ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 45 เข้าเรียน
บทที่ 45 เข้าเรียน
“ใครเหรอ” นักเรียนที่อยู่ข้าง ๆ เขากะพริบตาและถามว่า “ ทำไมสีหน้าถึงดูน่ากลัวนักล่ะรุ่นพี่? มีคนโทรมาหลอกขายของพี่เหรอ”
ใช่หลอก …หลอกให้ฉันเรียกเขาว่าพ่อทูนหัว!
จางหลินฮวารู้สึกโกรธทุกครั้งที่เขานึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เขาเยาะเย้ยอย่างดูถูกว่า “ มันเป็นแค่ไอ้โง่ ไม่ต้องสนใจหรอก ช่วยดูให้ฉันหน่อยได้ไหมว่ายังมีหอพักไหนว่างบ้าง “
“ไม่มีเลยครับ” นักเรียนตอบ“ แต่ยังมีห้องว่างที่ใกล้ศาลเจ้าเก่า แต่มัน … ”
“งั้นเอาที่นั่นแหละ” จางหลินฮวาหัวเราะเบา ๆ และแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “ พวกเขาต้องทำตามนี้ จะเรื่องมากได้ยังไง”
นักเรียนคนนั้นชะงักเหลือบมองแล้วพึมพำด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “แต่พี่ครับ … สถานที่นั้น … ค่อนข้างจะไม่ปลอดภัย … ”
“นักเรียนที่อยู่ที่นั่นพากันย้ายออกหมดแล้ว แม้แต่ผู้ดูแลก็ไม่อยากมาเฝ้าเลย ดูเหมือนว่าพี่จะรู้จักนักเรียนคนนั้น ทำไมเราไม่…”
“ ใครรู้จักคนนั้นกัน? ถ้าฉันรู้จักเขาหลังจากเจอเพียงครั้งเดียว อย่างนั้นฉันคงไม่รู้จักคนทั้งโลกแล้วหรือ” จางหลินฮวาจ้องไปที่นักเรียนคนอื่น ๆ “ แล้วความเชื่อบ้าบอนั่นมาจากไหน? ศาลบรรพบุรุษเก่าแก่ด้านหลังได้ถูกปิดผนึกไปแล้ว อีกอย่างหอพักหญิงก็อยู่ไม่ไกล ฉันไม่เคยได้ยินรายงานเหตุการณ์แปลกประหลาดจากใครทั้งนั้น เลิกสงสัยได้แล้ว!”
“ ครับ” นักเรียนคนอื่น ๆ จากไปโดยไม่พูดอะไรอีก
16.30 น. เมื่อถึงเวลา ฉินเย่เพิ่งออกมาจากแผนกการเงิน ทันทีที่ก้าวออกมาเขาก็ได้รับข้อความทันที
มาจากเบอร์โทรศัพท์ของจางหลินฮวา หอพักที่ห้า ห้อง 409 พวกเขาทั้งสองคนต้องนอนด้วยกัน
“ ไปกันเถอะ!” หวังเฉิงห่าวรู้สึกตื่นเต้น พวกเขาได้ซื้อเครื่องนอนและสิ่งจำเป็นอื่น ๆ ไว้แล้ว จึงรีบลากฉินเย่ให้เดินตรงไปยังหอพักที่จัดสรรไว้
ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาเลิกเรียนพอดี ทำให้สนามกีฬาเต็มไปด้วยนักเรียนที่กำลังออกกำลังกาย เสียงเล่นกีฬาดังก้องจากสนามบาสเกตบอลที่อยู่ใกล้ ๆ และซุ้มข้าง ๆ สนามก็เต็มไปด้วยนักเรียนที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ทิวทัศน์ที่มหาวิทยาลัยนั้นน่าทึ่งมาก ทางเดินยาวที่เรียงรายไปด้วยต้นไม้ให้ร่มเงา มีทะเลสาบที่เต็มไปด้วยดอกบัว สะพานหินโค้งพาดผ่านทะเลสาบ
นกเลิฟเบิร์ดคู่หนึ่งกำลังทำท่าหัวใจใต้ต้นหลิวที่แกว่งไปมาเบา ๆ ริมทะเลสาบ เสียงหัวเราะร่าเริงดังก้องไปทั่วอากาศ มีนักเรียนชายและหญิงจำนวนหนึ่งนั่งอยู่บนสะพานหินโค้ง แต่ละคนฟังเพลงและเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันงดงามรอบ ๆ
ฉินเย่มองพวกเขาด้วยความอิจฉา ก่อนที่จะจ้องมองพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเขา
“ ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนพยายามอย่างมากที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย … ความแตกต่างระหว่างที่นี่กับโรงเรียนมัธยมของเรา แทบจะเหมือนอยู่คนละโลก!” หวังเฉิงห่าวอุทานอย่างตื่นเต้น “ ทุกคนที่นี่ทั้งน่าหลงใหลและมีชีวิตชีวา! ไม่เหมือนกับโรงเรียนของเราที่ทุกอย่างมีแต่การสอบและก็สอบ!”
