ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 516: จุดจบของโชคชะตา (3)
บทที่ 516: จุดจบของโชคชะตา (3)
โม่ฉางห่าวและโจวเซียนหลงกำลังพุ่งตรงไปที่พื้นที่โครงการพัฒนาเหมาหยวน ในขณะที่อัลบาทรอสเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน “รองผู้อำนวยการครับ ผู้อาวุโสที่ถือครองกระบี่เซวียหยวนกำลังเคลื อนไหวครับ!”
“ไปที่ไหน?” เป็นโม่ฉางห่าวที่ถามกลับไป
“ยังไม่แน่ชัด แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังมุ่งไปทางตอนเหนือของเมืองหวู่หยาง นอกจากนี้…” อัลบาทรอสอีกคนหนึ่งเหลือบมองโทรศัพท์ของเขา ก่อนจะอ้าปากค้าง “ดูเหมือนว่าจะมีวิญญาณขั้นฝู่จ จวินปรากฏตัวขึ้นแถวนั้นด้วยครับ!”
วิญญาณขั้นฝู่จวิน...!
โจวเซียนหลงกัดฟันแน่นขณะที่กวาดมือ สลายวิญญาณญี่ปุ่นทั้งหมดให้สลายไป ใบหน้าของเขาในเวลานี้เคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
ไม่คิดเลยว่าสองขั้นฝู่จวินและสามขั้นตุลาการนรกจะปรากฏตัวขึ้นในเมืองขนาดเล็กและไม่ได้สำคัญอย่างเมืองหวู่หยาง!
“แล้วคุณฉินล่ะ?” โจวเซียนหลงนำหน้าคนทั้งหมด จัดการกับเหล่าวิญญาณให้สลายกลายเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังหยินในทุกเส้นทางที่เขาเคลื่อนตัวผ่าน เขาไม่หยุดลงเลยแม้แต่น้อย ก่อนหน้าน นี้จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือพื้นที่โครงการพัฒนาเหมาหยวน แต่น่าเสียดายที่มันมีสิ่งกีดขวางมากเกินไป พวกเขาไม่เพียงต้องสู้กับเหล่าวิญญาณเร่ร่อนเท่านั้น แต่มันยังมีวิญญาณที่พัฒน นาสามัญสำนึกทางจิตวิญญาณ รวมถึงวิญญาณที่อยู่ขั้นยมทูตขาวดำที่ถูกเรียกออกมาโดยบุตรแห่งซูซะอีกด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างขัดขวางการพุ่งไปข้างหน้าของพวกเขา
“เขาหายไปครับ”
“หายไป?” โม่ฉางห่าวหันกลับไปถามอย่างตกใจ “เขาจะหายไปได้ยังไง? หรือคุณกำลังบอกผมว่าเขาไม่ได้อยู่ในจีนแล้ว?!”
หนึ่งในอัลบาทรอสหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “แต่มันเกิดขึ้นจริง ๆ ครับ… ตำแหน่งของเขาหายไปครับ เป็นไปได้ไหมครับว่า…โทรศัพท์ของเขาอาจจะได้รับความเสียหายในการต่อสู้?”
“การทำลายชิปชิ้นนั้นมันยากมากนะ” สีหน้าของโจวเซียนหลงเคร่งเครียดมากกว่าเดิม “ยิ่งของสิ่งหนึ่งมีขนาดเล็กมากเท่าไหร่ ความเป็นไปได้ที่มันจะได้รับความเสียหายจากการต่อสู้ขนาดใหญ่ ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น”
“บางที…เขาอาจจะหายตัวไปจากพื้นผิวโลกก็ได้”
ด้วยเหตุผลที่แปลกประหลาด หัวใจของเขาพลันสงบลงกับความคิดนั้น
บางทีมันอาจจะดีที่สุดหากคุณจะหายตัวไปตลอดกาล อย่างน้อยมันก็หลงเหลือไว้เพียงความทรงจำที่งดงามของช่วงเวลาที่เราเป็นเพียงครูและศิษย์…
“เดี๋ยวก่อนครับ…” ทันใดนั้นอัลบาทรอสก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “สัญญาณของคุณฉิน…ปรากฏขึ้นอีกแล้วครับ!”
