ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 519: หน้าที่ (3)
บทที่ 519: หน้าที่ (3)
ใช่แล้ว… มันยังเหลือลีจองซุกอีกคน…
ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ และเอื้อมมือไปที่หน้าจอ แต่ทันใดนั้นเขาก็ชะงักไป
เขาเกลียดการติดหนี้บุญคุณ ลีจองซุกเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ครั้งหนึ่ง และมันก็เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องตอบแทน
แต่เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยักษ์ทมิฬ
ทันใดนั้น เขารีบออกจากโลกแห่งจิตใต้สำนึกและหันไปกระซิบกับตี้ทิง “ขอให้ข้ายืมพลังของท่านอีกครั้งสิ”
“ข้าทำไม่ได้” ตี้ทิงตอบกลับเสียงเบา “ที่ข้าสามารถเดินทางมายังแดนมนุษย์ก็เพราะว่าข้ายืมพลังของจ้าวนรกองค์ที่สองมาเท่านั้น โปรดอย่าลืมว่าข้ายังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บสาหัส อยู่ และมันก็ไม่มีทางที่ข้าจะสามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจชอบได้ ข้าไม่แม้แต่จะสามารถกลับไปยังยมโลกเพื่อรักษาบาดแผลของตัวเองด้วยซ้ำ”
ฉินเย่ขมวดคิ้วยุ่ง ลีจองซุกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต แต่การมุ่งหน้าไปที่นั่นอย่างไม่คิดก็มีแต่จะนำความตายมาสู่เขา
“แต่… มันยังมีใครบางคนที่สามารถช่วยเจ้าได้”
“ใคร?”
ตี้ทิงเหลือบมองไปยังราชาผีแห่งพิภพอสูร
“แต่มันมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง” ตี้ทิงเอ่ยต่อ “พลังหยินของเขาอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้าย และมันก็ไร้ซึ่งความชอบธรรมของยมโลก”
……………
“อ๊ากกกกก!!!” ร่าง ๆ หนึ่งกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนขณะที่มันพุ่งตัวไปในอากาศ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แข็งแกร่ง…แข็งแกร่งมาก!
ยมทูตของจีนยังคงแข็งแกร่งเหมือนอย่างที่พวกเขาเคยเป็นมา! ยิ่งระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่ายสูงมากเท่าไหร่ ช่องว่างระหว่างความสามารถของพวกเขาก็จะยิ่งมากขึ้น! เขาเป็นเพียงคนเดียว ที่ได้เห็นการโจมตีอันทรงพลังของตี้ทิงด้วยตาของตัวเองในขณะที่พวกเขากำลังจะหลบหนี
มันคิดว่าตัวเองจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่แล้ว…พี่ชายของมันกลับแยกร่างของพวกมันออกจากกันเพื่อที่มันจะได้หลบหนีมาได้
“อ๊ากกกกก!!!!” มันกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งขณะที่มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ชายฝั่งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่กล้าที่จะเกลียดชังแผ่นดินจีนด้วยเหตุผล ลเพียงแค่เพราะว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ
กลับกัน บุคคลที่มันเกลียดที่สุดในเวลานี้กลับไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลีจองซุก!
หากไม่ใช่เพราะการขัดขวางของนาง การปฏิบัติการของพวกมันในคืนนี้คงจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแล้ว! ยักษ์ทมิฬตัวสั่นเทาเพียงแค่คิดถึงจุดจบที่ผู้เป็นพี่ของเขาจะได้รับ
มันพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด ถึงแม้ว่าคาราสุเท็งงุจะแยกร่างของพวกมันออกจากกันได้ทันเวลา แต่มันก็ยังได้รับบาดเจ็บการจากโจมตีอันทรงพลังของตี้ทิงอยู่ แค่ข้อเท็จจริ งที่ว่ามันสามารถหลบหนีด้วยความเร็วสูงสุดมาเป็นระยะเวลากว่าห้าวินาทีเต็มก็ถือว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว
มันเข้าใกล้ชายขอบของเมืองหวู่หยางมากขึ้นเรื่อย ๆ มันมองไปรอบ ๆ ด้วยฟันที่กัดแน่น ก่อนจะสังเกตเห็นวัดที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนเขา
ตู้ม!
