ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 445: ความยำเกรงและปาฏิหาริย์ (2)
บทที่ 445: ความยำเกรงและปาฏิหาริย์ (2)
ประหาร… ประหาร… ประหาร…
คำสุดท้ายที่ฉินเย่เอ่ยดังก้องไปทั่วทั้งเมือง วิญญาณทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะลอบกลืนน้ำลายอย่างเป็นกังวล ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
พวกเขาทั้งหมดต่างสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แฝงมาภายใต้คำพูดของท่านจ้าวฉิน
“พวกเจ้าควรจะจำสิ่งนั้นไว้ให้ดี นั่นคือกฎที่สำคัญที่สุดในยมโลก” จากนั้นฉินเย่จึงกวาดตามองไปทั่วเมืองอีกประมาณ 30 วินาทีก่อนจะเอ่ยต่อเสียงเย็น “พวกเจ้าทั้งหมดล้วนเกิดมาในฐานะของชาวจีน ตายลงในฐานะของชาวจีน การจงรักภักดีและให้ความร่วมมือกับยมโลกจึงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ควรทำ”
เขารู้ดีว่าตัวเองควรพูดให้สั้น กระชับและได้ใจความมากที่สุด เพราะยิ่งเขาใช้คำมากเท่าไหร่ สิ่งที่พูดก็จะมีแต่น้ำมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงพูดเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น
หลังจากที่กวาดตามองประชากรทั้งหมดของนครชฺวีฟู่อีกครั้ง เขาก็เอ่ยต่อ “ประการที่สอง ในอีกสามเดือนหลังจากนี้ ยมโลกจะออกระบบสกุลเงินใหม่ ไม่ว่าพวกเจ้าจะเคยใช้ระบบสกุลเงินใดมาก่อน ทุกอย่างจะถูกแทนที่โดยระบบธนบัติเงินตราของยมโลกแห่งใหม่ทั้งสิ้น”
คำพูดดังกล่าวสร้างความปั่นป่วนใหญ่ฝูงชนได้เป็นอย่างดี
“พวกเราจะเปลี่ยนเป็นสกุลเงินกระดาษอย่างนั้นหรือ?” หนึ่งในวิญญาณเอ่ยออกมาด้วยความตกตะลึง “แล้วเงินในอดีตเล่า?”
“นั่นสิ…ข้าพยายามเก็บหอมรอมริบมาตลอด 20 ปี แล้วทุกอย่างจะต้องสูญเปล่าอย่างนั้นหรือ?” “ไม่มีทาง…เงินเก็บของพวกเราจะสลายไปในพริบตาได้อย่างไร?” “ถึงแม้ว่ายมโลกและท่านขงจะใช้ระบอบการปกครองที่แตกต่างกัน แต่พวกเราที่เป็นประชากรที่ใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอดก็ไม่ควรได้รับผลเสียในเรื่องนี้สิ!”
