ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 511: กระแสน้ำวนแห่งโชคชะตา (1)
บทที่ 511: กระแสน้ำวนแห่งโชคชะตา (1)
“ตุลาการนรก?” ยักษ์ทมิฬเอ่ยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะโชคดีถึงขนาดที่ได้พบกับขั้นตุลาการนรกทันทีที่มาถึงหน้าประตูนรก
เป้าหมายที่สมบูรณ์แบบ ขั้นตุลาการนรกไม่ใช่พวกระดับล่างของยมโลก และมันก็ไม่มีทางที่ตุลาการนรกจะไม่รับรู้ถึงเหตุผลสำหรับการเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเจ จ้าหน้าที่ระดับสูงของยมโลกเช่นกัน ดังนั้นยมโลกคงจะไม่ตอบสนองในทันทีแม้ว่าตุลาการนรกตนหนึ่งจะถูกจับตัวไป
ที่สำคัญที่สุด…โอกาสได้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว!
ยักษ์ทมิฬและคาราสุเท็งงุสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของทหารวิญญาณหลายพันตนที่กระจัดกระจายไปทั่วทั้งเมือง แต่ถึงกระนั้น อีกฝ่ายกลับไม่มีขั้นตุลาการนรกอยู่ด้วยเลยสักตน!
“คาราสุเท็งงุ… ยักษ์ทมิฬ…” อาร์ทิสมองวิญญาณทั้งสองตนด้วยความตกตะลึงขณะที่สูดหายใจเข้าช้า ๆ “พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของยมโลก?!! พวกเจ้าอยากตายอย่าง งนั้นหรือ?!”
เสียงตะโกนด้วยความโกรธของนางเป็นเหมือนกับก้อนหินขนาดใหญ่ที่ทำลายผิวน้ำที่นิ่งสงบ ส่งผลให้เกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่ที่แพร่กระจายออกไปโดยรอบ!
กึก!
ร่างของยมทูตญี่ปุ่นทั้งสองสั่นเทาเล็กน้อย และพวกเขาก็รีบเปลี่ยนร่างเป็นกระแสลมที่พุ่งตัวไปทางซ้ายและขวา เจตนาของพวกเขาชัดเจน เพื่อขนาบข้างฉินเย่และปิดกั้นเส้นทางหนี ทันใ ใดนั้นคลื่นพลังหยินขนาดใหญ่ก็ปะทุออกมาจากร่างของอาร์ทิสและมาบรรจบกันรอบ ๆ ร่างของนาง ก่อนที่จะเผยให้เห็นร่างรากษสของนางที่มีสามหัวและหกแขน วงล้อระบำเทวะในมือของนา างเริ่มหมุนอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“ฮ่าาา!!!!” พลังหยินปะทุออกมามากกว่าเดิมขณะที่นางปลดปล่อยพลังของวงล้อระบำเทวะออกมา วงแหวนแสงที่เปล่งประกายพุ่งออกมาจากวงล้อราวกับใบมีดแห่งความตาย ฝากรอยแตกไว้กับพื้นใน ทุกที่ที่มันผ่าน แม้แต่ต้นไม้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ในทำนองเดียวกัน อาคารและไฟถนนที่อยู่รอบ ๆ ก็พังทลายลงจนฝุ่นตลบไปหมด
แต่ก่อนที่วงแหวนทั้งสองจะเข้าไปถึงกระแสลมทั้งสอง อากาศโดยรอบก็สั่นสะเทือน และเสียงปะทะกันของเหล็กก็ดังขึ้นให้ได้ยิน จากนั้นมันก็เกิดการระเบิดที่รุนแรงขึ้นจนกลุ่มก้อนพลัง หยินที่หนาแน่นกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ และในเสี้ยววินาทีต่อมา ร่าง ๆ หนึ่งก็พุ่งออกมาจากกลุ่มพลังหยินอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนปืน อากาศเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและคร่ำครวญของ เหล่าวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน ในขณะที่มีขนนกสีขาวกระจัดกระจายไปทั่ว และทันทีที่เขาปรากฏขึ้น ร่างดังกล่าวก็พุ่งไปหาฉินเย่อย่างไม่ลังเล
