ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 514: จุดจบของโชคชะตา (1)
บทที่ 514: จุดจบของโชคชะตา (1)
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปโดยสมบูรณ์
หัวใจของฉินเย่หยุดเต้นไปอย่างกะทันหัน มันเกิดขึ้นจากความกลัว เป็นความกลัวที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง!
ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งดินแดน อสูรร่างยักษ์วาดมือของมัน กลุ่มพลังหยินที่ล้อมรอบร่างของมันพลันสลายไป ก่อตัวเป็นวิญญาณนับร้อยที่กรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนขณะที่พวกมันกระจายตัวไปตามส่วนต่าง ๆ ของเมือง!
วุ่นวาย…ทุกอย่างตกอยู่ในความโกลาหล…
ฉินเย่กัดฟันแน่น ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าปีศาจตรงหน้าพยายามจะทำสิ่งใด อีกฝ่ายได้เรียกขบวนร้อยอสูรออกมาเพื่อหาตัวของลีจองซุกที่อยู่ท่ามกลางเหล่าวิญญาณของจีน!
ในขณะเดียวกัน ปีศาจตรงหน้าก็ต้องการจะจับเขาด้วยตัวของมันเอง
ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงตะโกนก็ดังขึ้นข้างหู “ท่านทำบ้าอะไรอยู่?! หนีไป!!” มันคือเสียงของอาร์ทิสนั่นเอง แต่น่าเสียดาย เขาไม่สามารถระบุตำแหน่งของนางได้ แต่ถึงกระนั้น เสียงเตือนของนางก็ทำให้เขากลับมาได้สติ ในวินาทีนั้นเด็กหนุ่มหันหลังและพุ่งตัวออกห่างจากปีศาจร่างยักษ์ทันที
“ท่านพ่อของพวกเราคือเทพเจ้าแห่งลมพายุและผู้ปกครองปีศาจ ซุซะโนะโอะ…” ปีศาจตนนั้นเพียงแค่จ้องเขม็งไปยังร่างของฉินเย่ที่พุ่งตัวห่างออกไป “ท่านได้รับการขนานนามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทพที่แข็งแกร่งที่สุด หรือบรรพบุรุษของเหล่าวิญญาณทั้งปวง”
“และข้า…ก็ถูกเรียกว่าบุตรแห่งซูซะ”
“พวกเรามีความสามารถในการอัญเชิญวิญญาณร้อยตนได้ทุกที่และทุกเวลา นี่เป็นหนึ่งในพรสวรรค์ที่พวกเราได้รับสืบทอดมาจากสายเลือด…”
มันเอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ แต่ทุกคำกลับสร้างแรงกดดันให้กับฉินเย่อย่างมหาศาล แทบจะเหมือนกับว่ามันคือความตายที่ไล่ตามหลังมาติด ๆ หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงขึ้นขณะที่เขาพุ่งตัวออกไป เขาวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดของตัวเอง และเสียงของสายลมก็ดังก้องอยู่ภายในหู
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เขาพุ่งออกห่างจากประตูนรกและตรงไปยังทะเลวิญญาณอันไม่รู้จบที่ตรวจจับได้ถึงกลิ่นอายของกงล้อแห่งสังสารวัฏก่อนหน้านี้ ในขณะเดียวกันบุตรแห่งซูซะก็เริ่มขยับตัว เคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่ไวกว่าความเร็วเสียง
“ไปให้พ้น!!” ฉินเย่ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่เขาเหวี่ยงหอกไปข้างหน้า ภายในชั่วพริบตา วิญญาณที่อยู่ตรงหน้าก็สลายเป็นเพียงผุยผง
น่าเศร้าจริง ๆ ที่อาวุธของเขามีเพียงปากกาแห่งการพิพากษาและสมุดแห่งความเป็นตายที่จำลองมาจากของจริงเท่านั้น… ภายในใจของฉินเย่เต็มไปด้วยความเสียใจ ถ้าเขามีสมุดแห่งความเป็นตายอยู่ด้วย เขาจะยังหวาดกลัวปีศาจตนนี้อยู่แบบนี้หรือไม่?
