ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 446: ความยำเกรงและปาฏิหาริย์ (3)
บทที่ 446: ความยำเกรงและปาฏิหาริย์ (3)
เหวยโหย่วเหลียงเงยหน้าขึ้นมอง และเขาก็เห็นวิญญาณตนหนึ่งพยายามกระโดดท่ามกลางฝูงชน โบกมือ พร้อมกับตะโกนเสียงดัง ทุกสายตาที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างจับจ้องไปยังวิญญาณตนดังกล่าว
เยี่ยมมาก... ฉินเย่กระดิกนิ้ว และวิญญาณตนดังกล่าวก็ลอยขึ้นกลางอากาศด้วยความตกตะลึง แต่ถึงกระนั้น เขาก็รีบโค้งคำนับด้วยร่างที่สั่นเทา “ฝ่าบาท… ปี 2048 นั้นเกือบจะ 30 ปีข้างหน้า…พะ ภรรยาของกระหม่อม…จะต้องตายด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบจริงๆหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“สมุดแห่งความเป็นตายไม่เคยโกหก” ฉินเย่เอ่ยตอบเสียงเรียบ ก่อนจะลดนิ้วลง ส่งผลให้ร่างของวิญญาณดังกล่าวกลับลงสู่พื้นดินอีกครั้ง
เขาพลิกสมุดแห่งความตายอีกครั้งและเอ่ยต่อ “หม่าเกาเยวียน สถานที่เกิด – ชุมชนหลงหัว นครชฺวีฟู่ มณฑลซานตง เกิด – 1955 เสียชีวิต – 2017 สาเหตุการตาย – ตายตามธรรมชาติ”
“หลี่เซียงหยาง สถานที่เกิด – โรงงานผลิตสุราหลงหม่า เมืองจี๋อาน มณฑลซานตง เกิด – 1943 เสียชีวิต -1999 สาเหตุการตาย – โรคหัวใจ”
“เกาเว่ยเชวียน สถานที่เกิด…” “หวังฝางฝาง สถานที่เกิด…”
เขายังคงอ่านรายชื่อและข้อมูลเฉพาะของวิญญาณหลายสิบตนออกมา ก่อนจะปิดสมุดลงอย่างใจเย็น “พวกเจ้าทั้งหมดอาศัยอยู่ในนครเผิงชิวใช่หรือไม่?”
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร มือนับสิบข้างชูขึ้นกลางอากาศราวกับตะเกียงที่มอบแสงสว่างในยามราตรี
“กระหม่อม หลี่เซียงหยาง ทุกอย่างถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ… แม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ! นะ นี่คือสมุดแห่งความเป็นตายจริงๆ!” “กระหม่อม เกาเว่ยเชวียน กระหม่อมเองก็อยู่ที่นี่! ทุกคนที่มาจากชุมชนเดียวกันกับกระหม่อมก็สามารถยืนยันความแม่นยำของข้อมูลเหล่านี้ได้พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมสาบานได้เลยว่าทางรัฐบาลไม่เคยเข้ามาสอบถามข้อมูลของกระหม่อมมาก่อน! และกระหม่อมก็หาใช่หน้าม้าแต่อย่างใด!” “หม่อมฉัน หวังฝางฝาง…”
ฮือฮา…ทุกคนต่างมองไปที่วิญญาณที่ยกมือขึ้นกลางอากาศด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างมาก
มันคือของจริง…
มันคือสมุดแห่งความเป็นตายจริงๆ!
ประชากรไม่ได้คิดอะไรมากนัก มันเป็นเรื่องง่ายที่จะโน้มน้าวจิตใจของผู้คนด้วยความถูกต้องและแท้จริงของผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่ง นี่คือวิธีการหลอกลวงที่มักถูกใช้ในแดนมนุษย์ นอกจากนี้ สิ่งที่ฉินเย่กำลังทำก็ไม่ใช่การหลอกลวงด้วยซ้ำ
สิ่งที่เขามีอยู่ในครอบครองคือสมุดแห่งความเป็นตายของจริง!
ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน ตอนนี้ภายในหัวของพวกเขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น – นี่คือสมุดแห่งความเป็นตายของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย! นี่คือยมโลกที่แท้จริงแห่งโลกใต้พิภพ… ที่ผ่านมาพวกเขาได้ติดตามกองกำลังกบฏมาโดยตลอด!
