ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 533: เทรนทูปูซาน (Train to Busan)
บทที่ 533: เทรนทูปูซาน (Train to Busan)
ลำแสงมากมายปรากฏขึ้นในห้อง ภายในไม่กี่วินาที เจ้าผู้ปกครองดินแดนก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของฉินเย่ ก่อนจะโค้งคำนับเด็กหนุ่มด้วยความเคารพ
พวกเขามีกันอยู่ทั้งสิ้นสิบตน ฉินเย่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องทำงานของเขา แล้วพบว่ามันเล็กเกินไปสำหรับรับรองคนทั้งหมด ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืน “เลขาหวัง พาพวกเขาไปที่ห้อง งประชุม เดี๋ยวข้าจะตามไป”
สิบนาทีต่อมา ฉินเย่เดินเข้าไปในห้องประชุมภายในชั้นที่ห้าของอาคารหลัก มันเป็นห้องที่ใช้สำหรับรองรับคนได้มากกว่า 20 คน ดังนั้นมันจึงไม่แออัดนัก
และแน่นอน ไม่มีผู้ใดกล้านั่งประจำที่ของตนก่อนฉินเย่
พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่รอบ ๆ ราวกับรูปปั้นหิน ก่อนจะโค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อฉินเย่เดินเข้ามาภายในห้อง “ข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยคารวะท่านจ้าวนรกแห่งยมโลก ท่านจ้าวนรกจงเจ จริญ”
“เชิญนั่ง” ฉินเย่พยักหน้าและผายมือเชิญ เขานั่งลงเป็นคนแรก ก่อนที่เจ้าผู้ปกครองดินแดนทั้งหมดจะนั่งลงตาม แล้วหันช่วงลำตัวไปทางฉินเย่ด้วยภาษากายที่แสดงถึงความกระตือรือร้น
เมื่อเห็นเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็เอ่ยเข้าเรื่องทันที “พวกเจ้าทั้งหมดคือเจ้าผู้ปกครองดินแดนที่อยู่ตามพรมแดนระหว่างแผ่นดินจีนและรุส ข้าอยากรู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ทางโลกใต้พิภพของรุ สมีการเคลื่อนไหวใด ๆ บ้างหรือไม่?”
เหล่าเจ้าผู้ปกครองดินแดนต่างมองหน้ากันอย่างงงงัน ก่อนจะส่ายศีรษะไปมา
ไม่มีเลยหรือ?
ฉินเย่ขมวดคิ้วยุ่ง ทางเดียวที่รุสสามารถติดต่อกับแดฮันได้ก็คือผ่านมณฑลทางตะวันออกทั้งสาม หากเจ้าผู้ปกครองดินแดนพวกนี้ไม่สังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ เช่นนั้นมันก็มีความหมายเพีย ยงอย่างเดียว นั่นก็คือข้อเท็จจริงที่ว่ามันไม่ได้มีการระดมกำลังทหารในวงกว้าง หากพูดกันตามตรง ผู้ส่งสารของพวกเขาอาจจะไม่ถึงขั้นตุลาการนรกด้วยซ้ำ
ค่อยยังชั่ว…
เด็กหนุ่มลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกพึงพอใจกับข้อเท็จจริงที่ว่าการรับตำแหน่งจ้าวนรกแห่งยมโลกทำให้เขามีสายข่าวขนาดใหญ่อย่างเจ้าผู้ปกครองดินแดน
“ใต้เท้า” ทันใดนั้นเอง หนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุมก็ลุกขึ้นและค้อมตัวคำนับพร้อมกับเอ่ยว่า “มันเป็นความจริงที่ว่าภายในโลกใต้พิภพนั้นมิได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด แต่…มันมีเหตุการณ ณ์บางอย่างในแดนมนุษย์ที่อาจควรค่าแก่การสนใจ”
