ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 487: 15 วัน (2)
บทที่ 487: 15 วัน (2)
ชายสูงวัยที่มีใบหน้าซีดเผือดนั่งติดอยู่ริมหน้าต่าง สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาไม่ได้พยายามที่จะหลบเลี่ย ยงแสงอาทิตย์ เพียงแค่เลือกที่นั่งบริเวณที่อยู่ใต้ร่มเงาของผ้าม่านก็เท่านั้น
เขาเป็นชายในวัย 70 กว่า ใบหน้าปรากฏริ้วรอยเหี่ยวย่นมากมาย แต่ทว่ามือทั้งสองข้างกลับนิ่งและมั่นคงขณะที่จิบ น้ำชาในถ้วย ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “นี่เจ้าพยายามจะเป็นจุดสนใจหรืออย่างไร?” เมื่อชายสูงวัยหันไป เขาก็พบเห็นเด็กหน นุ่มคนหนึ่งยืนอยู่
อีกฝ่ายมีคิ้วหนา ดวงตาลึกล้ำและจมูกโด่ง เขาอาจจะดูหนุ่มมาก แต่แววตาที่เฉียบคมกลับทำให้ชายสูงวัยตัวสั่นเท ทา ทันใดนั้น ชายสูงวัยก็วางแก้วชาลงและเตรียมที่จะประสานฝ่ามือและก้ำปั้นเพื่อคารวะเด็กหนุ่ม แต่ก่อนที่เขาจ จะทันได้ทำเช่นนั้น เด็กหนุ่มตรงหน้าก็คว้ามือของเขาเอาไว้พร้อมกับแย้มยิ้มบางและดึงเขาเข้าไปกอด
“หากเจ้าใช้ชีวิตในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็สามารถพูดได้เพียงว่าเจ้าโชคดีเป็นอย่างมากที่ไม่ถูก ตรวจพบ…” เด็กหนุ่มกระซิบเสียงเย็นยะเยือกข้างหูของชายสูงวัย คนแก่กว่าตัวสั่นเทาเล็กน้อย จากนั้น เด็กหนุ่มก็ คลายอ้อมกอดและเดินนำเข้าไปในบริเวณที่นั่งที่เป็นส่วนตัวกว่าเดิม
แกร็ก…
บานประตูปิดลงตามหลังของพวกเขาอย่างแผ่วเบา ไม่มีลูกค้าคนใดในโรงน้ำชาที่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองปฏิสัมพันธ์ที่ เกิดขึ้นระหว่างชายทั้งสองเลยแม้แต่น้อย
ครืดดด…
เด็กหนุ่มดึงเก้าอี้มาและนั่งลงตรงข้ามกับชายสูงวัย ในขณะเดียวกันชายสูงวัยก็เริ่มตัวสั่นอย่างไม่สามารถคุมตนเอง งได้ ก่อนจะประสานมือทำความเคารพและโค้งคำนับให้กับคนตรงหน้า เขาไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ทั่วทั้งบริเวณถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ไม่กี่วินาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็ส่ายหน้าไปมา “พวกวิญญาณในทุกวันนี้…เฮอ อะ นั่งลง”
“เจ้าพึงระลึกไว้ให้ดีว่าตัวเองคือขั้นตุลาการนรก! ตัวตนที่เทียบได้กับหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุด ดในแดนมนุษย์! และเจ้าก็สามารถแน่ใจได้เลยว่ามันจะต้องมีกล้องวงจรปิดจับตาดูเจ้าอยู่ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในแดนม มนุษย์! ดังนั้นเจ้าสามารถนั่งอยู่ติดหน้าต่างอย่างเมื่อครู่นี้ได้อย่างไร? พยายามจะทำให้ตัวเองถูกฆ่าอย่างนั้นหรือ อ?” เด็กหนุ่มระเบิดอารมณ์ที่รุนแรงออกมา “ที่นี่คือเมืองหวู่หยาง! เมืองที่มีผู้ฝึกตนขั้นตุลาการนรกประจำการอยู แต่ถึงกระนั้นเจ้ากลับกล้าที่จะแสดงตัวโดยไม่คิดจะป้องกันอะไรเลยสักนิด? นี่เจ้าต้องกล้าขนาดไหนกันถึงนั่งอย ยู่ในพื้นที่เปิดภายในโรงน้ำชา! หรือว่าเจ้าต้องการที่จะประกาศให้โลกนี้รู้ว่าพวกเรารู้จักกัน? ว่าพวกเราทำการ ติดต่อกัน? นี่เจ้าสามารถเลื่อนขึ้นมาอยู่ขั้นตุลาการนรกได้อย่างไรด้วยระดับสติปัญญาเช่นนี้?!!”
