ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 512: กระแสน้ำวนแห่งโชคชะตา (2)
บทที่ 512: กระแสน้ำวนแห่งโชคชะตา (2)
การเสียสมาธิเพียงเล็กน้อยทำให้กระแสของการต่อสู้เปลี่ยนไป เมื่อยักษ์ทมิฬเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งก็ต้องพบว่าทุกอย่างตรงหน้าลุกโชนไปด้วยเปลวไฟที่สูงกว่าร้อยเมตร
มันคือเปลวไฟสีทองที่แผ่ขยายออกไป ปกคลุมแม้กระทั่งประตูนรก ฉินเย่ยืนอยู่ ณ ใจกลางของเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงนั้น หอกในมือของเขาได้หายไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือตอนนี้ มีร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนไหล่ของเขา
มันสวมผ้าคาดท้องสีแดงเข้ม และมีผิวซีดเผือด แต่ร่างดังกล่าวไม่มีใบหน้าเลยแม้แต่น้อย! กลับกัน มันมีเพียงรูโหว่สามรูอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นดวงตาและปากเท่านั้น เปลวไฟสีแดงทองล ลุกโชนอยู่ภายในเบ้าตานั้น ในขณะที่ท้องของร่างขนาดเล็กโป่งพอง ที่สำคัญที่สุด มันกำลังจ้องตรงไปที่ยักษ์ทมิฬ
นี่คือการปลดปล่อยจิตวิญญาณใบมีดของฉินเย่!
ยักษ์ทมิฬรีบห่อหุ้มร่างของตนด้วยมือที่อยู่บนหลัง ในเสี้ยววินาทีต่อมา ร่างเล็กก็อ้าปากออก พร้อมกับเสียงที่ดังสนั่น หอกเงินที่ถูกหุ้มด้วยเปลวไฟนรกสีทองก็พุ่งตรงไปที่ยั กษ์ทมิฬอย่างรวดเร็ว
ครืนนนน!!!
แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงแพร่กระจายไปโดยรอบ เศษดินและฝุ่นลอยฟุ้งไปในอากาศ ในขณะที่รอยแตกจำนวนมากปรากฏขึ้นบนพื้น คลื่นระเบิดเสียงฉีกกระชากอากาศโดยรอบ ทันทีที่ฉินเย่ปลดปล่อยการ รโจมตีที่รุนแรงนี้ออกไป เขาเองก็หันหลังและพยายามจะหลบหนีไปเช่นกัน
มันไม่มีทางที่การโจมตีนี้จะสามารถสังหารปีศาจตนนั้นได้… ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามอยู่เหนือความคาดหมายของเขามาก! ฉินเย่มุ่งหน้าตรงไปยังหลุมลึกด้านล่างทันที
ตราบใดที่เขาลงไปในนั้น เด็กหนุ่มก็จะสามารถกลับไปยังยมโลก และหากอีกฝ่ายยังกล้าตามเขาลงไปที่ในยมโลกอีกล่ะก็ มั่นใจได้ว่าตี้ทิงจะต้องลงมือสั่งสอนบทเรียนเกี่ยวกับความยิ่งใ ใหญ่ของยมโลกให้วิญญาณพวกนี้เป็นแน่!
ฉินเย่ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองด้านหลังเพื่อตรวจดูผลลัพธ์จากการโจมตีทำลายล้างของตัวเอง เด็กหนุ่มรู้ขีดจำกัดของเขาดี และหากยืดเวลาไปมากกว่านี้ก็อาจเป็นการกำหนดความเป็นความตาย ของตนเองก็เป็นได้
หลุมนั้นอยู่ห่างออกไปแค่พันกว่าเมตร ด้วยความเร็วของขั้นตุลาการนรก มันเป็นระยะทางที่ต้องใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น 700 เมตร… 300 เมตร… เขาเริ่มมองเห็นประตูนรกปรา ากฏขึ้นเบื้องหน้า มันยังคงไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ แม้ว่าจะมีการปะทะกันระหว่างขั้นตุลาการนรกถึงสี่คน เขารู้ดีว่าตัวเองจะปลอดภัยหากเขาสามารถกระโจนเข้าไปในประตูได้
50 เมตร…5 เมตร!
1 เมตร!
