ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 521: หน้าที่ (5)
บทที่ 521: หน้าที่ (5)
บัดซบ…บัดซบที่สุด!!!
ความโกรธภายในใจของฉินเย่พรั่งพรูออกมา ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการผสมผสานกันระหว่างความปรารถนาในการสังหารวิญญาณตรงหน้าและความคับแค้นใจ
ความประมาทและความดื้อรั้นของเด็กหนุ่มทำให้เขาพลาดที่จะระวังเกี่ยวกับกฎการทำงานร่วมกันของหยินและหยางของชุยเจวี๋ยและการเปิดของประตูนรกในแดนมนุษย์
อีกทั้งสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิมก็คือการขาดการเตรียมการของเขาได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อยักษ์ทมิฬและคาราสุเท็งงุมาที่แดนมนุษย์ และมันทำให้ทุกสิ่งทุกอย่ างตกอยู่ในความโกลาหล…
เขาควรจะจบค่ำคืนของเทศกาลวันสารทจีนด้วยการรับเหล่าวิญญาณดวงใหม่กว่าล้านตนเข้ามาสู่ยมโลก แต่ตอนนี้มันกลับเหลือวิญญาณอยู่เพียงไม่กี่ร้อยตนเท่านั้นที่ยืนอยู่หน้าประตูนร รกในเวลานี้ เขาตามยักษ์ทมิฬมาทัน แต่มันกลับเป็นชั่วโมงแม่มดเสียแล้ว แถมมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปปิดประตูนรกก่อนที่รุ่งอรุณจะมาถึง…
มันเป็นเหมือนกับปฏิกิริยาลูกโซ่ โดมิโนตั้ง ๆ กำลังล้มลง สิ่งเดียวที่เขาจะสามารถทำได้ก็คือ…ช่วยลีจองซุกอย่างนั้นหรือ?!
เด็กหนุ่มไม่ต้องการให้ทุกอย่างจบลงแบบนี้!
ยักษ์ทมิฬอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว! เขาจะสามารถระบายความโกรธทั้งหมดลงที่คาราสุเท็งงุเพียงตนเดียวได้อย่างไร?!
ฉินเย่กัดฟันกรอดและกวาดตามองไปรอบ ๆ มองดูว่ามีใครที่จะสามารถช่วยตนสังหารปีศาจตรงหน้าได้ภายใน 20 นาทีบ้าง?
แต่น่าเสียดาย โจวเซียนหลงและโม่ฉางห่าวนั้นอยู่แค่ขั้นตุลาการนรก ส่วนคนอื่น ๆ ก็เป็นเพียงนักล่าวิญญาณ ไม่ต่างอะไรกับอาหารสำหรับยักษ์ทมิฬเลยสักนิด!
นี่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยอีกฝ่ายไปอย่างนั้นหรือ?
เขามองตาผู้หญิงในชุดกิโมโน ก่อนจะพบว่านางกำลังมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ทันใดนั้น ริมฝีปากของนางก็แยกออกเล็กน้อยขณะที่นางแสดงสีหน้าตกตะลึง
นางเห็นลีจองซุกขยับ อกของลีจองซุกเปื้อนไปด้วยเลือด และอีกฝ่ายก็กำลังเอนหลังพิงอยู่กับต้นไม้ กวักมือเรียกฉินเย่ด้วยความลำบาก ราวกับมีบางอย่างที่จะพูดกับเขา
แววตาของนางหม่นลง และริมฝีปากของสั่นเทา เลือดไหลออกมาจากมุมปาก
นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร?!
ฉินเย่ถึงกับตกตะลึง…
นี่เขา…ทำอะไรไม่สำเร็จเลยอย่างนั้นหรือ?!
ใช่แล้ว เมื่อครู่นี้พวกเขาลืมถึงการมีอยู่ของลีจองซุกไปชั่วขณะเนื่องจากการปะทะที่รุนแรงเมื่อครู่
เท้าของเขาขยับเล็กน้อย แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้ขยับตัว เงาของลีจองซุกก็ลอยขึ้นจากพื้น และกลายเป็นร่างที่คล้ายกับผู้หญิงที่อยู่ในดวงตาขนาดใหญ่
ภายในหัวของฉินเย่ว่างเปล่าในฉับพลัน…
เขารีบหันกลับไปมองที่ดวงตาขนาดใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะพบว่ามันได้หายไปในกลุ่มก้อนพลังหยินพร้อมกับแสงของรุ่งอรุณแล้ว และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้อยู่ ณ ใจกลางของดวงตาอีกต่อไป!