ชายสูงวัยกำลังจะนั่งลงแต่เขาก็ต้องรีบเด้งตัวยืนตรงราวกับถูกเข็มตำเข้าที่ก้น ร่างทั้งร่างเริ่มสั่นเทาด้ว วยความกลัวอีกครั้ง “นายท่าน...มันไม่ใช่อย่างนั้น…”
“ไม่ใช่อย่างนั้น?” เด็กหนุ่มจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “เจ้าไร้เดียงสาและคิดว่าตัวเองเก่งจนถึงขั้นที่จะสามารถหลบเลี่ยงก การจับตาดูจากรัฐบาลได้เลยอย่างนั้นหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้นะ แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงสายตาของรัฐได้เมื่ อพวกเขามองมา! แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใดถึงจะได้รับข้อยกเว้นสำหรับเรื่องนี้?”
“แต่…ท่านฉิน ขออภัยที่ข้าไม่ทันได้สังเกต!”
ฉินเย่ถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยต่อ “ช่างเถอะ รีบรายงานมา แล้วเราจะได้แยกย้ายกันเสียที ด้วยความฉลาดของเจ้า ข้ าเกรงว่ามันอาจจะต้องใช้มากกว่าโชคช่วยหากเจ้าจะก้าวสู่ขั้นฝู่จวิน”
“รับทราบ…” ชายสูงวัยรีบนั่งลงโดยที่วางมืออยู่บนเข่าและก้มหน้าต่ำ “เขา…ตอบตกลง”
“แต่เขาอยากให้ท่านเดินทางไปที่เมืองชางหลานด้วยตนเอง…”
เป็นอย่างที่คิด…
ฉินเย่หลับตาลงและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป “บอกเขาว่าข้าจะไป”
“ข้าอยากให้เจ้ากลับไปที่เมืองชางหลานและบอกฉินฮุ่ยว่าข้าจะไปที่นั่นในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ ก่อนที่เข็ม มนาฬิกาจะตีบอกเวลาตี 5 ข้าจะเดินทางไปที่นั่น”
“แต่นายท่าน เขาอยู่ขั้นฝู่จวิน!” เสียงของชายสูงวัยแหบพร่าและเบาหวิว
ฉินเย่หัวเราะออกมาและเงียบไป
ขั้นฝู่จวินแล้วอย่างไร?
เขาคงจะต้องผิดหวังเป็นอย่างมากหากเขาคิดว่าข้าจะยังคงเป็นคนเดิมกับก่อนหน้านี้ และหากเขาจะปฏิบัติกับข้าเช่ นนั้น ข้าก็จะทำให้แน่ใจว่าเขาจะได้รับความประทับใจอันลึกล้ำและยาวนานเป็นการตอบแทน
“ทีนี้ เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกเอ่ยขึ้นในขณะที่เจ้าพบกับเขาให้ข้าฟัง อย่าขาดไปแม้แต่ประโยคเดียว ข้าต้องการ รรู้ทุกคำพูดที่เขาใช้ และทุก ๆ สีหน้าที่เขาแสดงออก ไปจนถึงรายละเอียดที่ยิบย่อยที่สุด”
…………………………………………………..
ติ๊ด…
อุปกรณ์ส่งเสียงเบา ๆ ขณะที่ปริ้นรูปถ่ายออกมา
มันเป็นภาพของฉินเย่ที่กำลังกอดชายสูงวัยภายในโรงน้ำชา
นิ้วมือของโจวเซียนหลงสั่นเทาขณะที่เขาหยิบรูปถ่ายนั้นขึ้นมา จากนั้นเขาก็หลับตาลงด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
“จากการรายงาน พลังหยิน…แผ่ออกมาจากร่างของชายคนนี้ครับ…” ชายในชุดดำเอ่ยรายงานเสียงเบา เขาทำหน้าที่มา าเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอะไรที่แปลกประหลาดแบบนี้ นี่คือสงครามอันยาวนานระหว่าง งสองโลก พี่น้องนับไม่ถ้วนต้องเสียชีวิตไปในหน้าที่ และไม่มีพี่น้องที่เป็นมนุษย์คนไหนเลยที่ทรยศต่อจีน!