ฉินเย่กัดฟันแน่น ขนบนร่างของเขาลุกชัน และความตึงเครียดอย่างถึงขีดสุดก็ทำให้เลือดในกายของเด็กหนุ่มเดือดพล่าน เมื่อเหลือระยะเพียงหนึ่งเมตร เขาก็รีบพุ่งตรงไปที่ประตูทันท ที
ปะตูนรกอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว!
เคร้ง!
ทว่าทันใดนั้น กระจกสามมิติจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา ปิดกั้นเส้นทางตรงหน้า สะท้อนให้เห็นร่างอันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังพุ่งตามมาด้านหลัง
บัดซบ!!!
ฉินเย่หยุดการเคลื่อนไหวของตนและถอยหนีอย่างไม่ลังเล
ร่างของยักษ์ทมิฬในเวลานี้เต็มไปด้วยบาดแผล รวมถึงบาดแผลฉกรรจ์ที่มีพลังหยินหลั่งไหลออกมาไม่หยุด อย่างไรก็ตามยักษ์ทมิฬดูเหมือนจะไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย กลับกันมันหอบหายใจอย่ างหนักหน่วงขณะที่พิงร่างกับกระจกโบราณที่ลอยอยู่ตรงหน้าของตัวเอง
มันคือกระจกที่ดูเก่าเป็นอย่างมาก แม้แต่ผิวหน้าของมันก็ยังเป็นสีเทาและเลือนลาง แต่เสียงกระดิ่งแจ้งเตือนถึงอันตรายที่อยู่ภายในหัวของฉินเย่กลับดังก้องขึ้นทันทีที่เขาเห็นมั น!
หนี!
เขารู้ได้ทันทีว่าตนเองไม่สามารถสู้กับอำนาจของกระจกโบราณบานนี้ได้! แต่การโจมตีของอีกฝ่ายก็เหมือนกับสายลมและสายฝน มันไม่ให้เวลาเขาได้พักหายใจเลยสักนิด!
แต่…ควรจะหนีไปที่ไหน?
กระจกจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่ล้อมรอบร่างของเขา ปิดกั้นทางหนีทั้งหมด ในขณะเดียวกัน ยักษ์ทมิฬก็ตามมาปิดกั้นเส้นทางหลบหนีด้านหลัง
มันไม่มีทางที่ยักษ์ทมิฬจะยอมรามือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสิ่งที่เขาได้ทำลงไป อีกฝ่ายจะต้องตามไล่ล่าเขาอย่างแน่นอน!
เขาจะทำอย่างไรดี?
ดวงตาของฉินเย่มองไปรอบ ๆ พยายามหาที่ซ่อนที่จะสามารถยื้อเวลาให้ตัวเองประมาณห้าวินาที ตราบใดที่เขามีโอกาสนั้น ก็จะสามารถเปิดใช้งานเศษตราจ้าวนรกและเดินทางกลับไปยังยมโลกได้ ณ ที่แห่งนั้น เขาก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่น่าเสียดาย…
มันไม่มีที่ให้หลบซ่อนเลย!
ทุกอย่างรอบตัวเขามีเพียงซากปรักหักพัง นอกจากนี้ เด็กหนุ่มสามารถบอกได้จากเสียงการต่อสู้ของอาร์ทิสว่านางเองก็กำลังลำบากเช่นกัน มันไม่มีทางที่เขาจะสามารถทำอะไรเพื่อซื้อเวลาใ ให้ตัวเองได้!
“ข้าคงต้องขอชื่นชมเจ้า…” ยักษ์ทมิฬเดินออกมาจากกระจกบานหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้ เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก”
หลังจากนั้น ยักษ์ทมิฬก็หยิบกระจกและหันตรงไปที่ร่างของฉินเย่
บัดซบ…!
ฉินเย่หลับตาลงและยกมือขึ้นปิดบังใบหน้า นี่เป็นทางเดียวที่เด็กหนุ่มจะสามารถป้องกันตัวเองได้ แต่ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ
กระจกโบราณดูเหมือนจะเป็นกระจกธรรมดา
มันไม่มีแสงประกายหรือไอพลังที่แผ่ออกมาจากมันเลยสักนิด แต่ถึงกระนั้น ฉินเย่ก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่าง… ถูกดึงออกไปจากร่างของเขา!