“เจ้ากล้าดีอย่างไร!!” ทันใดนั้น ความโกรธ ความเศร้า และความแค้นที่สั่งสมอยู่ภายในใจของฉินเย่ก็ระเบิดออกมา เด็กหนุ่มคำรามด้วยเสียงที่ดังก้องขณะที่พุ่งตัวไปข้างหน้า ทว่าน่าเสียดา ายที่เขายังช้าเกินไปก้าวหนึ่ง
“ปล่อยพวกข้าไป!!” วินาทีนั้น ผู้หญิงในชุดกิโมโนก็ยื่นมือไปบีบคอของลีจองซุกเอาไว้ ส่งผลให้เลือดไหลออกมามากกว่าเดิม
มือที่ยื่นออกมาของลีจองซุกร่วงลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงทันที ดวงตาของเธอเริ่มพร่าเลือนและมัวหมอง
ฉินเย่พูดอะไรไม่ออก เขากัดฟันกรอดและจ้องเขม็งไปยังวิญญาณญี่ปุ่น
ทำไม…
ทำไม! ทำไม! เพราะอะไรกัน?!!
เขายังพยายามไม่พออย่างนั้นหรือ?
เขายังขาดอะไรอีก?!
เขายอมแบกรับความรับผิดชอบในฐานะจ้าวนรก เขายอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่โอกาสที่สมบูรณ์แบบอย่างการเปิดประตูนรกกลับถูกทำลายด้วยความประมาทของเขาเ เอง ทุกสิ่งทุกอย่างในยมโลกเป็นไปอย่างราบรื่นมาโดยตลอด แล้วทำไมเขาถึงไม่นึกถึงข้อเท็จจริงที่ว่าหยินและหยางคือคนละด้านของเหรียญ?!!!
ก้อนแห่งความเจ็บปวดขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปยังท้องฟ้าด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะที่กระชับมือที่จับรอบด้ามจับของเคียวแน่นขึ้น
ไม่ได้เสียใจกับการที่ต้องสูญเสียลีจองซุกไป ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้ลึกซึ้งแบบนั้น นี่เป็นเพียงฟางเส้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ ตั้งแต่ผ่านช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ความรู้สึกมากม มายได้ก่อตัวขึ้นภายในใจของเขา หมักหมมกันก่อนจะถูกจุดประกายและเตรียมพร้อมที่จะระเบิดออก
และลีจองซุกก็คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่จำเป็นในปฏิกิริยาลูกโซ่นี้
“ไปซะ!!!!” ผู้หญิงในชุดกิโมโนกรีดร้องออกมา เสื้อผ้าของนางกระพืออย่างรุนแรงจากพลังหยินที่ปะทุออกมา ในขณะที่พื้นดินที่นางยืนอยู่เริ่มปรากฏรอยร้าวที่แพร่กระจายออกไปในทุกทิศทา าง ฉินเย่อาจจะกำลังสิ้นหวัง แต่ตอนนี้นางคือผู้ที่กำลังวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
การปรากฏตัวของนาง…จะคงอยู่ได้อีกแค่สองนาทีเท่านั้น!