จากนั้น โดยไม่รอให้เสียงพูดคุยของประชาชนเงียบลง ฉินเย่รีบเอ่ยต่อด้วยเสียงดังก้อง “เอาล่ะ ข้าจะเริ่มอ่านพระราชกฤษฎีกาของยมโลกหมายเลข 001 ข้อที่ห้าต่อ ณ บัดนี้”
กลับมาที่กำแพงเมือง สายธนูและหน้าไม้ถูกผ่อนลงทันที
สีหน้าของฉินเย่ยังคงนิ่งเรียบขณะที่เขาจ้องมองไปยังกลุ่มวิญญาณที่อยู่รอบๆ “ประการที่ห้า ในอีก 6 เดือน นครเผิงชิวจะได้รับการจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด”
“นครเผิงชิวนั้นมีจำนวนประชากรทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านคน กอปรกับเหล่าวิญญาณที่ได้อพยพเข้ามาในตอนที่หลายจวิ่นเฉินได้ทำการรวบรวมกองกำลังก่อนหน้านี้ นั่นทำให้พวกเรามีจำนวนประชากรวิญญาณอยู่มากกว่า 20 ล้าน มันไม่มีทางเลยที่นครแห่งนี้จะสามารถรองรับจำนวนประชากรที่หนาแน่นขนาดนี้ได้” น้ำเสียงของเขาจริงจังและเคร่งเครียดมากกว่าเดิม “ด้วยเหตุนี้ ทางรัฐบาลจึงได้ตัดสินใจที่จะแบ่งนครเผิงชิวเป็นหนึ่งนครและแปดเมือง แต่ละเมืองจะแบ่งออกเป็นสิบเขต และแต่ละเขตจำแบ่งออกเป็น 20 หมู่บ้าน นครเผิงชิวจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนครหลวงของมณฑลซานตง และจะรองรับประชากรทั้งสิ้น 7 ล้านคน โดยลำดับความสำคัญจะถูกมอบให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค กองกำลังทหาร และผู้มีความสามารถพิเศษ ตลอดห้าปีหลังจากนี้ ทางรัฐบาลจะไม่รับคำขอในการย้ายถิ่นภายในประเทศใดๆทั้งส้น!”
คำพูดของฉินเย่สร้างความปั่นป่วนให้กับเหล่าฝูงชนได้เป็นอย่างดี
แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้น!
“ทางรัฐบาลของยมโลกจะรวบรวมกองกำลังชายแดนที่นำโดยเหล่านายทหารของกองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลกขึ้น โดยหนึ่งกองกำลังจะมีวิญญาณทั้ง 50,000 ตน และจำนวนกองกำลังที่จะถูกก่อตั้งขึ้นนั้นอยู่ที่ 200 กอง ทั้งหมดนี้เพื่อรับมือกับความต้องการในระดับต่างๆของนครเผิงชิว ไม่ว่าจะเป็นระดับเมือง ระดับเขต หรือระดับหมู่บ้าน ทางรัฐบาลจะเป็นผู้สนับสนุนหินวิญญาณและทรัพยากรในการก่อสร้างทุกรูปแบบ แต่สิ่งอื่นๆจะต้องถูกหลอมและถูกสร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ต้นด้วยตัวเอง!”
“โดยมีนครเผิงชิวเป็นศูนย์กลาง เมืองอีกแปดแห่งที่อยู่ล้อมรอบจะใช้ชื่อว่า เมืองตี้ขุย เมืองตี้ส้า เมืองตี้หยง เมืองตี้เจี๋ย เมืองตี้ซยง เมืองตี้เว่ย เมืองตี้อิง และเมืองตี้ฉี ตามชื่อของ 72 อสูรพิภพ แปดลำดับแรก โดยเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดจะอยู่ห่างจากนครเผิงชิว 100 กิโลเมตร ในขณะที่เมืองที่อยู่ไกลที่สุดจะหากออกไปไม่เกิน 300 กิโลเมตร สำหรับตอนนี้จะยังไม่มีข้อจำกัดใดๆทั้งสิ้นเกี่ยวกับขอบเขตของเมือง และทางยมโลกมีเจ้าหน้าที่วางผังเมืองที่จะทำให้ที่เป็นหัวหอกในกระบวนการวางแผนทั้งหมด…”
เขาไม่สามารถเอ่ยอะไรได้อีก
ผู้คนด้านล่างต่างส่งเสียงกันอย่างบ้าคลั่ง!
