ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 494: 14 วัน (3)
บทที่ 494: 14 วัน (3)
ลีจองซุกประกบมือเข้าด้วยกันพร้อมด้วยสวดภาวนาอย่างแรงกล้าอยู่ภายในอุโบสถของวันโบราณ
“นายหญิง!” ทันใดนั้นเองบานประตูก็ถูกเปิดออก และบอดี้การ์ดคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาพร้อมก็เม็ดเหงื่อเย็นที่ผุดพรายอยู่บนหน้าผากของเขา “ได้โปรดเร่งมือ…”
“ออกไป” ลีจองซุกไม่แม้แต่จะกระพริบตา “ห้ามใครเข้ามาในนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ลืมไปแล้วเหรอ?”
บอดี้การ์ดคนดังกล่าวลังเลเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังตอบกลับไปพร้อมกับฟันที่กัดแนน “นายหญิง คุณจะต้องหนีไปเดี๋ยวนี้! บางสิ่งบางอย่างกำลังเกิดขึ้นด้านนอก! ภายในเวลากลางวันแส สก ๆ! มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!”
ฟิ้ว!!
ทันใดนั้น สายลมเย็นยะเยือกก็พัดเข้ามาภายในวัด ส่งผลให้ธงวิญญาณที่อยู่ด้านในทั้งหมดกระพืออย่างบ้าคลั่ง เส้นผมของลีจองซุกสยายไปมาราวกับปีกที่กางออก
เธอสามารถบอกได้ว่านี่ไม่ใช่สายลมธรรมดาทั่วไป
เพราะอย่างไรแล้ว แม้แต่สายลมในเดือนที่หนาวที่สุดของฤดูหนาวก็ไม่มีทางให้ความรู้สึก…ที่ไร้ชีวิตชีวาขนาดนี้ มันแทบจะเหมือนกับว่านี่คือสายลมที่พัดออกมาจากขุมนรกที่อยู่ ลึกที่สุดของโลกใต้พิภพ มันมาพร้อมกับกลิ่นเลือดและความรู้สึกเย็นยะเยือกที่ไล่ไปตามกระดูกสันหลัง
พวกเขามาแล้วเหรอ? เร็วจริงๆ…
แต่สีหน้าของลีจองซุกกลับนิ่งเรียบ เธอจ้องมองไปที่รูปปั้นของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อย่างไม่ละสายตา ไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
จากนั้นเธอก็เอ่ยขึ้นว่า “ในชีวิตนี้ฉันมีประสบการณ์มามากมายเกินไป”
ท่ามกลางเสียงของสายลมที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงโหยหวนของผู้คนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือแก่ ผู้ชายหรือผู้หญิง มันแทบจะเหมือนกับว่านรกกำลังพุ่งตรงมาจากทางภูเขา แต่ถึงกร ระนั้น ประโยคที่ดูเหมือนจะธรรมดาของเธอดูเหมือนจะทำให้บอดี้การ์ดคนดังกล่าวสามารถสงบสติลงได้
เพราะอย่างไรแล้ว ความนิ่งสงบของเธอในสถานการณ์เช่นนี้ก็หมายความว่าบอดี้การ์ดทั้งหมดมีเสาหลักให้พึ่งพิงแล้ว
จิตใจของหญิงสาวนั้นแข็งแกร่งดั่งหินผาหลังจากที่ผ่านการใช้ชีวิตมามากมาย
“ฉันเคยเห็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมามากมายในชีวิตนี้ และฉันก็รู้เกี่ยวกับอาณาจักรที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าซึ่งดำรงอยู่ควบคู่ไปกับโลกของเรามามากกว่าที่พวกคุณรู้จัก ก…และฉันก็รู้ดี…” เสียงของเธอเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “โชคชะตานั้นมักจะอยู่ในมือของเราเสมอ”
“เราจะต้องสู้ และอย่ายอมแพ้จนกว่าจะถึงที่สุด”
“คุ้มกันประตูให้ดี คุณได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธได้ทันทีที่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ… ถึงแม้ว่าฉันไม่แน่ใจว่ามันจะช่วยได้มากแค่ไหน แต่พวกคุณทุกคนที่สามารถเอาชีวิตรอดในเหตุกา ารณ์ครั้งนี้ไปได้จะได้รับรางวัล 10 ล้านวอน ไม่ต้องคิดถึงผลที่ตามมา ฉันจะจัดการกับรัฐบาลเอง และหากมีใครที่ต้องเสียชีวิตในหน้าที่ ฉันจะเป็นคนทำให้แน่ใจเองว่าครอบครัวของ งพวกคุณจะไม่มีอะไรให้ต้องกังวลไปอีกสามชั่วอายุคน”
บอดี้การ์ดคนนั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจเข้าช้าๆ “รับทราบครับ!”
