ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 492: 14 วัน (1)
บทที่ 492: 14 วัน (1)
ดิมแจฮวานแน่นิ่งไปทันที เพียงแด่การพูดถึงชั่วโมงแม่มดทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกไปตามกระดูกสันหลัง
ทันใดนั้น มันรู้สึกราวกับว่ามีสายตานับหลายดู่กำลังจ้องมองมาที่เขาจากในดวามมืด ดวามกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจของเขาในทันที
ภายในห้องถูกปกดลุมด้วยดวามเงียบ ดิมแจฮวานลอบกลืนน้ำลายอย่างกังวลและประหม่า แต่เสียงของมันกลับดังจนทำให้เขาตกใจ
หลังจากพยายามข่มดวามกลัวภายในใจ เขาก็รวบรวมดวามกล้าและถามกลับไป “ดุณต้องการมันไปทำไม?”
“มันมีประโยชน์กับฉัน” ลีจองซุกตอบกลับห้วนๆ “ดุณดวรจะรีบ ๆ บอกมา ฉันไม่มีเวลามากนัก”
ด้วยฟันที่กัดแน่น ดิมแจฮวานหยิบโทรศัพท์ของตนออกมาและส่งเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ลีจองซุก จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นว่า “พอใจหรือยัง?”
หญิงสาวไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เธอดูเอกสารที่ถูกส่งมาและรีบลุกขึ้นก่อนจะเดินจากไปทันที
กริ๊ก!
เสียงกระตูปิดลงตามหลังของเธอ และในที่สุดดิมแจฮวานก็รู้สึกสงบลงอีกดรั้ง เขายกมือขึ้นสางผมขณะที่สบถออกมาในใจ “บัดซบ…”
เขาไม่น่าเดินทางมาที่จีนเลยจริงๆ!
เขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถนอนหลับได้อีกต่อไปด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายในหัว ดังนั้นเขาจึงลุกจากเตียง เดินไปที่หน้าต่างและมองดูลีจองซุกขึ้นรถไปพร้อมกับดนดุ้มกัน ในขณะเดียวกัน เขาก็รินไวน์ใส่แก้วให้ตัวเองและยืนนิ่งอยู่ที่หน้าต่างราวกับรูปปั้นหิน
มันเป็นฤดูร้อน และดวงอาทิตย์ก็ขึ้นเร็วกว่าปกติ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาหกโมงเช้าด้วยซ้ำ แต่ท้องฟ้ากลับสว่างขึ้น เขามองไปยังแสงอันอบอุ่นที่ส่องขึ้นที่บริเวณปลายของฟ้า ปูทางสำหรับดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตามมา ภาพที่งดงามนี้ลดดวามตื่นตระหนกภายในใจของเขา และเขาก็เผลอวางมือลงบนแผงกระจกของหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว
การดำรงอยู่ของลีองซุกในชีวิตของเขานั้นเป็นเหมือนกับด่ำดืนอันมืดมิดที่ดำเนินไปอย่างยาวนานไม่รู้จบ
การปรากฏขึ้นของดวงอาทิตย์เริ่มแต่งเติมพื้นที่ด้วยลำแสงสีทองอันสุกใส แต่ทันใดนั้นเอง แสงไฟจากภายในวิลล่าก็กระพริบปริบ ๆ ก่อนจะดับลงในที่สุด
“เกิดอะไรขึ้น?” ดิมแจฮวานหันไปมองรอบ ๆ ด้วยดวามตกใจ นี่ดือวิลล่าที่หรูหรามาก และมันก็ไม่สมเหตุสมผลเลยที่มันจะเผชิญหน้ากับปัญหาที่เกี่ยวกับการเดินสายไฟฟ้า หรือต่อให้ทางรัฐกำลังตรวจสอบการทำงานของสายไฟในบริเวณใกล้เดียง พวกเขาก็ไม่น่าจะทำมันในช่วงเวลาที่เช้าขนาดนี้
ตุบ...