เสียงพูดคุยและโห่ร้องแห่งความโกรธดังสนั่นอย่างต่อเนื่องราวกับน้ำตก
แต่ถึงกระนั้น ฉินเย่กลับยังคงนิ่งเงียบและมองดูภาพสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสงบ
ขีดจำกัดในการรองรับจำนวนประชากรวิญญาณของนครเผิงชิวนั้นอยู่ที่สิบล้าน แต่ตี้ทิงได้กลับนำวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ที่กำแพงเมืองทั้งสี่ไปกับมันด้วย จากการสำรวจสำมะโนประชากร ยมโลกพบว่าจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ภายในนครเผิงชิวในเวลานี้มีมากกว่า 20 ล้านคน!
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทั้งฉินเย่และอาร์ทิสได้ตรวจสอบตัวเลขดังกล่าวอยู่หลายครั้ง ก่อนจะสรุปได้ว่าจำนวนประชากรทั้งหมดคือ 21,422,000 คน
นี่หมายความว่าอย่างไร?
เพื่อให้เห็นภาพ มณฑลซานตง เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของแผ่นดินจีน มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 25 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ขนาดของดินแดนที่พวกเขาครอบครองทั้งหมดนั้นมีมากกว่า 2,600 ตารางกิโลเมตร!
ในทางกลับกัน นครเผิงชิวมีพื้นที่เพียง 124 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น แล้วมันจะสามารถรองรับจำนวนประชากรกว่า 20 ล้านคนได้อย่างไร?
หากยมโลกไม่รีบทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ นครเผิงชิวจะไม่สามารถจัดการกับความต้องการทางสินค้าที่ผลิตจากอุตสาหกรรมต่างๆได้อีกต่อไป และผลกระทบอีกหลายอย่างก็จะตามมา ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลของยมโลกนั้นยังคงบกพร่องอยู่บ้างสำหรับบทบาทใหม่ที่เพิ่งได้รับ และมันก็ไม่มีทั้งอำนาจหรือความสามารถในการรับมือกับแรงกดดันดังกล่าวที่สามารถส่งผลต่อรากฐานของทั้งนครได้
ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาเรื่องการที่อยู่อาศัย
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้เห็นตึกระฟ้าที่เต็มไปด้วยห้องพักเล็กๆมากมายในแดนมนุษย์ นั่นคือการแก้ปัญหากับการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรภายในเมืองใหญ่หลายๆแห่ง ในทางกลับกัน สถาปัตยกรรมภายในนครชฺวีฟู่ล้วนถูกสร้างขึ้นในลักษณะของอาคารโบราณ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาคารสามชั้น และที่ทำให้แย่กว่าเดิมก็คือมันถูกออกแบบตามด่านซานไห่ที่โด่งดัง และนั่นหมายความว่ามันไม่ได้ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการอยู่อาศัยหรือใช้เพื่อเชิงพาณิชย์เลยแม้แต่น้อย!
โชคดีที่ขงโม่ไม่ใช่คนโง่ เพื่อที่รักษาอำนาจในการควบคุมประชากรทั้งหมดในเมือง เขาได้ออกพระราชกฤษฎีกาให้เปลี่ยนที่พักอาศัยทุกแห่งเป็นที่พักอาศัยสาธารณะ โดยทุกๆพื้นที่ 20 ตารางเมตรจะต้องมีเตียงอยู่ทั้งสิ้น 10 เตียง มันเป็นเรื่องดีที่วิญญาณไม่จำเป็นจะต้องอาบน้ำหรือขับถ่ายใดๆ ไม่เช่นนั้น นโยบายดังกล่าวจะต้องสร้างผลลัพธ์ที่เลวร้ายในภายหลังอย่างแน่นอน
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือเรื่องงาน
จำนวนประชากรภายในพื้นที่นั้นสูงเกินกว่าโอกาสในการทำงานที่มีอยู่ การสร้างงานนั้นจำเป็นจะต้องมีการสร้างโรงงานและอุตสาหกรรมต่างๆมากขึ้น แต่การรื้อถอนชุมชนเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าวนั้นจะทำให้เกิดการกระจัดกระจายของวิญญาณนับร้อยหรืออาจจะพันตนในคราวเดียว ซึ่งนั่นจะเป็นการเร่งให้เกิดปัญหาจำนวนมาก
โชคดีที่ปัญหาเหล่านั้นไม่ดีมีเวลามากพอให้เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้น…หุ่นเชิดหยินแห่งความโกรธจะต้องปรากฏตัวขึ้นกลางนครเผิงชิวอย่างแน่นอน
และมันก็คงจะทรงพลังมากกว่าที่เคยปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้เสียอีก
จำนวนประชากรที่มากเกินไปทำให้เกิดปัญหาเรื่องการว่างงาน และการว่างงานก็ทำให้เกิดความไม่พอใจ ซึ่งก่อให้เกิดการก่อจลาจลของิวญญาณขึ้น! นั่นเป็นวัฏจักรที่เลวร้ายเป็นอย่างมาก!
