ต่างไปจากลักษณะเดิมของปากกาแห่งการพิพากษา แต่มันกลับมีพู่ของเงินกระดาษห้อยอยู่ที่รอยต่อของปลายหอกและตัวด้าม ราวกับพู่ที่ห้อยอยู่กับหอกเล่มงาม ปลายของพู่กันเองก็เปลี่ยนเป็นใบมีดแหลม เขาสามารถบอกได้ว่ามันมีอักขระบางอย่างถูกเขียนไว้ที่ด้ามจับของหอก แต่เขาก็ไม่มีเวลามาอ่านมันในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจการเปลี่ยนแปลงเปล่านี้ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังรู้สึกดีกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเนื่องจากหอกนั้นใช้งานง่ายกว่าพู่กันมาก เขาจ้วงหอกแหลมไปข้างหน้าโดยไม่คิดอะไรไปมากกว่านี้ ตู้ม! พลังหยินที่รุนแรงกว่าทุกครั้งที่เขาสามารถรวบรวมได้พุ่งมารวมตัวกันเป็นลูกบอลพลังหยินขนาดหนึ่งฟุตและระเบิดออกในจุดที่เขาแทงออกไป!
คลื่นพลังหยินสีดำสนิทที่มีเสียงร้องของวิญญาณนับพันพุ่งออกไปด้านหน้า! ช่องว่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในทุกที่ที่เขาก้าวผ่าน เศษฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว ในขณะที่พลังหยินมหาศาลแผ่ออกไปโดยรอบราวกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก!
ฉินเย่รู้สึกราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างในร่างกายของเขาเพิ่งถูกเปิดออก
ก่อนหน้านี้ เขาสามารถบอกได้เลยว่าตัวเองอ่อนแอกว่าอาร์ทิส ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ขั้นตุลาการนรกเหมือนกัน และฉินเย่ก็เป็นยมทูตที่แท้จริงของยมโลก ส่วนอาร์ทิสนั้นสามารถหลุดจากสถานะของวิญญาณเร่ร่อนไปได้เมื่อนางให้ความช่วยเหลือฉินเย่ในการเลื่อนสู่ขั้นตุลาการนรก แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อยู่ดี
แต่ตอนนี้…เขารู้สึกได้ว่าบางสิ่งบางอย่างภายในร่างกายของตนเองกำลังเอ่อล้นออกมา มันเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ทำให้เขามีความมั่นใจว่าตนจะสามารถเอาชนะอาร์ทิสได้
เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร และเขาก็ไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องพวกนี้เช่นกัน การโค่นล้มนครชฺวีฟู่คือสิ่งสำคัญที่สุด!
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดสุดท้ายของการเดินทางที่แสนยาวนานและยากลำบากเสียที!
ในขณะเดียวกัน เหล่าหุ่นกระบอกที่บินขึ้นไปบนฟ้าก็เริ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาที หุ่นทุกตัวเชื่อมต่อกันและเปลี่ยนเป็นนกหุ่นเชิดขนาดใหญ่กว่า 50 เมตร!
ซ่ากกกก!!!! นกขนาดมหึมาส่งเสียงขู่ออกมาขณะที่ลูกไฟนรกจำนวนมากลอยไปมาอยู่รอบ ๆ เสี้ยววินาทีถัดมา มันก็กางปีออกและตวัดปีกของมันไปทางกองกำลังของยมโลกอย่างรุนแรง!
ขั้นตุลาการนรก!
ฉินเย่ตกตะลึง กองทัพหุ่นกระบอกกว่าแสนตัวได้รวมกำลังกันเพื่อกลายเป็นนกขนาดใหญ่ที่อยู่ขั้นตุลาการนรก!