เมื่อคิดได้ดังนั้น มือที่กำรอบลำคอของลีจองซุกก็กำแน่นขึ้น ส่งผลให้ลีจองซุกร้องออกมาอย่างน่าสังเวช
ฉินเย่ก้มหน้าลง
เขาตัดสินใจแล้ว
เขา…จะไปจากที่นี่
นี่คือหน้าที่ของเขาในฐานะของจ้าวนรก เขาจำเป็นจะต้องเสียสละลีจองซุกในเหตุการณ์ที่พลิกผันนี้
“ข้าขอโทษ” เขาหลับตาลง และน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็สั่นเครือเล็กน้อย “ข้าทำให้เจ้าผิดหวัง”
เสียงที่เอ่ยออกมานั้นแผ่วเบาทว่าชัดเจน จากนั้น ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็พบว่าสมาชิกของหน่วยสอบสวนพิเศษต่างกำลังจ้องมองมาที่ตนด้วยความตกตะลึง
โจวเซียนหลงส่ายหน้าไปมา แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายเองก็ฉายชัดถึงความตกตะลึง ในขณะที่อัลบาทรอสที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงพร้อมกับมือที่สั่นเทา
หลินฮั่นและซู่เฟิงเองก็กำลังจ้องมองมาที่ฉินเย่ด้วยปากที่อ้ากว้าง ทั้งสองก้าวถอยหลังออกไปเล็กน้อย ราวกับต้องการหลบหนีออกจากความเป็นจริงที่เพิ่งได้รับรู้ ริมฝีปากของพวกเขาส สั่นระริกเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันถูกกำหนด
ฉินเย่อยากจะอธิบาย แต่เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร
เขา…ได้พูดออกไปแล้ว
ทันใดนั้น ความเงียบที่แสนจะตึงเครียดก็ถูกทำลายด้วยเสียงดังลั่นของบางอย่าง เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งลง ฉินเย่ชะงักไป ก่อนจะหันมองยังแหล่งที่มาของเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว
เขาสลักทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองได้เห็นในชั่วพริบตานั้นไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ต้นไม้เอนลงมา ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลาย และ…ลีจองซุกที่ถือปืนไว้ในมือ
ปลายกระบอกปืนถูกจ่อไปที่อก และเลือดก็สาดกระเซ็นไปทั่วทุกที่
แต่ถึงกระนั้น เธอกลับเผยรอยยิ้มบาง มันเป็นสีหน้าที่แสดงถึงความสมหวังและพึงพอใจ
“การช่วยฉัน…คือ…ความเป็นห่วงส่วนตน…” เธอเอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก “สิ่งที่คุณเลือก…คือหน้าที่…”
“น่าเสียดาย…ฉันนึกว่า…ตัวเอง… จะได้…มีชีวิตอยู่ต่อ… แต่… อย่างน้อย… ฉันก็ได้ตาย…อย่างมีเกียรติ…”
“ชีวิต… ในชาตินี้ของฉัน… ไม่เสียเปล่า…”
ศีรษะของเธอตกลงก่อนที่เธอจะเอ่ยประโยคสุดท้ายจนจบ
เงียบสนิท…
คนทั้งหมดที่เห็นต่างแน่นิ่งไป และในเสี้ยววินาทีต่อมา หญิงในชุดกิโมโนก็กรีดร้องออกมาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวขณะที่นางใช้กรงเล็บทั้งห้าของตัวเองแทงเข้าไปในศีรษะของลีจองซุ ก “[ภาษาญี่ปุ่น] นังสารเลว!!!”
“กล้าดีอย่างไรถึงตาย?!! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงฆ่าตัวตายแบบนี้?!!”
ตู้มมม!!!
ความโกรธที่รุนแรงของนางทำให้พลังหยินจำนวนมหาศาลปะทุออกมาจากร่าง และส่งผลให้เสื้อผ้าที่สวมอยู่ฉีกขาด
ลีจองซุกตายแล้ว…ยักษ์ทมิฬเองก็หมดหวังเช่นกัน!
บุตรชายฝาแฝดของซุซะโนะโอะ…สองวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินแห่งความมืดมน…จะต้องมาจบชีวิตลงในมือของโลกใต้พิภพของจีน!!
นางไม่สามารถยอมรับมันได้!
“ไม่…ข้าไม่ยอม!!!” นางกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน จิกใบหน้าของตัวเองจนเล็บแทงเข้าไปในผิว ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง นางคว้าเข้าที่ร่างของลีจองซุก แล้วบีบมันแน่น ราวกับต้องการท ที่จะเปลี่ยนให้ร่างของหญิงสาวกลายเป็นเพียงกองเลือด
แต่ในวินาทีนั้นเอง หอกที่ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟก็แทงทะลุอกของนางด้วยความเร็วเหนือแสง
ภายในใจของฉินเย่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ผลักดันให้เขาทำในสิ่งที่อยู่นอกเหนือหลักเหตุผล เด็กหนุ่มตะโกนออกมาเสียงดัง “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาทำลายศพของนาง?!!”
ปีศาจตรงหน้าก้มมองที่อกของตัวเอง ก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “สักวันหนึ่ง…ข้าจะทำให้เจ้า…กลืนคำพูดของตนเอง”
“ข้าได้เห็นร่างที่แท้จริงของเจ้าแล้ว…และข้าจะไม่มีวันลืมมัน!!”
