ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 507: เทศกาลวันสารทจีน (4)
บทที่ 507: เทศกาลวันสารทจีน (4)
ภายในเมืองหวู่หยาง เวลาเที่ยงคืนตรง
ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด!!!
เสียงแจ้งเตือนของหน่วยสอบสวนพิเศษดังขึ้น
“โปรดทราบ! โปรดทราบ! ตรวจพบคลื่นพลังหยินที่สูงผิดปกติภายในเมือง 10 ล้าน…11 ล้าน…13 ล้าน…แจ้งเตือน…ค่าพลังหยินที่ตรวจจับได้เกิน 15 ล้านหยิน! เสนอให้ทำการอพยพประชาช ชนหากสถานการณ์ยังคงรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง…!”
ฟึ่บ!
อู๋เหวินชิ่งที่กำลังซ่อมแซมอุปกรณ์ภายในห้องอยู่หันไปมองรอบ ๆ ด้วยความตกใจ แสงแจ้งเตือนสีแดงกระพริบไม่หยุด และเขาก็ต้องนิ่งไปเมื่อได้ยินคำแจ้งเตือนที่ถูกประกาศผ่านระบบ บ
15 ล้าน…
ดัชนีค่าพลังหยินที่ตรวจจับได้พุ่งเกิน 15 ล้านภายในเวลาเพียงสิบวินาที?!
และมันก็ไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่สอบสวนทุกคนที่อยู่ภายในสำนักงานต่างก็หยุดสิ่งที่ตนทำอยู่ราวกับต้องการจะประมวลผลเกี่ยวกับข่าวที่พวกตนเพิ่งได้ยิน เช่นกัน
“โปรดทราบ! โปรดทราบ…!” เมื่อเสียงเตือนเริ่มถูกประกาศซ้ำอีกครั้ง อู๋เหวินชิ่งก็หลุดออกจากภวังค์และรีบวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง ตั้งใจที่จะไปแจ้งโจวเซียนหลงและโม่ฉางห่าวโดย ยเร็วที่สุด
แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าโจวเซียนหลงและโม่ฉางห่าวได้ยืนอยู่ที่หน้าประตูอยู่ก่อนแล้ว
“ท่านครับ…” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปของเขาสั่นเทาพอ ๆ กับริมฝีปากของตัวเอง “กะ…เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ…”
“อย่าตื่นตระหนก!” โจวเซียนหลงเอ่ยเสียงขรึม ไม่มีใครคิดว่าค่ำคืนที่ดูปกติจะไม่ต่างอะไรกับความตายที่เข้ามาปกคลุมเมืองหวู่หยาง รอยแยกสู่ยมโลกเปิดกว้าง พลังหยินที่หนาแน่น หลั่งไหลออกมาจากใต้ผืนดิน และความหนาแน่นของมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยปราศจากสัญญาณเตือนใดๆ
“ระบุตำแหน่งที่แน่ชัดได้หรือยัง?” เห็นได้ชัดเลยว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวสนใจเรื่องของฉินเย่ ในฐานะของรองผู้อำนวยการของหน่วยสอบสวนพิเศษ หน้าที่หลักของโจวเซียนหลงที่ม มีต่อประเทศชาติย่อมมาก่อนความรับผิดชอบส่วนบุคคล
“ไม่ได้ครับ!” หนึ่งในเจ้าหน้าที่สอบสวนที่นั่งอยู่ตรงหน้าหน้าจอรีบหันกลับมารายงานด้วยความกังวล “เมืองทั้งเมือง…กำลังตกอยู่ท่ามกลางการแพร่ระบาด! ดูนี่สิครับ…”
ด้วยการกดปุ่ม ๆ หนึ่ง หน้าจอของเขาก็ถูกฉายไปยังหน้าจอหลักที่อยู่กลางห้องทันที และวินาทีนั้นมันก็แสดงแผนที่ทั้งหมดของเมืองหวู่หยาง ซึ่งในเวลานี้จะพบว่าเมืองทั้งเมือง …ถูกย้อมด้วยสีแดงเข้ม!
มันไม่ได้เกิดขึ้นจากการทาจุดสีแดงขนาดใหญ่ลงไปบนแผนที่ กลับกัน มันคือจุดสีแดงเข้มที่เกิดจากการรวมกันของจุดสีแดงขนาดเล็กจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นทั่วทุกมุมของเมืองหวู่หยาง ง!