“ป้องกัน!!” หยางเหยียนเจาและหยางเหยียนเต๋อตะโกนออกมาพร้อมกัน แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไป
ฉึก ฉึก ฉึก!!! สายฝนขนนกพุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ปักเข้าร่างของทหารวิญญาณของยมโลกและสังหารทหารกว่า 2,000 นายภายในชั่วพริบตา แต่ก่อนที่ฉินเย่จะสามารถหันกลับไปประเมินความเสียหายทั้งหมดได้ เสียงตะโกนอันสั่นเทาของหยางเหยียนเจาก็ดังขึ้นให้ได้ยิน “ไม่ต้องหันกลับมาพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือต่อให้กระหม่อมตาย พระองค์ก็จะหันกลับมาไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”
“เดินหน้าต่อไป…” เขาจ้องมองไปยังจุดสูงสุดของแท่นบูชาด้วยดวงตาที่เร่าร้อน “ขึ้นไปบนจุดสูงสุดของแท่นบูชาให้ได้เพื่อที่การตายของทหารทุกนายจะได้ไม่เสียเปล่า! ด้วยจำนวนของวัตถุหยินที่เขามีอยู่ วิญญาณที่อยู่ด้านบนจะต้องเป็นหนึ่งในผู้ช่วยคนสำคัญของขงโม่เป็นแน่ พระองค์สามารถทำได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินเย่กัดฟันแน่นและเร่งความเร็วขึ้น
ในขณะเดียวกัน เขาแทงหอกในมือของตัวเองไปยังอกของนกตัวใหญ่อย่างดุดัน
สายตานับไม่ถ้วนต่างจับจ้องไปยังการต่อสู้ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ประชากรวิญญาณจำนวนมากซ่อนตัวอยู่ภายในห้อง ชะโงกหน้าออกไปด้านนอกอย่างระแวดระวังเพื่อดูว่าโชคชะตาของพวกเขาจะเปลี่ยนไปตลอดกาลหรือไม่ ในขณะที่บริเวณกำแพงเมืองทั้งสี่ด้าน ทหารวิญญาณและแม่ทัพทุกนายต่างหยุดนิ่งและมองไปยังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งเกิดขึ้นที่จุดบนสุดของแท่นบูชา
ตู้ม!!
ลูกบอลพลังหยินสีดำระเบิดในอากาศจนมันดูไม่ต่างอะไรกับดวงอาทิตย์สีดำขนาดใหญ่
“ฮ่าๆๆๆ!” ณ ด้านบนสุดของแท่นบูชา ร่างของหลายจวิ่นเฉินนั้นเหี่ยวย่นและผอมแห้งจนเห็นแต่กระดูก แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังเงยหน้าขึ้นฟ้าและระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ตาย…ตาย! ข้าจะลากพวกเจ้าลงไปยังขุมนรกกับข้าด้วย…”
แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ ลำแสงสีดำก็พุ่งผ่านร่างของเขาขึ้นไปบนฟ้า
เงียบสนิท
ไม่กี่วินาทีต่อมา พร้อมกับเสียงอู้อี้เบา ๆ เส้นผมที่ปลิวไสวไปพร้อมกับอากาศก็ร่วงลงบนไหล่ เสื้อคลุมของเขาหยุดกระพือ และเสี้ยววินาทีต่อมา รอยเลือดจาง ๆ ก็ปรากฏกลางอกของเขา
ตุบ...ราวกับตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต ร่างของเขาล้มลงกับพื้น และมันก็สั่นเทาอย่างรุนแรงขณะที่เขาชะโงกหน้าออกไปอีกครั้งและมองลงไปด้านล่าง
นกหุ่นเชิดขนาดใหญ่ของเขาหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ การโจมตีก่อนหน้านี้ของฉินเย่สร้างรูโหว่ขนาดใหญ่ขึ้นที่อกของมัน จนพลังหยินจำนวนมากหลั่งไหลออกมา หลังจากนั้นร่างขนาดใหญ่ของมันก็ระเบิดออกและกลายเป็นพลังหยินที่กระจัดกระจายไปโดยรอบ
วิญญาณทุกตนล้วนถูกสังหารได้ด้วยการโจมตีเดียวเมื่อเผชิญหน้ากับยมทูตที่อยู่ระดับขั้นพลังเดียวกัน
ร่าง ๆ หนึ่งพุ่งผ่านพลังหยินด้านล่าง กวัดแกว่งหอกเงินในมือพร้อมด้วยเปลวไฟนรกที่ลุกโชนอยู่ภายในดวงตา ฉินเย่ยังคงจ้องเขม็งไปที่หลายจวิ่นเฉิน!