“นี่มันอะไรกัน…” เขาอ้าปากค้างและมองไปที่กระจกด้วยความตื่นตะลึง ก่อนจะพบว่าเงาของตนถูกดูดเข้าไปในกระจกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
ภายในไม่กี่วินาที เงาของเขาก็ปรากฏขึ้นภายในกระจก ฉายให้เห็นภาพของเด็กหนุ่มบนผิวของมันเหมือนกับที่กระจกธรรมดาทั่วไปมักจะทำ
นั่นมันจิตวิญญาณของเขา…
ทันใดนั้น ฉินเย่ก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกเย็นยะเยือกที่ไล่ไปตามกระดูกสันหลัง เขาเตรียมจะหนี แต่ยิ่งวิ่งห่างออกไปมากเท่าไหร่ เงาของเขาก็ยิ่งอ่อนลงเท่านั้น
ยักษ์ทมิฬไม่ให้โอกาสเขาได้หลบหนีลงไปยังยมโลกเลยแม้แต่น้อย
“กระจกยาตะ” ยักษ์ทมิฬถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกขณะที่มันชะงักไปเล็กน้อยจากบาดแผลบนร่าง “หนึ่งในสามอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของโลกใต้พิภพของญี่ปุ่น นี่คือแบบจำลองที่ดีที่สุดที่เรา มี เจ้าไม่มีทางหลบหนีได้เมื่อมันถูกส่องไปที่เจ้า… เดี๋ยวก่อน...!”
ราวกับค้นพบสิ่งที่น่าตกตะลึง ยักษ์ทมิฬหันกลับไปมองที่กระจกด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “เงา… สิ่งที่ถูกจับมาคือเงาของเจ้า?! เจ้ามีเงาอย่างนั้นหรือ?!”
“เจ้า… เป็นมนุษย์?!”
“เจ้าคือยมทูตที่เป็นมนุษย์?!”
เสียงของมันแหลมสูงขึ้นขณะที่จ้องมองไปยังฉินเย่ด้วยแววตาตกตะลึง ก่อนจะหันกลับไปมองกระจกยาตะอีกครั้ง ไม่กี่วินาทีต่อมา เปลวไฟนรกในดวงตาของมันก็ลุกโชนสูงขึ้น “ยมทูตที่เป็น นมนุษย์… มนุษย์ที่ได้กินเห็ดเทียนสุ่ยในตำนานเข้าไป ไม่น่าเชื่อ… ตำแหน่งในยมโลกของเจ้าคงจะอยู่สูงกว่าที่ข้าคาดการณ์เอาไว้ตอนแรกเสียอีก!”
“มนุษย์ธรรมดา… คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสิบวินาที ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้เจอกับเป้าหมายที่ล้ำค่าเช่นนี้…”
แต่ทันใดนั้น เสียงคลิ๊กเบา ๆ ก็ดังขึ้นในความมืด
เด็กหนุ่มชะงักไป
มันคือเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เขาเคยได้ยินมันมาหลายครั้งในแดนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นในโทรทัศน์ ในภาพยนตร์ เกม หรือการ์ตูน
ยักษ์ทมิฬเองก็ชะงักไปเช่นกัน
นี่ก็เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคย เสียงที่เขาเพิ่งได้ยินเมื่อไม่นานมานี้…
มันคือเสียงง้างไกปืน!
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไป ฉินเย่สัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของเขาได้ถูกจับกุมไปแล้ว ทุกส่วนบนร่างกายของเด็กหนุ่มรู้สึกแข็งทื่อ ราวกับว่ามันเต็มไปด้วยสนิม ร่างของเขารู้สึกอ่อนแรง แม้แต่การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็รู้สึกยากลำบาก แต่เสียงดังกล่าวกลับสร้างความหวังให้เขาขึ้นมาอีกครั้ง
ทั้งสองได้ลืมเกี่ยวกับการมีอยู่ของคน ๆ หนึ่ง…
ผู้หญิงคนหนึ่งที่เงียบมาตลอดจนถึงตอนนี้
รูม่านตาของยักษ์ทมิฬหดเกร็ง ขนบนร่างของมันลุกชัน แต่ก่อนที่มันจะได้เอ่ยอะไรออกมา หัวของมันก็ถูกดันไปด้านหน้าเล็กน้อย
ตอนนี้กระบอกปืนสีเงินสองกระบอกได้จ่ออยู่ที่หลังหัวของมัน…
และวินาทีนั้น เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังของยักษ์ทมิฬ “รีวอลเว่อร์ S&W M.500 กับ .500 S&W แม็กนั่ม มันสร้างแรงบิดมากกว่า 3,030 มากเป็นสองเท่าของปืน Desert t Eagle เสียอีก กระสุนพวกนี้ได้บรรจุเถ้าอัฐิของนักบวชของเขาโคยะเอาไว้ แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังมีกระสุนพวกนี้อยู่กับตัวแค่สองนัดเท่านั้น” มันเป็นเสียของลีจองซุกที่อยู่ใน นตะกร้าสานจากเส้นผมของยักษ์ทมิฬนั่นเอง
“ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าลูกกระสุนพวกนี้จะสามารถพุ่งเจาะกะโหลกหนา ๆ ของพวกคุณได้ไหม?”
