ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 503: นับถอยหลัง
บทที่ 503: นับถอยหลัง
ท้องฟ้าด้านบนส่องสว่างด้วยสีสันมากมาย วิญญาณนับล้านมองขึ้นไปด้านบนซึ่งชวนให้นึกถึงการเฉลิมฉลองวันชาติที่รุ่งโรจน์ มันทำให้พวกเขานึกถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ในแดนมนุษย์ เมื่อพวกเขาใช้ชีวิตร่วมกันกับบุคคลอันเป็นที่รัก มันควรจะเป็นวินาทีแห่งความดีใจที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและพูดคุย แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น ทั่วทั้งนครพลันปกคลุมไปด้วยความเงียบ
มันแทบจะเหมือนกับว่าดอกไม้ไฟเมื่อครู่นี้คือการแสดงความเคารพครั้งสุดท้ายกับชีวิตที่พวกเขาเคยมี
ประชากรทั้งหมดจ้องมองไปยังท้องฟ้าด้วยความรู้สึกโหยหา ราวกับว่าม่านบาง ๆ บนท้องฟ้าเป็นเพียงสิ่งเดียวที่แยกพวกเขาออกจากแดนมนุษย์
ความคิดมากมายผุดขึ้นในหัว ความรู้สึกที่ซับซ้อนก่อตัวขึ้นภายในใจ
ความตื่นเต้นและความดีใจ ความเศร้าและความเสียดาย ความโหยหาพลันเอ่อล้นขึ้นมาจากภายในใจของวิญญาณแต่ละตน
“ข้ารู้สึก…นับถือเป็นอย่างมาก...” วิญญาณสูงวัยตนหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบพร่าขณะที่เขายังคงหลับตาอยู่ มันเป็นครั้งแรกที่วิญญาณชรารู้ถึงความอบอุ่นเช่นนี้ในใจ
“การปกครองของยมโลกไม่เหมือนกับขงโม่เลยแม้แต่น้อย…” ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งพึมพำออกมาขณะที่มองไปยังท้องฟ้า “บางที…นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่พวกเราทั้งหมดต้องการก็ได้…”
“ข้าหวังว่านี่จะเป็นสัญญาณสำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง…” วิญญาณหญิงสาวอีกตนหนึ่งแย้มยิ้มบาง นางเอ่ยภาวนาขณะที่ประกบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน “นี่จะต้องเป็นยมโลก…ยมโลกในตำนานที่รักษาศักดิ์ศรีของเหล่าผู้ตาย นี่คือสถานที่ที่เหล่าวิญญาณทุกคนควรจะไป”
“ขงโม่…ยังอยู่ห่างไกลจากจุดนี้มาก.….”
ดอกไม้ไฟยังคงระเบิดออกบนท้องฟ้า เติมเต็มบรรยากาศแห่งงานเฉลิมฉลองทั้งหมดไปทั่วทั้งบริเวณ และในขณะนั้นเอง ตัวเลขสี่ตัวก็ปรากฏขึ้นเหนือกำแพงเมืองที่อยู่โดยรอบนครเผิงชิว
7,200
เหลือเวลาอีก 7,200 วินาทีก่อนที่งานเทศกาลวันสารทจีนจะเริ่มขึ้น !
ขณะที่ตัวเลขเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ความกังวลและความคาดหวังภายในใจของเหล่าวิญญาณก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาจ้องมองไปยังตัวเลขดังกล่าว ขณะที่มันลดลงจาก 7,200 เป็น 4,000 และจากนั้นก็เหลือ 2,000, 1,000 และในที่สุด…100
ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็เอ่ยออกมาเสียง “99”
มันไม่ได้ดังมาก แต่เสียงของมันกลับดังก้องอยู่ภายในใจของวิญญาณทุกตน พร้อมกันนั้น วิญญาณจำนวนมากก็เริ่มนับถอยหลังพร้อมกัน “98 !”
“97 ! !”
“96 ! !”… “90 ! !” “89 ! !”