แต่สุดท้าย ทั้งหมดมันก็แค่ ‘ถ้า’ เท่านั้น
ฉินเย่พยายามเชื่อมต่อกับเศษตราจ้าวนรก ตอนนี้ผ่านไปแล้วหนึ่งนาที… เหลือเวลาอีกสี่นาทีเท่านั้น! ตราบใดที่เด็กหนุ่มยังสามารถทนได้อีกสี่นาที เขาก็จะสามารถกลับไปที่ยมโลกได้อีกครั้ง!
ด้วยเทพแห่งความตายที่ไล่หลังมา และทะเลวิญญาณที่อยู่ด้านหน้า ตัวเลือกเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ของเขาก็คือสู้ แต่น่าเสียดายที่วิญญาณโดยรอบยังคงหลั่งไหลมาที่ประตูนรกอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนของมัน ไม่มีทางเลยที่เขาจะสามารถพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดได้ แต่ที่ทำให้เรื่องแย่ลงก็คือ การกวาดล้างเส้นทางของเขาหมายความว่าบุตรแห่งซูซะจะสามารถตามเขามาได้อย่างง่ายดาย
แต่ไม่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะดูเลวร้ายสักเพียงใด เขาก็ไม่มีตัวเลือกที่ดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว!
วิญญาณมากกว่าร้อยตนถูกกำจัดไปโดยการตวัดหอกของเขา แต่วิญญาณที่พุ่งเข้ามาก็มีมากเสียจนจำนวนวิญญาณที่ถูกสังหารไปเป็นเพียงหยดน้ำในมหาสมุทรเท่านั้น
ในขณะเดียวกันบุตรแห่งซูซะก็อยู่ห่างออกไปไม่ถึงพันเมตรเท่านั้น!
“เหตุใดเจ้าจึงต้องหนีกัน? เราไม่ได้จะฆ่าเจ้า” บุตรแห่งซูซะเอ่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือก “หากเจ้ากลับไปญี่ปุ่นกับเรา อย่างน้อยเจ้าก็อาจจะได้แต่งตั้งให้เป็นเซนต์ บางที…ชีวิตที่นั่นของเจ้าอาจจะดีกว่าที่จีนด้วยซ้ำ เหตุใดถึงยอมเป็นเพียงปลาเล็กในบ่อใหญ่ในเมื่อเจ้าสามารถเป็นปลาใหญ่ในบ่อน้ำเล็กได้กัน?”
ฉินเย่ยังคงเหวี่ยงหอกของตนออกไปอีกครั้งด้วยแรงที่มากกว่าเดิมและไม่ตอบกลับอะไร ทันใดนั้น พลังหยินที่รุนแรงก็พุ่งออกไปตรงหน้า ส่งผลให้วิญญาณจำนวนมากสลายหายไป เปิดช่องทางที่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรให้ว่างโล่ง
“เจ้ากำลังทำให้เรื่องแย่ลงกว่าเดิม” บุตรแห่งซูซะเอ่ย “ถึงแม้ว่าข้าจะอยู่แค่ขั้นฝู่จวิน แต่มันก็คงใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีในการไล่ตามเจ้า ด้วยประตูนรกที่ยังคงเปิดออกเช่นนี้ เจ้าคิดว่ายังมีวิญญาณขวางหน้าเจ้าอยู่อีกกี่ล้านตนกัน? แล้วเจ้ามีพลังหยินเหลือให้ใช้อยู่อีกสักเท่าใดเชียว?”
ฉินเย่เมินเฉยต่อคำพูดเย้ยหยันและมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่ลังเล เขาปล่อยการโจมตีออกไปอีกครั้ง
และครั้งนี้ มันก็ทรงพลังมากกว่าครั้งก่อนหน้า ส่งผลให้กลุ่มก้อนพลังหยินกระจายไปทั่ว ขณะที่เด็กหนุ่มพุ่งผ่านเส้นทางที่เขาได้สร้างให้ตนเอง แต่ถึงกระนั้น…ระยะห่างระหว่างเขาและบุตรแห่งซูซะกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง!
เขาจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการรวบรวมพลังหยิน ยกหอก และเหวี่ยงมันออกไป
มันไม่ได้ช้ามากนัก แต่มันก็ไม่สามารถหยุดยั้งความตายที่กำลังใกล้เข้ามาได้
เศษตราจ้าวนรกไม่ตอบสนองมามากกว่าหนึ่งนาทีแล้ว และฉินเย่ก็สัมผัสได้ว่าประกายแสงสีทองได้ค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อย
“นี่มันบ้าอะไรกัน?!!”
“ใต้เท้า!!” ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นดินแดนที่ว่างเปล่าตรงหน้า ท่ามกลางโคมไฟสีแดงที่กระจัดกระจาย เขามองเห็นกลุ่มของทัพเกราะทมิฬกำลังวิ่งมาที่ตนอย่างร้อนรน พวกเขารีบพุ่งมาทันทีที่สังเกตเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้น และสิ่งแรกที่พวกเขาเห็นก็คือร่างของบุตรแห่งซูซะที่ไล่ตามฉินเย่มาติด ๆ
ในที่สุดพวกเขาก็ตามมา!
ฉินเย่สูดหายใจเข้าและตะโกนออกไป “หยุดมันซะ!!”
พลังในร่างของเขาถูกใช้จนเกือบจะหมดแล้ว แต่เขาก็ยังพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด
การโจมตีเพียงไม่กี่ครั้งก่อนหน้านี้ได้ทำให้พลังที่เขาสำรองเอาไว้หมดไป และเขาก็รู้ดีว่านี่มีแต่จะทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับฝ่ายตรงข้ามลดลง แต่มันก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะว่าสัญญาณควันที่เขายิงออกไปเมื่อครู่นี้…คือสัญญาณที่เขาส่งให้กองกำลังของตัวเอง!
มันคือสัญญาณที่ใช้เรียกกำลังเสริม! มันเป็นสัญญาณที่บอกเหล่าทหารวิญญาณว่าเขาอยู่ที่ใด!
สัญญาณที่มีพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของจ้าวนรก ไม่มีผู้ใดกล้าละเลยมัน
“รับทราบ!!!” หลังจากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้ที่นครชวีฟู่ ทหารวิญญาณที่มาถึงจึงถือว่าเป็นเหล่าผู้มีฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงกระนั้น… พลังหยินของบุตรแห่งซูซะก็ยังหนาแน่นจนแทบจะก่อตัวเป็นรูปร่าง และแม้แต่เหล่าทหารผู้กล้าเองก็อดไม่ได้ที่ะรู้สึกหวั่นสะพรึง
พวกเขารับรู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา ๆ
“คุ้มกัน!!” ด้วยเสียงตะโกนที่ดังสนั่น ทหารวิญญาณจำนวนมากพุ่งไปด้านหน้าราวกับคลื่นกระแทก พวกเขายกหอกในมือขึ้น ก่อตัวเป็นกองกำลังที่เตรียมพร้อมที่จะปะทะกับศัตรู
ฉินเย่ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เขารู้ดีว่าจะปล่อยให้โลกใต้พิภพของญี่ปุ่นจับตัวไปไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงพุ่งตัวไปข้างหน้าจนเว้นระยะห่างได้ช่วงหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเองในท้ายที่สุด
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…
เสียงหัวใจของเขายังคงดังก้องอยู่ภายในหู และมันก็เป็นตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มสังเกตเห็นว่าตนขนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง โชคดีที่ตอนนี้เด็กหนุ่มสามารถวางใจได้แล้ว เพราะว่าทหารวิญญาณจำนวนมากกำลังพุ่งมาจากจุดที่ห่างออกไป!