ดวงตาของอาร์ทิสเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นางรีบหันไปมองฉินเย่ ตั้งใจที่จะไปช่วยอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นนางกลับต้องหยุดชะงักลงหลังจากที่พุ่งออกไปได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น ก่อนจะดึ งพลังหยินทั้งหมดภายในร่างของตัวเองออกมา
ร่างบนท้องฟ้าไม่ได้พยายามปกปิดจิตสังหารของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดเลยว่าทุกการเคลื่อนไหวของนางกำลังถูกจับตาดูอยู่ หากอาร์ทิสพุ่งตรงไปหาฉินเย่ในตอนนี้ ไม่เพียงแค่นา างจะไม่สามารถช่วยเด็กหนุ่มได้ แต่นางเองก็อาจจะถูกดึงเข้าไปในการต่อสู้ด้วยเช่นกัน
ยมทูตญี่ปุ่นทั้งสองรู้ถึงความเสี่ยงในการลงมือครั้งนี้ดี พวกเขาจะต้องลงมืออย่างรวดเร็วและเด็ดขาด มันไม่มีช่องว่างให้ลังเลเลยแม้แต่น้อย!
โฮกกกก!!!
ร่างบนฟ้าเปล่งเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวที่ดูเหมือนจะได้รับการสนับสนุนจากพลังของวิญญาณนับพัน จากนั้นมันก็ส่งเสียงอู้อี้เบา ๆ ก่อนจะพุ่งตัวลงไปหาฉินเย่ราวกับอุกกาบาต
อาร์ทิสสูดหายใจเข้าช้า ๆ ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด มือของนางประสานเข้าด้วยกันและเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บังเกิดเสียงดังสนั่น
ตู้ม!!!!
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนถนนภายในรัศมี 20 เมตรพังทลายจนหมดสิ้น ต้นไม้ อาคาร และไฟถนนที่ถูกฟันก่อนหน้านี้กลายเป็นผุยผงไปในฉับพลัน ก่อนจะกระจัดกระจายไปโดยรอบโดยคลื่นกระแทกของฝุ นและเศษซากที่สูงหลายเมตร
คาราสุเท็งงุค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากจุดศูนย์กลางของคลื่นกระแทกพร้อมกับพลังหยินที่หลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด พื้นดินใต้เท้าของเขาเต็มไปด้วยรอยแตก ในขณะเดียวกัน อาร์ทิสก็หายตัว ไปจากจุดที่นางเคยอยู่
แต่ถึงกระนั้นแววตาของเขากลับไม่ได้ดูผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีทองของคาราสุเท็งงุสอดส่ายไปมาโดยรอบตัวอย่างระมัดระวัง
ในขณะที่ร่างของเขาโค้งและตั้งท่าที่จะโจมตี ทันใดนั้น เงาที่อยู่ใต้เท้าของเขาก็ขยับและยืดออกไปหลายสิบเมตร ก่อนจะโผล่ขึ้นมาจากพื้นและพุ่งตรงไปที่ลำคอของคาราสุเท็งงุอย่าง งบ้าคลั่ง
ตุลาการนรกปะทะตุลาการนรก ไม่มีฝ่ายใดยอมอ่อนข้อ การต่อสู้ที่น่าตื่นตะลึงได้ถือกำเนิดขึ้นในสถานที่ซึ่งไม่สามารถจินตนาการได้ รอบข้างพวกเขาถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด และก่อตัวเป็ นเวทีที่สมบูรณ์แบบสำหรับพวกเขา
เคร้ง…เคร้ง…เคร้ง!!
เสียงปะทะกันของโลหะดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนขณะที่วิญญาณทรงพลังทั้งสองแลกเปลี่ยนการโจมตีกัน ทันทีที่เขาสังเกตเห็นการจู่โจมที่โจ่งแจ้งจากเงาบนพื้น คาราสุเท็งงุก็ปกปิดร่างของ งเขาด้วยกระแสลมที่รุนแรงเพื่อสะท้อนการโจมตีทั้งหมดออกไป
ห้าวินาทีต่อมา คาราสุเท็งงุก็กางปีกของมันออกพร้อมกับเสียงร้องแห่งความเกรี้ยวโกรธ ปลดปล่อยคลื่นกระแทกพลังหยินที่กระจายตัวออกไปหลายพันเมตร แต่ในขณะเดียวกัน ร่างของปีศาจที่ มีความสูงห้าเมตรก็ปรากฏตัวขึ้นจากความมืดที่ก่อนหน้านี้ถูกปกคลุมโดยกลุ่มขนนก
“ฮื่ออ...”
มันยังคงมีรูปลักษณ์ของคาราสุเท็งงุดังเดิม เว้นก็แต่แขนที่เพิ่มขึ้นมาเป็นหกแขน และใบหน้าสองใบหน้าประกบกันหน้าหลัง มันบิดคอเล็กน้อยอย่างน่ากลัว “ฮื่ออ... ข้าไม่ได้สนุกเ เช่นนี้มานานมากแล้ว…”
และก่อนที่มันจะพูดจบ เงาดำที่อยู่ล้อมรอบร่างของมันก็ก่อตัวเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ที่มีความยาวรอบรูปกว่าร้อยเมตร ภายในไม่กี่วินาทีต่อมา รอยแตกสีแดงเลือดก็ปรากฏขึ้นที่ลูกบอล ดังกล่าว ตามมาด้วยการปรากฏขึ้นของดวงตาแดงก่ำจำนวนนับไม่ถ้วนที่จ้องไปยังร่างของคาราสุเท็งงุ
มันเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัว ไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิตอันลึกลับที่กำลังมองมาจากขุมนรกที่ลึกที่สุดเลยแม้แต่น้อย
“เจ้ากำลังอับจนหนทางใช่หรือไม่?” ปีกของคาราสุเท็งงุกางออก และกรงเล็บของมันก็จิกลึกลงไปกับพื้นด้านล่าง และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ร่างของมันก็ระเบิดพลังหยินที่รุนแรงออก กมา พร้อมกับพุ่งตรงไปที่ลูกบอลราวกับอุกกาบาตที่น่าสะพรึงกลัว!
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!!
ในทุกที่ที่มันพุ่งตัวผ่าน อากาศโดยรอบจะส่งเสียงราวกับถูกฉีกกระชาก และในขณะเดียวกัน อากาศตรงหน้าของคาราสุเท็งงุก็ระเบิดออก จนแทบจะเหมือนกับว่ามันคือระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเท่ ามนุษย์!
ในขณะเดียวกัน อาร์ทิสได้กางแขนของนางออกราวกับว่านางกำลังต้องการจะโอบกอดพระจันทร์สีเลือด ทันใดนั้น ลำแสงสีแดงก็เปล่งประกายออกมาจากดวงตาสีแดงเลือดของนาง ก่อนจะแพร่กระจายออกไป ปโดยรอบราวกับทะเลเลือดที่ชำระล้างทุกสิ่ง!
“ยันต์นรกรูปแบบที่ศูนย์…ราตรีอันมืดมิด!”
………………………………………………………
ครืดดด!
พื้นดินโดยรอบเต็มไปด้วยร่องลึกจากการโจมตีที่ทรงพลังของขั้นตุลาการนรก สายลมกระโชกแรงพัดผ่าน ส่งผลให้เสื้อผ้าของฉินเย่กระพืออย่างรุนแรง แต่ทว่าสายตาของเด็กหนุ่มยังคงจับจ้อง งไปยังร่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังหยินซึ่งอยู่ห่างออกไป
ยักษ์ทมิฬ
ทรงพลัง…ช่างทรงพลังอะไรขนาดนี้…!