พรึ่บ…
ทันใดนั้น เสียงไฟที่อยู่เหนือศีรษะของพวกเขาก็กะพริบปริบ ๆ และภายในไม่กี่วินาทีต่อมา ทั้งสำนักงานก็ตกอยู่ในความมืด…
“เครื่องจ่ายไฟสำรองล่ะ?!!” อู๋เหวินชิ่งตะโกนเสียงดัง
“ไม่ตอบสนองเลยครับ” เจ้าหน้าที่สอบสวนอีกคนหนึ่งพยายามรัวนิ้วของเขาลงบนแป้นพิมพ์อย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่บนหน้าจอจะฉายให้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดของสถานที่สำคัญต่าง ๆ ภายในเมื องหวู่หยาง และมันก็เป็นเวลาเดียวกันที่หน้าจอซึ่งแสดงภาพพื้นที่เหล่านั้นเริ่มดับไป
ถนนเฮ่ยจู…ถนนชิ่งหลานตอนเหนือ…ถนนชิ่งหลานตอนใต้…ทางหลวงหมายเลข 27…ศาลากลาง โพลี่เซนเตอร์…
ไม่มีสถานที่ใดรอดพ้นเลยแม้แต่น้อย! อู๋เหวินชิ่งได้แต่หลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
ทั่วทั้งเมืองล้วนเกิดเหตุไฟดับ!
และสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นในตอนเที่ยงคืนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาลวันสารทจีน
แม้แต่คนโง่ก็สามารถคาดเดาได้ว่านี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่ากำลังจะมีสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าเกิดขึ้น บางสิ่งบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะของพวกเขา!
ทั่วทั้งห้องมีแต่ความเงียบ เสียงเดียวที่ได้ยินมีเพียงเสียงลมหายใจที่ติดขัดของเหล่าเจ้าหน้าที่สอบสวน ความรู้สึกหวาดกลัวที่ไม่สามารถอธิบายได้กำลังเข้าเกาะกุมหัวใจของพวกเข ขา ทำให้ภายในหัวของแต่ละคนส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง…
นี่มันไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของการเดินไปตามท้องถนนเพียงลำพังในยามราตรี ก่อนที่จะรู้สึกว่ามีมือ ๆ หนึ่งกำลังลูบไล้ใบหน้าของตนอยู่
ความมืดที่ปกคลุมทั่วทั้งเมืองอย่างกระทันหันทำให้ภายในหัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความคิดที่น่าสะพรึงกลัวมากมาย ทุกคนรู้สึกอึดอัดและบีบคั้นเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นเอง หนึ่งในเจ้าหน น้าที่สอบสวนก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “ผะ…ผมเคยอ่านมาว่า…หะ…หากพลังหยินพุ่งสูงขึ้นถึงจุดหนึ่ง มันก็จะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น… และจุดดังกล่าวกะ… ก็…คือครึ่งหนึ่งของสิ่งมีชีวิตภายในเมือง…”
ทันใดนั้นเสียงเตือนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เครื่องจ่ายไฟสำรองประสบปัญหาอย่างไม่รู้สาเหตุ เปิดใช้การบังคับเปิดใช้งาน เหลือเวลา 1 นาที แผนที่ของเครือข่ายภายในเมืองจะถูกฉายขึ้นบน นหน้าจอ โปรดปฏิบัติตามคำสั่งทางราชการและเตรียมอพยพ…”
พรึ่บ!
หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ดับไปทั้งหมดสว่างขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเผยให้เห็นแผนที่ของเมืองทั้งเมือง
ครั้งนี้มันคือแผนที่ของเครือข่ายไฟฟ้าในเมืองหวู่หยาง…
พื้นที่สีทองบนแผนที่แสดงถึงพื้นที่ซึ่งเข้าถึงแสงสว่าง ทีละชั้น ๆ พื้นที่สีทองค่อย ๆ แพร่กระจายออกจากใจกลางเมืองไปยังส่วนอื่น ๆ ตามลำดับ แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที ทั่วทั้งเม มืองก็ตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง
พรึ่บ…
หน้าจอคอมพิวเตอร์ดับลงทันที ในขณะเดียวกันเสียงรายงานผ่านระบบประกาศก็ดังขึ้นว่า… ‘ค่าพลังหยินที่อ่านได้เกิน 20 ล้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่คือการปะทุพลังหยินที่รุนแรง งเป็นอันดับที่ 4 ในประวัติศาสตร์จีน แนะนำให้ทำการอพยพโดยด่วน ระบบดวงตาสวรรค์ไม่สามารถใช้การได้ในขณะนี้…’
“บัดซบ…!” โม่ฉางห่าวกัดฟันแน่น
20 ล้าน…ดัชนีค่าพลังหยิน 20 ล้าน! นั่นมันเกินกว่าความแข็งแกร่งของขั้นฝู่จวินเสียอีก! นี่ไม่ใช่การแพร่ระบาดที่ขั้นตุลาการนรกอย่างพวกเขาจะสามารถรับมือได้!