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกเราพบว่ามีชาวรัสเซียจำนวนมาก โดยอย่างยิ่งเหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ที่วลาดิวอสต็อก ได้เดินทางเข้ามายังชายแดน แทบจะเหมือนกับว่า…พวกเขากำลังหลบหนีหรือซ่อนต ตัวจากบางสิ่งบางอย่าง แหล่งข้อมูลของเราในแดนมนุษย์บอกว่าที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าที่วลาดิวอสต็อกได้เกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น”
แววตาของฉินเย่สั่นระริก “เล่าต่อสิ”
วลาดิวอสต็อก…ใต้สุดของคาบสมุทรมูราวีอฟ-อามูร์สกี้ หรือที่รู้จักในชื่อเมืองไห่เซินเวย มันเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจีนในช่วงราชวงศ์ชิงจนกระทั่ง ‘สนธิสัญญาจีนเหนือ’ ได ด้ยกดินแดนทางตะวันออกของแม่น้ำอุสสุรี และวลาดิวอสต็อกให้กับรุส ในภาษารัสเซีย วลาดิวอสต็อกนั้นมีความหมายว่า ‘ผู้ปกครองตะวันออก’
นี่มัน…ใกล้กับตำแหน่งที่ตั้งของแดฮันเลย!
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาภายในหัวของฉินเย่
กระบวนการในการเผยแพร่ตำนานจำเป็นจะต้องเกิดจากการถือกำเนิดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติก่อนที่วิญญาณร้ายจะถูกกำจัด และสถานการณ์ทั้งหมดจะได้รับการแก้ไขโดยจ้าวผู้ปกครองโลกใต้พิภพ นี่คือการที่การดำรงอยู่ของวิญญาณสามารถส่งเสริมจุดยืนของเทพเจ้าภายในจิตใจของมนุษย์ได้ แต่ถึงกระนั้น…มันก็เป็นกระบวนการระยะยาว
มันเป็นสิ่งที่จะต้องใช้เวลาสักสองสามปี เมื่อพูดกันตามความจริง ยิ่งเป็นวิญญาณที่แปลกประหลาด และสามารถแสดงพลังได้ยาวนานเพียงใด มันก็จะยิ่งสร้างผลกระทบภายในจิตใจของมนุษย์ที ได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ดังกล่าวได้มากเท่านั้น และเมื่อถึงเวลาที่ตัวละครหลักจะปรากฏตัวขึ้นบนเวที ความศรัทธาที่ได้รับก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
หลิวอวี้ไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งเหล่านั้นมีเพียงจ้าวผู้ปกครองโลกใต้พิภพเท่านั้นที่สามารถทำได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว มันก็ผ่านไปไม่ถึงปีตั้งแต่ที่โลกใต้พิภพแห่งฮันยางได้ประกาศ ศแยกตัวออกจากยมโลก
แต่ถึงกระนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าเทพแห่งความตายที่ลงมืออยู่เบื้องหลังของหลิวอวี้สามารถบ่มเพาะบางสิ่งบางอย่างที่สร้างความศรัทธาเหล่านี้ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ได้บอกเขาว่าอีกฝ่าย ยนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด!
ถึงแม้ว่าจ้าวนรกองค์ที่สองจะไม่ได้อธิบายถึง ‘วิธีการพิเศษ’ เหล่านั้นอย่างละเอียด แต่ฉินเย่ก็สามารถบอกได้ว่าอัตราการเจริญเติบโตที่เกิดขึ้นนี้อยู่เหนือวิธีการปกติมาก!