“ ใช่แล้ว …มีชีวิตชีวา … ” ฉินเย่อสะบัดผม “ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงสนุกกับชีวิตในมหาวิทยาลัยทุกครั้งที่เข้ามาเรียน”
หลังจากแวะถามเส้นทางจากนักศึกษาหลายครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็เดินผ่านอาคารหอพักใหม่เอี่ยมและมาถึงหน้าหอพักที่จัดสรรให้ ซึ่งทั้งหมดเขาใช้เวลาเดินห้าสิบนาทีกว่าจะถึง
ทั้งสองคนเดินจนเหนื่อยล้าไปทั้งตัว
พวกเขาแทบจะอยู่สุดขอบรั้วมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว
อาคารหอพักแห่งนี้ตั้งอยู่ที่มุมไกลสุดของบริเวณมหาวิทยาลัย เนินเขาและภูเขาตั้งอยู่ถัดออกไป อาคารทั้งหลังดูเหมือนไม่ได้รับการบำรุงรักษามานานหลายปี สีของกำแพงมีทั้งรอยด่างและลอก มีจุดที่เห็นได้ชัดว่ามีการซ่อมแซมปะติดปะต่อกัน สิ่งเดียวที่อาคารจะได้รับการชื่นชมคือผนังที่ถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยหนา ทำให้อาคารสี่ชั้นดูเป็นสีเขียวสบายตา
ถึงแม้จะดูโทรม แต่ก็ไม่ถือว่าทรุดโทรมมากนัก ในความเป็นจริงอาคารนั้นมีเสน่ห์ในตัวเองด้วยซ้ำ แต่มันยังอยู่ไกลเมื่อเทียบกับหอพักสูงที่ใหม่เอี่ยม
ต้องขับจักรยานประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะไปถึงอาคารเรียน ” ฉินเย่มองไปที่จำนวนจักรยานสาธารณะที่จอดอยู่รอบ ๆ อาคาร “เขาไม่ได้ช่วยฉันเลยสักนิด…นี่เขาไม่พอใจที่ถูกขอให้เรียกฉันว่าพ่อทูนหัวขนาดนี้เลยหรือไง”
ฉินเย่ส่ายหัว แต่เขาก็ไม่ใส่ใจกับความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของจางหลินฮวา เขาหยิบข้าวของและเดินไปทางอาคารหอพัก
“เด็กใหม่เหรอ” ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก กำลังทานเมล็ดแตงโมและเล่นโทรศัพท์ ฉินเย่เหลือบมองไปที่หน้าจอก็เห็นว่าชายแก่กำลังดูซีรีส์เรื่องฝันรักอ่าวโลมาอยู่ …
และเขาก็เพิ่งดูซีรีส์ได้เพียงไม่กี่ตอน
นี่อาจเป็นสิ่งที่ผู้เขียนนวนิยายบนเว็บกล่าวถึงก็ได้ เขาเล่าถึงชายชราที่อาศัยอยู่ที่ด้านล่างของภูเขาฮัวที่อันตราย เขาสอน ทักษะการปีนเขาให้กับนักปีนเขารุ่นเยาว์ที่มีความปรารถนาดี [1]
มันไม่ใช่ฤดูกาลเข้าเรียน จึงไม่มีใครคอยช่วยเหลือพวกเขาในเรื่องต่าง ๆ ทั้งสองหมดแรงเมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่ของหอพัก ทั้งคู่เช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ชายชราที่โต๊ะถามว่า“ เหนื่อยล่ะสิ”
ก่อนที่ทั้งคู่จะตอบกลับเขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มและหนักแน่นยิ่งขึ้น“ นี่ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ รีบย้ายออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ที่นี่ … ไม่ค่อยปลอดภัย”
หลังของหวังเฉิงห่าวยืดตัวขึ้นทันทีที่ได้ยิน เขากลืนน้ำลายอย่างประหม่า ในทางกลับกันฉินเย่ก็ยิ้มอย่างแผ่วเบา “ ข่าวลืออะไรเหรอครับ ยังไม่มีใครบอกอะไรเราเลย”