“เหมือนกับก่อนหน้านี้ พวกเราตรวจพบถึงความผันผวนของพลังงานจากร่างของเขา แต่มันไม่ใช่พลังปราณครับ นอกจากนี้…นะ…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!”
ทันใดนั้น โม่ฉางห่าวและโจวเซียนหลงก็แย่งโทรศัพท์ไปจากมือของเขาและจ้องมองไปที่หน้าจอ
ก่อนหน้านี้ พื้นที่ตรงหน้าของประตูนรกได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวหลังจากที่บุตรแห่งซูซะและผู้ถือครองกระบี่เซวียหยวนได้เคลื่อนตัวออกจากแถวนั้น แต่ตอนนี้…มันกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงอีก กครั้ง!
และมันก็ไม่สามารถวัดได้เลยว่ามีวิญญาณปรากฏอยู่มากเพียงใด!
มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นยมทูตได้…
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
แต่โจวเซียนหลงกลับพบว่าลำคอของเขาแห้งผาก สามขั้นฝู่จวินปรากฏตัวขึ้นในเมืองหวู่หยางภายในระยะเวลาสั้น ๆ ได้อย่างไร! เดี๋ยวนะ…มันยังมีอีก!
“ยุติแผนการทั้งหมดที่เกี่ยวกับฉินเย่ไปก่อน” โจวเซียนหลงกัดฟันแน่นและเอ่ยขึ้น “รีบไปรวมตัวกับหัวหน้า พวกเราจะนำความสงบกลับมาสู่เมืองหวู่หยางก่อนแล้วค่อยจัดการกับเรื่องอื่ น!”
……………
กลับมาที่ประตูนรก การต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้แผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบ พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ และเศษอิฐจำนวนนับไม่ถ้วน
วิญญาณที่ถือโคมไฟสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่รอบ ๆ รัศมีสิบกิโลเมตร จ้องมองไปยังประตูบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ราชาผีแห่งพิภพอสูรได้จากไปเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ดังนั้นกลิ่นอายพลังหยินของเขาจึงค่อย ๆ หายไป และนั่นก็ทำให้วิญญาณทั้งหมดสงบลงในที่สุด
เปลวไฟในโคมก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาว ราวกับว่าพวกมันได้เปลี่ยนกลับไปเป็นดวงดาวในทางช้างเผือกอีกครั้ง ลมหายใจของวิญญาณทั้งหมดไม่ถี่รัวอย่างหิวกระหายอีกแล้ว และทั่วทั้งดิน นแดนก็เงียบสงบลงอีกครั้ง
หลังจากค่ำคืนแห่งความวุ่นวาย ในที่สุดเทศกาลวันสารทจีนก็กลับมาสู่เส้นทางของมันอย่างที่ควรจะเป็น วิญญาณที่ถือโคมไฟกระดาษต่างพากันเดินตรงไปยังประตูนรก ธงวิญญาณที่อยู่เหนือบา านประตูปลิวไสวไปมาตามสายลม ในขณะที่โคมไฟสีแดงสดถูกแขวนลงมาจากทั้งสองฝั่งของประตูแล้วแกว่งไกวไปมาเบา ๆ ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนตอนเริ่มต้นอีกครั้ง
แต่ขณะที่ความสงบสุขกลับคืนสู่ดินแดน เปลวไฟในโคมไฟที่พวกวิญญาณถืออยู่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอีกครั้ง!
พรึ่บ…พรึ่บ…พรึ่บ!
แต่ครั้งนี้มันเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม ในระยะเวลาเพียงชั่วพริบตา ลมหายใจของเหล่าวิญญาณเริ่มติดขัด และพวกเขาก็เริ่มกลืนน้ำลายอย่างหิวกระหาย เปลวไฟนรกในดวงตาของพวกเขาลุกโชนอย่า างน่ากลัวขณะที่ทั้งหมดต่างจ้องมองไปยังประตูนรกด้วยความหิวโหย
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความยั่วยวนที่รุนแรงกว่าเดิม!
แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่มีวิญญาณตนใดที่กระทำตามความเย้ายวนนี้เลยแม้แต่น้อย
ฟึ่บ.…
มือจำนวนมากที่ยื่นออกมาจากประตูนรกหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ หดกลับเข้าไปในประตู เหลือทิ้งไว้เพียงความมืดมิดในจุดที่พวกมันหายไปเท่านั้น เห็นได้ชัดเลยว่าบางสิ่งบางอย ย่างกำลังเกิดขึ้นด้านใน
สามวินาที… สองวินาที… หนึ่งวินาที!
ทันใดนั้น มือคู่หนึ่งที่ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟนรกสีแดงเข้มก็ยื่นออกมาจากประตูนรกและโผล่ออกมาจากประตูมิติ จากนั้น ราชาผีแห่งพิภพอสูรก็โผล่หน้าออกมาด้านนอก มองไปรอบ ๆ อย่าง ระมัดระวังราวกับต้องการจะเปิดทางให้กับการมาถึงของเจ้าเหนือหัวของเขา
วินาทีนั้น เหล่าวิญญาณที่อยู่ด้านนอกพลันหายใจหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม แต่ถึงกระนั้นพวกเขากลับไม่กล้าเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาทั้งหมดล้วนเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณของตัวเอง
และสัญชาตญาณของพวกเขาก็บอกว่าหากพวกเขาขยับตัวแม้แต่น้อย พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน…
ราชาผีแห่งพิภพอสูรทาบมือของตนลงบนขอบประตู และจากนั้นประตูมิติที่เขาชะโงกหน้าออกมาก็มืดลงกว่าเดิม ก่อนจะเผยให้เห็นภาพของนครโบราณที่แสนงดงาม
หลังจากทำเช่นนั้น ราชาผีแห่งพิภพอสูรก็ก้าวออกมาและคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นขณะที่ประกาศออกมาเสียงดังลั่น “วิญญาณบาปฉินฮุ่ยขอต้อนรับการมาถึงของท่านจ้าวนรกแห่งยมโลก!”
ทันใดนั้น ลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากใจกลางประตูมิติที่ดูเลือนรางราวกับฝนอุกกาบาตที่ตกลงมายังพื้นโลก!
พลังหยินอันไร้ขอบเขตแพร่กระจายออกมาจากประตูมิติราวกับคลื่นกระแทกที่แผ่ขยายออกไปในระยะไกล เหล่าวิญญาณที่อยู่โดยรอบต่างสั่นเทา ก่อนที่พวกเขาจะรีบคุกเข่าลงกับพื้นในทันที
นี่ไม่ใช่การตอบสนองอย่างมีสติ แต่มันคือสัญชาตญาณ!
สำหรับพวกเขา มันรู้สึกราวกับว่ามีภูเขามากดทับอยู่บนบ่า ทุกเซลล์ในร่างกายพากันกรีดร้องให้พวกเขายอมจำนนต่อการมาถึงของเจ้าเหนือหัวผู้นี้
พรึ่บ…
ลำแสงสีดำทั้งหมดคือร่างของทหารวิญญาณที่ถูกห่อหุ้มอย่างหนาแน่นด้วยพลังหยิน พวกเขาพุ่งตรงลงมาที่พื้น เรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ ธงที่ถูกปักด้วยคำว่า ‘ฉิน’ ปลิวไสวไปในอากาศ ทันทีที่กองกำลังทั้งหมดรวมตัวกัน พวกเขาเองก็เช่นกัน คุกเข่าลงข้างหนึ่งเหมือนกับราชาผีแห่งพิภพอสูร และกู่ร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียง “กองกำลังของยมโลกขอต้อนรับการมาถึงของท่า านจ้าวนรกผู้สูงศักดิ์!”