มันอาจมีแม้กระทั่งความเป็นไปได้ ที่ว่าวิญญาณร้ายที่ได้รับหน้าที่ในการสร้างการแพร่ระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ อาจได้รับการเลี้ยงดูโดยซาร์อาร์ตูโรเพื่อเสริมสร้างความศรัทธา ให้กับตัวเอง ก่อนที่เขาจะมอบมันให้กับหลิวอวี้ในฐานะของตอบแทนความปรารถนาดี และข้อเท็จจริงที่ว่ามันคือวิญญาณที่ได้รับการหล่อเลี้ยงโดยโลกใต้พิภพของรุส ก็หมายความว่าต่อให้ห หลิวอวี้จะเป็นผู้กำจัดมันในท้ายที่สุด แต่ก็ยังได้รับผลประโยชน์จากมันอยู่ดี
นอกจากนี้ มันยังไม่สามารถปฏิเสธได้อีกด้วยว่าเหตุการณ์เหนือธรรมชาตินั้นยังมีแหล่งกำเนิดมาจากวลาดิวอสต็อก พื้นที่ส่วนหนึ่งของโลกใต้พิภพของอาร์ตูโร!
ตึก...ตึก...
ฉินเย่เคาะนิ้วมือลงบนโต๊ะเบา ๆ ขณะที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด น่าเสียดายที่เขาไม่มีหลักฐาน สิ่งเดียวที่บอกได้ในตอนนี้ก็คือทุกอย่างดูจะบังเอิญเกินไป และมันก็ดูจะเชื อมต่อกันราวกับเป็นเรื่องเดียวกัน ฉินเย่ขมวดคิ้วและหันไปหาเจ้าผู้ปกครองดินแดนพิเศษ หลิวฉางเหอ
เมืองชุนฮุยนั้นตั้งอยู่บนพรมแดนของทั้งสามประเทศ จีน รุส และแดฮัน
“บริเวณคาบสมุทรแดฮัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแดฮัน ในช่วงนี้มีข่าวอะไรบ้าง?”
หลิวฉางเหอนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ใต้เท้า ข้าพอจะได้ยินข่าวมาบ้าง…แต่…”
“พูด” ฉินเย่เอ่ยแทรกขึ้น
“รับทราบ” หลิวฉางเหอลุกขึ้นยืนและประสานมือพร้อมเอ่ยรายงานอย่างนอบน้อม “ข่าวนี้เกี่ยวข้องกับฮันยาง เมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับพรมแดนระหว่างแดฮันเหนือและแดฮันใต้ ข่าวนี้อาจจะ ะฟังดูเหมือนเรื่องตลกสำหรับท่าน แต่ว่า…ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เราเริ่มได้ยินข่าวเกี่ยวกับการพบเห็นรถไฟบรรทุกตู้โดยสารที่เต็มไปด้วยซากศพที่มีชีวิต ซึ่งเดินทางจากปูซานไปยังฮันย ยาง มันเป็นปรากฏการณ์ที่รู้จักกันในชื่อของเทรนทูปูซานในชีวิตจริง(Train to Busan)…”
เขาลอบมองฉินเย่ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่มันก็แทบจะไม่มีข่าวในออนไลน์เลย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกปกปิดและลบทิ้ง เหลือไว้เพียงเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเท่านั้น”
“เรื่องแรก เกี่ยวกับอุโมงค์ที่สามในจังหวัดคยองกี*[1] เล่ากันว่าหากผู้ใดเปิดไฟในตอนเที่ยงคืน พวกเขาจะได้เห็นเงาของผู้หญิงท้องโตกำลังอุ้มเด็ก และผู้หญิงคนนั้นจะเดินไปมารอ อบ ๆ แหล่งกำเนิดแสงนั้น ในขณะที่เด็กที่นางอุ้มอยู่จะร้องเพลงออกมา ผู้ใดก็ตามที่ได้ยินบทเพลงดังกล่าวจะถูกควักลูกตา ในขณะที่ผู้ใดมองเห็นเงาที่สะท้อนจากแสงไฟจะถูกตัดหู ใต้เท้า เรื่องนี้ดูเหมือนกับตอนจบของภาพยนตร์เรื่องเทรนทูปูซาน ไม่มีผิด มันยังมีข่าวลืออีกว่าสถานที่สุดท้ายในการถ่ายทำของภาพยนตร์เรื่องนี้คือสถานที่เดียวกัน! เจ้าหน้าที่ได้รับรายงา านว่ามันเป็นเพียงการพูดเรื่องไร้สาระ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจมัน”
ฉินเย่จ้องหน้าอีกฝ่ายเงียบ ๆ จากนั้นจึงแย้มยิ้มออกมา “เจ้าติดตามยุคสมัยสินะ?”