“ แน่นอนว่าไม่มีใครพูดหรอก สภานักเรียนจัดที่นี่ให้พวกนายใช่ไหม ใครจะพูดเรื่องแบบนั้นกันละ เพราะมันเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์มหาวิทยาลัย” ชายชราเหลือบมองด้วยความกังวล เขาหายใจเข้าลึกและพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ว่า“ คืนนี้ฉันเข้ากะกลางคืน แต่ฉันจะยื่นขอย้ายเป็นพรุ่งนี้เช้า ก็ที่นี่น่ะ… อยู่ไม่ได้หรอก”
จากนั้นเหมือนเขานึกอะไรขึ้นได้ ชายชราถอนหายใจหยิบแก้วเก็บความร้อนขึ้นมาแล้วดื่มน้ำอึกใหญ่ “ไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีรายงานว่ามีเสียงตีกลองและฆ้องดังขึ้นทุกคืน!”
ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย“ ไม่มีวันไหนที่ฉันกล้าเปิดประตูตอนกลางคืนออกมาเลย รู้อะไรมั้ย ทุกวันเวลาเที่ยงคืนจะมีเสียงคนเดินขึ้นไปข้างบน ตามด้วยเสียงกลองและฆ้องจากนั้นก็จะมีเสียงเดินลงมา แต่ส่วนที่แปลกที่สุดคือทางเข้าหลักของที่นี่ถูกล็อกไว้ตั้งแต่เที่ยงคืน! ฉันไม่เคยได้ยินเสียงประตูทางเข้าถูกปลดล็อกเช่นกัน”
“ ราวกับว่า … ตอนเที่ยงคืนมีใครบางคน … บางคน … คอยเฝ้าห้องโถงใหญ่จนถึงเช้า!”
เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา“ ฉันไม่กล้าเปิดทางเข้าหลักจนกว่าฉันจะได้ยินเสียงไก่ขัน แต่เมื่อใดก็ตามที่ฉันออกไปเปิดประตู ฉันมักจะเห็นรอยเท้าเปียกน้ำสี่รอยอยู่รอบ ๆ ห้องโถงใหญ่ ฉันรายงานเหตุการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้แล้ว แต่ไม่มีใครสนใจ! เป็นเพราะยังไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับนักเรียนที่อยู่ที่นี่!”
“ ฉันไม่ใช่คนเดียวที่ได้ยินสิ่งพวกนี้ …เด็กคนอื่น ๆ ก็มีประสบการณ์คล้าย ๆ กัน! แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเปิดประตูมาดูหรอก แต่พวกเราได้ยินเสียงเดินเข้าและออก แถมยังทิ้งรอยเท้าไว้เหมือนที่ฉันเห็นไม่มีผิด! หลายเดือนก่อนหอพักแห่งนี้เคยเต็มไปด้วยนักศึกษา! แต่ตอนนี้เหลือแค่คนเดียวที่ยังอยู่ เขาน่าจะคนที่ไม่มีที่ไปหรือไม่สามารถย้ายออกได้มั้ง เด็ก ๆ ฟังคำแนะนำของฉันนะ ย้ายออกจากสถานที่นี้โดยเร็วที่สุด! หอนี้ … ไม่ปลอดภัย!”
ฉินเย่พยักหน้า“ ขอบคุณสำหรับคำเตือนครับ เราจะย้ายออกทันทีที่มีโอกาส”
“ เฮ้ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ! นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าสยองขวัญ! เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้! โอ้ใช่ ได้ยินเสียงอะไรแล้วอย่าทักล่ะ!” ระหว่างที่พวกเขาเดินขึ้นบันไดชายชรายังคงตะโกนไล่หลังพวกเขา
“ พี่ฉิน … ” หวังเฉิงห่าวอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าใกล้ฉินเย่“ ที่นี่ … ไม่ปลอดภัยจริง ๆ เหรอ?”