แต่ตอนนี้…ผู้ฝึกตนขั้นตุลาการนรกกอดกับวิญญาณขั้นตุลาการนรกอยู่
“ทำไมกัน?” โจวเซียนหลงหลับตาลงแน่นจนเปลือกตาของเขาสั่นเทา เสียงที่เอ่ยออกมานั้นแหบพร่าและเต็มไปด้วยความ เหลือเชื่อ
ชุดอุปกรณ์สื่อสารของเขายังคงเปิดอยู่ และมันก็ทำให้อัลบาทรอสทั้งหมดและเจ้าหน้าที่สอบสวนระดับสูงคนอื่น ๆ ที มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการครั้งนี้ได้ยินมันอย่างชัดเจน
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
หากไม่ใช่เพราะหลักฐานภาพถ่ายที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ มันคงไม่มีพวกเขาคนไหนเชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้ นได้ เพราะอย่างไรแล้ว มนุษย์เป็น ๆ จะไปกอดกับวิญญาณร้ายได้อย่างไรกัน?!
นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนของการทรยศ!
มันคือการทรยศของชายคนหนึ่งต่อมนุษยชาติ!
ในวินาทีนั้น พวกเขาแทบจะแน่ใจเลยว่าหลี่จีสี่จะต้องตายด้วยน้ำมือของฉินเย่อย่างแน่นอน!
แววตาของพวกเขาเป็นประกายขึ้นขณะที่กวาดสายตามองแผนที่ของเมือง แทบจะเหมือนกับว่า…เมืองทั้งเมืองได้กลายเป็นพื นที่ล่าสัตว์ขนาดใหญ่ ด้วยอำนาจที่ได้รับมาจากรัฐและความรับผิดชอบที่แบกรับอยู่บนบ่า เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเผลอกำ ำมือรอบอาวุธของพวกเขาแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
พวกเขามีวิธีการของตัวเองในการจัดการกับผู้ทรยศเช่นนี้!
กลับมาบนหลังคา หนึ่งในอัลบาทรอสหลับตาลงและเอนกายรับสายลมในยามบ่ายที่พัดผ่านเส้นผมของเขาเบา ๆ มันเป็นเ เวลาบ่ายสามกว่า ๆ และดวงอาทิตย์ก็ยังคงลอยอยู่บนฟ้า แต่ถึงกระนั้น ภายในใจของเขากลับรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างมาก ในเวลานี้ “หัวหน้า”
“พวกเรา… ควรลงมือไหมครับ?”
เงียบ…
ไม่กี่วินาทีต่อมา หัวหน้าของการปฏิบัติการก็เอ่ยตอบกลับมาด้วยคำตอบที่หนักแน่น “ไม่”
ภายในห้องพัก โจวเซียนหลงมีใบหน้าซีดเซียวและเสียใจอย่างเห็นได้ชัด เขาวางภาพถ่ายในมือลงอย่างเงียบๆ “เขายังไ ไม่สร้างปัญหาอะไรให้แดนมนุษย์ เรารอดูกันอีกสักนิดเถอะ…”
“ผมเองก็เห็นด้วย” โม่ฉางห่าวเอ่ยสนับสนุนความคิดเห็นของโจวเซียนหลงขณะที่ถอนหายใจออกมาอย่างลำบากใจ “ขั้นตุลาก การนรกทั้งหมดนั้นมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นเขา พวกเราไม่สามารถเร่งรีบหรือทำทุกอย่าง จากเพียงแค่ข้อสันนิษฐานได้ หัวหน้า… อนุเสาวรีย์ A754 กำลังจะถูกขุดขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้ จากการคาดการณ์ครั้งสุดท้า าย มันน่าจะใช้เวลาไม่เกินสิบกว่าวัน จากการสแกนเบื้องต้นพบว่า…ชื่อของฉินเย่ได้ถูกสลักไว้บนผิวหน้าของอ อนุเสาวรีย์หินนี้เช่นกัน”
“ประมาณวันที่เท่าไหร่?” โจวเซียนหลงถาม
“ประมาณวันที่ 15 สิงหาคมครับ”
โจวเซียนหลงพยักหน้า จากนั้นก็ลืมตาขึ้นในที่สุด “บอกทาง SRC ว่าให้กำหนดวันสำหรับขุดค้นเป็นวันที่ 15 สิงหาคม”
“ข่าวเรื่องนี้จะให้เป้าหมายรู้ไม่ได้เด็ดขาด พวกเราจะแจ้งเขาภายในวันที่ 15 นั้นเอง นี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรั บเขาที่จะพิสูจน์ตัวเอง”
“รับทราบ!”
……………………………………………………………..
ในคืนนั้น โชคชะตาได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง ชื่อที่ยังถูกเขียนไม่เสร็จของฉินฮุ่ยและลีจองซุกได้ถูกเขียนเพิ่ม
15 วัน…!