ตู้ม!
ขณะที่นางพูด อักขระภาษาสันสกฤตสีดำก็พุ่งไปที่หน้าอกของฉินเย่ จากนั้น ดวงอาทิตย์สีดำสนิทที่ก่อตัวขึ้นจากพลังหยินก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของนางและดูดร่างของนางหายไป ไม่กี่วิ นาทีต่อมา ร่างของยักษ์ทมิฬก็โผล่ออกมาจากใจกลางของดวงอาทิตย์ดวงนั้นและร่วงลงกับพื้นจนฝุ่นตลบ
ในขณะเดียวกัน ฉินเย่ก็ไม่แม้จะสนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด เขารีบพุ่งไปที่ลีจองซุกและประคองร่างของนางเอาไว้
ใบหน้าของนางซีดเผือด เส้นผมปลิวไสวไปมาตามแรงลม นางยังคงงดงามดั่งเช่นทุกครั้ง แต่ถึงกระนั้น มันกลับไม่มีสัญญาณของการมีชีวิตอยู่เลยแม้แต่น้อย
“นี่ ตื่นสิ…” เขาตบแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ “ข้ามาแล้วไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่ว่าเจ้าภาวนาถึงข้าสองครั้งหรืออย่างไร?”
ไร้ซึ่งคำตอบ…
ฉินเย่ก้มหน้าต่ำ ความเสียใจมากมายค่อย ๆ กัดกินหัวใจของเขาราวกับหนูที่หิวโหย
เขาไม่ได้เจ็บปวดกับการตายของลีจองซุก แต่กับข้อเท็จจริงที่ว่าความตายของนาง…เต็มไปด้วยความหมายแฝงมากมาย
หากเขาใส่ใจมากกว่านี้…
หากเขายอมฟังคำของอาร์ทิสและตัดขาดจากแดนมนุษย์อย่างเด็ดขาดกว่านี้…
หากเขาตั้งใจฟังสิ่งที่ตี้ทิงพูดมากกว่านี้ หากเขาพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ให้ละเอียดกว่านี้…
แต่…เขาก็ไม่ได้ทำอยู่หรอกหรือ?
เขาไม่ยอมรับแม้กระทั่งสายเรียกเข้าจากหน่วยสอบสวนพิเศษ!
แต่การโวยวายกับสิ่งที่เสียไปแล้วก็ไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไร สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถย้อนกลับไปได้
ทำอะไรไว้ก็ย่อมได้อย่างนั้น โลกมันเป็นไปเช่นนี้เสมอ ไม่มีใครสามารถได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ ถ้าคุณพยายามที่จะจับปลาสองมือ ท้ายที่สุดแล้ว คุณก็จะจับมันไม่ได้เลยสักตัว
เขาอยากจะย้อนกลับไปยังวันที่อาร์ทิสคอยเตือนเขาเกี่ยวกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก หากเขาสามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ เด็กหนุ่มจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าเทศกาลวันสารท จีนจะเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
“ข้ารู้…” ทันใดนั้นเอง ร่างของลีจองซุกก็กลายเป็นผีเสื้อสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจายตัวออกไปรอบ ๆ
เขาเอื้อมมือออกไปและพยายามที่จะจับมันเอาไว้ แต่ผีเสื้อตนนั้นก็เคลื่อนตัวผ่านนิ้วมือของเขาและบินขึ้นไปบนฟ้าเสียแล้ว
“ข้าทำพลาด”
“ข้าภาคภูมิใจกับข้อเท็จจริงที่ว่าข้าได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มากว่าร้อยปี แต่ถึงกระนั้นกลับไม่รู้ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายข้อหนึ่ง คนเราไม่สามารถจับปลาสองมือได้…”
“หากพูดกันตามความจริง ข้ารู้มาตลอด…ว่าข้ามักจะประเมินตัวเองสูงกว่าความเป็นจริง มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้เลย แต่การประพฤติตัวอย่างไร้เหตุผลก็เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์…”