แต่ละตัวเลขที่ลดลงส่งผลกับจิตใจของพวกเขาอย่างมาก เสียงตะโกนแห่งจิตใจของวิญญาณกว่า 20 ล้านตนได้กลบเสียงของดอกไม้ไฟไปจนหมด แน่นอนว่าพวกมันอาจจะระเบิดออกมาเสียงดัง แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับเสียงตะโกนนับถอยหลังที่ดังขึ้นด้านล่างได้เลยแม้แต่น้อย
เป็นครั้งแรกในรอบร้อยปีที่เสียงตะโกนนับถอยหลังของเทศกาลวันสารทจีนได้ดังขึ้นอีกครั้ง
พวกเขาโหยหาความบันเทิง โหยหางานเทศกาล ที่สำคัญที่สุด พวกเขาปรารถนาที่จะได้ไปเห็นแดนมนุษย์ แม้เพียงครู่เดียวก็ตาม และตอนนี้ความปรารถนาทั้งหมดนั้นกำลังจะได้รับการเติมเต็มพร้อมกัน นี่คือค่ำคืนที่จะถูกบันทึกลงในพงศาวดารของยมโลก
ไม่นาน ตัวเลขด้านบนก็ลดลงจนเหลือ 20 วินาที 15 วินาทีและในที่สุด… 10 วินาที !
ด้วยการนับถอยหลังอย่างเต็มกำลัง แม้แต่วิญญาณที่สำรวมมากที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนไปพร้อมกับวิญญาณตนอื่น ๆ ความโศกเศร้าที่สั่งสมมายาวนานหลายสิบปีกำลังจะมาถึงจุดสิ้นสุดในอีกไม่กี่วินาทีนี้ !
“10 ! ! !”
ใบหน้าจำนวนมากเปล่งประกายภายใต้แสงดอกไม้ไฟขณะที่พวกเขาตะโกนออกมา
มันคือการนับถอยหลังช่วงสุดท้าย
ณ ลิมโบ ตี้ทิงลืมตาขึ้น โชคชะตาได้เปล่งแสงสีทองออกมาอีกครั้งขณะที่คลื่นเลือนรางเริ่มกระเพื่อมผ่านรายชื่อที่ได้ถูกเขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไม่กี่เสี้ยววินาทีต่อมา พวกมันก็เริ่มเคลื่อนตัวไปสู่ส่วนปลายของพู่กัน หมุนรอบมันช้า ๆ ขณะที่กลายเป็นหมึกสีดำสนิท
“มันเริ่มขึ้นแล้ว” น้ำเสียงที่สงบนิ่งดังขึ้นเหนือร่างของตี้ทิง มันแฝงไปด้วยอำนาจ ราวกับว่าผู้พูดสามารถมองทะลุมิติต่าง ๆ และมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกนำมาบรรจบกันภายใต้การควบคุมของโชคชะตา
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เขาก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “เขา…ทำได้ดีทีเดียว”
“เขาคือผู้นำที่ตามทันยุคสมัย” ตี้ทิงเอ่ย “หากพูดกันตามความจริง ข้าไม่แปลกใจเลยที่เขาจะสามารถทำมันได้สำเร็จ”
ชายคนนั้นหัวเราะ “และเจ้าก็พึงพอใจที่ตนเองเป็นเพียงแค่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าน่ะหรือ ?”
“มันเพียงแค่สองวันเท่านั้น” ตี้ทิงสะบัดหางไปมาอย่างเกียจคร้าน “นอกจากนี้ การเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะสามารถเทียบกับการแสดงครั้งใหญ่ที่พวกเรากำลังจะได้เห็นในคืนนี้ได้อย่างไร ? ข้าเพียงแค่ถือว่ามันเป็นการชดเชยให้เขาเท่านั้น นักแสดงพร้อม เวทีพร้อม ข้าล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าเรื่องราวจะเป็นไปอย่างไร…”
“9 ! !” ในขณะเดียวกัน เสียงตะโกนที่ดังก้องของเหล่าวิญญาณในยมโลกก็ดังไปทั่วนครเผิงชิว
ครืนนนน...
เกิดความวุ่นวายขึ้นที่กำแพงเมือง เหล่าทหารวิญญาณถูกสั่งให้ประจำการอยู่โดยรอบเพื่อรักษาความเป็นระเบียบ ขณะที่การรวมตัวที่วุ่นวายของเหล่าวิญญาณถูกแยกออกด้วยเสาหลายสิบต้น โดยแต่ละแถวถูกกั้นด้วยไม้กั้นแกะสลัก ซึ่งไม้กั้นดังกล่าวถูกสลักด้วยภาพความสำเร็จของพระยมแห่งพระตำหนักทั้งสิบ เสาแต่ละต้นจะเว้นระยะห่างกันประมาณสามเมตร และพื้นที่ระหว่างกันนั้นก็อัดแน่นไปด้วยวิญญาณจำนวนมาก
ในขณะเดียวกัน กลับมาที่เมืองชางหลานในแดนมนุษย์
พรึ่บ… !
ดวงตาสองคู่ลืมขึ้นในความมืด
ยักษ์ทมิฬหันไปมองลีจองซุก “ลีจองซุก เจ้าพร้อมหรือยัง ?”