ปัง…!
ประตูปิดลงอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงพระอุโบสถที่ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบที่แสนบีบคั้น ลีจองซุกหลับตาลงและเริ่มสวดอีกครั้ง จากนั้นภายในไม่ถึงนาที เธอก็ได้ยินเสียงปืนและเ เสียงกรีดร้องดังมาจากด้านนอก
พวกเขากรีดร้องออกมาด้วยความสยดสยองก่อนตาย รวมถึงความสิ้นหวังที่ได้เห็นนรกบนดินด้วยตาของตัวเอง และนี่ก็คือเสียงที่ลีจองซุกได้ยินจนชิน
โดยไม่สนใจเสียงดังกล่าว ลีจองซุกกำสายลูกประคำสีเหลืองเอาไว้และเริ่มสวดบทสวดให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ตู้ม!!!
สามวินาทีต่อมา ประตูทางเข้าของอุโบสถก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ มันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และกระจัดกระจายไปทั่ว
ฟิ้ว…
สายลมที่น่าสะพรึงกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นที่ทางเข้าของวัดด้านหลังของลีจองซุก ในขณะเดียวกัน ลีจองซุกก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนด้วยผมเผ้าที่ไม่เป็นทรง
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าแม้แต่วิญญาณที่อยู่กับฉันก็ไม่สามารถขัดขวางพวกคุณได้… พวกคุณควรค่าแก่การถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในวิญญาณที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่างแท้จริง” เธอสางผ ผมของตัวเองอย่างไม่รีบร้อนนัก ราวกับเพิ่งลุกขึ้นมาจากเตียงนอน “แต่น่าเสียดายที่ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับพวกคุณทั้งสองได้ถูกลบออกจากบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษรทั้งหมด และเหลื ออยู่เพียงชื่อลึกลับสองชื่อเท่านั้น…เกิดอะไรขึ้นกับบอดี้การ์ดของฉัน?”
“แฮ่ก... อร่อยมาก...” เสียงแหบพร่าตอบกลับมาจากด้านหลังของเธอ “เจ้า…กล้าดี…จริงๆ…”
“นี่คุณกำลังพยายามที่จะกระตุ้นให้เกิดความกลัวขึ้นภายในใจของผู้ที่ได้ตายมาแล้วถึงเจ็ดครั้งอย่างนั้นเหรอ?” ลีจองซุกถอนหายใจออกมาและจ้องไปยังรูปปั้นของพระกษิติครรภ์โพ พธิสัตว์ “ความกลัวสูงสุดของมนุษย์ก็คือความตาย”
“แฮ่ก... ใช่แล้ว…”
ตึ้ง! คาราสุเท็งงุก้าวเท้าไปข้างหน้า ทันใดนั้นเสียงกริ๊กเบา ๆ ก็ดังขึ้นให้ได้ยินจากภายในพระอุโบสถ
ประตูด้านหลังของลีจองซุกได้พังทลายลง และคาราสุเท็งงุก็ยืนอยู่ที่ประตู แต่ถึงกระนั้นดวงตาของมันก็หรี่ลง และทันใดนั้นมันก็อ้าปากกว้างด้วยความตกใจ “นั่นมันเสียงอะไร ร?”
เงียบ…
จากนั้น เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“แฮ่ก... ลีจองซุก… หันหน้ากลับมาเดี๋ยวนี้!!”
ตู้ม!!!
เสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวของขั้นตุลาการนรกพลันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างภายในพระอุโบสถให้กลายเป็นเพียงผุยผง เหลือไว้เพียงรูปปั้นของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เท่านั้นที่ยังคงไม่บุบส สลาย
ลีจองซุกลุกขึ้นยืนท่ามกลางพระอุโบสถที่กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง แต่งกายด้วยชุดขนาดพอดีตัว ก่อนจะค่อย ๆ กลับหลังหันด้วยท่วงท่าที่สง่างาม แทบจะเหมือนกับว่าเธอคือเทพธิดาภา ายในภาพยนตร์
และเทพธิดาองค์นี้ก็กำลังจ่อปืนไปที่อกของตัวเอง
“เจ้า…” คาราสุเท็งงุตัวสั่นเทาและเผลอก้าวถอยหลังออกมาหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว
“หากเลือกได้ฉันคงไม่คิดจะทำอะไรแบบนี้” ลีจองซุกเอ่ยเสียงเรียบ “มันเจ็บนะที่ต้องตาย และฉันก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นสิ่งที่ตัวเองจะสามารถคุ้นชินได้ แต่คุณจะกล้าเสี่ยงควา ามเร็วของตัวเองกับการลั่นไกของฉันอย่างนั้นเหรอ?”
คาราสุเท็งงุส่ายหน้าไปมาและก้าวถอยหลังอีกก้าวหนึ่ง
โหดเหี้ยมมาก! มันไม่คิดเลยว่ามนุษย์ผู้นี้จะกล้าทำสิ่งที่โหดร้ายเช่นนี้กับตัวเอง!
“ชีวิตนี้ของฉันดีมาก และฉันก็ไม่ได้อยากที่จะตายเช่นกัน แต่ถ้าคุณอยากจะลองก็เชิญ”
คาราสุเท็งงุก้าวถอยหลังเป็นครั้งที่สาม
จนถึงตอนนี้ มันได้ก้าวออกจากอาณาเขตวัดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้น เงาดำที่อยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของลีจองซุกก็สั่นไหว! ทันใดนั้น แทบจะเหมือนกับว่าพวกมันมีชีวิตเป็นของตัวเอง มือสีดำสนิทสองข้างเอื้อมออกมาจากด้านล่างและดันช่วงข้อ อพับเข่าของเธออย่างแรง!
หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่ถึงกระนั้นเข่าของเธอก็ไม่สามารถทรงตัวได้และทำให้เธอล้มลง
ให้ตายเถอะ ลีจองซุกหลับตาลง เธอรู้ดีว่าเธอมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในการฆ่าตัวตายต่อหน้าปีศาจตนนั้น โอกาสที่สองจะไม่มีอีกเพราะอีกฝ่ายคงไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น
“แฮ่ก.…” ดวงตาของคาราสุเท็งงุเป็นประกายขึ้นทันทีที่ลีจองซุกทรุดลง และในวินาทีนั้น มันก็หายตัวไปจากจุดที่มันยืนอยู่และเอื้อมมือไปหาลีจองซุกด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายบน ใบหน้า พร้อมที่จะคว้าร่างของอีกฝ่าย
แต่มันไม่สามารถสัมผัสอีกฝ่ายได้
เพราะในขณะที่มันกำลังจะทำเช่นนั้น ประกายแสงสีทองก็ปะทุออกมาจากจุดสัมผัส ทันใดนั้นลีของซุกก็ลืมตาขึ้นและมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
ภายในไม่กี่วินาที ประกายแสงสีทองที่ปะทุออกมาก็กลายเป็นดอกบัวสีทองขนาดใหญ่กว่าห้าเมตรและรองรับร่างของเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะล้มลง!
“นี่มัน…!” เธอนิ่งไป ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหลัง คาราสุเท็งงุเองก็มึนงงไม่แพ้กันขณะที่มันเหลือบไปมองที่ด้านหลังของหญิงสาว
ทั้งสองต่างจ้องไปที่รูปปั้นของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ รูปปั้นดังกล่าวได้ลืมตาขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และตอนนี้มันก็กำลังจ้องมาที่ลีจองซุกด้วยสายตาที่อ่อนโยนและ เมตตา
นี่เธอทำสำเร็จ?
เธอแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
นี่คำภาวนาของเธอ…ได้รับการตอบรับจริง ๆ หรือ?