หน่วยสอบสวนพิเศษ เมืองชางหลาน
เต้ง… เต้ง…
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน เจ้าหน้าที่สอบสวนที่กำลังทำหน้าที่นั่งอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ของตัวเอง เขาอ้าปากหาวออ อกมาอย่างเกียจคร้านขณะที่หันไปหาเพื่อนร่วมงานของตน “ออกไปสูบบุหรี่กันสักหน่อยไหม?”
หน่วยสอบสวนพิเศษมักจะมีเจ้าหน้าที่สอบสวนประจำการอยู่เสมอไม่ว่าตอนนั้นจะเป็นช่วงเวลาใดของวันก็ตาม
“เอาสิ” เพื่อนร่วมงานบิดขี้เกียจและเดินตามเพื่อนของตัวเองไปยังห้องสูบบุหรี่ทันที ที่นั่น เขาหยิบซองบุหรี่ออกมา าและโยนมันให้เพื่อน “นี่ นายคิดว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเมื่อวานนี้?”
คลิ๊ก...
เสียงจุดไฟแช็กดังขึ้น เจ้าหน้าที่สอบสวนคนนั้นจุดบุหรี่และสูบมันเข้าจนสุดปอด “ใครจะรู้ล่ะ?”
“ตอนแรก พวกเราตรวจจับพลังหยินได้จากสองแห่ง หนึ่งเป็นขั้นตุลาการนรก และอีกหนึ่งอยู่ขั้นยมทูตขาวดำ จากนั้น น ในตอน 01.08 น. มันก็เกิดการปะทุของพลังหยินที่ค่าพลังหยินสูงกว่าวิญญาณขั้นตุลาการนรก หากพูดกันตามความ มจริง ความคิดแรกของฉันก็คือเครื่องมือของเราทำงานผิดพลาด”
เพื่อนร่วมงานของเขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น เพราะถ้าหากวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าขั้นตุลาการนรก ปรากฏตัวขึ้นโดยปราศจากการตรวจพบภายในเมืองชางหลาน... แบบนั้นพวกเราก็คงจบเห่…”
ทันใดนั้นไฟทั้งหมดก็ดับลง
เงียบสนิท
ไม่กี่วินาทีต่อมา เจ้าหน้าที่สอบสวนทั้งสองก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันและเปิดไฟแช็กของพวกเขา แต่สิ่งที่ทั้งคู่เห็นม มีเพียงความประหลาดใจที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาของกันและกัน
ไฟฟ้าดับ?
เป็นไปไม่ได้ หน่วยสอบสวนพิเศษมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองที่รับประกันการจ่ายพลังงานตลอด 24 ชั่วโมง ต่อให้ทั้งเมือง จะเกิดเหตุไฟฟ้าดับขึ้นจริง ๆ พวกเขาก็ยังสามารถปฏิบัติการต่อไปได้ แล้วตอนนี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน?!
พวกเขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่รีบพุ่งออกจากห้องสูบบุหรี่และกลับไปที่ห้องสังเกตการณ์ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็หยิบ บโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรออก
“ชะ ใช่…ฉันเอง…ช่วยเชื่อมต่อแหล่งจ่ายไฟฉุกเฉินให้ทีได้ไหม? เกิดอะไรขึ้น? นายไม่รู้? ว่าไงนะ? แถวนั้นก็ ไฟดับเหมือนกัน?”
พรึ่บ พรึ่บ…
ทันทีที่พวกเขากลับไปที่ห้องสังเกตการณ์ แสงไฟก็กระพริบและกลับมาติดอีกครัง หน้าจอเฝ้าระวังติดขึ้นอีกครั้งพร้อ อมกับเสียงซ่าเบา ๆ และมันก็เป็นตอนนั้นเองที่เจ้าหน้าที่สอบสวนทั้งสองถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เฮ้อ…ตกใจหมด…” หนึ่งในเจ้าหน้าที่นั่งลงก่อนจะยิ้มออกมา “ฉันนึกว่าเกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติขึ้น…”
เขายังไม่ทันได้พูดจนจบประโยค
ทั้งสองนั่งลงอีกครั้ง ก่อนที่จะจ้องมองไปที่หน้าจอด้วยความตกตะลึง มันมากจนสีหน้าของพวกเขาแข็งค้างไป
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ….
แหล่งกำเนิดแสงทั้งหมดในเมืองชางหลานก็ดับไป ทีละชุมชนต่อชุมชน และถนนต่อถนน! ติดต่อกัน ทุกอาคารและสถานที่ ไม ม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ล้วนไฟดับทั้งสิ้น!
ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งนาที ทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ความรู้สึกเย็นยะเยือกเกาะกุมไปทั่วทั้งหัวใ ใจและจิตใจของพวกเขาทันที!