“แน่นอน” ลีจองซุกตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล “9 วินาทีสุดท้ายก่อนที่วิญญาณนับพันจะออกมาเตร็ดเตร่บนแดนมนุษย์ ในเมื่อพวกคุณอยากรนหาที่ตายนัก ฉันก็จะเล่นด้วย เพราะอย่างไร ฉันก็ไม่ตายอยู่แล้ว”
ยักษ์ทมิฬหันไปหาคาราสุเท็งงุ เลียริมฝีปากของตัวเองและส่งเสียงร้องที่น่าขนลุกออกมา “วิญญาณทุกตนจะสัมผัสได้เมื่อประตูนรกถูกเปิดออก พวกเราจะสามารถระบุตำแหน่งของประตูนรกได้ตราบใดที่เราตามวิญญาณเหล่านั้นไป ประตูนรกจะต้องได้รับการป้องกันอยู่อย่างแน่นอน เราจะจับตัวยมทูต และออกไปจากที่นี่ทันที จงจำไว้ เราจะปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามความกระหายต่อสงครามและการทำลายล้างไม่ได้เด็ดขาด”
แม้แต่วิญญาณที่หิวกระหายอย่างคาราสุเท็งงุก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมกับความคิดในการเสี่ยงชีวิตครั้งนี้
การลงมือในวันแรกของงานเทศกาลวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ของจีนนั้นบ้าระห่ำจนเขารู้สึกขนลุกชันอย่างห้ามไม่ได้ !
น่าเสียดาย…เวลาไม่ได้อยู่ข้างพวกเขา !
“8 ! ! !” ในยมโลก ประตูเมืองขนาดใหญ่เริ่มเปิดออก เช่นเดียวกับประตูระบายน้ำของเขื่อน !
ฟึ่บ ! ! ! ! สายลมพัดเข้ามาจากรอยแยก ส่งผลให้ธงวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ พริ้วไหวอย่างรุนแรง
ฉินเย่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของอาคารที่เป็นแกนกลางของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา เขาเท้ามือไว้กับราวระเบียง จับตาดูภาพที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด
ดอกไม้ไฟยังคงส่องแสงสว่างอยู่บนท้องฟ้า ส่งผลให้นครเผิงชิวถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีมากมายที่ขาดหายไปสำหรับโลกใต้พิภพที่น่าสยดสยอง
ภาพของนครเผิงชิวในเวลานี้นั้นช่างงดงาม คลื่นความตื่นเต้นของวิญญาณที่อยู่ด้านล่างสาดซัดเข้ามาสู่จิตใจของฉินเย่
นี่แหละ…นี่คือจุดเริ่มต้นที่รุ่งโรจน์ของยมโลก !
วินาทีนั้น ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเขา
เด็กหนุ่มไม่ได้เปิดโทรศัพท์
เขารู้ดีว่าแดนมนุษย์คงพยายามโทรศัพท์หาตนอยู่เป็นแน่ อย่างไรก็ตาม…แม้จะรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็พบว่าตัวเองไม่สามารถเดินทางไปยังแดนมนุษย์ในตอนนี้ได้จริง ๆ
เขาต้องการจะได้เห็นตอนจบที่ยิ่งใหญ่ของสิ่งที่เขาได้พยายามอย่างหนัก
เขาอยากจะเห็นนครเผิงชิวก้าวเข้าสู่ความเจริญรุ่งเรืองด้วยตาของตนเอง
นอกจากนี้…ราชาผีแห่งพิภพอสูรก็กำลังเดินทางมา และเขาก็จะต้องอยู่ในยมโลกเพื่อรอต้อนรับอีกฝ่าย !
มันคือหน้าที่ของเขาในฐานะจ้าวนรก และผู้ปกครองของนครเผิงชิว
เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว เขาจะสามารถปล่อยให้ขั้นฝู่จวินเตร็ดเตร่ไปมาอย่างอิสระภายในนครได้อย่างไร ?