เสียงคัดค้านเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จากที่เป็นเพียงเสียงกระซิบกลายเป็นเสียงอื้ออึงภายในเวลาไม่นาน
มันเป็นคลื่นของความไม่พอใจในหัวใจของเหล่าวิญญาณ
นี่คือมนุษย์
พวกเขาไม่สนใจว่าตัวเองจะอยู่ภายใต้การปกครองของยมโลกหรือการปกครองของขงโม่ ทั้งหมดที่พวกเขาสนใจมีเพียงสิ่งที่ตัวเองมองเห็นตรงหน้าและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการใช้ชีวิตของตนเอง
ทันทีที่เส้นบันทัดฐานถูกคุกคาม พวกเขาก็จะลุกขึ้นต่อต้านเหล่าผู้ที่ปกครองทันที
“เงียบ” เสียงของฉินเย่ดังขึ้นท่ามกลางเสียงพูดคุยของฝูงชนด้านล่าง “เราจะเริ่มประกาศพระราชกฤษฎีกาของยมโลกหมายเลข 001 อย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้”
เขาหยิบม้วนกระดาษขึ้นมาและสะบัดเบาๆ เปลวไฟนรกลุกโชนขึ้นก่อนจะคลี่มันออกช้าๆ
พรึ่บ…ข้อความสีแดงจำนวนมากปรากฏขึ้นบนฟ้า สิ่งที่แปลกที่สุดเกี่ยวกับข้อความเหล่านี้ก็คือข้อเท็จจริงที่ว่ามันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของประชากรทั้งหมดโดยตรง ไม่ว่าพวกเขาจะมองจากส่วนไหนของเมือง มันทรงพลังและยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
“ข้อกำหนด – ยมโลกได้ทำการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาของยมโลกหมายเลข 001 เพื่อให้การรวบรวมวิญญาณทั้งหมดในนครชฺวีฟู่เข้าสู่ยมโลกเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วที่สุด…” เหวยโหย่วเหลียงอ่านเนื้อหาเบาๆ “ทุกอย่างที่ถูกกำหนดไว้ภายในพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้จะเริ่มใช้ทันทีที่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ ยมโลกจะก่อตั้งธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมวิญญาณขึ้นภายในวันที่ 1 สิงหาคมของปีนี้สำนักงานสาขาทั้งหมดจะถูกเปิดบนถนนสายหลักภายในวันที่ 15 สิงหาคม หลังจากนั้น ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมไปจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายม ประชากรวิญญาณทั้งหมดสามารถไปแลกสกุลเงินที่มีอยู่ภายในครอบครองเพื่อแลกกับสกุลเงินใหม่ของยมโลกได้ตามมูลค่าคงเดิม…”
“เงินเก็บทั้งหมดยังคงอยู่?!” วิญญาณตนอื่นๆอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงก่อนที่เหวยโหย่วเหลียงจะอ่านพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจนจบ “หมายความว่าเงินเก็บก่อนหน้านี้ของเราทั้งหมดยังคงอยู่?”
“และมันไม่มีแม้กระทั่งค่าบริการสำหรับการแลกเปลี่ยน?” วิญญาณสวมแว่นอีกตนหนึ่งปรับระดับแว่นตาของตนเพื่ออ่านสิ่งที่เห็นอีกครั้ง
แต่…ไม่ใช่ว่าพวกเขาคือประชากรที่อยู่ภายใต้กองกำลังกบฏหรอกหรือ?
มันมีลูกธนูและลูกดอกหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาก่อนหน้านี้จากพวกทหารวิญญาณที่อยู่บนกำแพง แต่แล้วเหตุใดจู่ๆอีกฝ่ายถึงยื่นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจเช่นนี้ให้พวกเขากัน?
“ไม่…มันยังมีอีก…” วิญญาณอีกตนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจและชี้ขึ้นไปบนฟ้า “ดูนั่น! พวกเรา! ดูนั่น!”
เหวยโหย่วเหลียงเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าอีกครั้งขณะที่เอ่ยต่อด้วยความเหลือเชื่อ “ตลอดหกเดือนหลังจากนี้ ยมโลกจะจ่ายค่าจ้างให้กับประชากรแต่ละคนตามข้อมูลที่ได้ทำการลงทะเบียนเอาไว้ เงินฝากทั้งหมดยังคงอยู่อยู่ดังเดิม และอัตราดอกเบี้ยทั่วไปจะถูกปรับสูงขึ้นเล็กน้อย… นี่หมายความว่าไม่ใช่แค่เงินฝากของเราจะยังอยู่ แต่พวกเขายังเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นให้อีกด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก?” “จริงหรือ?!”