มันรีบมุ่งหน้าตรงไปยังวัดแห่งนั้นทันที มันเสื่อมโทรมมากแล้ว แม้แต่พระพุทธรูปที่อยู่ ณ ใจกลางวัดก็เหลืออยู่บนถึงครึ่งร่างเท่านั้น ใยแมงมุมปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วทุกที่ เนื่องจา ากไม่มีที่อื่นให้หลบหนี ยักษ์ทมิฬจึงรีบเข้าไปซ่อนตัวในวัดเพื่อพักหายใจ หน้าอกของมันกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงขณะที่มันหอบหนัก
ทว่าทันใดนั้นมันก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น จากนั้นร่างของมันก็สั่นเทา
ตายแล้ว…คาราสุเท็งงุตายแล้ว!
ในวินาทีนั้น ภายในใจของมันพลันเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจและหวาดกลัว ระหว่างมันและคาราสุเท็งงุมีสายสัมพันธ์ที่พิเศษกันอยู่
“อ๊ากกกก!!!!”
มันยกมือกุมอกของตัวเอง เสียงร้องแห่งความโกรธแค้นดังก้องไปทั่ววัดที่ทรุดโทรมนั้นเหมือนกับเสียงร่ำไห้ของเหล่าวิญญาณในยามค่ำคืนไม่มีผิด
คาราสุเท็งงุและยักษ์ทมิฬคือบุตรชายฝาแฝดหนึ่งในวิญญาณที่ทรงพลังที่สุดในโลกใต้พิภพของญี่ปุ่น ยักษ์ทมิฬไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะต้องสูญเสียพี่ชายร่วมสายเลือดของตนเองที่ จีน ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เหนือความควบคุม ส่งผลให้ผู้ที่เคยใช้ชีวิตมาหลายพันปีมาด้วยกันกับมันต้องตายไป มันเป็นความสูญเสียที่ทำให้จิตใจแทบแหลกสลาย ภายในใจของมันในตอนนี้เต็มไ ไปด้วยความเจ็บปวด
วิญญาณไม่มีน้ำตา ดังนั้นสิ่งที่หลั่งไหลออกมาจากดวงตาของมันจึงเป็นพลังหยินที่หนาแน่น หลังจากวินาทีแห่งความโศกเศร้าผ่านไป ยักษ์ทมิฬก็กัดฟันแน่นและพยุงร่างของตัวเองให้ลุกขึ้ นยืนอีกครั้ง
ไม่…มันจะหยุดลงตอนนี้ไม่ได้!
คาราสุเท็งงุได้เสียสละชีวิตของตัวเองให้มัน มันจะทำให้อีกฝ่ายผิดหวังไม่ได้!
แต่…มันจะไปที่ไหนได้?
ภายในหัวของมันสับสนไปหมด แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังคงเดินกลับไปที่ทางเข้าของวัดด้วยลมหายใจที่ติดขัด ทว่าเมื่อมันเดินไปถึงที่ประตู มันก็ชะงักไป จมูกของมันขยับไปมาเล็กน้อย
กลิ่นของมนุษย์…
แถม…ยังเป็นกลิ่นที่คุ้นมากเสียด้วย…
นี่มัน…
ลีจองซุก!
ตู้ม! พลังหยินปะทุออกมาจากร่างของมันขณะที่มันหันหลังกลับมา จ้องลึกเข้าไปในความมืดมิดของวัดด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธที่ลุกโชนอยู่ภายในดวงตา กรงเล็บของมันยืดยาวขึ้นขณะที่มื อทั้งสองข้างสั่นเทาด้วยความโกรธ
พึ่บ!