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นในเมืองหวู่หยาง? แล้วมันเกิดขึ้นในเมืองอื่น ๆ บ้างหรือไม่? ประชาชนในเมืองอื่น ๆ กำลังประสบปัญหาเดียวกันหรือเปล่า?
“รีบเปิดใช้เส้นตรวจจับตัวตนเหนือธรรมชาติเดี๋ยวนี้!” เขากัดฟันและเอ่ยออกมา “ระบุตำแหน่งของศูนย์กลางการแพร่ระบาดให้ได้! ไม่ว่าอย่างไร…เราจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้! นี่ค คือหน้าที่ของเรา!”
“ท่านครับ…เราไม่สามารถระบุตำแหน่งของศูนย์กลางการแพร่ระบาดได้ครับ!” หนึ่งในเจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังรัวนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์แล็ปท็อปของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเผยสีหน้าที่ ขมขื่นออกมา “เมืองหวู่หยางได้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการผสมผสานกับระหว่างหยินหยางแล้วครับ หากปราศจากระบบดวงตาสวรรค์ มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุแหล่งกำเนิดของการแพร่ระบาด นี้! แม้แต่หน้าจอหลักเองก็ดับไปเนื่องจากเหตุการณ์ไฟดับที่เกิดขึ้นทั่วทั้งเมือง!”
“เวรเอ้ย!!” โม่ฉางห่าวทุบกำปั้นเข้ากับกำแพงที่อยู่ข้างตน ทันใดนั้น ลำแสงสีทองก็ส่องผ่านความมืดและปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา
มันคือดาบ…แต่เป็นดาบที่หักแล้ว!
มันเก่าอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยตราผนึกและสัญลักษณ์มากมายแปะอยู่ ตอนนี้มีเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ของใบมีดเท่านั้นที่ปรากฏเห็นพวกเขาเห็น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เผยให้เห็นภาพจำนวนมา ากที่กะพริบไปมา ก่อนจะหยุดลงที่ภาพ ๆ หนึ่ง
มันคือภาพของโครงการพัฒนาเหมาหยวน
โจวเซียนหลงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกขณะที่เขาประสานมือทำความเคารพผู้ที่ถือดาบอยู่ในความมืด จากนั้นเขาก็หันไปสั่งการเจ้าหน้าที่สอบสวนทั้งหมดที่กำลังยืนรอรับคำสั่งอยู่ “ผู้สอบสวนขั้นนักล่าวิญญาณและสูงกว่าทั้งหมดตามผมไปที่โครงการพัฒนาเหมาหยวน ส่วนผู้ที่อยู่ระดับต่ำกว่านั้นให้ไปประจำการทั่วทั้งเมืองเพื่อปกป้องประชาชนให้ได้มากที่สุด! ร ระวังตัวไว้! ผู้ใดก็ตามที่ล่าถอยโดยไม่มีสาเหตุจะถูกจับขึ้นศาลทหารในฐานะของทหารหนีทัพทันที!”
“รับทราบ!”
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าจำนวนมากก็ดังขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่สอบสวนทั้งหมดแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน โจวเซียนหลงก้าวไปข้างหน้าและวางมือลงบนที่จับของประตูบานหลักของศาลากลาง เขาดันมันออกไป…ก่อนจะพบว่ามันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย!
“หืม?” เขาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยายามดันออกไปอีกครั้ง แต่มันก็ยังไม่ขยับ!