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันจะสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน ฉินเย่ก็รู้ดีว่าพระราชกฤษฎีกาของยมโลกหมายเลข 001 ข้อที่ห้าจำเป็นจะต้องถูกประกาศออกไป ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?! พวกเราอยู่ที่นี่มาตลอดชีวิต! แล้วยมโลกมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้เราย้าย?!” วิญญาณสูงวัยตนหนึ่งโกรธจนร่างของเขาสั่นเทาเล็กน้อย “เหตุใดข้าถึงต้องย้ายด้วย?! เหตุใดวิญญาณที่มีความสามารถถึงได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า? พวกเราเองก็เป็นวิญญาณเช่นกัน! เหตุใดรัฐถึงได้ลำเอียงแบบนี้?!”
“ใช่แล้ว! แม้แต่ท่านขงโม่ก็ไม่กล้าบอกให้พวกเราย้ายออก! ดูสิ ไม่ใช่ว่าตอนนี้พวกเราต่างใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและสามัคคีหรืออย่างไร?” “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ข้าได้ทำอะไรหลายอย่างเพื่อนครชฺวีฟู่มาตั้งแต่ที่มันปรากฏขึ้น แต่พอมันถูกเปลี่ยนชื่อเป็นนครเผิงชิว ข้ากลับต้องย้ายออกอย่างนั้นหรือ?! นี่มันสมเหตุสมผลตรงไหนกัน?!”
จริงอยู่ ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะใช้ชีวิตอยู่ภายในกำแพงเมืองเช่นนี้ โดยเฉพาะในเมื่อมันมีประชากรมากมายแบบนี้ แต่…
มันยังมีอสูรวิญญาณอยู่ด้านนอกนั่น!
นครเผิงชิวอาจจะแออัด แต่อย่างน้อยมันก็ปลอดภัย!
นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ไม่มีวิญญาณตนใดอยากจะย้ายออก!
กองกำลังชายแดน...ชื่อของมันทำให้หัวใจของพวกเขาทั้งหมดสั่นเทา พวกเขาใช้ชีวิตที่ดีมาโดยตลอด มันอาจจะลำบากบ้างเล็กน้อย แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีชีวิต แต่นี่พวกเขาต้องเสียสละอะไรเท่าไหร่หากต้องเปิดดินแดนใหม่? และไม่เพียงแต่อสูรวิญญาณด้านนอกเท่านั้น แต่ภัยธรรมชาติที่อยู่ด้านนอกนั้นจะไม่ฉีกกระชากร่างของพวกเขาเป็นชิ้นๆเลยอย่างนั้นหรือ?
“เงียบ!!” ทันใดนั้นเอง ฉินเย่ก็เดาะลิ้นและเอ่ยด้วยเสียงที่ดังสนั่นและทรงอำนาจ ความวุ่นวายด้านล่างสงบลงในฉับพลัน และไม่กี่วินาทีต่อมา คนทั้งหมดก็ได้ยินเสียงแกร็กดังขึ้น
นั่นมัน…เหวยโหย่วเหลียงอ้าปากค้างด้วยความหวาดกลัวขณะหันกลับไปมองด้านหลังของตน
ในฐานะของอดีตเจ้าหน้าที่รัฐ เขารู้ดี… นี่คือเสียงของโลงศพส่งวิญญาณ!
เสียงที่น่าสะพรึงกลัวของโลงศพส่งวิญญาณทำให้ประชากรทั้งหมดเงียบลงในทันที ฉินเย่กวาดสายตาไปโดยรอบอีกครั้ง หากพูดตามความจริง สถานการณ์นั้นดีกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก เพราะอย่างไรแล้วเขาก็รู้ดีว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะอธิบายทุกอย่างให้วิญญาณเหล่านี้ฟัง อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็ไม่มีทางเข้าใจหากถูกบอกว่าพวกเขาจะกลายเป็นปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวหากพวกเขายังคงเดือดดาลและไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่แปลว่ากลายเป็นปีศาจ? และมันจะต่างไปจากการที่พวกข้าไม่สามารถใช้ชีวิตตามที่ตัวเองเคยใช้อย่างไร?