ประกายแสงเย็นวาบกระจายตัวไปทั่วทั้งวัด และจากนั้น วัดที่ทรุดโทรมก็พังทลายลง
เมื่อเศษฝุ่นและดินค่อย ๆ สลายไป มันก็เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องหลังพระพุทธรูปที่พังทลาย
เธอเม้มริมฝีปากและกระชับมือที่ถือปืนของตัวเองให้แน่นขึ้น
“ลีจองซุก…” ความโกรธแค้นภายในใจเดือดพล่านขึ้นขณะที่ยักษ์ทมิฬตะโกนออกมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าทำให้ข้าโมโหมากเพียงใด?!”
ร่างของลีจองซุกสั่นเทาอย่างรุนแรง เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาพบกับยักษ์ทมิฬเร็วขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ตนสามารถหลบหนีมาได้สำเร็จ
“ถ้าฉันทำให้คุณโมโหมากขนาดนั้น คุณจะตามหาฉันทำไมกัน?” เธอพยายามยื้อเวลา หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากองกำลังของยมโลกจะมาถึงทันเวลา
แต่เราจะสามารถยื้อได้ถึงตอนที่พวกเขามาถึงหรือเปล่า…?
ยักษ์ทมิฬกำลังเดือดดาลและคับแค้นเป็นอย่างมาก มากจนลืมถึงสถานการณ์อันตรายที่ตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่ไปชั่วขณะ มันเดินเข้าไปหาลีจองซุกทีละก้าว ๆ ทิ้งไว้เพียงรอยร้าวอันน่าสะ ะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นบนพื้น พลังหยินที่หลั่งไหลออกมาจากร่างของมันหนาแน่นมากกว่าที่เคยเป็นมา
“เพราะเจ้า…”
“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า!!”
พรึ่บ!
เสื้อคลุมของมันกระพืออย่างรุนแรงขณะที่เงาดำภายใต้เท้าของมันสั่นเทาเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาสีแดงก่ำจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าใส่ลีจองซุกราวกับเงาแห่งความโกรธ
“คาราสุเท็งงุคงไม่ตายหากเจ้าไม่เข้ามาขัดขวางแผนการของเรา!!”
“เหตุใดจึงไม่ยอมอยู่เฉย ๆ และทำตัวดี ๆ?!!”
“เหตุใดจึงต้องพยายามขัดขืน?!”
“เจ้าสมควรตาย…เจ้าจำต้องตาย ที่นี่ เดี๋ยวนี้เลย!!”
เงาจำนวนมากร่ายรำไปมาราวกับอสรพิษที่โผล่ออกมาจากถ้ำงู ลีจองซุกอ้าปากค้างด้วยความหวั่นสะพรึงและกลับหลังหันเพื่อเตรียมจะหลบหนี เธอรู้สึกสิ้นหวัง ทำไมเธอถึงต้องบังเอิญมาเจอกับ ยักษ์ทมิฬในซากปรักหักพังของวัดแห่งนี้ด้วย?
“หนีอย่างนั้นหรือ?!” ยักษ์ทมิฬเงยหน้าขึ้นและหัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ “เจ้ากล้าหลบหนีเมื่ออยู่ต่อหน้าตุลาการนรกอย่างนั้นหรือ?!”
ฟึ่บ!