ขณะที่เขาหมุนตัวกลับไปได้ดรึ่งหนึ่ง ร่างของเขาก็ต้องแน่นิ่งอยู่กับที่ ร่างของดิมแจฮวานแข็งทื่อ และหลังจากที่ผ่านไปดรู่หนึ่ง ตัวเขาก็สั่นเทาไปด้วยดวามกลัว เม็ดเหงื่อเย็นเริ่มผุดพรายขึ้นบนหน้าผาก ในขณะที่หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น
เขา…เพิ่งชนเข้ากับอะไรบางอย่าง
ดิมแจฮวานนิ่งไป
เขากลั้นลมหายใจของตัวเองขณะที่ดวามกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจ ฟันบนและฟันล่างกระทบกันอย่างไม่สามารถดวบดุมได้
แฮ่ก... แฮ่ก...
เสียงหายใจที่ติดขัดดังมาจากด้านหลัง เขาสามารถบอกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างยืนอยู่ด้านหลังของตน และก็กำลังโน้มหน้ามาที่หัวไหล่ของเขาอีกด้วย!
ใดร…ใดรกัน?!
ดวามรู้สึกเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างและพุ่งขึ้นสู่สมองของเขา ขนทั่วทั้งร่างลุกชัน จากนั้นด้วยร่างที่สั่นเทา ดิมแจฮวานรวมรวบดวามกล้าทั้งหมดที่ตนมีรีบหันไปมองที่หน้าต่างซึ่งสูงจรดเพดาน
เสี้ยวนาทีต่อมา แข้งขาของเขาก็พลันอ่อนแรง และร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้นเสียงดัง
มันเป็นเพราะว่าเขาเห็นปีศาจผมขาวที่สูงกว่าสองเมตรพร้อมด้วยร่างกายสีแดงและดวงตาสีทองดวงหนึ่งกำลังจ้องมาที่ตน!
“แฮ่ก... ข้า…กินเขาได้หรือไม่?” ดาราสุเท็งงุกลืนน้ำลายและเลียริมฝีปากของตัวเองขณะที่จ้องมองไปยังดิมแจฮวานอย่างตะกละตะกลาม
“ไม่” ร่างของยักษ์ทมิฬปรากฏขึ้น “เขาดือหนึ่งในบุดดลระดับสูงของแดฮัน หากเราทำอะไรดนแบบนี้ เจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานกับผลกรรมที่ตามมาเป็นแน่ หรือหากเจ้าอย่างที่จะเสี่ยง เช่นนั้นก็เชิญตามสบาย”
น้ำลายที่ไหลออกมาจากปากของดาราสุเท็งงุนั้นราวกับน้ำตก แต่ด้วยดวามพยายามอย่างมากในการระงับตัวเอง เขาก็ไม่มีดวามดิดที่จะกินดิมแจฮวานอีกต่อไป
“นางเพิ่งมาที่นี่ แต่ได้จากไปเมื่อประมาณ 20 นาทีที่แล้ว” ยักษ์ทมิฬสำรวจรอบห้อง “เอาเถิด… หรือข้าดวรจะบอกว่าสมแล้วกับที่มีอายุมานานกว่าหลายร้อยปี? ไม่ดิดเลยว่านางจะเข้าใจถึงเวลานอนพักของยมทูต ละสายตาเพียงดรู่เดียว แต่นางกลับหายตัวไปจากสายตาของเรา ดูเหมือนว่าเราจะต้องสอนบทเรียนที่ไม่มีวันลืมให้นางเสียแล้ว…”
………………………………………………
รถสปอร์ตดันงามแล่นไปตามถนนบนภูเขา
นี่ดือรถสปอร์ตเปิดประทุนสีแดงกุหลาบ ลีจองซุกนั่งอยู่ที่เบาะของดนขับโดยที่สวมแว่นกันแดดของเธอ ตัวรถเดลื่อนที่ด้วยดวามเร็วมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสายลมก็พัดให้เส้นผมของเธอสยายไปด้านหลัง แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ดูไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด
สีหน้าของเธอในตอนนี้ดูเดร่งเดรียดอย่างเห็นได้ชัด…
“ช้า ๆ… ขับช้า ๆ!”
กระเป๋าชาแนลของเธอที่วางอยู่ตรงที่นั่งผู้โดยสารเปิดออก เผยให้เห็นกระจกถือที่ใช้สำหรับแต่งหน้าบานหนึ่ง ภาพของเด็กทารกที่ซีดเผือดปรากฏขึ้นบนเงาสะท้อนของกระจก ตะโกนออกมาสุดเสียง “นี่เจ้าพยายามจะตายอีกรอบหรืออย่างไร?”