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” โม่ฉางห่าวเดินเข้าไปใกล้ เขากำลังจะเอื้อมมือออกไปจับที่จับดังกล่าวขณะที่คนทั้งหมดพากันก้าวถอยหลังพร้อมกัน แทบจะเหมือนกับว่าพวกเขาถูกควบคุมโดยนักเช ชิดหุ่น
“นี่มันอะไรกัน…” โม่ฉางห่าวและโจวเซียนหลงแน่นิ่งไปขณะที่พวกเขามองไปยังร่างที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นที่ทางเดิน มันคือชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมยาวสีดำที่ปกปิดร่างกายแท ทบทุกส่วน ทั้งหมดที่พวกเขาสามารถมองเห็นได้มีเพียงสันกรามที่คมชัดและหนวดเคราที่หยาบกร้านของอีกฝ่ายเท่าน้ัน
“คุณคือ…”
“ชู่ว…”
ทันใดนั้น ชายในชุดคลุมดำก็ยกนิ้วขึ้นจรดปากเพื่อบอกให้พวกเขาเงียบเสียงขณะที่ชี้ไปด้านนอก
ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ และเจ้าหน้าที่สอบสวนทุกคนก็พยายามตั้งใจฟังเสียงของบางอย่าง และตอนนั้นพวกเขาก็ได้ยิน…ครืด…ครืด… มันเป็นเสียงเหมือนมีใครบางคนกำลังกว วาดพื้นอยู่
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน แต่มันกลับมีใครบางคนมายืนกวาดพื้นอยู่ที่ด้านนอกของศาลากลาง
หากเป็นเวลาอื่นมันคงจะฟังดูปกติเป็นอย่างมาก
ทว่าสิ่งที่ได้ยินในเวลานี้กลับทำให้หัวใจของเหล่าเจ้าหน้าที่สอบสวนถูกเกาะกุมไปด้วยความหวาดกลัว
ใครกัน? ใครกันที่กำลังกวาดพื้นอยู่ในตอนเที่ยงคืนของเทศกาลวันสารทจีน ตรงหน้าของผนังกระจกที่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน?
เสียงดังกล่าวดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ สามวินาทีต่อมา หญิงสูงวัยที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสะท้อนแสงก็เดินผ่านประตูไปโดยไม่แม้แต่จะมองเข้ามาด้านในเลยแม้แต่น้อย
อึก…!
เหล่าเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่ด้านในต่างลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดกลัว
“ป้าหลี่?” หนึ่งในเจ้าหน้าที่สอบสวนเอ่ยเสียงเบา “ไม่ใช่ว่าเธอ…เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้วในโรงพยาบาลประจำเมืองหรอกเหรอ?”
“เงียบ” ชายที่ยืนอยู่หน้าประตูเอื้อมมือออกไปและทาบมันลงบนบานกระจก
กลุ่มเมฆพลังปราณสีขาวที่หนาแน่นแผ่ออกไปด้านนอก ก่อนจะเผยให้เห็นว่า…มันมีร่างจำนวนมากกำลังยืนอยู่!!
พวกเขาแต่งกายด้วยชุดหลายแบบและกำลังยืนอยู่ที่ทางเข้า…หรือมันอาจจะถูกต้องกว่าหากจะบอกว่าพวกเขากำลังลอยตัวอยู่บริเวณทางเข้า เพราะไม่มีใครเลยที่เท้าสัมผัสอยู่กับพื้น น!
ทุก ๆ ‘คน’ ล้วนยืนหันหลังให้กับศาลากลางทั้งสิ้น พวกเขาถือโคมไฟกระดาษอยู่ในมือ ราวกับกำลังรอคอยการมาถึงของใครบางคน จากนั้น ทันทีที่พลังปราณเริ่มแพร่ออกไปจากศาลากลาง คอ อของเขาคนนั้นก็บิดไปรอบ ๆ อย่างแข็งทื่อ และพวกเขาทั้งหมดก็จ้องเข้ามาในศาลากลางผ่านแผงกระจก
พวกเขามีทั้งคนแก่และเด็ก ผู้ชายและผู้หญิง แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกันก็คือดวงตาของพวกเขาลุกโชนไปด้วยเปลวไฟนรกสีเขียวหยก และข้อเท็จจริงที่ว่าก็คือ…ร่างของพวกเขา ทั้งหมดล้วนปกคลุมไปด้วยรอยเขียวช้ำหลังตาย!
นี่มันศพนี่!
ศพกลุ่มใหญ่ได้มารวมตัวกันอยู่ที่รอบ ๆ ทางเข้าของศาลากลาง ขัดขวางไม่ให้พวกเขาออกไป!