พร้อมด้วยเสียงคำรามแห่งความโกรธ เงาจำนวนมากพุ่งเข้าหาลีจองซุก รัดเท้าทั้งสองข้างของเธอเอาไว้และลากหญิงสาวกลับมา
“หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้ายังมีประโยชน์… เจ้าคงจะตกอยู่ในสภาพที่แย่ยิ่งกว่าตายไปแล้ว!!” ยักษ์ทมิฬคำรามออกมาขณะที่จ้องมองไปยังแผ่นหลังของลีจองซุก “อ้อ…ใช่ เจ้า าไม่กลัวความตาย แต่…ถ้าเป็นสิ่งนี้เล่า…”
มันขยับนิ้วของตัวเองช้า ๆ และหนึ่งในเงาดำที่จับแขนของลีจองซุกเขาไว้ก็ยกขึ้นเล็กน้อย กร็อบ... ลีจองซุกส่งเสียงครางอู้อี้ออกมา แขนของเธอถูกบิดไปด้านหลังอย่างแรง
ทันใดนั้น เธอก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนไปถือปืนด้วยมือข้างซ้าย ก่อนที่เธอจะยกมือจ่อเข้าที่อกอย่างไม่ลังเล
หากต้องตาย เธอก็ขอตายอย่างมีเกียรติ!
“อย่าฝัน” ยักษ์ทมิฬเอ่ยเสียงดังขณะที่เงาอีกร่างหนึ่งก็จับเข้าที่แขนซ้ายของเธอนิ่ง ส่งผลให้เธอไม่สามารถขยับไปไหนได้ หญิงสาวที่เห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาและหลับตาลงอย่า างสิ้นหวัง
จบแล้วอย่างนั้นเหรอ?
สุดท้ายแล้ว… เธอก็ยังคงเป็นแค่มนุษย์สินะ?
ตู้ม!! ทันใดนั้น แหล่งพลังอันไร้ขอบเขตสองแหล่งก็ปะทุออกมา ยักษ์ทมิฬส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ ขณะที่หญิงสาวเพียงประหลาดใจเมื่อพบว่า
…
เธอยังมีชีวิต?
ในที่สุดเธอก็สามารถขยับตัวได้แล้ว!
ร่างสองร่างปรากฏตัวขึ้นบนฟ้า ตามมาติด ๆ โดยคนหลายสิบคนที่ยืนอยู่บนพื้นด้านหลังพวกเขา พลังหยินที่ลอยอยู่ในอากาศถูกดันออกไปโดยพลังปราณที่แผ่ขยายออกมาจากมนุษย์ที่เพิ่ มล้อมรอบวัดเอาไว้
โจวเซียนหลงจับจ้องไปยังร่างของยักษ์ทมิฬขณะที่ถามคนของตน “เขาอยู่ไหน?”
วิญญาณตนนี้…ทรงพลังมาก!
เขาเกรงว่านี่คงจะเป็นวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเผชิญหน้ามาในชีวิตการทำงานของตัวเอง!
“เขาอยู่ที่นี่ครับ” อัลบาทรอสคนหนึ่งมองโทรศัพท์ของตัวเอง “พวกเขาติดตามตำแหน่งของเขา อีกฝ่ายมุ่งหน้ามาที่นี่เมื่อประมาณสิบนาทีก่อน และ…พลังของเขาก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ย ๆ!
หลินฮั่นขมวดคิ้ว “ใครครับ?”
อัลบาทรอสคนนั้นเหลือบมอง “เป้าหมาย”
“อย่าถามเลย” ซู่เฟิงส่ายหน้า “นายควรจะรู้ดีว่าไม่ควรถามอะไรจากอัลบาทรอส ช่างเถอะ…นายไม่คิดเหรอว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้นั้นน่าสนใจยิ่งกว่า?”
สองผู้ฝึกตนขั้นตุลาการนรกและขั้นนักล่าวิญญาณอีกหลายสิบกำลังล้อมรอบซากปรักหักพังของวัดเอาไว้จากรอบด้าน แต่ยักษ์ทมิฬกลับทำแค่กวาดสายตาไปรอบ ๆ และแค่นหัวเราะออกมาอย่างดูถู ก
“หึหึหึ… ฮ่า ๆๆๆ!!” ยักษ์ทมิฬหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง มันมองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “หนึ่ง สอง สาม สี่… มีคนตั้งหลายสิบคนสามารถมองเห็นข้า ดี…ดีมาก! ไม่คิดเลยว่าผู ที่จะได้เห็นผลงานชิ้นสุดท้ายของข้าจะเป็นมนุษย์! ช่างน่าขันเสียจริง!”