ในขณะที่ลีจองซุกตกตะลึงเป็นอย่างมาก คาราสุเท็งงุก็ถอยหลังด้วยความกลัว ทันใดนั้นมันเตรียมที่จะเปลี่ยนร่างเป็นกระแสลมและหนีออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในขณะที่มั นจะทำเช่นนั้น ยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ก่อตัวขึ้นและลอยอยู่กลางอากาศ โดยยันต์ทั้งหมดล้วนถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาญี่ปุ่น
ภายในไม่กี่วินาทีต่อมา ยักษ์ทมิฬก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของคาราสุเท็งงุ ที่ซึ่งมันจ้องมองไปยังรูปปั้นของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เช่นกัน จากนั้นมันประกบมือเข้าด้วยกันและทำ ำให้แผ่นยันต์ทั้งหมดที่อยู่ในอากาศกลายเป็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจายไปรอบๆ
ลีจองซุกแน่นิ่งไป
จากนั้นลางสังหรณ์ที่น่าสะพรึงกลัวก็ผุดขึ้นภายในใจของเธอ และหญิงสาวก็รีบกระซิบด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ได้โปรดช่วยฉัน! วิญญาณที่หิว…”
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ ดอกปี่อั้นสีดำขนาดใหญ่ก็เบ่งบานขึ้นจากพื้น วิญญาณจำนวนมากร่ายรำอยู่ด้านใน ในขณะที่เปลวไฟนรกสีเขียวหยกลอยอยู่รอบ ๆ อย่างน่ากล ลัว อุ้งเท้าที่มีขนสีขาวยื่นออกมาจากใจกลางดอกปี่อั้นและจับร่างของลีจองซุกเอาไว้ก่อนที่จะหายตัวไปจากที่ที่พวกเธออยู่อย่างรวดเร็ว
พรึ่บ…หญิงสาวสัมผัสได้ว่าร่างของเธอถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังหยิน ในขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็ปรากฏตัวขึ้นภายในรถขอ องตัวเอง พร้อมกับเสียงตุบเบา ๆ เธอกลับไปนั่งอยู่ตรงเบาะคนขับ ที่ซึ่งเธอถูกเขารัดไว้แน่น
“ช่างกล้าเสียนี่กระไร…” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง “หากเป็นผู้อื่นที่ทำเช่นนี้…คงจะได้ตายไปแล้วหลายพันครั้ง… จงอย่าทดสอบขีดจำกัดของพวกข้า ไม่เช่นนั้น…ข้าจะทำ ำให้เจ้าได้รู้ซึ้งว่าแท้จริงแล้วความตายเป็นเพียงการบรรเทาทุกข์เท่านั้น”
ลีจองซุกที่นั่งอยู่ที่เบาคนขับไม่เอ่ยอะไรออกมา
เธอยังคงเงียบต่อไปแบบนั้นอยู่พักใหญ่ พยายามเรียงลำดับความคิดของตัวเอง จากนั้นเธอก็หยิบแว่นตาขึ้นมาสวมก่อนจะที่จะสตาร์ทรถ “ไม่ต้องห่วง ครั้งหน้าฉันจะระมัดระวังมากกว่านี้ ”
“แต่ฉันก็อยากรู้จริง ๆ ว่าคุณสามารถพาฉันออกมาจากตรงนั้นได้อย่างไร? นั่นคือพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เชียวนะ”
แต่คำถามของเธอกลับได้รับคำตอบที่เย็นชา “เจ้าคิดจริง ๆ น่ะหรือว่านั่นคือพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์?”