หลิวฉางเหอโค้งคำนับและแย้มยิ้มออกมา “หึหึ…เพราะว่าข้าใช้รูปลักษณ์ของผู้คนในยุคสมัยนี้ ดังนั้นข้าจึงต้องปรับตัวบ้างเล็กน้อย…”
ฉินเย่พยักหน้า จากนั้นเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะจำสิ่งนี้เอาไว้ให้ดี…”
“ข้าจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่ามันเป็นเรื่องตลกหรือไม่! เจ้ามีสิทธิอะไรถึงมาล้ำเส้นและตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง?!!”
ในวินาทีนั้น เจ้าผู้ปกครองดินแดนทั้งหมดรีบลุกขึ้นยืนด้วยความหวาดกลัวและความกังวลใจ ก่อนจะประสานฝ่ามือและกำปั้นเพื่อแสดงความเคารพทันที “พวกเรามิกล้า!”
หลิวฉางเหอนั้นหวาดกลัวจนแข้งขาอ่อนแรงไปหมด เขารีบดันเก้าอี้ออกและคุกเข่าลงกับพื้นทันที “ข้าผิดไปแล้ว โปรดอภัยในความผิดของข้าด้วยเถิด!”
ฉินเย่กวาดสายตามองเหล่าเจ้าผู้ปกครองดินแดนที่อยู่ภายในห้องทั้งหมด เขาอาจจะเป็นจ้าวนรกองค์ใหม่ของยมโลก แต่เขาก็ยังอยู่แค่ขั้นตุลาการนรก และไม่สามารถสร้างเครือข่ายเจ้าพ่อห หลักเมืองได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากควบคุมคนเหล่านี้และจัดระเบียบอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้น สายข่าวกรองของเขาคงจะไม่เพียงพอสำหรับจุดประสงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้
บางครั้งการตำหนิลงโทษก็เป็นสิ่งที่จำเป็น
“ครั้งนี้ ข้าจะมองข้ามความผิดของเจ้าไป” ฉินเย่เอ่ย “ลุกขึ้น ต่อไป จงอย่าลืมที่จะรายงานทุกอย่างตามความเป็นจริง สิ่งอื่นนอกจากนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตความรับผิดชอบของเจ้า เข้าใจหรือไม ม่?”
“รับทราบ!!!” เจ้าผู้ปกครองดินแดนทั้งสิบตอบกลับพร้อมกัน
“นั่งลงได้ หลิวฉางเหอ เจ้าพูดต่อได้แล้ว”
“รับทราบ…” หลิวฉางเหอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตอนนี้เขารู้สึกหวาดกลัวท่านจ้าวฉินอย่างแท้จริง
เขากระแอมออกมาเบา ๆ และเอ่ยต่อ “เรื่องที่สอง มีข่าวมาว่าเหล่าผู้อยู่อาศัยภายในจังหวัดคยองกีได้มีอาการเสียสติและเริ่มหลั่งไหลไปยังฮันยาง บางกระทู้เล่าว่าผู้อยู่อาศัยเหล่านั นเร่งเดินทางไปยังเขตแบ่งระหว่างแดฮันเหนือและแดฮันใต้ แทบจะเหมือนกับว่า…บางสิ่งที่น่ากลัวมากได้เกิดขึ้นในจังหวัดคยองกี น้อยคนนักที่จะกล้าอาศัยอยู่ที่นั่นต่อไป”
ฉินเย่พยักหน้าเบา ๆ หากสิ่งที่เขาคาดเดานั้นถูกต้อง เช่นนั้นต้นกำเนิดของความกลัวภายในจังหวัดคยองกีก็คงจะเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความศรัทธา าของผู้คนที่มีต่อหลิวอวี้เป็นแน่