โม่ฉางห่าวที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยออกมาเสียงเข้ม “แดนมนุษย์ไม่มีที่สำหรับคุณ”
“ข้าอยากรู้จริง ๆ” ยักษ์ทมิฬยังคงนิ่งเฉยขณะที่เขาปล่อยให้วงล้อมของมนุษย์ทั้งหมดเข้ามาใกล้ตัวเองมาขึ้นเรื่อย ๆ “พวกเขาสามารถมองเห็นข้าได้อย่างไร? หากพูดกันตามหลักการแล้ว มน นุษย์ไม่ควรที่จะสามารถมองเห็นยมทูตได้เลยสักนิด”
โจวเซียนหลงหยิบใบไม้ใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและโบกมันไปมาตรงหน้าของตัวเอง “เมื่อ 2,000 ปีก่อน บรรพบุรุษของพวกเขาได้ปลูกต้นท้อขึ้นบนภูเขาชิงเฉิง หลังจากผ่านไปพันปี ต้นท้อต้ นนั้นก็เหี่ยวแห้งไป แต่มันก็ยังมีชีวิต หลังจากนั้น ใบไม้สีเขียวสองใบก็จะเติบโตขึ้นบนต้นท้อที่เหี่ยวแห้งนั้นในทุก ๆ สิบปี ผู้ใดก็ตามที่นำใบไม้เหล่านี้มาถูที่เปลือกตาจะมี ความสามารถในการมองเห็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า”
“นี่คือสิ่งล้ำค่าที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้หากไม่ได้รับคำอนุญาตจากระดับสูง ตอนนี้ในจีนมีใบไม้พวกนี้อยู่ไม่ถึง 300 ใบเท่านั้น และวันนี้ผมก็ได้รับอนุญาตให้ใช้ใบไม้ดังกล่าวจำนวน 20 ใบในการปฏิบัติภารกิจในวันนี้ แต่น่าเสียดาย เพราะใบไม้พวกนี้ มันทำให้ผมได้เห็น…สิ่งที่ผมไม่อยากจะเห็นเลยแม้แต่น้อย”
“อย่างนี้นี่เอง…” ริมฝีปากของยักษ์ทมิฬยกยิ้มขึ้น และจากนั้นดวงตาของมันก็ลืมขึ้น
ภายในตาของมันไม่มีเปลวไฟนรกลุกโชนอยู่อีกต่อไป กลับกัน มือสีดำสองข้างกลับยื่นออกมา ในขณะที่เสียงของมันแหลมสูงและมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น “ข้าดีใจที่พวกเจ้าทั้งหมดจะไปรับใช้ ข้า…หลังจากที่ตายไปแล้ว…”
ตู้ม!!! ทันใดนั้น พลังหยินที่รุนแรงก็พรั่งพรูออกมาจากทวารทั้งเจ็ด อย่างไรก็ตาม มันแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง มันทรงพลังจนแม้แต่สวรรค์และปฐพียังต้องสั่นสะเทือน!
มันไม่ใช่พลังหยินของยักษ์ทมิฬ!
“ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะสามารถทำให้บุตรของข้าขอร้องไปยังแผ่นดินแห่งความมืดมนเพื่อยืมพลังของข้าได้ ดูเหมือนว่า…เขาจะถูกต้อนให้จนมุมแล้วจริง ๆ…”
ยักษ์ทมิฬยกมือขึ้นปิดปากขณะที่หัวเราะออกมา “การใช้วิชานี้จะทำให้ผู้ใช้ต้องตกอยู่ในห้วงนิทราเป็นระยะเวลาหนึ่งร้อยปี มันคือไพ่ตายสุดท้ายที่ถูกซ่อนเอาไว้ ระยะเวลาหนึ่งร้อยปี เพื่อแลกกับพลังอำนาจเพียง 15 นาที แต่…”
“มันก็เพียงพอแล้วที่จะกำจัดขยะอย่างพวกเจ้า”
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
พลังหยินหลายชั้นปะทุออกมาจากร่างของยักษ์ทมิฬ บดบังกลุ่มเมฆและดวงจันทร์บนฟ้าไปจนหมดสิ้น ใบหน้าของมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนปราฏขึ้นในกลุ่มก้อนพลังหยินนี้ ส่งเสียงร้องออกมาอย่าง งโหยหวน ราวกับพวกเขากำลังทุกข์ทรมานอยู่ในขุมนรกอันไร้ที่สิ้นสุด!