อาคารแห่งนี้เก่า แสงไฟรอบ ๆ ค่อนข้างสลัว นอกจากผนังที่เป็นรอยด่างและสีลอกแล้ว หวังเฉิงห่าวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลก ๆ แม้ว่าตอนนี้จะยังเป็นเวลากลางวันอยู่ก็ตาม
“ใช่” ฉินเย่ตอบแบบเนิบ ๆ “เหตุการณ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นทุกคืน แต่ก็ยังมีนักศึกษาที่อยู่ในหอพักนี้ … นายคิดว่านักเรียนเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นยังไง”
ใบหน้าของหวังเฉิงห่าวมืดมน“ตะ..ตายแล้วเหรอ?”
ฉินเย่โน้มตัวเล็กน้อยและกระซิบคำตอบในหูเขาทีละคำ“ ไม่ … พวกมัน เป็น ซอม บี้”
ที่ทางเดิน หวังเฉิงห่าวมองไปรอบ ๆ และมองไปที่ฉินเย่ด้วยสายตาหวาดกลัว ก่อนที่เขาจะกลืนน้ำลายด้วยความตกใจ
เขาตกใจมากจนสมองของว่างเปล่า
“อุบ… ฮ่าฮ่าฮ่า!” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังก้องจากชั้นบน นักเรียนคนหนึ่งมองออกมาจากช่องว่างบนบันไดและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง“ นี่มันฮ่า … ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่ไหวแล้ว! นี่ ตาแก่นั่นทำให้พวกนายกลัวใช่มั้ย? ผู้เฒ่าหลิวเล่าเรื่องแบบนี้ให้น้องใหม่ทุกคนฟัง! ตอนนั้นฉันกลัวมากจนไม่กล้าเข้าห้องน้ำเองเลยแหละ!”
“ ฮ่าฮ่าฮ่า !!” เสียงหัวเราะของผู้เฒ่าหลิวดังออกมาจากชั้นหนึ่ง“ โอ๊ย ไม่ไหว … ขำจะตายด้วยแล้ว มันนานมากแล้วที่มีคนหลงเชื่อเรื่องนี้ ไม่ไหว ๆ ฮ่าฮ่า … ”
ให้ตายเถอะ!
หน้าของหวังเฉิงห่าวแดงเหมือนตูดลิง เข้ามหาวิทยาลัยแล้วยังเล่นอะไรแบบนี้อีกเหรอ?
มัน … น่าอายมาก …
“ นาย … ” เขาจ้องมองฉินเย่ที่กำลังหัวเราะอย่างหนักทรงตัวไม่ไหว จนต้องพิงกำแพง“ ให้ตายเถอะ …นายก็ด้วยเหรอ!”
“ เอาล่ะ ๆ!” ฉินเย่เช็ดน้ำตาและตบไหล่ของหวังเฉิงห่าว “จะมีผีและปีศาจมากมายนอนอยู่รอบ ๆ ได้ไง? แต่ตอนนี้จะหกโมงแล้ว เราไม่สามารถออกจากสถานที่ได้ อีกอย่างเรายังไม่ได้กินข้าวเย็นด้วย”
ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในห้องพัก ทั้งคู่ก็เคร่งขรึมทันที
นี่คือห้องพักรวมสำหรับหกคน
นอกจากพวกเขาแล้วยังมีอีกสามคนที่ครอบครองห้อง ข้าวของของพวกเขาก็เกลื่อนไปทั่วเตียง ผ้าม่านยังถูกปิดอย่างแน่นหนา ห้องทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยความมืด
คนสามคนนอนบนเตียง คลุมตัวด้วยผ้าห่มสีขาวราวกับหิมะ ไม่มีใครขยับเลย
อึก … หวังเฉิงห่าวประหม่า เขายังคงคิดย้อนไปถึงเรื่องซอมบี้ก่อนหน้านี้ที่ฉินเย่พูด
แสงแดดส่องผ่านช่องขาดของม่าน ทำให้เห็นฝุ่นละอองที่ลอยอยู่กลางอากาศ ตอนนี้มันเหมือนกับ … ห้องเก็บศพที่เงียบและเย็นยะเยือก