ตั้งแต่ที่แผ่นดินจีนเริ่มมีการแพร่ระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ สิ่งแรกที่ทางรัฐบาลทำก็คือทำให้แหล่งจ่ายพล ลังงานมีเสถียรภาพมากที่สุด ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดไฟดับเป็นวงกว้างแบบนี้!
และนี่ก็ทำให้พวกเขามีคำอธิบายที่เป็นไปได้เพียงแค่ข้อเดียวเท่านั้น…
การมาถึงของวิญญาณร้าย!
และยังเป็นวิญญาณที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย!
เหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่สอบสวนทั้งสองพูดคุยกันก่อนหน้าผุดขึ้นมาในหัว และพวกเขาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโ โทรออกทันที
น่าเสียดาย สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมากลับเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิด
มันสามารถโทรออกได้ตามปกติ แต่ถึงกระนั้น เสียงที่ได้ยินกลับไม่ใช่เสียงทั่วไปที่เขามักจะได้ยินเป็นเสียงรอสา าย กลับกัน มันคือเสียงของปี่โหว ฆ้อง และระฆัง แทบจะเหมือนกับว่ากำลังมีขบวนบางอย่างเดินทางมา!
เต้ง เต้ง…เต้ง!
เสียงของฆ้องที่ดังขึ้นดูเหมือนจะทำให้จิตใจที่สงบนิ่งของพวกเขาต้องสั่นคลอน ชายทั้งสองตัวสั่นเทาและเกือบจะท ทำโทรศัพท์หลุดมือ แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา น้ำเสียงอันเศร้าสร้อยก็ดังขึ้นให้ได้ยินมาจากปลายอีกด้านของสาย
“อาคารหน้าเตาเผา สร้างขึ้นจากหินศิลาฤกษ์สีเงินและสีทอง ประตูสี่บานหันหน้าสู่ทิศทั้งสี่ และหนึ่งเส้นทางสู่สว วรรค์ ประกายแสงสว่างส่องลงมาจากท้องฟ้า ฉายให้เห็นภาพของพระราชวังหยกสีทอง กลิ่นของเทียนลอยคละคลุ้งไปในอากาศ มังกรและนกฟีนิกซ์ลอยล่องไปทั่วปฐพี ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ติดกับสายรุ้งหลากสี…”
มันคือเพลงงานศพ!
ตุ้บ!
โทรศัพท์เครื่องหนึ่งหล่นลงกับพื้น แม้แต่คนที่โง่ที่สุดก็สามารถเดาได้ในทันทีว่านี่คือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นภายในเมืองชางหลาน!
ทันใดนั้น ภายในห้องสังเกตการก็ปรากฏแสงสีแดงสลัวขึ้น
มันไม่ได้มาจากแสงที่อยู่ด้านบน แต่มันมาจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่อยู่โดยรอบ!
หากจะพูดให้ถูกก็คือลำแสงสีแดงหม่นเปล่งออกมาจากตะเกียง
หน้าจอตรงหน้าฉายภาพจากท้องถนนและบ้านเรือนในพื้นที่ต่าง ๆ ให้เห็น ก่อนที่พวกเขาจะพบว่ามีตะเกียงไฟสีแดงจำนวนม มากที่ปรากฏขึ้นในทั่วทุกมุมของถนนและบ้านแต่ละหลัง ทั้งหมดถูกจุดขึ้นพร้อมกันในเวลา 00.01 น.! มันเป็นเหมือน นกับกลุ่มดาวที่ส่องแสงอยู่ในท้องฟ้าอันมือมิด!
ฟิ้ว…สายลมพัดมาพร้อมเงินกระดาษที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งท้องถนน แทบจะเหมือนกับว่าเป็นการปูพรมกระดาษสีขาวราวห หิมะเอาไว้บนถนน
ในขณะเดียวกัน เงินกระดาษปลิวว่อนอย่างน่าสะพรึงกลัวเหนือเส้นทางหลัง ลอยไปมากลางอากาศและสะท้อนเข้ากับแสงสีแดงจาก กตะเกียงที่อยู่โดยรอบ ในขณะเดียวกัน ขบวนแห่ก็ปรากฏขึ้นและคนในขบวนก็คุกเข่าลงกับพื้นครึ่งหนึ่ง
และทั้งหมดนั้นก็คือ…คนกระดาษ!
พวกมันมีทั้งคนกระดาษที่เป็นผู้ชายและผู้หญิง บางตัวเป่าปี่โหว ในขณะที่บางตัวตีฆ้องหรือระฆัง ราวกับว่าพวกมั นกำลังประกาศถึงการมาถึงของแขกคนสำคัญ
“พระเจ้าช่วย…!”