คำพูดยอดนิยมที่ว่า ‘การปกครองประเทศใหญ่ๆนั้นไม่ต่างอะไรกับการทำอาหารจารเล็ก’ ผุดขึ้นมาภายในหัวของเขาทันที ถึงแม้ว่าเขาจะรับผิดชอบแค่นครขนาดเล็ก แต่มันกลับรู้สึกว่าไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย
หากปรุงมากเกินไป อาหารจะไม่สามารถทานได้ หากใช้ความร้อนไม่เพียงพอ อาหารก็จะไม่สุข
“ยากจริงๆ…” เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ แม้ว่าการประชุมในวันนี้จะถูกจัดขึ้นอย่างเร่งรีบ แต่พวกเขาจะสามารถแก้ปัญหาจำนวนประชากรกว่า 20 ล้านภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือนได้อย่างไร? แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาจะต้องจัดการทุกทางให้อยู่ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาเข้าควบคุมการบริหารของที่นี่นั้นยังคงอยู่ นี่คือเหตุผลว่าทำไมยมโลกจึงตัดสินใจที่จะผลักดันตัวเองไปถึงขีดจำกัดเพื่อให้ท่านจ้าวนรกองค์ที่สามของยมโลกเป็นผู้ประกาศเรื่องนี้ด้วยตนเอง
“การบุกเบิกดินแดนใหม่นั้นอันตรายเป็นธรรมดา แต่มันก็มีผลประโยชน์สำหรับผู้ที่ลงชื่อเข้าร่วมกองกำลังชายแดนเช่นกัน” เขามองไปรอบๆก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงที่ดังลั่น “ทุกคนที่เข้าร่วมจะได้รับคะแนนการทำงานสะสม รายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติในการเข้าร่วมทั้งหมดจะถูกประกาศในอีกสามวัน และผู้ที่สามารถสะสมคะแนนการทำงานได้ครบ 1,000 แต้ม…จะได้รับสิทธิ์…”
เขาชูสมุดแห่งความเป็นตายในมือขึ้น “เข้าฝันบุคคลอันเป็นที่รักของตน”
เงียบ
เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ
แต่ครั้งนี้ มันค่อนข้างแตกต่างจากครั้งที่แล้ว ก่อนหน้านี้ มันเป็นความเงียบที่เกิดขึ้นจากความโกรธและความขุ่นเคืองที่รุนแรง แต่ครั้งนี้ แม้ว่าความโกรธจะยังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้า แต่วิญญาณทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากด้วยความดีใจ แทบจะเหมือนกับว่าพวกเขากำลังประสบกับสถานการณ์ที่น่าดีใจท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวก่อนหน้านี้
กลับมาบนกำแพงเมือง หยางเหยียนเจากำมือของตัวเองแน่นและยังคงค้างมันไว้กลางอากาศ
พวกเขาเพิ่งแย่งนครขนาดใหญ่มาจากมือของศัตรู และมันก็ยังไม่รู้ว่ามันยังมีกองกำลังของขงโม่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเหล่าฝูงชนหรือไม่ หากอีกฝ่ายพยายามยุยงจนเกิดการจลาจลของวิญญาณขึ้น ขงโม่ก็สามารถอาศัยช่องว่างนี้ในการสร้างความวุ่นวายและโต้กลับได้! และนั่นก็จะทำให้การอำนาจในการปกครองนครเผิงชิวของยมโลกต้องสั่นคลอน!
โชคดี… ที่ ‘งานทำความสะอาด’ ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ราวกับนักมายากลทางอารมณ์ ฉินเย่รู้สึกว่าเขาสามารถรับมือกับอารมณ์ของประชากรทั้งหมดได้โดยสมบูรณ์ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาเอ่ยต่อ “หากสะสมคะแนนการทำงานครบ 5,000 แต้ม เจ้าจะได้รับโอกาสในการกลับไปยังแดนมนุษย์ได้เป็นเวลาหกชั่วโมง”
ฮือฮา… ความโกรธและความไม่พอใจทั้งหมดสลายหายไป ประชากรทั้งหมดต่างจ้องมองไปยังฉินเย่ด้วยความตกตะลึง
กลับไปยังแดนมนุษย์…
นั่นคือทุกส่งที่วิญญาณอย่างพวกเขาต้องการ!