ทันใดนั้น กรงเล็บขนาดใหญ่ก็ยื่นออกมาจากประตูนรก!
มันลุกโชนไปด้วยเปลวไฟนรกสีม่วงเข้มและปกคลุมไปด้วยเกล็ด ราวกับกรงเล็บของมังกรในตำนาน!
หลังจากนั้น สิ่งมีชีวิตที่มีช่วงหัวเป็นเสือ เขาหนึ่งเขา หูของสุนัข และร่างของมังกรที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ด พร้อมด้วยขนสีขาวราวหิมะบนช่วงหลังก็ก้าวออกมาจากประตูนรกอย่างสง่า างาม
สวรรค์สั่นสะเทือนทันทีที่มันปรากฏขึ้น
วิญญาณทุกตนที่อยู่บริเวณนั้นต่างหมอบลงกับพื้นโดยที่พยายามก้มหน้าให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่นั่นยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
ฉินเย่ยืนอยู่บนหลังของตี้ทิงเหมือนอย่างที่พระกษิติครรภโพธิสัตว์เคยยืน และในมือของเขาก็มีสมุดเก่า ๆ เล่มหนึ่ง ซึ่งพลังหยินที่แผ่ออกมาจากมันนั้นทรงพลังยิ่งกว่าพลังหยิ นของตี้ทิงเสียอีก!
แต่ถ้าต้องพูดกันตามความจริง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับมันนั้นไม่ใช่พลังหยินที่หลั่งไหลออกมา แต่กลับเป็นรัศมีของความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สามารถบรรยายได้ซึ่งแผ่ออกมามากกว่า ม มันแทบจะเหมือนกับว่าทั้งสวรรค์และปฐพีนั้นถูกบันทึกอยู่ภายในสมุดเพียงเล่มเดียว!
มันคือสมุดแห่งความเป็นตายของจริง!
วินาทีนั้น วิญญาณทั้งหมดภายในเมืองหวู่หยางต่างพากันมองไปทางพื้นที่โครงการพัฒนาเหมาหยวน จากนั้น พวกเขาทีละตน ๆ ก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเคารพระคนหวาดกลัว แม้แต่วิญญาณที่ พัฒนาสามัญสำนึกทางจิตวิญญาณก็ยังกรีดร้องออกมาด้วยความหวั่นสะพรึงขณะที่พวกเขาทรุดลงกับพื้นด้วยร่างที่สั่นเทา
แม้แต่วิญญาณญี่ปุ่นที่ลอยไปมาในอากาศทั้งหมดก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน ขณะที่รีบกลับลงไปยังพื้นดิน ก่อนจะคุกเข่าและโค้งคำนับราวกับต้องการจะร้องขอความเมตตาทันที
ในขณะเดียวกัน สัญญาณแจ้งเตือนของสำนักงานหน่วยสอบสวนพิเศษที่อยู่ภายในมณฑลซานตง มณฑลเจียงซู และพื้นที่บริเวณชายฝั่งทั้งหมดต่างดังขึ้นพร้อมกัน
“หนึ่งพันล้าน…ค่าดัชนีพลังหยินหนึ่งพันล้าน?!!!” เจ้าหน้าที่ซึ่งประจำการอยู่ภายในเมืองเถี่ยซูหลินจ้องมองหน้าจอสีแดงภายในห้องสังเกตการณ์ด้วยความตกตะลึง หลังจากผ่านไปสองนาที เขาก็กลับมาได้สติและรีบกดรายงานทันที
ณ เมืองตงขุย ภายในห้องใต้ดินของศาลากลาง เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นเช่นกัน
“คำเตือน คำเตือน ตรวจพบค่าดัชนีพลังหยินสูงกว่าหนึ่งพันล้าน นับเป็นค่าพลังหยินที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ แหล่งกำเนิดของพลังดังกล่าวมาจากเมืองหวู่หยาง ระดับความคุกคาม : ทำ ำลายล้าง แนะนำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในมณฑลซานตง มณฑลฝูเจี้ยน และมณฑลเจียงซูทำการอพยพโดยด่วน… ภัยคุกคามดังกล่าวได้รับการยกระดับผ่านระบบดวงตาสวรรค์โดยตรง ย้ำ…”