ด้านนอกมืดสนิท การมารวมตัวกันของศพจำนวนมากดูน่าขนลุกยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้แสงสลัวของดวงจันทร์ ถูกแยกโดยกระจกแผ่นบาง กลุ่มมนุษย์และกลุ่มศพต่างจ้องมองกันและกัน
ความหวังเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ที่มารวมตัวกันอยู่ที่ศาลากลางล้วนเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนที่กล้าหาญทั้งสิ้น เพราะหากเป็นผู้อื่น พวกเขาคงหมดสติด้วย ความกลัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
“น่าสนใจ…” ชายในเสื้อคลุมยาวผละมือออกจากแผ่นกระจก และภาพด้านนอกก็พลันสลายไป “เทศกาลวันสารทจีน...ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา เราไม่เคยประสบกับการแพร่ระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรม มชาติในช่วงเวลานี้มาก่อนหากนับไปถึงการเพิ่มจำนวนขึ้นเล็กน้อยของวิญญาณ แต่การที่วิญญาณจำนวนมากมารวมตัวกันที่ด้านนอกศาลากลางของวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน มันเกิด อะไรขึ้นในเมืองหวู่หยางกันแน่?”
ขณะที่เขาพูด ประตูหน้าของศาลากลางก็ระเบิดออก และชายในชุดคลุมยาวก็ก้าวเท้าออกไปอย่างกล้าหาญ หลังจากนั้นไม่นาน ยันต์หลายสิบแผ่นก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับพับตัวเป็นนกกระดาษ ษ ก่อนจะตกลงสู่มือของทุกคน
เจ้าหน้าที่สืบสวนทุกคนต่างตกตะลึงทันทีที่พวกเขาเห็นนกกระดาษในมือ จากนั้น พวกเขาก้าวถอยหลังกลับไปหลายก้าวด้วยร่างที่สั่นเทา
ทุกสิ่งทุกอย่าง…ได้เปลี่ยนไปแล้ว!
พลังหยินที่หลั่งไหลอยู่ด้านนอกศาลากลางนั้นเหมือนกับหมอกหนา ไม่ชัดเจนแต่ทว่ารุนแรง…
แต่นี่ก็ไม่เหมือนกับกลุ่มก้อนพลังหยินสีเขียวที่พวกเขาคุ้นเคย กลับกัน มันมีสีดำสนิท แทบจะเหมือนกับว่าถังเก็บพลังหยินบริสุทธิ์ได้ระเบิดออกและแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมือง
หมอกหนาทึบของพลังหยินแพร่กระจายไปอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะมีดอกไม้สีแดงปรากฏขึ้นให้เห็น ดอกไม้ดังกล่าวมีกลีบดอกที่บานหงายขึ้นฟ้าเป็นองศาโค้งที่งดงาม
มันช่างงดงาม แต่ขณะเดียวกันก็น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก!
“นี่มัน…ดอกฮิกังบานะ…หรือที่รู้จักกันในชื่อของดอกไม้แห่งความตาย!” หนึ่งในเจ้าหน้าที่สอบสวนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง “นี่เมืองหวู่หยาง…กำลังจะกลายเป็นนรกบนดิน นอย่างนั้นเหรอ...?”
เพราะไม่ว่าอย่างไร มันก็มีเพียงในยมโลกเท่านั้นที่เราจะสามารถเห็นดอกไม้เหล่านี้เดี่ยว ๆ แทนที่จะผสมปนเปกับดอกไม้นานาพันธุ์ ตามตำนานกล่าวไว้ว่าดอกฮิกังบานะแต่ละดอกคือ อตัวแทนของดวงวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานที่พยายามจะเข้าไปในยมโลกแต่ก็ไม่สามารถทำได้ และในตอนนี้…พวกเขาก็เห็นว่าจำนวนดอกฮิกังบานะที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางกลุ่มหมอกพลังหยินที่ หนาแน่นนั้น…มีมากกว่าพันดอก!
และหากมีเพียงแค่นั้น มันก็คงไม่สามารถทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่สอบสวนตื่นตระหนกได้
สิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ ก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าในหมอกพลังหยินเหล่านั้น…มันยังมีวิญญาณที่ถือโคมไฟกระดาษซึ่งลุกโชนด้วยเปลวไฟนรกสีแดงเข้มอยู่ด้านในอยู่อีกเป็นจำนวนมาก และวิ ญญาณเหล่านั้นก็กำลังลอยตัวอยู่กับที่ รอคอยให้นรกเปิดรับพวกตนไปอย่างใจจดใจจ่อ
นี่เป็นสัญญาณของราตรีขบวนร้อยอสูร!