“นี่มัน…” โจวเซียนหลงแน่นิ่งไปเมื่อคลื่นพลังหยินหลั่งไหลมาที่พวกตน แต่ไม่นาน เขาก็ได้สติและหันกลับไปสั่งคนของตัวเอง “วิ่ง!!!”
“ขั้นฝู่จวิน?!” โม่ฉางห่าวเองก็แน่นิ่งไปกับสิ่งที่เห็น ก่อนจะตะโกนออกมาสุดเสียง “ถอย!!!”
“พยายามจะหนีอย่างนั้นหรือ?” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มก้อนพลังหยินนั้น “เป็นเพียงแค่มนุษย์แต่กลับกล้าทำตัวหยิ่งยโสเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าได้อย่างไรกัน?”
พรึ่บ…!
ทันใดนั้น มือจำนวนมากก็โผล่ออกมาจากกลุ่มก้อนเมฆพลังหยินอันดำมืด ส่งเสียงร้องโหยหวนขณะที่พยายามจะคว้าร่างของเหล่าเจ้าหน้าที่สอบสวนเอาไว้ พลังของพวกมันรุนแรงจนทำให้เริ่มมีรอ อยร้าวปรากฏขึ้นในอากาศ!
ทว่าในวินาทีนั้น เปลวไฟนรกสีแดงเข้มก็ลุกโชนขึ้น จากนั้น ดาบเพลิงจำนวนมากก็ตกลงมาจากฟากฟ้า พุ่งผ่านอากาศและฟันลงที่แขนซึ่งก่อตัวขึ้นจากพลังหยินอย่างรวดเร็ว!
“ขั้นฝู่จวิน?! ขั้นฝู่จวินของจีน?!” เสียงผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องออกมาสุดเสียงขณะที่นางรีบดึงกลุ่มก้อนพลังหยินของตัวเองกลับคืนมา เหล่าเจ้าหน้าที่สอบสวนทั้งหมดเองก็ตกตะลึงไปเมื อพวกเขาหันไปมองยังแหล่งกำเนิดของเปลวไฟนรกสีแดงเข้มนั้น
พวกเขาเห็นยมทูตตนหนึ่งกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ สวมหมวกของจงขุยและเสื้อคลุมราชสำนักสีดำยาว ร่างทั้งร่างลุกโชนด้วยเปลวไฟนรก กระแสลมรุนแรงพัดอยู่โดยรอบ นำพาเสียงร้องโหยหวนข ของเหล่าวิญญาณให้ดังขึ้น เขาดูสง่างามและยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ แทบจะเหมือนกับว่าเขาคือตัวแทนของยมโลกเลยทีเดียว
ฉินเย่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวขณะที่มองไปรอบ ๆ ด้วยความตกตะลึง ทำไมหน่วยสอบสวนพิเศษถึงมาอยู่ที่นี่?
ทำไมหลินฮั่นกับซู่เฟิงถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วคนพวกนี้มองเห็นยมทูตได้อย่างไร? นี่มันเป็นไปไม่ได้!
แล้วยักษ์ทมิฬสามารถใช้พลังของขั้นฝู่จวินได้อย่างไร?
การพลิกผันที่ถูกกำหนดโดยโชคชะตามักมาบรรจบกันในจุดที่ไม่คาดคิดมาก่อน!