เมืองฉิวอัน สำนักงานสาขาของหน่วยสอบสวนพิเศษ เจ้าหน้าที่สอบสวนทั้งหมดถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในตอนตีสี่ ก่อนที่จะจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของตนและฟังเสียงประกาศด้วยความตกตะลึง จากนั นพวกเขาก็รีบลุกจากเตียง สวมเสื้อผ้าและมุ่งหน้าตรงไปยังสำนักงานทันที
เมืองหลายเมืองและเขตหลายเขตภายในจีนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นพร้อมกัน แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ประจำการอยู่ในเมืองเยียนจิงเองก็ถูกปลุกขึ้นมาตอนตีสี่จากสายด่วนที่โทรศัพท์เข้า ามาเช่นกัน ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น พวกเขาก็รีบขึ้นรถที่ได้ถูกจัดเตรียมไว้ให้และมุ่งหน้าตรงไปยังห้องประชุมเพื่อวางแผนยุทธศาสตร์ทันที
แน่นอนว่ายมโลกไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย…
ทหารวิญญาณทั้งหมดยืนหยัดอย่างมั่นคง ฉายให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ของยมโลก
พวกเขาแผ่รัศมีของความแข็งแกร่งและการทำลายล้างที่รุนแรงออกมา และทหารทุกนายก็สามารถบอกได้ว่าตอนนี้ท่านจ้าวนรกของพวกเขากำลังเดือดดาลเป็นอย่างมาก
การปิดล้อมนครชวีฟู่ของยมโลกก่อนหน้านี้นั้นไม่ได้เกิดจากความโกรธ แต่มันคือสงครามของการขยายอาณาเขต จะใช้วิธีการหรือความได้เปรียบอย่างไรก็ได้
แต่ครั้งนี้ การกระทำของฉินเย่นั้นเกิดขึ้นจากความโกรธเพียงอย่างเดียว!
ก่อนหน้านี้ ไม่มีทหารวิญญาณนายใดรับรู้ถึงขอบเขตความแข็งแกร่งของยมโลกเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้การตระหนักถึงความแข็งแกร่งของยมโลกทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก !
ทันใดนั้นเอง ราชาผีแห่งพิภพอสูรก็ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างสั่นเทาขณะที่หมอบกราบอย่างยอมจำนน
“ท่านจ้าวนรกจงเจริญ! ยมโลกจงเจริญ!” เสียงคำรามดังขึ้นจากใจกลางของพื้นที่ก่อสร้าง ฉินเย่พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันไปหาราชาผีแห่งพิภพอสูร ทันใดนั้นราชาผีก็ตัวสั่นเทา “ใต้เท้า … วิญญาณบาปผู้นี้พร้อมรับบัญชา!”
ฉินเย่เลียริมฝีปากของตนเอง “ตอนนี้ที่นี่มีขั้นฝู่จวินอยู่ทั้งสิ้นสามคน รวมถึงตัวเจ้าด้วย”
“บอกข้ามา เจ้าสามารถกำจัดวิญญาณร้ายตนนั้นได้หรือไม่?”
ราชาผีรู้ดีว่าตี้ทิงจะไม่มีทางให้อภัยกับพวกที่ชอบพูดพล่าม ดังนั้นเขาจึงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา “ข้าสามารถทำได้อย่างมากที่สุด ทั้งมนุษย์และวิญญาณพวกนั้นก็ล้วนอยู่ ขั้นฝู่จวินระดับต้นเท่านั้น แต่มนุษย์ที่อยู่ขั้นฝู่จวินผู้นั้นครอบครองพลังของขั้นฝู่จวินระดับสูง เขาถือครองอาวุธที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าสมุดแห่งความเป็นตาย ใต้เท้า เราคว วรสังหารทั้งคู่ในคราวเดียวเลยหรือไม่?”