การหลบหนีไม่ใช่เรื่องน่าอาย เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อสู้ต่อไป นี่เป็นคติพจน์สร้างความแข็งแกร่งให้กับราชวงศ์
อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ควรเอาแต่ยืนดูการต่อสู้ระหว่างทหารวิญญาณของตนกับบุตรแห่งซูซะ แต่เขาควรรีบเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อและหยิบเศษตราจ้าวนรกออกมาอีกครั้ง
ผ่านไปแล้วสองนาทีครึ่ง… ประกายแสงสีทองที่หุ้มเศษตราอยู่เริ่มจางออกไปมากแล้ว เหลืออีกแค่สองนาทีเท่านั้น… แล้วเขาจะทำให้บุตรแห่งซูซะได้รู้ว่าเจ้าแห่งงานฉลองครั้งนี้ควรจะเป็นใคร!
แต่ทันใดนั้นเอง ด้านหลังของเขาก็พลันเกิดเสียงคำรามที่ดังสนั่น!
ตู้ม!!!
วงคลื่นพลังสีดำสนิทกระจายออกไปทั่วรัศมี 1,000 เมตร ไปจนถึงจุดที่ฉินเย่ยืนอยู่ การระเบิดพลังหยินทำให้เสื้อผ้าและเส้นผมของเขาปลิวไปมาอย่างรุนแรง ไม่กี่วินาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็มองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่า… วิญญาณที่อยู่ภายในรัศมี 1,000 เมตรทั้งหมดสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
เป็นไปได้อย่างไรกัน?! นั่นมันทหารอย่างน้อย 500 นายเลยนะ! ราวกับภาพยนตร์เงียบและสโลว์โมชั่น ฉินเย่ค่อย ๆ หันหลังกลับไป ก่อนจะพบว่าบุตรแห่งซูซะกำลังยืนอยู่กึ่งกลางของการทำลายล้างนั้น พร้อมด้วยประตูนรกขนาดใหญ่ตั้งอยู่เบื้องหลัง
ลูกไฟนรกจำนวนนับไม่ถ้วนลอยไปมาในอากาศ ฝูงวิญญาณ รวมถึงทหารวิญญาณที่พยายามคุ้มกันเจ้าเหนือหัวของตนได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแทบจะเหมือนกับว่าพวกเขาไม่เคยมีอยู่มาก่อน พื้นดินโดยรอบบุตรแห่งซูซะว่างเปล่า และอีกฝ่ายก็ยืนอยู่อย่างสง่างาม ราวกับจ้าวแห่งโลกใต้พิภพ
“คุ้มกัน!!” กำลังเสริมที่เพิ่งมาถึงตะโกนสุดเสียงและพุ่งไปข้างหน้าแม้ว่าจะได้เห็นการทำลายล้างที่เกิดขึ้น การผสมผสานกันของความเงียบสงัดและการเคลื่อนไหวของกำลังเสริมดูทำให้เกิดภาพที่น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก
“ด้วยคำพิพากษาจากนรก เหล่าวิญญาณทั้งปวงจงสูญสิ้น!!!” ครั้งนี้ทหารวิญญาณมากกว่าพันนายพุ่งตรงไปข้างหน้า ทัพเกราะทมิฬนำอยู่แนวหน้า ในขณะที่ทหารวิญญาณที่ถือหน้าไม้ศักดิสิทธิ์เปลวไฟแห่งกรรมอยู่แนวหลัง ในวินาทีนั้น ท้องฟ้าด้านบนถูกแต่งแต้มด้วยลูกศรเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งตรงไปยังบุตรแห่งซูซะ
แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับทำเพียงแค่ยกมือขึ้น “ปราศจากค่ายกลทหาร พวกเจ้าก็เป็นเพียงมดเท่านั้น ประกายแสงของหิ่งห้อย”
บุตรแห่งซูซะชูนิ้วขึ้น
พรึ่บ… ทันใดนั้น เปลวไฟนรกที่อยู่รอบตัวมันก็รวมตัวเข้าด้วยกันจนก่อตัวเป็นลูกบอลไฟขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสิบเมตร แผ่นยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเหนือลูกบอลไฟนั้น ก่อนจะหายวับไป ทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับเป็นการบ่งบอกถึงการมาถึงของความหายนะครั้งใหญ่
ฟึ่บ.… ตู้ม ตู้ม ตู้ม!!