หัวใจของฉินเย่เต้นแรงขึ้น แทบจะเหมือนกับว่ามีมือมาบีบมันเอาไว้ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วในชีวิตที่เขาได้เห็นวิญญาณที่ทรงพลังขนาดนี้…
หากไม่นับหลิวอวี้แล้วล่ะก็ บางทีแม้แต่จิวยี่ หม่าฝูโปว และราชทูตตนอื่น ๆ ในยมโลกก็อาจไม่สามารถสู้กับยมทูตญี่ปุ่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาได้!
เขาจะถูกจับไม่ได้เด็ดขาด…เพราะโชคชะตาที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายคงจะรอเขาอยู่หากเขาถูกจับตัวไป…ตอนนี้ภายในใจของเด็กหนุ่มไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย พร้อมกับเสียงผิวปากที่แห หลมสูง ฉินเย่พุ่งขึ้นไปบนฟ้า ในขณะที่ปากกาแห่งการพิพากษาและสมุดแห่งความเป็นตายของตุลาการนรกปรากฏขึ้นในมือ
จากนั้น ในขณะที่เขากำลังจะโจมตียักษ์ทมิฬกลับไป เด็กหนุ่มก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าคู่ต่อสู้ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว!
วินาทีนั้นเสียงเตือนก็ดังขึ้นภายในหัว ฉินเย่รีบเปลี่ยนปากกาแห่งการพิพากษาให้กลายเป็นหอก ในขณะที่สมุดแห่งความเป็นตายสลายไปและกลายเป็นชุดเกราะสีดำสนิทที่ห่อหุ้มร่างของเ เด็กหนุ่มเอาไว้
เขาเหวี่ยงหอกกลับไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี อากาศรอบตัวส่งเสียงดังสนั่น แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองโจมตีโดนอะไรเลยสักนิด ตรงกันข้าม…เขารู้สึกได้ว่าปลายหอกข ของเขาถูกกดลงเล็กน้อย
ฉินเย่หันไปรอบ ๆ อีกครั้ง เตรียมจะดึงหอกกลับมา แต่กลับได้เห็นภาพที่ทำให้หัวใจของเขาต้องหยุดเต้นไปชั่วขณะ
ยักษ์ทมิฬกำลังยืนอยู่บนปลายหอกของเขา ราวกับว่ามันคือหญ้าที่ไม่มีน้ำหนักเลยแม้แต่น้อย แต่…ร่างของอีกฝ่ายได้แยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์!
ใบหน้าของมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนทั้งชายและหญิง คนแก่และเด็ก พุ่งออกมาจากรอยแยก ในขณะเดียวกัน มือจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากรอยแยกบนหลังของมันราวกับมือนับพันของเจ้าแม่กวนอิม
เส้นผมสีดำของปีศาจตรงหน้าถักเข้าด้วยกันจนกลายเป็นตะกร้าไม้ไผ่ ใส่ร่างของลีจองซุกเอาไว้ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้ส่งเสียงร้องอะไรออกมาเลยสักนิด มันแทบจะเหมือนกับว่านางได้เป็นลม มหมดสติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“มา…กับเรา…” ใบหน้าจำนวนมากที่โผล่ออกมาจากร่างเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยว “ตกลงหรือไม่?!!”
“ไปให้พ้น!!!” ฉินเย่ตะโกนตอบกลับไปอย่างฉุนเฉียว มันไม่ใช่เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่มันเกิดจากความหวั่นสะพรึงที่ทำให้เขาแทบเสียสติ พร้อมกับเสียงคำรามที่ดังสนั่น เด็ก กหนุ่มดึงหอกของตนกลับมาและเตรียมจะแทงมันไปที่ร่างของปีศาจตรงหน้าอีกครั้ง แต่ในขณะที่เขากำลังจะทำ กลับรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ปรากฏขึ้นภายในใจของเขา…
เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงหยุดการโจมตีของตัวเองและรีบถอยห่างออกมาจากอีกฝ่าย แต่ในขณะเดียวกัน หมวกทรงสั้นที่สวมอยู่ก็ขาดวิ่นขณะที่มือจำนวนมากตวัดผ่านจุดที่เขาเคยอยู่ก่อนหน น้านี้
หากเขาไม่หลบ ก็คงจะถูกจับไปแล้ว…
ทรงพลังมาก… ปีศาจตรงหน้าทรงพลังกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก!