ในขณะนั้นเอง ประกายแสงสีดำก็ปะทุออกมาจากหน้าอกของฉินเย่ จากนั้น…พลังหยินภายในร่างของเขาก็ค่อย ๆ ลดลงราวกับการลดลงของกระแสน้ำ
อักขระภาษาสันสกฤตที่ถูกสลักไว้โดยปีศาจในชุดกิโมโนเริ่มออกฤทธิ์ และพลังที่ฉินเย่ได้ยืมมาจากราชาผีแห่งพิภพอสูรก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ จางหายไป กลับไปเป็นฉินเย่ที่อยู่ในขั้น ตุลาการนรกดังเดิม
มันเป็นกระบวนการที่ใช้เวลา เขาเห็นมือในร่างมนุษย์ของตัวเอง แม้แต่เครื่องแบบลายพรางก็ปรากฏออกมาภายใต้พลังหยินที่พุ่งพล่าน
แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มกลับยังคงยืนนิ่ง จ้องมองไปยังมือของตนขณะที่พลังหยินของเขาค่อย ๆ สลายหายไป
สายลมที่แผ่วเบาพัดผ่านดินแดน
กลับมาเป็นขั้นตุลาการนรกอีกครั้ง… หลังจากที่ได้ลิ้มรสพลังของขั้นฝู่จวิน พลังของขั้นตุลาการนรกก็เป็นเพียงหยดน้ำในมหาสมุทรเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเศษตราจ้าวนรกที่เขาถือครองอยู่เคยฉายภาพนี้ให้เขาเห็นมาแล้ว
หมายความว่า…คำทำนายเหล่านั้นเสร็จสิ้นแล้ว?
พร้อมกับรอยยิ้มที่ซับซ้อน โม่ฉางห่าวเดินเข้าไปใกล้และตบหลังของฉินเย่เบา ๆ ติดยันต์แผ่นบางไว้บนร่างของเด็กหนุ่ม มันเป็นยันต์สีเหลืองที่ดูเก่าแก่เป็นอย่างมาก ทว่าอักขระที ถูกเขียนอยู่บนนั้นกลับชัดเจน
ฟึ่บ... ภายในเสี้ยววินาที พลังหยินจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลออกมาจากร่างของเด็กหนุ่ม เปลี่ยนให้เขากลับสู่ร่างมนุษย์และปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของเจ้าหน้าที่สอบสวนทั้งหมดที่อยู่ ณ ที นั่น
“เป็นไปไม่ได้…” หลินฮั่นรู้สึกว่าลำคอของเขาแห้งผากขณะที่จ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่เขาคิดว่าตัวเองรู้จักอีกฝ่ายดี เด็กหนุ่มที่มอบฉายาสุดย่ำแย่ให้กับเขา เด็กหนุ่มที่เคยแข ข่งกับเขา ก่อนจะหัวเราะออกมาเหนือคู่แข่งทั้งหมดในฐานะของอัจฉริยะภายในรุ่น และตอนนี้…เด็กหนุ่มคนนั้นก็กำลังแผ่พลังหยินที่รุนแรงออกมา
ในวินาทีนั้น เขาเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กหนุ่มตรงหน้าถึงบรรลุขั้นของการฝึกตนได้อย่างรวดเร็ว
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กหนุ่มตรงหน้าถึงรู้เรื่องเกี่ยวกับวิญญาณอย่างละเอียด
ในเวลานี้ เขาได้คำตอบสำหรับความลึกลับทั้งหมดที่อยู่รอบตัวของฉินเย่
แต่ถึงอย่างนั้น…ภายในใจของเขากลับรู้สึกราวกับถูกกรีดด้วยมีดที่แหลมคม
มันคือการทรยศ! มันคือการหลอกลวง!
ไม่ว่าจะเป็นเจตนาที่ดีหรือไม่ มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่าฉินเย่ได้หลอกหน่วยสอบสวนพิเศษมาตั้งแต่แรกเริ่ม! พวกเขาทั้งหมดถูกหลอกมาโดยตลอด!
แล้ว…มิตรภาพที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาล่ะ?
นั่นก็เป็นแค่คำโกหกด้วยหรือเปล่า?
“อาจารย์ฉิน” โจวเซียนหลงเอ่ยออกมาในที่สุด “เราเจอกันอีกแล้ว” เสียงของชายสูงวัยเรียบนิ่ง แต่ฉินเย่สามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเอ่ยออกมาด้วยความหดหู่ใจ
ฉินเย่เงยหน้าขึ้น มองผ่านกลุ่มคนตรงหน้าไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คุณเริ่มสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของผม?”
“ก่อนที่หลี่จีสี่จะเสียชีวิต”