ชายผู้นี้พยายามที่จะฆ่าเขา…ชายผู้นี้ต้องการจะเอาชีวิตเขา!
หลายจวิ่นเฉินกรีดร้องอยู่ภายในใจ เขาเผลอทาบมือของตนไปยังพระราชวังแห่งการสะท้อนเงาโดยไม่รู้ตัว
“อ๊ากกกกก!!!” พลังหยินทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่ภายในร่างถูกดูดเข้าไปในกระจก และหลายจวิ่นเฉินก็กรีดร้องออกมาอย่างทุกข์ทรมาน
มันรู้สึกราวกับว่าดวงจิตของเขากำลังถูกดึงออกจากร่างอย่างช้า ๆ เขารู้ดีว่าตอนนี้แก่นวิญญาณของเขากำลังได้รับบาดเจ็บ แต่ถึงกระนั้น…เขาก็ยังไม่อยากตาย!
“อ๊ากกกก!!” เขากรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนขณะที่พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะดึงมือของตนออกมาจากพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา ทว่าน่าเศร้าที่มือของเขาได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขณะที่เขากำลังหอบหายใจอยู่นั้น เขาก็ยังคงกวาดตาไปรอบ ๆ พร้อมกับรอยยิ้มประหลาดที่ประดับอยู่บนใบหน้า จากนั้น เขาก็เริ่มวาดยันต์ที่ซับซ้อนลงบนพื้น
ดวงตาของฉินเย่ยังคงจับจ้องไปที่พระราชวังแห่งการสะท้อนเงา กลุ่มก้อนพลังหยินของนกหุ่นเชิดขนาดใหญ่ได้สลายหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกองกำลังยมโลกจำนวนมากก็ไล่ตามเขามาด้านหลัง
“ยมโลกจงเจริญ!!!”
ทหารวิญญาณทุกนายตะโกนออกมาพร้อมกันแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิตไปมาก ตอนนี้ พวกเขาขึ้นมาถึงชั้นที่หกของแท่นบูชาแล้ว และมันก็เหลืออีกแค่สี่ชั้นเท่านั้นก่อนจะถึงจุดสูงสุด!
พวกเขาอยู่ห่างอีกแค่ร้อยเมตรเท่านั้น… เมื่อพวกเขาสามารถลดระยะห่างนี้ได้ ทุกอย่างก็จะจบ!
เมื่อชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม มันก็ไม่มีทหารวิญญาณนายใดของยมโลกที่มีความคิดที่จะยอมแพ้!
“บุก!!!” ภายในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ฉินเย่พุ่งนำทัพราวกับแม่ทัพผู้กล้าหาญ ฟาดฟันสิ่งกีดขวางทั้งหมดที่อยู่ด้านหน้า แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็น…ดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนเบ่งบานอยู่เหนือศีรษะ
มันสวยงามและสีสันสดใส มันมีกลีบอยู่ทั้งสิ้นเจ็ดชั้น กลีบทั้งหมดดูนิ่มและเรียวเป็นทรงสวย กวัดแกว่งไปมาภายใต้สายลม
“ปารามิตาแห่งเส้นทางน้ำพุเหลือง การเบ่งบานของดอกไม้พันปี…หึ…หึ…” หลายจวิ่นเฉินหัวเราะออกมาเสียงแหบพร่าขณะที่เขานั่งลงตรงหน้ากระจกอย่างอ่อนแรง “คำสาปแห่งวิญญาณ เรือของเหล่าผู้ล่วงลับ…นี่คือวัตถุหยินชิ้นสุดท้ายที่ท่านขงโม่ได้มอบให้ข้า หากเจ้าสามารถข้ามผ่านมันไปได้…เช่นนั้นข้าก็ขอยอมรับความพ่ายแพ้!”