คำต่อว่าก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นในชั่วพริบตา
เสียงพูดคุยดังขึ้นและค่อยๆสงบลง ความแปรปรวนทางสภาพอารมณ์ของเหล่าวิญญาณถูกแสดงออกโดยเปลวไฟในดวงตาของพวกเขาอย่างชัดเจน ฉินเย่มองเห็นทุกอย่างได้จากจุดที่เขาอยู่ และเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพร้อมกับพยักหน้ากับตัวเองเบาๆ
กลุ่มวิญญาณตรงหน้าได้ใช้ชีวิตภายใต้การปกครองของขงโม่มาเป็นระยะเวลากว่าสิบปีแล้ว เขาเข้าใจดีว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะใจอีกฝ่ายได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ ด้วยเหตุนี้ กองกำลังของยมโลกเป็นเพียงใครก็ไม่รู้ มันไม่สามารถสร้างความเคารพยำเกรงได้เหมือนอย่างยมโลกแห่งเก่าเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น ต่อให้ยมโลกแห่งใหม่สามารถแย่งชิงนครชฺวีฟู่มาจากมือของขงโม่ได้ มันก็ไม่มีสิ่งใดคอยจูงใจประชาชนให้ยอมรับนายใหม่ของพวกเขา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ดีว่ามันมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องทำเพื่อเอาชนะหัวใจของอีกฝ่าย สิ่งที่เขาต้องการคือการลงมือทำ – บางสิ่งที่สามารถเกี่ยวข้องกับผู้คนจนพวกเขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจของยมโลก!
และนี่ก็คือคำตอบของยมโลกต่อสถานการณ์ดังกล่าว!
ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดว่าคำตอบของยมโลกนั้นเป็นที่พึงพอใจของเหล่าวิญญาณ เพราะข่าวดังกล่าวสร้างความปั่นป่วนท่ามกลางวิญญาณทั้งหมดจนพวกเขาแทบจะกระอักเลือดออกมา เสียงพูดคุยด้วยความตื่นเต้นดังก้องไปทั่ว ทันใดนั้น ตัวอักษรสีแดงที่ลอยอยู่บนอากาศก็จางหายไป ฉินเย่กวาดสายตามองโดยรอบอีกครั้ง “เอาล่ะ ข้าขอย้ำถึงเรื่องสำคัญอีกครั้งหนึ่ง”
“หนึ่ง ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก เจ้าหน้าที่ของยมโลกได้ตรวจสอบถึงบัญชีธนาคารและจำนวนเงินฝากทั้งหมดของประชากรแต่ละคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“สอง มีเพียงเหล่าผู้บงการผู้ชั่วร้ายเท่านั้นที่จะถูกลงโทษสำหรับสงครามที่เกิดขึ้น และจนถึงตอนนี้ เหล่าผู้สมควรถูกลงโทษก็ได้ถูกกำจัดไปแล้ว ในขณะที่เหล่าผู้นำที่โง่เขลาทั้งหลายที่ถูกหลอกโดยหัวหน้าของนครชฺวีฟู่ได้ยอมจำนนและเข้าร่วมกับรัฐบาลของยมโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตอนนี้ ยมโลกจึงรับรู้ถึงสิทธิพิเศษต่างที่พวกเจ้าเข้าถึงเป็นอย่างดี และนั่นรวมถึงค่าจ้างของพวกเจ้าด้วยเช่นกัน”
ดวงตาของเขาเป็นวาววาบขึ้น “ดังนั้น หากพวกเราพบว่ามีผู้ใดพยายามจะโกหกหรือหลอกลวงยมโลก หรือแม้แต่สบคบคิดเพื่อที่จะกระทำการผิดกฎหมาย ผู้กระทำผิดทั้งหมด ไม่ว่าจะใหญ่โตหรือเล็กน้อยเพียงใด จะถูกทำโทษด้วยขี้ผึ้งน้ำมันมนุษย์! ยมโลกจะไม่ทนต่ออาชญากรรมทุกรูปแบบ!!!”