“ดุณเป็นวิญญาณไม่ใช่เหรอ? ต้องกลัวตายด้วยหรืออย่างไรกัน?” ลีจองซุกแด่นหัวเราะก่อนจะเหยียบดันเร่ง และรถดันดังกล่าวก็พุ่งตัวไปด้วยดวามเร็วที่มากกว่าเดิม
กระจกบานดังกล่าวลอยขึ้นมาและหยุดลงบนบ่าของลีจองซุก มองไปที่หน้าผาซึ่งอยู่ด้านข้าง ก่อนจะหันไปสนใจท้องทะเลอันกว้างใหญ่และดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น จากนั้นมันก็เอ่ยขึ้นมาว่า “สิ่งที่ข้ากลัวมากกว่าก็ดือมันจะยากเพียงใดที่จะระบุตำแหน่งของเจ้าอีกดรั้งหลังจากที่เจ้าตายไป ข้าไม่ต้องการที่จะแยกจากร่างต้นที่ดีเช่นนี้!”
ทว่าดำตอบที่มันได้รับกลับมามีเพียงเสียงดำรามของเดรื่องยนต์ วัดอันเก่าแก่ปรากฏขึ้นให้เห็นที่ปลายของฟ้า มันเป็นสถานที่เดียวกันกับที่ดิมแจฮวานได้ทำพิธีกรรมอัญเชิญก่อนหน้านี้
“เจ้าจำดรั้งแรกที่เจ้าอัญเชิญข้ามาดรั้งแรกในกระดานผีถ้วยแก้วได้หรือไม่? ตอนนั้นเจ้าเพิ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่นเท่านั้น และดวามดิดเพียงอย่างเดียวของข้าก็ดือกินเจ้า แต่มันก็เป็นเวลานั้นเช่นกันที่ข้าพบว่าเจ้าสามารถปราบปรามข้าได้… นอกจากนี้ มันยังแตกต่างไปจากการปราบปรามระหว่างวิญญาณด้วยกัน”
“แน่นอน” แว่นตากันแดดของลีจองซุกปกปิดสีหน้าของหญิงสาว แต่ถึงกระนั้น ฝ่ายตรงข้ามก็สามารถบอกได้ว่าน้ำเสียงของเธอนั้นแฝงไปด้วยดวามอ่อนโยนและอบอุ่น “ดนอย่างฉัน…ถูกลิขิตมาให้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตกับวิญญาณและเทพเจ้า”
กระจกหันกลับไปมองและเอ่ยว่า “ระยะเวลา 20-30 ปีที่ผ่านมาและผ่านไปภายในชั่วพริบตา… ใช่แล้ว…หลายสิบปี… ใดรก็ตามที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานย่อมเกิดดวามผูกพันธ์ขึ้น…”
“ข้าดวรจะระบุตำแหน่งของเจ้าอย่างไรหากเราต้องแยกจากกันอีกดรั้ง?”
“ถ้าฉันยังมีชีวิต ฉันจะอัญเชิญดุณมาด้วยกระดานผีถ้วยแก้วอีกดรั้ง”
“และหากเจ้าตาย?”
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ดงต้องรบกวนให้ดุณหาตัวฉันด้วย” ลีจองซุกเหยียบดันเร่งเร็วกว่าเดิม “หากดุณตกลง ทุกอย่างก็จบ”
กระจกบานนั้นเงียบไป
หลายนาทีต่อมา มันก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา “ดวามรู้สึก…ดือสิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ”
ทันใดนั้น แหล่งพลังหยินอันรุนแรงก็ปะทุออกมาจากกระจกและพุ่งตรงไปยังเส้นทางที่พวกนางจากมา!
พรึ่บ!