“ไม่จำเป็น” ฉินเย่เลียริมฝีปากของตน “ไปตามล่าบุตรแห่งซูซะ ข้าต้องการจะสั่งสอนให้มันรู้ถึงผลลัพธ์ของการที่มันกล้าเข้ามากระทำการเช่นนี้ในแผ่นดินจีน!”
“ตามบัญชา”
……
บุตรแห่งซูซะแทบเสียสติ
มันหาลีจองซุกไม่เจอ เมืองหวู่หยางไม่ใช่เมืองเล็ก ๆ ไม่ว่าจะในแง่ใดก็ตาม หลังจากพลาดโอกาสที่จะจับกุมฉินเย่ บุตรแห่งซูซะก็รู้ดีว่าลีจองซุกคือความหวังสุดท้ายของมัน แต่ตอน นนี้นางกลับหายไปไหนก็ไม่รู้!
ตู้ม!!!
มันพุ่งตัวไปอย่างบ้าคลั่ง ปะทะกับฝูงวิญญาณและสลายให้อีกฝ่ายกลายเป็นเพียงผุยผง ความรู้สึกสิ้นหวังเริ่มเข้าเกาะกุมหัวใจขณะที่มันยืนอยู่ท่ามกลางการกวาดล้าง มองไปรอบ ๆ กลุ่มวิญ ญญาณที่กำลังคุกเข่าอยู่ ซึ่งหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง มันก็เงยหน้าขึ้นและตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังสนั่น “ลีจองซุก!!!”
“โผล่หัวของเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!!”
มันรู้ดีว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นการทำให้หญิงสาวรู้ตัว แต่ความกังวล ความโกรธ และความรู้สึกสิ้นหวังที่ผสมปนเปกันอยู่ภายในใจทำให้มันอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
ทันทีที่หานางเจอ ข้าจะฉีกร่างของนางเป็นชิ้น ๆ!
ผู้ฝึกตนขั้นฝู่จวินกำลังไล่ตามมาติด ๆ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาสู้กับอีกฝ่าย บุตรแห่งซูซะมองไปรอบ ๆ อย่างร้อนรนขณะที่พยายามคิดหาทาง แต่แล้วจู่ ๆ แข้งขาของมันก็รู้สึกอ่อ อนแรง
“นี่มัน…” มันชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองยังที่ตั้งของพื้นที่โครงการพัฒนาเหมาหยวน
นี่มัน… มหาสมบัติพื้นฐานของยมโลก!
ในขณะเดียวกัน ผู้ถือครองกระบี่เซวียหยวนก็หยุดชะงักกลางอากาศด้วยความตกตะลึงไม่แพ้กัน กระบี่ในมือของเขาส่งเสียงดังออกมาขณะที่มันเหวี่ยงตัวและชี้ตรงไปที่พื้นที่โครงการพัฒนาเห หมาหยวน
พลังหยินอันไร้ขอบเขตปะทุขึ้นมาจากพื้นที่โครงการพัฒนาเหมาหยวนราวกับการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์ แพร่กระจายไปทั่วทั้งดินแดนอย่างรวดเร็ว!
ค่าพลังหยินอย่างน้อย 500 ล้าน...!
ทันใดนั้น ทั้งชายสูงวัยและปีศาจร่างยักษ์ต่างหันมองไปที่โครงการพัฒนาเหมาหยวนด้วยความหวั่นสะพรึง พร้อมกับความคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัว
กองกำลังของยมโลกเคลื่อนไหวแล้ว!
เหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ได้สร้างความเดือดดาลให้กับยมโลก และในที่สุด ระดับสูงของยมโลกก็เดินทางมาเพื่อเก็บกวาดความวุ่นวายทั้งหมด!
บุตรแห่งซูซะตัวสั่นเทา จากนั้นมันก็รีบพุ่งเข้าไปในหมู่วิญญาณและเร่งการค้นหาของตัวเองทันที
“ลี! จอง! ซุก!!!”