“พึงระลึกไว้เสมอว่าจงอย่าทดสอบขีดจำกัดของยมโลกด้วยตัวของเจ้าเอง”
ความตื่นเต้นของเหล่าประชาชนพลันลดลงทันทีหลังจากได้ยินคำเตือนของฉินเย่ และพวกเขาก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง และมันก็เป็นตอนนั้นเองที่ฉินเย่มองม้วนกระดาษและเอ่ยต่อ “ประการที่สาม มีผลบังคับใช้ทันที นครชฺวีฟู่ ด่านซานไห่ จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นนครเผิงชิว”
นี่ก็เพื่อขจัดร่องรอยของผู้ปกครองคนเก่าทั้งหมด
ฉินเย่กวาดสายตาไปรอบๆขณะที่พูด และเขาก็พบว่าเหล่าประชาชนยังคงนิ่งเงียบดังเดิม แววตาของพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยหลังจากที่ได้ยินเขาประกาศออกไปเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องการเปลี่ยนชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาสูดหายใจเข้าช้าๆและไล่สายตาไปตามข้อความทั้งหมด ก่อนจะหยุดลงในข้อที่ห้าของรายการ
มันคือหัวข้อที่สำคัญที่สุดในการประชุมใหญ่ครั้งนี้!
แน่นอน ทุกอย่างจะต้องถูกทำอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ทุกๆบทความในพระราชกฤษฎีกาที่นำไปสู่ข้อที่ห้าถูกร่างมาอย่างรอบคอบเพื่อปูทางให้กับวาระประชุมที่สำคัญที่สุด เริ่มจากการทำให้ประชาชนเหล่านี้ได้สัมผัสถึงความดีงามของยมโลกและทำจิตใจของพวกเขาให้สงบ เพื่อที่ยมโลกจะได้สามารถลดทอนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากบทความที่ห้าที่กำลังจะถูกเผยแพร่ออกไป!
และมันก็เป็นเพราะบทความที่ห้านี้เองที่ทำให้กำแพงเมืองต้องถูกประจำการด้วยทหารวิญญาณจำนวนมาก
มันไม่มีอะไรต้องกังวล… พวกเขาได้คำนึงถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดมาก่อนแล้ว… มือที่กำม้วนกระดาษของฉินเย่กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิมขณะที่เอ่ยต่อ “ประการที่สี่ ภายในหกเดือน นครเผิงชิวจะกลับมาดำเนินกิจการทุกอย่างตามลำดับ”
“อันดับแรก สำนักงานสาขาใหญ่ของรัฐจะทำหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดงานของพวกเจ้าอย่างถี่ถ้วน ซึ่งนั่นสอดคล้องกับจุดประสงค์ในการเก็บข้อมูลของพวกเรา เมื่อการยืนยันทั้งหมดเรียบร้อย พวกเราจะเริ่มเปิดตัวอุตสาหกรรมหลักทั้งหมดในนครเผิงชิว ประชากรทั้งหมดจะได้กลับไปทำงานในตำแหน่งเดิมของตนอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ แต่ผู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนงานก็สามารถแจ้งเรื่องกับทางเจ้าหน้าที่ของยมโลกได้ที่สำนักงานสาขาของรัฐได้เช่นกัน ทุกอย่างจะแล้วเสร็จภายในครึ่งปี”
เห้อ… ประชากรวิญญาณหลายตนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่พวกเขาได้ยินเช่นนั้น
จากนั้นมันก็เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง
ฉินเย่เก็บม้วนกระดาษในมือและเงยหน้ามองคนทั้งหมด ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างใจเย็น “หัวข้อต่อไปคือหัวข้อสุดท้าย แต่มีความสำคัญมากที่สุด”
ประชากรทั้งหมดรีบเงยหน้าตั้งใจฟังทันที
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง
ไม่มีใครรับรู้ถึงข้อเท็จจริงที่ว่าแววตาของโนบูทาดะและหยางเหยียนเจาได้เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก และพวกเขาก็ค่อยๆยกมือขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทหารวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มดึงสายธนูและหน้าไม้ของตน เล็งเป้าไปยังประชากรของนครเผิงชิวโดยตรง!