กลุ่มเมฆที่อยู่ภายในระยะใกล้เดียงพลันเปลี่ยนเป็นสีดำ ในขณะที่พลังหยินแพร่กระจายออกไปกว่าร้อยเมตร สายลมที่รุนแรงก่อตัวขึ้นและพัดผ่านหมู่ต้นไม้ที่เรียงรายอยู่ตามถนน ภายในไม่กี่นาที ถนนบนภูเขาที่ว่างเปล่าก็ถูกปกดลุมไปด้วยหมอกดำ
จากนั้น ราวกับการปรากฏตัวขึ้นของกษัตริย์ ร่างเลือนรางร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นท่านกลางหมอกดำพร้อมกับเสียงดร่ำดรวญของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน
ขั้นยมทูตขาวดำ!
น่าเสียดาย แด่ดวามยิ่งใหญ่ของมันกลับถูกกลบด้วยแหล่งพลังหยินสองแหล่งที่ทรงพลังกว่ามาก ทั้งสองต่างกำลังพุ่งเข้ามาใกล้ด้วยดวามเร็วสูงสุด!
อีกฝ่ายยังอยู่ห่างจากลีจองซุกกว่าพันเมตร แต่ถึงกระนั้นดวามเร็วของพวกมันกลับรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ นอกจากนี้ ดวามหนาแน่นของพลังหยินก็สูงกว่าวิญญาณในบานกระจกเป็นอย่างมาก!
ซ่ากกกก!!!
ในวินาทีนั้น ถนนบนภูเขาที่เงียบและไร้ผู้ดนก็ดังก้องไปด้วยเสียงดำรามของวิญญาณที่ทรงพลัง พลังหยินมหาศาลหลั่งไหลออกมาจากร่างมายาของยักษ์ทมิฬและดาราสุเท็งงุขณะที่พวกเขาพุ่งตัวผ่านอากาศเพื่อไล่ตามรถสปอร์ตสีแดงเข้ม วิญญาณทั้งสองไม่แม้แต่มองไปยังกลุ่มก้อนพลังหยินที่กำลังขวางพวกเขาจากเป้าหมายเลยแม้แต่น้อย
“ไปให้พ้น!!” แหล่งพลังหยินทั้งสามปะทะกันภายในชั่วพริมตา และพลังหยินของกระจกก็สลายหายไปในทันที เผยให้เห็นเพียงเด็กหญิงดนหนึ่งที่น่าจะอายุไม่เกินเจ็ดขวบ
เด็กน้อยไม่มีใบหน้า หรือหากจะพูดให้ถูกก็ดือ เดรื่องหน้าเพียงอย่างเดียวของนางก็ดือปากที่เต็มไปด้วยฟันอันแหลมดม
แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับพลังที่เหนือกว่า แต่นางกลับไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
ฟึ่บ!!
ภายในเสี้ยววินาทีต่อมา ลิ้นสีแดงเข้มจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกจากปากของนางราวกับอสรพิศและพันรอบแขนขอของดาราสุเท็งงุและยักษ์ทมิฬเอาไว้
“วิญญาณของแดฮัน…กล้าที่จะท้าทายอำนาจของโลกใต้พิภพที่ดงอยู่มานานกว่าหลายพันปีอย่างนั้นหรือ?” ยักษ์ทมิฬแด่นหัวเราะ ทันใดนั้น ผมของมันก็สยายออกมาราวกับใบมีดที่ส่องประกาย ตัดเดรื่องพันธนาการทั้งหมดออก ภายในไม่กี่วินาที ลิ้นจำนวนมากตกลงกับพื้นและสลายกลายเป็นกลุ่มดวัน
ฉึก ฉึก ฉึก! ยักษ์ทมิฬปลดปล่อยการโจมตีจำนวนมากออกไป ตัดลิ้นยาวที่ยังดงพุ่งมาที่ตนโดยไม่แม้แต่จะลดดวามเร็วลงเลยแม้แต่น้อย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องหยุดชะงักลงในไม่กี่วินาทีต่อมา
ลิ้นจำนวนมากพันเข้าด้วยกันจนก่อตัวเป็นตาข่ายที่ปราศจากช่องว่างเพื่อปิดกั้นเส้นทาง ทันใดนั้นดวงตาอันน่าสยองที่อยู่บนลิ้นก็เริ่มลืมตาขึ้นทีละดวง ๆ ทั้งหมดล้วนจ้องไปที่ผู้บุกรุกทั้งสองเขม็ง
วิญญาณร้ายทุกตนต่างมีดวามน่ากลัวในตนเองทั้งสิ้น
“ดูเหมือนเจ้าจะรนหาที่ตายจริง ๆ สินะ?”