“7 ! !” เสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปพันเมตร ขบวนคนกระดาษที่กำลังแบกที่พำนักเคลื่อนที่ก็กำลังมุ่งหน้ายังยมโลก
ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ภายในที่พำนักดังกล่าว แผ่รัศมีของขั้นฝู่จวินออกมาอย่างเงียบ ๆ
เขาได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากไกล ๆ และก็อดไม่ได้ที่จะยกม่านขึ้น ก่อนที่จะพบเข้ากับนครแห่งแสงสีอันงดงามที่อยู่ห่างออกไป
ดอกไม้ไฟจำนวนนับไม่ถ้วนส่องให้เห็นดินแดนเบื้องล่างที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างและอาคารรูปร่างแปลกประหลาด เห็นได้ชัดเลยว่านั่นคือจุดหมายปลายทางของเขา…นครเผิงชิว
นครเผิงชิวนั้นงดงามจนมันแทบจะกลายเป็นนครที่แท้จริงเพียงแห่งเดียวของโลกใต้พิภพของจีนเลยด้วยซ้ำ
“นี่มัน…” เขาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากขณะที่มองไปยังภาพตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แปรปรวนของเหล่าวิญญาณ แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่ใช่ความรู้สึกที่อาจนำไปสู่การก่อกบฏหรือก่อจลาจล ทว่ามันกลับเป็นการระเบิดของความตื่นเต้นที่ไม่สามารถปกปิดได้
เป็นไปได้อย่างไร ?
จากการคาดคะเนของเขา ยมโลกแห่งใหม่ไม่มีทางที่จะเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาเช่นนี้ แต่ภาพแรกที่เขาเห็นกลับเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งและรุ่งโรจน์ อย่างน้อยที่สุดมันก็อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้เห็นมาในมณฑลทางตะวันออกทั้งสามที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา หากพูดกันตามความจริง มันดูรุ่งโรจน์ยิ่งกว่างานเฉลิมฉลองในสมัยโบราณเสียอีก !
หัวใจของเขาพลันสั่นไหวกับภาพที่เห็น และมันก็ใช้เวลากว่าสิบวินาทีก่อนที่จะละสายตาและปิดม่านลงตามเดิม
จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมา ที่พำนักเคลื่อนที่ก็พลันระเบิดออก ชายที่นั่งอยู่ด้านในไม่สามารถอดทนรอได้อีกแล้ว เขาเปลี่ยนร่างเป็นกระแสลมรุนแรงที่พุ่งตรงไปยังนครเผิงชิวด้วยความเร็วสูงสุด
เขาต้องการจะเห็นว่ายมโลกแห่งใหม่เป็นโลกใต้พิภพแบบใด !
เขาอยากจะรู้ว่ายมโลกมีอำนาจเพียงพอที่จะสามารถปราบปรามตนได้หรือไม่ !
“3 ! ! !” จนถึงตอนนี้ วิญญาณทั้งหมดต่างตะโกนด้วยเสียงที่แหบพร่า มันมีประตูอยู่ทั้งสิ้นเก้าบาน หนึ่งบานใหญ่และแปดบานเล็ก และพวกมันทั้งหมดก็กำลังเปิดออกต่อหน้าต่อตาของพวกเขา
ประตูทั้งหมดนำพวกเขาไปสู่สะพานทั้งเก้าแห่งที่เลยห่างออกไป มันเป็นที่ซึ่งมีดินแดนแห่งความบันเทิงที่ไม่มีอะไรสิ้นสุดตั้งอยู่ !
ในขณะเดียวกัน กลับมาที่แดนมนุษย์ อู๋เหวินชิ่งมองโทรศัพท์ของตนเองด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมากขณะที่เอ่ยรายงานกับโจวเซียนหลง “ท่านครับ ! เราไม่สามารถติดต่อคุณฉินได้เลยครับ ! ดูเหมือนว่าพื้นที่ที่เขาอยู่จะไม่มีสัญญาณ !”
โจวเซียนหลงเหลือบมองโม่ฉางห่าวอย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน
ในที่สุด…วันนี้ก็มาถึงอย่างนั้นเหรอ ?
การหายตัวไปของคุณในวันนี้หมายความว่าคุณพร้อมที่จะฉีกกระชากหน้ากากของคุณแล้วอย่างนั้นเหรอ ?
พวกเขาทั้งหมดอยู่ภายในห้องประชุม ที่ซึ่งเหล่าระดับสูงของหน่วยสอบสวนพิเศษสาขาเมืองหวู่หยางมารวมตัวกัน “เริ่มกันเลย” เขาหลับตาลงและพึมพำออกมาเบา ๆ ทันใดนั้นคนทั้งหมดก็ลุกขึ้นยืนและตอบกลับเสียงดัง “รับทราบ !”
เทศกาลวันสารทจีน การเดินทางของวิญญาณนับพัน อีกสามวินาที แผ่นดินจีนจะกลายเป็นสนามเด็กเล่นของเหล่าวิญญาณ
นี่คือเทศกาลของคนตาย และงานเฉลิมฉลองของคนเป็น…หากพวกเขาสามารถรักษาความสงบเอาไว้ได้
ด้วยท้องถนนที่เต็มไปด้วยวิญญาณเร่ร่อนและแม้แต่วิญญาณร้าย ใครจะรู้กันว่าจะมีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติขึ้นมากแค่ไหนภายในคืนนี้ ?