ตั้งแต่ที่เขาตระหนักได้ว่าตัวเองได้ตกหลุมพรางของยมโลก ทั้งหมดที่เขาต้องการเดิมพันก็คือเขาจะสามารถจัดการกองกำลังที่เหลืออยู่อีก 20,000 นายของยมโลกได้หรือไม่
ไม่มีลูกเล่น มันคือการเผชิญหน้าการโดยตรงของความแข็งแกร่ง
มันคือการต่อสู้ครั้งสุดท้าย!
ทันใดนั้น ทะเลดอกไม้ก็สั่นเทา ส่งคลื่นกระเพื่อมกระจายตัวออกไปโดยรอบและเผยให้เห็น…ขุมนรกที่ลึกสุดหยั่งที่อยู่ด้านล่างของดอกไม้ทั้งหมด
กรรรร!!! ในเสี้ยววินาทีต่อมา โครงกระดูกขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเนื้อที่เน่าเปื่อยก็ปีนขึ้นมาจากทะเลดอกไม้ มันมีความสูงประมาณ 100 เมตรและมันก็คำรามออกมาอย่างดุร้ายขณะที่ลุกยืนขึ้น
โครงกระดูกดังกล่าวมีสีขาวซีด และข้อต่อทั้งหมดของมันก็ถูกเชื่อมด้วยเส้นเอ็นและเส้นเลือดสีแดง ลูกตาขนาดใหญ่สองลูกในเบ้าตา และลูกไฟนรกขนาดใหญ่ก็ลุกโชนอยู่ภายในอก ทันทีที่มัดปรากฏตัวขึ้น มันดูเหมือนจะสูดหายใจเข้าช้า ๆ ส่งผลให้อกของมันขยายขึ้นอย่างมาก จากนั้น มันก็เปิดปากขึ้น พร้อมกับพ่นฝนอุกกาบาตเปลวเพลิงออกมา!
ฟึ่บ... จำนวนของมันนั้นมากราวกับใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง หยาดฝนในยามฝนตก
บางทีความงดงามและความตายอาจจะเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน
ร้อยลูก พันลูก! ลูกไฟนรกจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงใส่พวกเขา! ฉินเย่อ้าปากค้างด้วยความหวั่นสะพรึงและมองไปรอบ ๆ
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! น้ำตกเปลวเพลิงตกลงมาจากจุดสูงสุดของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงาอย่างต่อเนื่อง สังหารเหล่าทหารวิญญาณของยมโลกโดยไม่แม้แต่จะให้เวลาพวกเขาได้ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น การโจมตีดังกล่าวเพิ่งถูกปล่อยออกมาเมื่อไม่กี่สิบวินาทีเท่านั้น แต่ทหารที่ถูกสังหารไปกลับมีจำนวนมากถึง 8,000 นาย!