“เจ้าสาม … นั่นคือเจ้าสามหรือไม่” เสียงที่ฟังดูเจ็บปวดพูดขึ้นจากเตียงเตียงหนึ่ง “นี่ … เอาอาหารเย็นมาให้เราแล้วหรือยัง”
“ อย่าผลัก… ฉันนอนอยู่เห็นไหม … อึก … หิว … ฉันหิวมากจนขยับไม่ได้เลย… ”
เสียงที่ฟังดูอ่อนเพลียราวกับแมลงตอบกลับมาจากอีกเตียงหนึ่ง“ อย่าพูด … ยิ่งพูดมากยิ่งหิวมากเท่านั้น … ใครเปิดประตูน่ะ? ปิดได้มั้ย? หนาวเหลือเกิน … ”
หวังเฉิงห่าวไม่เคยเห็นหอพักแปลกขนาดนี้มาก่อน เขารู้สึกประหลาดใจ ในทางกลับกันฉินเย่ก็ไม่สนพวกเขา และเปิดสวิตช์ไฟ เสียงโหยหวนอันเจ็บปวดสามเสียงดังก้องไปทั่วห้องพักรวม
“ พระจันทร์เต็มดวงกำลังแกล้งฉัน! ฉันจะกลับไปใช้ร่างที่แท้จริง!”
“ นี่เพื่อนคนไหนเนี่ย ให้ฉันได้พักสักหน่อยเถอะ … ฉันไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะต้องทำวิทยานิพนธ์ ขอฉันนอนก่อนไม่ได้เหรอ”
“ ขอร้องล่ะพ่อจ๋า ผมขอเลือกเส้นทางด้วยตัวเองได้ไหม ฉันจะอธิษฐานขอให้พ่อมีความสุขและอายุยืนยาว แต่กรุณาปิดไฟเถอะ!”
ความหวังของหวังเฉิงห่าวที่จะใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยอย่างมีชีวิตชีวาพร้อมเพื่อนร่วมหอพักหายไปในพริบตา
“ถงอีหรือคังซือฟู [2]? จะเอาอันไหน” ฉินเย่ถามแบบนิ่ง ๆ
“พระเจ้าช่วย! ฉันเอารสเนื้อตุ๋นน้ำแดง!” “ฉันเอารสผักดอง! พ่อจ๋า! ขอบคุณบรรพบุรุษแปดชั่วโครตของท่านยิ่งนัก!”
“รสทะเล… ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของคุณเลย แม้ว่าฉันจะกลายเป็นผีก็ตาม!”
“ อ่า … ฉันน่าจะลืมเอามา” ฉินเย่ดึงเงินออกมาจำนวนหนึ่ง“ ฉันให้เงินหนึ่งพันล้านดอลลาร์นรกแทน เอามั้ยล่ะ”
“ทำไมพวกเขาไม่ปล่อยวางหน่อยล่ะจะได้ข้ามสะพานไน่เหอได้ จะมาอยู่ที่นี่ให้เกะกะทำไม”
หวังเฉิงห่าวที่กำลังหัวเราะอยู่แข็งค้างไปในทันที
เขามองไปรอบ ๆ และจ้องมองไปที่ฉินเย่ด้วยสายตาแข็งค้างพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า
ขอร้องอย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ… อย่ารังแกคนซื่อสัตย์และเชื่อใจคนง่ายแบบฉัน …
“มองหน้าหาอะไรไม่ทราบ?” ฉินเย่ชี้ไปที่เตียงด้วยความสับสน“ พวกเขาเป็นวิญญาณที่ยังมีห่วง ครั้งนี้ฉันไม่ได้แกล้งเล่น ๆ แต่ทุกอย่างจะคลี่คลายเมื่อเราเผาธนบัตรนรกให้พวกเขา เท่านี้ก็ปลอดภัยแล้ว”
พี่ชาย … พี่ชายที่รัก … ฉันคิดว่านายอาจเข้าใจผิดนิดนึงว่าคำว่า ‘ปลอดภัย’ ที่แท้จริงหมายถึงอะไร …
[1] ผู้เขียนอ้างอิงถึงนิยายเรื่อง老夫聊发少年狂
[2] ทั้งสองเป็นชื่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อหนึ่ง