โลกใต้พิภพ หากพวกเขาไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับความเหงา พวกเขาสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องทำงานเลยสักนิด ทั้งหมดที่พวกเขาต้องการมีเพียงที่กำบังฟ้าฝนและสภาพอากาศต่างๆของโลกใต้พิภพเท่านั้น แต่…ภัยธรรมชาติภายในลิมโบเองก็น่ากลัวไม่แพ้กัน พวกเขาจะสามารถผ่านมันไปได้ก็เพราะเกราะป้องกันของเมือง
พวกเขาไม่ต้องการอาหาร เครื่องดื่ม หรือแม้แต่การนอนหลับ ด้วยเหตุนี้ แรงจูงใจเพียงอย่างเดียวที่สามารถขับเคลื่อนเหล่าวิญญาณได้ก็คือ…การได้ติดต่อสื่อสารกับคนที่พวกเขารักในแดนมนุษย์!
หากพูดกันตามตรง นี่เป็นเหยื่อชั้นดีที่สามารถตกวิญญาณทั้งหมดได้ภายในคราวเดียว!
“เจ้าเด็กนี่…เล่นสกปรกจริงๆ เขาคือหนึ่งในคนที่สกปรกที่สุดที่เราเคยเจอมา…” อาร์ทิสลอบถอนหายใจออกมาในความมืด
โดยไม่รับรู้ถึงคำพูดของอาร์ทิส ฉินเย่เอ่ยต่อ “ข้ามั่นใจว่าข้าคงไม่จำเป็นจะต้องเอ่ยเตือนว่าสมุดแห่งความตายนั้นมีเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับคนที่พวกเจ้ารัก รวมถึงสาเหตุการตายด้วย”
ความเงียบยังคงดำเนินต่อไป
แต่ถึงกระนั้น ฉินเย่ก็สามารถบอกได้ว่าสายตานับ 20 ล้านคู่กำลังลุกโชนอย่างรุนแรง – โดยไม่มีข้อยกเว้น!
และมันยังมีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจที่ติดขัดดังก้องไปทั่วดินแดน
โอกาสในการกลับไปยังแดนมนุษย์…และความสามารถในการเข้าฝัน… หากพวกเขาสามารถสะสมคะแนนการทำงานได้มากเพียงและอาศัยข้อมูลเกี่ยวกับคนที่พวกเขารักทั้งหมด เช่นนั้น…นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถกลับมารวมตัวกันอีกครั้งได้ทันทีที่เมืองใหม่หรือนครใหม่พร้อมอย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?
“สุดท้าย มีอีกสามประเด็นที่ควรรู้ไว้เกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกาข้อที่ห้านี้” ตีในขณะที่เหล็กยังร้อน ฉินเย่ใช้โอกาสนี้ในการเอ่ยต่อ “ประเด็นแรกก็คือคะแนนจากการเข้าร่วมกองกำลังชายแดนหรือการบุกเบิกดินแดนจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการประเมินเพื่อแจกจ่ายที่อยู่อาศัยหลังจากที่งานเสร็จสิ้นอีกด้วย เจ้าสามารถคิดได้ว่ามันคือการจัดสรรห้องพักให้กับคนงานในอดีตตามผลงานของพวกเขาก็ได้ ด้วยเหตุนี้ การประเมินเพื่อแจกจ่ายที่อยู่อาศัยจะไม่ทำให้คะแนนการทำงานเพื่อจุดประสงค์ในการกลับไปยังแดนมนุษย์หรือการเข้าฝันของพวกเจ้าลดลง มันถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ในการประเมินการทำงานของพวกเจ้าเท่านั้น”
“ประเด็นที่สองก็คือการขอดูข้อมูลจากสมุดแห่งความเป็นตายจะต้องใช้คะแนนการทำงาน 1,000 คะแนนต่อครั้ง”
“ประเด็นที่สาม ในขณะที่มันไม่มีขีดจำกัดในการกลับไปยังแดนมนุษย์และเข้าฝันของพวกเจ้า นี่เป็นสิทธิพิเศษที่จะถูกมอบให้กับประชากรทั้งหมดในตอนที่ยมโลกยังคงดำเนินการบุกเบิกดินแดนเท่านั้น ทุกอย่างจะสิ้นสุดลงทันทีเมื่องานเหล่านี้จบสิ้น และมันจะเกิดขึ้นอีกครั้งก็ต่อเมื่อต้องบุกเบิกดินแดนใหม่”
“มีใครมีคำถามอะไรหรือไม่?”