บรรยากาศในเวลานี้เต็มไปด้วยความตึงเครียดจนทำให้เหล่าประชาชนรู้สึกอึดอัด จากนั้น ฉินเย่ก็เอ่ยต่อในที่สุด “ก่อนที่จะพูดถึงหัวข้อสุดท้าย ข้าอยากจะให้พวกเจ้าทั้งหมดเข้าใจอะไรบางอย่างเสียก่อน”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง กวาดสายตามองคนทั้งหมด ความเงียบที่บีบคั้นแพร่กระจายอยู่ในอากาศ ไม่มีใครกล้าหายใจขณะที่พวกเขาตั้งตารอในสิ่งที่กำลังจะมาถึง
มันเป็นเวลากว่าหนึ่งนาทีเต็มก่อนที่ฉนเย่จะเอ่ยต่อ “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดพวกเราถึงสามารถเรียกตัวเองว่ายมโลก?”
นี่มันเกี่ยวอะไรกับสิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้กัน? เหล่าประชากรวิญญาณที่อยู่ด้านล่างอดไม่ได้ที่จะสบตากันอย่างมึนงง พวกเขาไม่เข้าใจว่าท่านจ้าวฉินกำลังพยายามจะสื่ออะไรกันแน่
“เหตุใดกฎข้อบังคับของยมโลกถึงได้เคร่งครัดนัก?”
เกิดความเงียบขึ้นทันที ฉินเย่แย้มยิ้มบาง เขาค่อยๆยกมือขึ้น เสื้อคลุมที่สวมอยู่กระพืออย่างรุนแรง จากนั้น ขณะที่วิญญาณทั้งหมดกำลังมึนงงกับสิ่งที่เขาทำ รัศมีอันเจิดจ้าก็สว่างวาบขึ้นด้านหลังของเขาราวกับดวงอาทิตย์!
มันดูไม่ต่างอะไรจากวินาทีที่ดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นจากทางทิศตะวันออกเลยแม้แต่น้อย รัศมีอันเจิดจ้าของมันสาดส่องไปทั่วดินแดน ส่งผลให้ดวงตาของวิญญาณทั้งหมดต้องหรี่ลงด้วยความเจิดจ้านั้นทันที!
จากนั้น ขณะที่ทุกสายตาเริ่มปรับตัวกับแสงสว่างรั้รได้ สมุดโบราณก็ลอยเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของฉินเย่ และประกายแสงเจิดจ้าก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว
นั่นมันอะไรกัน?
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ฉินเย่ แม้แต่เหวยโหย่วเหลียงเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น จากนั้น ทันทีที่เขามองไปที่สมุด เขาก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง แววตาสั่นเทาอย่างรุนแรง และมันก็ไม่ใช่เขาแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น – เพราะวิญญาณทั้งหมดที่มองไปยังสมุดดังกล่าวต่างก็พบว่าตนต้องตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก!
สมุดเล่มนั้นมีปกสีดำ และดูเก่าอย่างไม่น่าเชื่อ มันมีตัวหนังสือจำนวนหนึ่งถูกปักอยู่บนปกสมุด แต่กลับสามารถสร้างความยำเกรงให้กับหัวใจของวิญญาณทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
“สมุดแห่งความเป็นตาย?” ริมฝีปากของวิญญาณตนหนึ่งสั่นเทา และน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็สั่นเทา “นี่คือสมุดแห่งความเป็นตายในตำนานอย่างนั้นหรือ? มันไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถโกหกได้ใช่หรือไม่? สมุดแห่งความเป็นตายที่ถูกเล่าขานอยู่ในตำนานและเรื่องเล่ามากมายน่ะหรือ?!”
“สมุดแห่งความเป็นตาย… นี่คือสมุดแห่งความเป็นตายจริงๆน่ะหรือ?” ดวงตาของเหวยโหย่วเหลียงหรี่ลง – นั่นคือหน้าตาที่แท้จริงของสมุดแห่งความเป็นตายในตำนาน? เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะได้เห็นมัน!
เรื่องเล่าเกี่ยวกับยมโลกได้ถูกเล่าขานต่อกันมาหลายชั่วอายุคน และสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของยมโลกคืออะไร?