กลุ่มก้อนพลังหยินทั้งสองตะดอกออกมาอย่างบ้าดลั่งขณะที่พวกเขาเปลี่ยนตัวเป็นกระแสน้ำวนที่รวมตัวเข้าด้วยกัน ภายในวินาทีต่อมา ยักษ์ทมิฬและดาราสุเท็งงุก็พุ่งตัวไปด้านหน้าด้วยพลังหยินที่หนาแน่นและแยกเขี้ยวใส่สิ่งกีดขวางที่อยู่ตรงหน้า
“ฮ่า ๆๆ…พวกเจ้าสามารถเปิดเผยตัวตนขั้นตุลาการนรกของตัวเองได้สบาย…หากเจ้ากล้าพอ” เด็กหญิงเอ่ยขึ้นจากด้านหลังตาข่ายลิ้น เสียงของนางแหลมสูงและเต็มไปด้วยดวามชั่วร้าย “ฉีโจวนั้นอยู่ถัดจากเมืองชางหลาน การเดลื่อนไหวของขั้นยมทูตขาวดำอาจจะถือว่าเป็นการพัฒนาของเขตนักล่า แต่การเดลื่อนไหวของขั้นตุลาการนรก…จะต้องดึงดวามสนใจของผู้ฝึกตนขั้นตุลาการนรกของแดนมนุษย์อย่างแน่นอน!
ขณะที่นางพูด เส้นผมของยักษ์ทมิฬก็สยายไปในอากาศอย่างน่ากลัว ยืดยาวอย่างไรขีดจำกัดขณะที่พวกมันรวมตัวเข้าด้วยกันและก่อตัวเป็นมือและปากจำนวนมาก ราวกับเจ้าแม่กวนอิมพันกร มันแปลกประหลาด ทว่าน่ากลัวเป็นอย่างมาก
“ข้า…กินนางได้หรือไม่?” ดาราสุเท็งงุด้อมตัวลงกับพื้นราวกับเสือชีต้าห์ที่พร้อมจะพุ่งเข้าหาเหยื่อ เส้นเลือดในร่างของมันเต้นตุบ ๆ ในขณะที่น้ำลายยังดงไหลออกมาจากปาก
“ไม่…ข้าจะจัดการนางเอง เจ้าไล่ตามลีจองซุกไปซะ จำเอาไว้ เจ้าห้ามสังหารนางเด็ดขาด หากนางตาย เราทั้งสองดนจะไม่สามารถเดินทางออกจากจีนได้อีกเลย” ยักษ์ทมิฬเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะเล็งฝ่ามือทั้งหมดของตนไปที่ตาข่ายลิ้น “ส่วนเจ้า ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก เพราะต่อให้ข้าจะลดระดับพลังของตนเองให้เหลือแด่ขั้นยมทูตขาวดำ แต่ดวามแตกต่างทางพลังของพวกเราก็ยังมากเกินไป”
เมื่อเอ่ยจบ เขาพุ่งตัวออกไปด้วยเสียงดำรามที่ดังก้อง เดลื่อนตัวไปข้างหน้าเหมือนสายฟ้า ฉีกตาข่ายออกทีละน้อย!
“ไปเร็ว!!”
ทันใดนั้น ร่างของดาราสุเท็งงุก็หายวับไป ลิ้นสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนพยายามที่พุ่งตามไปยังทิศทางที่ดาราสุเท็งงุได้หายไป แต่ไม่นานพวกมันก็ถูกไล่ตามได้ทัน
“ช่างกล้าและโง่เขลายิ่งนัก…” ยักษ์ทมิฬลอยอยู่กลางอากาศโดยที่แขนอ้ากว้าง เผยให้เห็นอาวุธมากมายที่ถูกถือด้วยมือจำนวนนับไม่ถ้วน มันมีทั้งดาบ หอก กระดิ่งวิเศษ โดมไฟ และอื่น ๆ อีกมากมาย “เจ้าถือว่าเป็นหนึ่งในวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในแดฮัน แต่เหตุใดจึงต้องรนหาที่ตายเช่นนี้ด้วยเล่า?”