แต่ก่อนที่เขาจะได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ลูกไฟสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา จากนั้นกรงเล็บสีดำที่แหลมคมก็โผล่ออกมาจากมือที่อยู่ด้านหลังของยักษ์ทมิฬ และทั งหมดก็พุ่งตรงไปที่จุดตายของฉินเย่!
อีกฝ่ายพยายามจะทำลายร่างของเขาจนเหลือเพียงแค่จิตวิญญาณก่อนที่จะจับตัวเขาไป…ในที่สุดฉินเย่ก็เข้าใจจุดประสงค์ของปีศาจตรงหน้า เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นก่อนที่จะปลดปล่อยการโจมตีโต้ก กลับไปที่กรงเล็บเหล่านั้น
ในเมื่อไม่มีที่ให้หนี ก็ไม่มีเหตุผลให้หลบอีกต่อไป หากเขาเลือกที่จะไม่เผชิญหน้ากับยักษ์ทมิฬ ในไม่ช้า เขาก็จะต้องกลายเป็นเพียงจิตวิญญาณอย่างแน่นอน!
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!!
ฉินเย่ปัดป้องการโจมตีจำนวนมาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ใช่วิญญาณที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้เท่าใดนัก หลังจากผ่านไปเพียงสิบวินาที เด็กหนุ่มก็ต้องถอยห่างออกมาพร้อมกับส่งเสียงครางอู้อ อี้ รอยร้าวจำนวนมากเริ่มปรากฏขึ้นมาบนชุดเกราะที่ก่อตัวขึ้นจากสมุดแห่งความเป็นตาย ในขณะที่ชุดเกราะบริเวณอกของเขาใกล้จะพังลงเต็มที
เลือดไหลออกมาจากมุมปาก นิ้วมือของฉินเย่สั่นเทาเล็กน้อย เด็กหนุ่มแทบจะไม่สามารถถือหอกได้อีกต่อไป ในขณะที่เขากลับพบว่ายักษ์ทมิฬกำลังพุ่งเข้ามาหาตนเองอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ ฟ้า
ฉินเย่คิดได้ว่าจะปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างยืดเยื้อกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว!
ยักษ์ทมิฬรู้ดีว่ามันจะต้องรีบโจมตีออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะอย่างไรแล้ว แผ่นดินจีนก็ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเขาจะสามารถทำทุกอย่างตามที่ตัวเองต้องการได้
“บัดซบ…หากไม่ใช่เพราะว่าเพิ่งสั่งให้ราชาผีแห่งพิภพอสูรกลับไปยังยมโลก เจ้าคิดหรือว่าตัวเองจะสามารถกระทำการที่อวดดีเช่นนี้กับข้าได้?!!!” ฉินเย่จ้องยักษ์ทมิฬเขม็ง ไม่จำเป็นต ต้องเอ่ยอะไรออกมา ปีศาจตรงหน้าก็ได้เปิดหูเปิดตาเขาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความแข็งแกร่ง ประสบการณ์หรือทักษะในการต่อสู้! สิ่งเดียวที่ฉินเย่สามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือต่ อสู้เพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง!
ยักษ์ทมิฬเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ภายในชั่วพริบตา ร่างของมันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของฉินเย่อีกครั้ง!
กาลเวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปในวินาทีนั้น
ฉินเย่มองเห็นอย่างชัดเจนว่าวิญญาณทุกตนที่โผล่ออกมาจากรอยแยกบนร่างของยักษ์ทมิฬกำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างหิวกระหาย
มันแทบจะเหมือนกับว่าคลื่นแห่งความเงียบงันและความหวาดกลัวได้สาดซัดไปทั่วร่างของเขา
หากพูดกันตามตรง เขามองเห็นแม้กระทั่งริมฝีปากของยักษ์ทมิฬที่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยขณะที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาว่า “จับได้แล้ว”
หัวใจของเขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ความรู้สึกตื้อชาแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เสื้อผ้าของเขากระพืออย่างรุนแรงจากการพุ่งตัวเข้ามาใกล้ของยักษ์ทมิฬ ในเวลานี้ มันอยู่ห่าง จากฉินเย่เพียงแค่ครึ่งเมตรเท่านั้น และกรงเล็บของมันก็กำลังพุ่งตรงไปยังลำคอของเด็กหนุ่ม!
กรงเล็บตรงหน้าพุ่งเข้ามาราวกับสายฟ้า รวดเร็วและเฉียบคม แต่ถึงกระนั้น…ขณะที่มันอยู่ห่างจากลำคอของฉินเย่ไปเพียงแค่หนึ่งเซนติเมตร มันก็หยุดชะงักลง!
“อะไรกัน…” เมื่อยักษ์ทมิฬหันกลับไปมอง เขาก็พบเข้ากับชายสวมชุดเกราะโบราณยืนอยู่ด้านหลังของตนพร้อมกับถุงขนาดใหญ่บริเวณลำคอและปากที่อ้ากว้าง!
ปากของอีกฝ่ายเหมือนกับหลุมดำที่ดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่โดยรอบเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ อาคาร ก้อนอิฐ หรือกระเบื้อง พลังหยินจำนวนมากถูกดูดเข้าไปในปากและต่อกันเป็นกระแส น้ำวนพลังหยินอันทรงพลังที่พยายามดึงร่างของยักษ์ทมิฬเข้าไปด้านใน กรงเล็บของยักษ์ทมิฬอยู่ห่างจากฉินเย่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันกลับให้ความรู้สึกห่างไกลราวกับสวรรค์และ ผืนดิน
ขบวนหมื่นวิญญาณย่ำราตรี…วิญญาณห้วงมิติ!
“บัดซบ!!” ยักษ์ทมิฬตะโกนออกมาเสียงสูง เส้นผมสีดำสนิทของมันพุ่งตรงไปยังวิญญาณห้วงมิติ สลายร่างของฝ่ายตรงข้ามให้กลายเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังหยินภายในชั่วพริบตา แต่ก่อนที่มันจ จะได้หันกลับไป ก็พบว่า…ยังมีวิญญาณในชุดเกราะโบราณอีกตนที่ยืนอยู่ด้านข้างของมัน และวิญญาณตนนั้นก็อ้าปากกว้างออกมาทันทีที่วิญญาณห้วงมิติสลายหายไป!
กรี๊ดดดดดดด!!!
เสียงกรีดร้องที่เงียบสงัดปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ ไฟถนนที่อยู่โดยรอบโค้งงอ ในขณะที่ยางมะตอยที่ใช้ปูพื้นถนนเริ่มระเบิดออกอย่างบ้าคลั่ง! กระจกบ้านโดยรอบแตกกระจายออกพร้อมกันและ กระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ ยักษ์ทมิฬกรีดร้องออกมาและตัวสั่นเทาเล็กน้อย
มีสิ่งหนึ่งที่มันแน่ใจในตอนนี้
ตุลาการนรกที่เขากำลังสู้ด้วยตนนี้…จะต้องไม่ใช่ตุลาการนรกธรรมดาทั่วไปของยมโลกอย่างแน่นอน!
ไม่เช่นนั้น อีกฝ่ายคงไม่ได้รับการปกป้องจากวิญญาณพิเศษจำนวนมากขนาดนี้!