เทรนทูปูซานอย่างนั้นหรือ…หึหึ ผู้ใดจะไปรู้? บางทีนี่อาจจะเป็นการเกิดเทรนทูปูซานในชีวิตจริงตามที่ว่ากันก็ได้…
“นั่นคือทั้งหมดสำหรับตอนนี้” ฉินเย่หลับตาลงและพึมพำเสียงเบา “ข้าอยากจะให้พวกเจ้าจับตาดูความผันผวนของพลังหยินภายในรุสและคาบสมุทรแดฮันอย่างใกล้ชิด หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ให้รายงานข้าทันที”
“รับบัญชา”
หลังจากนั้น เจ้าผู้ปกครองดินแดนทั้งหมดก็จากไป เหลือไว้เพียงฉินเย่ที่ยังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเบา ๆ
หวังเฉิงห่าวรีบเดินเข้ามาหาพร้อมกับรินชาใส่ถ้วยให้อีกฝ่าย จากนั้น หลังจากเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของฉินเย่ เขาก็ถามอย่างไม่แน่ใจนัก “วัยทองหรือ?”
“วัยแห่งการต่อต้านต่างหาก!!!” ฉินเย่กลอกตา “เจ้าอยากเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่? เจ้าเคยไปหรือยัง?”
“สุดยอดไปเลย! ในที่สุดยมโลกก็เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับโลกใต้พิภพแห่งอื่นในเวทีโลกแล้วอย่างนั้นหรือ?” หวังเฉิงห่าวไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นภายในใจของเขาเอาไว้ได้ “ที่ใดกัน? ญี ปุ่น? ครั้งที่แล้วข้าไม่สามารถจองร้านอาหารได้ทัน ที่แดฮันไม่สนุกเลยสักนิด! ฮันยางและนครเหลียนฮวานั้นไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่สยามเองก็ไม่เลวเช่นกัน สินค้าที่นั่นถูก แล้ว วทิวทัศน์โดยรอบก็…”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…
ในวินาทีนั้น ฉินเย่รู้สึกอยากจะตบหน้าอีกฝ่ายแรง ๆ สักสองที!
ไม่ใช่ว่าเจ้าควรจะแสดงความรู้สึกขอบคุณสำหรับโอกาสเช่นนี้แทนที่จะเลือกสถานที่ที่ตัวเองอยากจะไปหรอกหรือ?! ข้าต่างหากคือผู้ที่ไม่เคยออกนอกประเทศมาก่อน!
ให้ตายเถิด… อย่าทำให้ข้าต้องต่อยเจ้าจะได้ไหม!
หวังเฉิงห่าวยังคงเอ่อล้นไปด้วยความตื่นเต้น อย่างน้อยก็จนกระทั่งสังเกตเห็นว่าฉินเย่กำลังจ้องมองมาทางตนด้วยแววตาเย็นชา ทันใดนั้นเขาก็ปิดปากของตัวเองทันที
“พูดต่อสิ” ฉินเย่หยิบถ้วยชาของเขาและจิบมันเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังโอ้อวดอยู่อย่างนั้นหรือ?”
“ฮ่า ๆๆๆ…ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน? ข้าเพียงแค่…เสนอคำแนะนำเท่านั้น! ใช่แล้ว ข้าเพียงแค่เสนอคำแนะนำ!”
“ไปเตรียมตัวซะ เราจะเดินทางไปที่แดฮันเร็ว ๆ นี้”
“อ๋อ…” หวังเฉิงห่าวเกาศีรษะ จากนั้นก็โพล่งออกมาเสียงดัง “แดฮัน?”