ทุกอย่างดำเนินแบบนี้มานานกว่าสิบปีแล้ว และมันก็ไม่มีผู้ใดในแดนมนุษย์ที่ได้เห็นประตูนรกมาเป็นเวลานานมากแล้วเช่นกัน จากประสบการณ์ในอดีต มันชัดเจนว่าเหล่าวิญญาณเร่ร่อนจะเตร็ดเตร่ไปตามท้องถนนตั้งแต่พลบค่ำไปจนถึงรุ่งสาง เป็นเช่นนี้ไปอีกสองวันติด
“ผู้สืบสวนขั้นนักล่าวิญญาณและขั้นยมเทพทั้งหมดให้ไปลาดตระเวนที่ถนนสายหลักของเมือง เส้นตรวจจับตัวตนเหนือธรรมชาติจะเปิดทำงานอย่างเต็มรูปแบบในเวลาเที่ยงคืนตรง คุณโม่และผมจะเป็นคนรับผิดชอบพื้นที่โครงการพัฒนาเหมาหยวนด้วยตัวเอง ส่วนคุณอู๋ พยายามติดต่อฉินเย่ให้ได้ !”
โจวเซียนหลงลุกขึ้นยืน สูดหายใจเข้าช้า ๆ และประสานมือทำความเคารพทุกคนที่อยู่โดยรอบ “ทุกคน กรุณาดูแลตัวเอง”
“และโปรดกลับมาโดยปลอดภัย”
“ผมไม่อยากเห็นวิญญาณของพวกคุณเร่ร่อนไปตามถนนในเทศกาลวันสารทจีนครั้งต่อไป”
“รับทราบ ! !”
“1 ! ! !” ในขณะเดียวกัน ระฆังที่อยู่ด้านบนสุดของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงาก็ดังขึ้น ส่งผลให้เสียงโห่ร้องดีใจดังก้องไปทั่วทุกมุมเมือง
หลังจากนั้น ประตูเมืองของนครเผิงชิวก็เปิดออกกว้าง วิญญาณที่อยู่ด้านหน้าสุดของแถวก็รีบพุ่งตรงไปข้างหน้า ก่อนจะต้องตกตะลึง
เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาคือโลกที่พวกเขาไม่เคยจินตนาการมาก่อน !
ตู้ม ! ! !
และมันก็เป็นวินาทีนั้นเองที่ยมโลกดังสนั่นไปด้วยเสียงคำราม ไม่ว่าจะเป็นในเมืองเป่าอันหรือนครเผิงชิว
แต่วิญญาณธรรมดา ๆ กลับไม่ได้ยินเสียงดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย
มันคือเสียงที่มีเพียงวิญญาณที่อยู่ขั้นยมทูตขาวดำหรือสูงกว่านั้นเท่านั้นที่ได้ยิน
ฉินเย่ อาร์ทิส และโนบูนางะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมกัน
รอยแยกสีแดงเลือดเกิดขึ้นบนท้องฟ้าของสถานที่ทั้งสอง พร้อมกันนั้น กระแสน้ำสีดำก็ได้ปะทุขึ้นจากพื้นที่ทั้งสองและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า !
“ในที่สุด… มันก็เริ่มขึ้น…” กลับมาภายในลิมโบ ตี้ทิงค่อย ๆ ลุกยืนขึ้น “กฎการทำงานร่วมกันของหยินและหยางของชุยเจวี๋ยกล่าวเอาไว้ว่าสิ่งที่ปรากฏในโลกใต้พิภพจะปรากฏในแดนมนุษย์เช่นกัน เช่นเดียวกับในอดีตที่นครเฟิงตูเองก็ปรากฏให้เห็นในแดนมนุษย์…”
“และตอนนี้ที่มีนครเผิงชิว และเมืองในเป่าอันปรากฏขึ้น… ท่านจ้าวฉิน นี่ท่านไม่ได้พิจารณาถึงสิ่งที่อาจปรากฏขึ้นในแดนมนุษย์ระหว่างเทศกาลวันสารทจีนเลยอย่างนั้นหรือ ?”
“นี่จะเป็นครั้งแรกในรอบร้อยปีที่ประตูนนรกจะเปิดออกอีกครั้ง นี่…จะเป็นค่ำคืนที่ถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์ แต่ท่าน...กลับลืมที่จะพิจารณาถึงความหมายแฝงของสิ่งที่สำคัญอย่างกฎการทำงานร่วมกันของหยินและหยางของชุยเจวี๋ยไปเสียสนิท…”