ฉินเย่อ้าปากค้าง ตกตะลึงกับการกระทำที่กล้าหาญของหญิงสาวตรงหน้า ยักษ์ทมิฬยกมือขึ้น ร่างของมันสั่นเทา และในวินาทีนั้นเอง มันก็หยุดการส่งพลังหยินของตัวเองไปที่กระจกยาตะ และภาพของฉินเย่ที่อยู่ด้านในก็จางหายไปทันที
“ลีจองซุก…” เสียงที่เอ่ยออกมาของยักษ์ทมิฬสั่นเทาขณะที่ดวงตาของมันแดงก่ำ “เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!!!”
ปั้ง!! ปั้ง!!
เสียงลั่นไกปืนดังขึ้นสองครั้ง ในขณะเดียวกัน หัวของยักษ์ทมิฬก็ระเบิดออก และคลื่นพลังหยินที่หนาแน่นก็พุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้า!
“คุณคือฉินเย่อย่างนั้นเหรอ?” เส้นผมที่กักขังลีจองซุกให้อยู่ภายในตะกร้าพลันสลายไป และเธอก็กระโดดลงไปบนพื้น “คุณไม่คู่ควรกับฉันเลยสักนิด”
“ฉันขอแนะนำนะ ปีศาจตนนี้เป็นอมตะ รีบหนีไปซะหากเป็นไปได้…”
ขณะที่นางกำลังพูดอยู่ ฉินเย่ก็อ้าปากค้างพร้อมกับมองไปด้านหลังของคนตรงหน้า ลีจองซุกนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลิ้งตัวหลบไปทางด้านข้างอย่างไม่ลังเล
ตู้ม!
ทันใดนั้น ร่องรอยของกรงเล็บที่ยาวหลายเมตรก็ปรากฏขึ้นบนพื้น พลังหยินจำนวนมหาศาลแพร่กระจายไปทั่ว ก่อนจะรวมตัวกันเป็นร่างของยักษ์ทมิฬอีกครั้ง มันแยกเขี้ยวใส่หญิงสาวและกัดฟัน แน่น “ลี! จอง! ซุก!!”
ตู้ม!
แหล่งพลังหยินที่น่าสะพรึงกลัวก็ปะทุขึ้นจากทางด้านซ้ายมือของฉินเย่ และคาราสุเท็งงุก็พุ่งตัวมาอย่างรวดเร็ว “ฮื่ออ... เกิดอะไรขึ้น?!”
“ข้าสัมผัสได้…ฮื่อ…ว่าพลังหยินของเจ้า… หายไปครู่หนึ่ง?”
แต่ยักษ์ทมิฬกลับไม่ได้มองไปที่อีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย กลับกันสายตาของมันยังคงจับจ้องไปที่ลีจองซุก และเสี้ยววินาทีต่อมา มันก็หายตัวไปก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ด้านหลังขอ องหญิงสาว
ไม่…!