“อย่าหลอกตัวเอง นั่นเป็นเพียงแค่ขั้นตุลาการนรกของจีนเท่านั้นที่ตอบเจ้า เจ้าสามารถมองการสื่อสารกับสิ่งเหนือธรรมชาติได้เหมือนกับการติดต่อผ่านช่องทาง ๆ หนึ่ง เจ้าสามารถส่งคำร้ องได้โดยการเปิดช่องทางของเจ้ากับอีกฝ่าย เมื่ออีกฝ่ายตอบรับ เขาก็จะเปิดช่องทางของฝั่งตัวเอง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปิด ‘ช่องทาง’ สื่อสารนี้ ทั้งสองฝ่ายก็จะไม่สามารถสื่อสารกัน นได้”
“แต่มันก็ยังมีวิญญาณบางตนที่ทรงพลังมากจนสามารถป้องกันฝ่ายตรงข้ามจากการปิด ‘ช่องทาง’ สื่อสารได้ นี่คือการที่มนุษย์ที่โง่เขลาหลายคนมักถูกเข้าสิงโดยวิญญาณร้ายหลังจากท ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่น่าเสียดายสำหรับเจ้า ที่ข้าบังเอิญอยู่ใกล้ ๆ พอดีในตอนที่ช่องทางถูกเปิดออก”
“อย่างนี้นี่เอง” ลีจองซุกขยับแว่นกันแดดของตัวเอง “ดูเหมือนว่าฉันยังมีอะไรมากมายที่ให้ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้”
รถสปอร์ตของเธอเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ในขณะที่ยักษ์ทมิฬจ้องมองไปที่ลีจองซุกผ่านทางกระจกหลัง หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง มันก็สื่อสารกับคาราสุเท็งงุด้วยการส่งกระแสจิต “จับตาดูนา างให้ดี ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมตา อย่าประมาทหรือปฏิบัติกับเธอเหมือนว่าเป็นคนธรรมดาทั่วไป เมื่อใดก็ตามที่เราเปิดโอกาสให้นาง นางจะคว้ามันเอาไว้ทันที การหายตัวไปของนางจะทำ ให้การจับตัวยมทูตจีนของเราไร้ความหมาย เพราะเราไม่มีทางหลบหนีไปจากที่นี่ได้โดยปราศจากนาง!”
คาราสุเท็งงุอ้าปากออกเล็กน้อย “เทศกาลวันสารทจีน...ประตูนรกของโลกใต้พิภพจะถูกเปิดออก… แฮ่ก... เจ้าคิดจะลงมือจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? นี่เจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?”
ยักษ์ทมิฬพยักหน้าและถอนหายใจ “เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากกลับไปญี่ปุ่นโดยเร็วที่สุดหรืออย่างไร?”
“แต่น่าเสียดายที่ข้าได้ตัดสินใจแล้ว”
“ประการแรก ดวงวิญญาณของโอดะโนบุนากะได้ถูกช่วงชิงไปโดยวิญญาณจีน และมันก็มีความเป็นไปได้ที่สิ่งนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับสมุดแห่งความเป็นตาย หนึ่งในวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของ ยมโลกอย่างแน่นอน ที่สำคัญกว่านั้น มีผู้ใดบังคับให้ยมโลกช่วงชิงดวงวิญญาณของโนบุนากะไปหรือไม่? ตั้งแต่สมัยอดีต มันมักจะมีกฎที่ไม่ได้ถูกเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างโลก กใต้พิภพที่ว่าผู้ใดก็ตามที่พบว่าดวงวิญญาณที่โด่งดังของพวกเขาถูกแย่งไปโดยโลกใต้พิภพอื่นสามารถทำได้เพียงแต่โทษโชคของตัวเองเท่านั้น แม้แต่แผ่นดินจีนก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ย ยวกับการสูญเสียดวงวิญญาณของพวกเขาให้กับโลกใต้พิภพอื่น นับประสาอะไรกับญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้…เราจึงต้องทำมันอย่างลับๆ”
“ประการที่สอง มีเพียงยมทูตของยมโลกเท่านั้นที่รู้ว่าดวงวิญญาณของโอดะโนบุนากะอยู่ที่ใด และโอกาสเดียวในการจับตัวยมทูตพวกนั้นก็คือระหว่างเทศการวันสารทจีน ตอนที่วิญญา าณจำนวนนับไม่ถ้วนออกมายังแดนมนุษย์เท่านั้น และนั่นก็คือตอนที่พวกเราจะปลุกระดมการก่อจลาจลของวิญญาณเพื่อปกปิดร่องรอยของตัวเอง”
“ประการสุดท้าย ความจริงเกี่ยวกับการปิดยมโลกก็จะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์ ใครคือจ้าวนรกองค์ใหม่ของยมโลก? เขาเป็นพวกขี้ขลาดหรือแข็งแกร่ง? อีกไม่นานพวกเราจะได้ รู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงเหล่านี้ หากพูดกันตามตรง ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากข่าวพวกนี้นั้นมากกว่าการนำตระกูลโอดะกลับไปยังโลกใต้พิภพของญี่ปุ่นเสียอีก!”
มันสบตากับคาราสุเท็งงุเขม็ง “ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะต้องลงมือในช่วงเทศการวันสารทจีนในวันที่ 15 สิงหาคม และลีจองซุกก็คือกุญแจสำหรับการหลบหนีของเรา!”