แต่ถึงกระนั้น มันกลับไม่มีผู้ใดสบถหรือกรีดร้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาไม่ต้องการขัดขวางโอกาสในการแย่งชิงการควบคุมพระราชวังแห่งการสะท้อนเงาของยมโลก
ณ สถานที่อื่น ๆ บริเวณเมืองชั้นนอก กองกำลังของนครชฺวีฟู่เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แม้ว่ากองกำลังของยมโลกจะยังไล่ตามมาติด ๆ แต่กองกำลังของนครชฺวีฟู่ก็พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะกลับเข้าไปในเมืองชั้นในเพื่อเสริมการป้องกันของพวกเขา
นี่คือโอกาสสุดท้ายของพวกเขา
ฉินเย่รู้สึกว่ามีก้อนบางอย่างมาจุกอยู่ที่ลำคอของตนเอง ริมฝีปากของเขาสั่นเทา ครู่หนึ่ง ความคิดที่จะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากำลังทำและปกป้องเหล่าทหารวิญญาณที่เหลืออยู่ทั้งหมดด้วยสมุดแห่งความเป็นตายของเขาผุดขึ้นมาภายในหัว แต่…
ทันทีที่เขาเริ่มแสดงท่าทีว่าจะชะลอความเร็วลง เหล่าทหารที่อยู่โดยรอบก็รีบตะโกนเสียงดัง “ฝ่าบาท! มุ่งหน้าต่อไป! อย่าสนใจพวกเรา!” “ฝ่าบาท…มันเป็นเกียรติของเราแล้วที่ได้ตายเพื่อยมโลก! พวกเราไม่มีสิ่งใดให้ต้องเสียใจ!” “ฝ่าบาท ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับพระองค์! พวกเราไม่สามารถทำสิ่งใดกับมนตรานั้นได้! ทุกสิ่งทุกอย่าง…ล้วนขึ้นอยู่กับท่าน!” “โปรดอย่าปล่อยให้การตายของพวกกระหม่อมต้องเสียเปล่า!”
นิ้วมือของฉินเย่สั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เขามองเห็นอย่างชัดเจนว่าขณะที่ทหารวิญญาณเหล่านั้นตะโกนออกมา ทหารหลายนายก็ถูกกลืนหายไปในเปลวไฟที่ร้อนระอุ
แต่พวกเขาทั้งหมดกลับตายไปพร้อมกับรอยยิ้ม
มันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจจากการตายโดยไร้ซึ่งความเสียใจใด ๆ
ฉินเย่กันฟันแน่นและหันกลับไปด้านหน้า จ้องมองไปยังปลายสุดของแท่นบูชาด้วยเปลวไฟสีแดงเข้มที่ลุกโชนอยู่ภายในดวงตา เขากระชับมือที่ถือหอกของตัวเองและรวบรวมแรงทั้งหมดก่อนจะเหวี่ยงมันออกไปสุดกำลัง!
นี่คือการโจมตีที่เขาสามารถปลดปล่อยได้ในตอนนี้!
ทันทีที่เขาทำเช่นนั้น สถานการณ์ทุกอย่างก็ชัดเจนขึ้น
ตู้ม!
หอกเล่มยาวพุ่งไปข้างหน้าหลายร้อยเมตร ในขณะที่ฉินเย่เองก็ปล่อยตัวให้ถูกลากไปพร้อมกับแรงดึงนั้น ภายในชั่วพริบตา เขาก้าวข้ามระยะห่างที่เหลืออยู่ทั้งหมด
ด้านหลังของเขา โครงกระดูกขนาดใหญ่คำรามเสียงดังสนั่นขณะที่ร่างของมันสลายกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังหยินที่หนาแน่น
รูม่านตาของหลายจวิ่นเฉินหดเล็กลงมากกว่าเดิม ตอนนี้มันใกล้จะริบหรี่ลงเต็มที
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ฉินเย่ปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของเขาราวกับเทพเจ้า กวัดแกว่งหอกด้วยมือทั้งสองข้างและเหวี่ยงมันลงมาราวกับอุกกาบาตแห่งหายนะ
แต่ถึงกระนั้น หลายจวิ่นเฉินกลับหัวเราะออกมา
“เรามาตายไปด้วยกันเถิด ตุลาการนรกแห่งยมโลก...” เขาเอนตัวพิงกับหน้าของกระจก หอบหายใจอย่างอ่อนแรง และมันก็เป็นวินาทีนั้นเองที่ฉินเย่สังเกตเห็นว่าพระราชวังแห่งการสะท้อนเงาได้เริ่มเปล่งแสงอ่อน ๆ ขึ้นอีกครั้ง ตะเกียงเถาฮวาปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ และตอนนี้ ลำแสงสลัวของมันก็พุ่งตรงมาที่กะโหลกของเขาโดยตรง
ฉึก!
มันเป็นเสียงของสายธนูที่ถูกปล่อย