แรงสั่นสะเทือนที่เริ่มต้นจากเล็กน้อยค่อย ๆ ขยายใหญ่และรุนแรงขึ้น ภายในไม่กี่วินาที แรงระเบิดที่ทรงพลังก็ระเบิดออกมาจากลูกบอลไฟนั้น!
วินาทีนั้น โลกทั้งใบพลันเงียบเสียงไป
มันคือการแสดงอำนาจโดยไร้เสียง
ลำแสงสีขาวปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า แบ่งแยกขอบเขตระหว่างคนเป็นและคนตาย แสงสีขาวกระจายตัวเอง สังหารทุกชีวิตที่ยังคงอยู่ภายในขอบเขตของมันด้วยเสียงที่ดังสนั่น
ฉินเย่ทรุดตัวหมอบลงกับพื้นทันทีที่การระเบิดเกิดขึ้น และทันทีที่เขาทำเช่นนั้น ทหารวิญญาณอีกจำนวนนับมากก็กระโจนมาทับร่างของเขาเอาไว้อีกหลายชั้น ในวินาทีสุดท้ายของวิญญาณทั้งหมด เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญก็ดังขึ้นในหูของฉินเย่ “ใต้เท้า…หนีไป!!!”
พื้นดินสั่นสะเทือน ฉินเย่หลับตาลงและกัดฟันแน่น การทำอะไรอย่างเร่งรีบทำให้เกิดข้อผิดพลาด การเตรียมการที่ไม่ดีพอของเขาในวันนี้…ทำให้นายทหารจำนวนมากต้องยอมสละชีวิตของตนเอง ทั้งหมดล้วนเป็นผลมาจากการที่เขาไม่ได้ให้ความใส่ใจเกี่ยวกับกฎการทำงานร่วมกันของหยินและหยางของชุยเจวี๋ย
ไม่เช่นนั้น… ยมทูตนอกอาณาเขตสองตนนี้จะสามารถสร้างความหายนะตรงหน้าของประตูนรกได้อย่างนั้นหรือ?!
“หากข้าสามารถเชื่อมต่อกับยมโลกได้…ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกเจ้าจะต้องเสียใจกับทุกสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำลงไปในวันนี้…” สายลมกระโชกแรงพัดผ่านดินแดน ฉินเย่กำมือแน่น เขาไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของเหล่าทหารวิญญาณที่ใช้ตัวเองเป็นโล่กำบังให้เขาได้อีกต่อไป ทหารทุกนายได้กลายเป็นเพียงลูกไฟนรกไปจนหมดสิ้น เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนจะพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดอีกครั้ง
หลังจากที่เขาพุ่งตัวออกไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงของอาร์ทิสดังขึ้นในหูอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสียงของนางดูอ่อนแรงลงกว่าก่อนหน้านี้มาก “เหตุใดท่านถึงยังไม่กลับไปที่ยมโลกอีก?! ท่านไม่รู้เลยหรือว่าหากท่านถูกจับได้ การเสียสละของเหล่าทหารวิญญาณจะต้องสูญเปล่า?! มันคงจะน่าอับอายเป็นอย่างมาก หากจ้าวนรกแห่งยมโลกถูกกองกำลังของศัตรูจับตัวไป!!”
“ข้าทำไม่ได้!” ฉินเย่กัดฟันแน่น “บางสิ่งบางอย่างได้ปิดผนึกเศษตราจ้าวนรกเอาไว้! ข้าต้องรออีกหนึ่งนาที!”