ริมฝีปากของฉินเย่เผยอออกเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว
เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือมีความรู้สึกใด ๆ ต่อนาง แต่ปฏิกิริยาทั้งหมดของเขานั้นเกิดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ว่าลีจองซุกเคยช่วยชีวิตของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มกลับ บไม่สามารถช่วยนางได้เลย เขาทำได้เพียงมองดูยักษ์ทมิฬชูกรงเล็บที่แหลมคมของตนเองขึ้นด้านหลังของนางอย่างน่าสะพรึงกลัว
“ข้าอดทนกับเจ้ามาหลายครั้งแล้ว… แต่เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเราจะไม่กล้าสังหารเจ้า?!” มันจ้วงกรงเล็บของตัวเองเข้าไปด้านหลังของลีจองซุก เจาะทะลุช่วงอกของนาง
ฉึก…
ทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปในวินาทีนั้น ฉินเย่มองดูกรงเล็บของยักษ์ทมิฬเจาะทะลุอกของลีจองซุกอย่างหวั่นสะพรึง เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมาอย่างสิ้นหวัง ความรู้สึกมากมายผุดขึ้นภายใน นใจจนเขาเผลอโน้มตัวไปด้านหน้าโดยไม่รู้ตัว
เจ้าตายแล้วหรือ?
เจ้าจะตายแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
เจ้าคือผู้ที่ใช้ชีวิตมาแล้วถึงเจ็ดชีวิต... แต่เจ้ากลับไม่สามารถต้านทานมันได้เลยหรือ? เจ้าจะตายได้อย่างไรกัน?!
“เฮ้ออ...” หลังจากผ่านไปประมาณสองวินาที เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยเสียงแหบพร่า รู้สึกว่าภายในหัวของตัวเองรู้สึกหนักอึ้ง และภายในใจของเด็กหนุ่มก็เต็มไปด้วยความรู้สึกขมขื่น
เขาเอื้อมมือออกไปโดยไม่รู้ตัวขณะที่เห็นร่างของลีจองซุกกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังหยินที่สลายหายไป ในวินาทีนั้นเขาหยุดนิ่ง และจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
นี่ไม่ใช่ลักษณะที่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งควรจะเป็นในขณะที่พวกเขาตายเลยแม้แต่น้อย!
ทันใดนั้นเขาก็ได้สติ และก็พบว่า…
มันไม่มีรอยเลือดไหลออกมาจากบาดแผลของหญิงสาวเลยสักนิด!!
ศพของลีจองซุกได้สลายกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังหยินโดยปราศจากร่องรอยใด ๆ ทั้งสิ้น!
และเขาก็ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่สังเกตเห็นสิ่งนั้น ในทำนองเดียวกัน ยักษ์ทมิฬเองก็สังเกตเห็นภาพที่แปลกประหลาดขณะที่ร่างของหญิงสาวบิดเบี้ยวและสลายไปเช่นกัน ภายในห้านาทีต่อมา มันก ก็กลับกลายเป็นร่างจริงของด้ามปากกาที่ตกลงสู่มือของยักษ์ทมิฬ
จิตวิญญาณแห่งปากกา…
มันคือวิญญาณอารักษ์ที่คอยปกป้องลีจองซุกมาโดยตลอด
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครสามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงที
ทั่วทั้งบริเวณเงียบสนิท แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ยักษ์ทมิฬก็หันกลับไปตบหน้าของคาราสุเท็งงุอย่างแรง!
“ไร้ประโยชน์!!!” ขนสีขาวบนร่างของมันลุกชัน “ไม่ใช่ว่าเจ้าสังหารวิญญาณอารักษ์ของนางไปแล้วอย่างนั้นหรือ?!”
“มะ ไม่…” ขนของคาราสุเท็งงุเองก็ลุกชันเช่นกัน แต่นั่นเป็นเพราะว่าเขาหวาดกลัวว่าการหายตัวไปของลีจองซุกจะส่งผลกับพวกเขาอย่างไร
“วันนั้น…ทุกอย่างเร่งรีบเกินไป… ฮื่อ… ข้าจึงไม่มีเวลาพอที่จะทำมัน…”
“เจ้าโง่!!!” ยักษ์ทมิฬคว้าร่างของคาราสุเท็งงุและจ้องด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำของเจ้าจะนำความตายมาสู่พวกเรา?!!”
“ดูซะ!!! ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่!!!” เขาจับร่างของอีกฝ่ายให้หันไปทางประตูนรก
เหล่าวิญญาณถือโคมกระดาษจำนวนมากที่อยู่ภายในเมืองหวู่หยางกำลังอยู่ห่างจากประตูนนรกออกไปไม่ถึงพันเมตรเท่านั้น!