มันก็คือสมุดแห่งความเป็นตายอย่างไรเล่า! แม้แต่วัตถุศักดิ์สิทธิ์ของยมโลกอย่างตราจ้าวนรกก็ไม่ได้มีชื่อเสียงและอิทธิพลต่อแดนมนุษย์มากเท่าสมุดแห่งความเป็นตาย!
มันคือสัญลักษณ์
มันคือสัญญาณของจิตวิญญาณ
มันคือเครื่องพิสูจน์ของอำนาจ!
มันเหมือนกับการที่คนเป็นๆได้เห็นจอกศักดิ์สิทธิ์ด้วยตาของตนเอง หรืออาจจะค้นพบถึงความลับของการเป็นอมตะ สมุดแห่งความเป็นตายนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขา มันคือของในตำนานที่ทุกคนได้ยินมาเป็นระยะเวลากว่า 1,000 ปี แต่ไม่เคยพบเห็นมันมาก่อน หากพูดกันตามตรง มันได้เกิดขอบเขตความตกตะลึงภายในใจของพวกเขาที่เกิดขึ้นในตอนครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นจากการแสดงพลังของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงาเสียอีก
เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว ต่อให้พระราชวังแห่งการสะท้อนเงาจะเป็นวัตถุหยินที่น่าอัศจรรย์ใจ แต่พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนที่จะตายหรือไม่?
เสียงพูดคุยดังขึ้นทั่วอีกครั้ง ภายในไม่กี่วินาที ดินแดนทั้งหมดก็เต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง!
“สมุดแห่งความเป็นตาย…ข้าอ่านถูกใช้หรือไม่?” “มันคือสมุดแห่งความเป็นตายจริงๆ! มีเพียงยมโลกดั้งเดิมเท่านั้นที่สามารถครอบครองสิ่งนี้ได้!” “มันคือสมุดแห่งความเป็นตายจริงๆ…ท่านขงไม่เคยแสดงสิ่งเหล่านี้พวกเราดูมาก่อน!” “นี่คงจะเป็นยมโลกที่แท้จริงอย่างแน่นอน...”
“เงียบ” น้ำเสียงที่เอ่ยออมาของฉินเย่ไม่ได้ดังมากนัก แต่มันก็สามารถทำให้วิญญาณทั้งหมดเงียบเสียลงทันที
นี่คือการแสดงความยำเกรงต่อการปรากฏตัวของสิ่งของในตำนานตรงหน้า
พรึบ… แผ่นกระดาษบนหน้าสมุดเริ่มสั่นไหวเบาๆขณะที่ฉินเย่เริ่มพลิกหน้ากระดาษ “โจวคุน สถานที่เกิด – หมู่บ้านตระกูลหลี่ เมืองหยางซู เขตถงโจว มณฑลซานตง เกิด – 1962 เสียชีวิต – 2019 สาเหตุการตาย – อุบัติเหตุทางรถยนต์”
“ภรรยา – จ้าวฟางหัว สถานที่เกิด – หมู่บ้านเฉาหยาง เมืองหยางซู เขตถงโจว มณฑลซานตง เกิด – 1962 เสียชีวิต – 2048 สาเหตุการตาย – โรคหลอดเลือดสมองตีบ”
“บุตรชาย – โจวเซียนหลง สถานที่เกิด – ที่เดียวกับผู้เป็นบิดา เกิด – 1990 เสียชีวิต – 2074 สาเหตุการตาย – ชราภาพ”
ตุบ...ฉินเย่ปิดสมุดแห่งความตายเบาๆ “โจวคุนอยู่ที่ใด?”
เสียงหนึ่งตะโกนดังมาจากเหล่าฝูงชนด้านล่าง “อยู่นี่! กระหม่อมอยู่นี่!!”
“ท่านฉิน! กระหม่อมอยู่นี่!! อยู่ตรงนี้พ่ะย่ะค่ะ!!”