“บัดซบ…” อาร์ทิสกัดฟัน ก่อนจะสูดหายใจเข้าช้า ๆ “ตรงไปที่สำนักงานของหน่วยสอบสวนพิเศษก่อนก็แล้วกัน”
“การป้องกันของพวกเขาคงจะแข็งแกร่งกว่าที่อื่น ดังนั้นตราบใดที่กองกำลังมนุษย์สามารถต้านศัตรูไว้ได้ เราก็จะมีโอกาสแอบเข้าไปในรอยแยกและกลับสู่ยมโลก!”
ทว่าทันใดนั้น เปลวไฟนรกสีซีดสองดวงก็ลุกโชนขึ้นท่ามกลางกลุ่มควันที่อยู่ด้านหลังของทั้งสอง
อีกฝ่ายเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แล้ว… พวกเขาสัมผัสได้ว่าบุตรแห่งซูซะนั้นอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 500 เมตรเท่านั้น ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางใด ๆ โดยสมบูรณ์
“มันสายเกินไปแล้ว โชคชะตาของเจ้าได้ถูกปิดผนึกไปตั้งแต่พวกเราเปิดเผยร่างที่แท้จริงของตัวเอง ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเจ้าเป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงสามารถมีชีวิตรอดอยู่มาจนถึงบัดนี้ได้?”
หัวใจของบุตรแห่งซูซะอัดแน่นไปด้วยความโกรธ หลายครั้งที่มันถูกขัดขวางแผนการโดยเหล่าผู้ที่กินเห็ดเทียนสุ่ยเข้าไป และการรับมือกับคนเหล่านี้ก็ยากลำบากกว่าวิญญาณทั่วไป!
400 เมตร…300 เมตร…200 เมตร…
เปลวไฟในดวงตาของปีศาจร่างยักษ์ลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง ภายในไม่กี่วินาที มันเอื้อมมือออกไปจากกลุ่มก้อนพลังหยินและพยายามจะคว้าเข้าที่ไหล่ของฉินเย่
ทว่าทันใดนั้น…
ลำแสงสีทองก็ส่องประกายขึ้น และบุตรแห่งซูซะก็ต้องรีบหดมือกลับมาด้วยความตกใจ
พรึ่บ…
กระแสพลังปราณที่น่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายออกมาจากจุดที่อยู่ห่างออกไป ก่อนที่บนพื้นดินจะมีสัญลักษณ์ไทจี๋ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น มันหรี่ตาลงและมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบเข้ากับร่างของชายสูงวัยคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ ณ ใจกลางของสัญลักษณ์ดังกล่าว
ในวินาทีเดียวกัน ฉินเย่ก็สัมผัสได้ถึงการปะทุของพลังปราณที่ทรงพลัง เขารีบหันกลับไปมองด้านหลัง ก่อนจะอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
ขั้นฝู่จวิน…นี่คือผู้ฝึกตนขั้นฝู่จวินของแดนมนุษย์!
ใช่แล้ว… เราสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังไล่ตามเรามาตั้งแต่ที่เราเข้ามาใกล้พื้นที่บริเวณนี้ เป็นเขาเองอย่างนั้นหรือ?
ผู้ฝึกตนขั้นฝู่จวินผู้นี้มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นเลยอย่างนั้นหรือ?
แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เด็กหนุ่มก็ต้องตัวสั่นเทา จากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้า
เดี๋ยวก่อนนะ…
มนุษย์สามารถมองเห็นยมทูตได้อย่างไร?!
แต่การโจมตีเมื่อครู่ไม่ใช่การโจมตีที่เกิดจากโชคช่วย! มันถูกปล่อยออกไปเพื่อหยุดยั้งบุตรแห่งซูซะ! หนึ่งในสามผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนมนุษย์ได้เข้าร่วมสนามรบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่…ทำไมล่ะ?
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงรูปปั้นที่ตั้งอยู่เหนือประตูนรก...รูปปั้นของเขา!