“มีอะไร?”
“ไม่มีอะไร…” หวังเฉิงห่าวขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านพี่ฉิน ท่านไม่รู้หรือ? ตอนนี้ที่แดฮันกำลังเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น! ทุก กสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่เหนือการควบคุม! มันเป็นแบบนี้มานานกว่าครึ่งปีแล้ว!”
เขาเอ่ยต่อโดยไม่เว้นช่วง “ทางรัฐบาลของยมโลกได้ระดมกองกำลังพิเศษขึ้นเพื่อไปเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณจากที่อื่น เมื่อเดือนที่แล้ว พวกเขาเก็บเกี่ยววิญญาณมาได้จำนวนหนึ่ง รวมไปถึงนักเรี ยนแลกเปลี่ยนจากแดฮันคนหนึ่ง เขา…ค่อนข้างแปลก”
“เขาไม่ได้ตายแบบปกติอย่างแน่นอน เขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยการแพทย์ในเมืองหวู่หยาง แต่เมื่อเขามาถึง…” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “เขาดูไม่ต่างอะไรกับซากศพที มีชีวิตเลยสักนิด…”
ซากศพที่มีชีวิต?
แววตาของฉินเย่สั่นระริก เขานึกถึงเทรนทูปูซานขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
อะไรจะบังเอิญขนาดนี้…
“เขามาจากที่ไหน?”
“จังหวัดคยองกี เมืองควังจู” หวังเฉิงห่าวตอบกลับพร้อมยู่ปาก “เพราะท่านไม่อยู่ ท่านจึงไม่ได้เห็นภาพที่น่ากลัวนั้น มันแทบจะเหมือนกับว่าสติของเขาหายไปโดยสมบูรณ์ ข้อต่อทั้ง งหมดของเขาบิดเบี้ยว ไม่ต่างอะไรกับซอมบี้เลยแม้แต่น้อย! น้ำลายของเขาไหลออกมาจากปาก เปรอะเปื้อนไปถึงอก ทุกส่วนของร่างเต็มไปด้วยน้ำเหลืองและรูพรุนจากกระสุน มันน่ากลัวเป็นอย่า างมาก!”
ซอมบี้นั้นแตกต่างกับเจียงซือ พวกเขายังคงมีเปลวไฟทั้งสามลุกโชนอยู่เหนือไหล่ ตามที่จ้าวนรกองค์ที่สองเคยพูด ไม่มีใครในโลกนี้สามารถเปิดเผยรากที่แท้จริงของปัญหาได้ และมันก็ ยังคงไม่ได้รับการแก้ไขมาจนถึงวันนี้
แต่…
จังหวัดคยองกีอีกแล้วหรือ?
เทรนทูปูซาน...จังหวัดคยองกี… แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าจังหวัดคยองกีได้เกิดการแพร่ระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติขึ้น และนอกจากนี้… มันเห็นได้ชัดเล ลยว่าทางรัฐบาลได้ปิดกั้นข่าวสารทั้งหมดเกี่ยวกับการแพร่ระบาดนี้
หวังเฉิงห่าวเอ่ยต่อ “ท่านรากษสได้รับหน้าที่ในการกำจัดวิญญาณตนนั้นไป แต่…พวกเราได้พบข้อความบางอย่างที่น่าสนใจจากโทรศัพท์ของนักเรียนคนนั้น…”
เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ “เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พ่อของเขาได้ซื้อตั๋วรถไฟเพื่อเดินทางจากปูซานไปยังจังหวัดคยองกี แต่…เมื่อสามวันที่แล้ว นักเรียนคนนั้นได้รับข้อความ ๆ หนึ่ง ”
“ข้อความนั้นมีใจความว่า ‘ช่วยด้วย…ทรมานเหลือเกิน…’”
“โดยผู้ส่ง… คือพ่อของเขาเอง”
[1] ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงโซล (ฮันยาง)