ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 534: LSD
บทที่ 534: LSD
ฉินเย่หรี่ตาลง
มันยังไม่จบ เหมือนอย่างที่จ้าวนรกองค์ที่สองบอก การเผยแพร่ตำนานและสร้างปาฏิหาริย์นั้นเป็นกระบวนการที่ไม่มีวันสิ้นสุด
หากพูดกันตามตรง ฝันร้ายของจังหวัดคยองกีอาจเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
หลิวอวี้อาจจะอาศัยความแข็งแกร่งของโลกใต้พิภพจากชาติอื่น แต่เขาก็คงเข้าใจเช่นกันว่าตัวเองไม่สามารถเชื่อใจอีกฝ่ายได้โดยสมบูรณ์ เขากังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ว่าซาร์อาร์ ตูโรอาจจะช่วยเขาก็เพราะว่าพวกเขามีผลประโยชน์ร่วมกัน และหากมันเป็นเช่นนั้น… มันก็หมายความว่าเขากำลังพยายามลบร่องรอยทั้งหมดของอาร์ตูโรออกไปอย่างนั้นหรือ? ถึงขนาดที่ไม่เว้ นแม้กระทั่งเหล่าผู้โดยสารที่เดินทางจากปูซานเลยเนี่ยนะ?
ฉินเย่ขมวดคิ้วยุ่ง จากนั้นก็คลายมันออกและส่ายศีรษะพร้อมกับถอนหายใจออกมา
การคาดเดาเหล่านี้มันสะเปะสะปะเกินไป
เขายังไม่สามารถแน่ใจอะไรได้ทั้งนั้น ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับคำใบ้ที่เขาจะหาได้จากแดฮัน
“นอกจากนี้ ข้าอยากให้เจ้าแจ้งโนบูทาดะด้วย เขาจะต้องไปกับเรา”
ราชาผีแห่งพิภพอสูรได้ปล่อยตัวโนบูทาดะและจางเจ้อกวงจากการคุมขังแล้ว นอกจากนี้อีกฝ่ายยังช่วยล้างคำสาปสะพานนกสาลิกาให้กับฉินเย่อีกด้วย
“เข้าใจแล้ว…” หวังเฉิงห่าวไม่ชอบใจนักเมื่อรู้ว่าจุดหมายปลายทางครั้งนี้ของพวกเขาคือแดฮัน ความประทับใจเกี่ยวกับแดฮันของเขาแทบจะไม่มีเลย และที่ทำให้เรื่องแย่กว่าเดิมก็คือ อมันมีเบาะแสอะไรบางอย่างที่ชี้ชัดถึงความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่แถบนั้น…
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เดินจากไป เด็กหนุ่มนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหายไปจากจุดที่ตนเองอยู่และกลับไปที่ถ้ำดอกบัวเขียว
“ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจได้แล้วอย่างนั้นหรือ?” สวีหยางอี้ไม่ได้ประหลาดใจนักเมื่อเห็นฉินเย่กลับมาที่นี่ แต่ในทางกลับกัน ฉินเย่ค่อนข้างประหลาดใจเมื่อพบว่าอีกฝ่าย…กำลังอาบน้ ำให้สุนัขตัวหนึ่ง…
มันคือสุนัขพันธุ์ฮัสกี้ที่ตัวอ้วนผิดปกติ
ดวงตาที่เปล่งประกายด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณและสติปัญญา
ฉินเย่สบตากับมัน ก่อนจะสัมผัสถึงความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่าง ราวกับว่าเขาเพิ่งได้พบเจอกับจิตวิญญาณที่คุ้นเคย…
สวีหยางอี้ค่อนข้างงุนงงกับความเงียบของฉินเย่ ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปมองอีกฝ่าย ก่อนจะสังเกตเห็นสายตาที่ฉินเย่และฮัสกี้จ้องกันและกัน “พวกเจ้า…รู้จักกันอย่างนั้นหรือ?”
รู้จักกัน? รู้จักบ้าอะไร!!
เหตุใดจู่ ๆ เขาถึงนำข้าไปเทียบกับสุนัขโง่ ๆ ตัวหนึ่ง?!
ฉินเย่เหลือบมองสวีหยางอี้ อดทนไว้…เจ้าเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้…ไม่ได้แน่ ๆ… หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดฉินเย่ก็ข่มความโกรธภายในใจของเขาเอาไว้และแย้มยิ้มบางออกมา “ข้า ตัดสินใจแล้ว”
“ข้าจะเดินทางไปที่นั่นอย่างเงียบ ๆ”
“ตัดสินใจได้ดี” สวีหยางอี้สะบัดน้ำในมือของตนแล้วจึงเช็ดมันเข้ากับขนของเจ้าฮัสกี้ตัวนั้นจนทำให้เจ้าขนฟูดูไม่พอใจเล็กน้อย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยต่อ “แต่ขบวนพร ระราชพิธีก็เปรียบได้กับหน้าตาของประเทศ โลกใต้พิภพอื่น ๆ จะมองยมโลกอย่างไรหากเจ้าไม่สามารถแม้กระทั่งจัดเตรียมขบวนพระราชพิธีที่เหมาะสมขึ้นได้?”
ฉินเย่หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น ไม่จำเป็นต้องพูด ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาภายในหัวของพวกเขาก็น่าจะเป็น พระเจ้า…นี่พวกเขายากจนและอ่อนแอจนไม่สามารถจัดเตรียมขบวนพระราชพิธีได้เลย ยหรือนี่? ทำไมเราไม่ส่งกองกำลังไปเล่นสนุกที่อาณาเขตของพวกเขาสักหน่อยเล่า?
โดยเฉพาะอย่างนิ่งในเวลาแบบนี้ เมื่อมันเป็นที่ประจักษ์แก่โลกใต้พิภพอื่น ๆ แล้วว่ามันจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นภายในยมโลก พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้อีกฝ่ายสัมผัสถึง งร่อยรอยของความอ่อนแอได้แม้แต่นิดเดียว
“นอกจากนี้ ดูนี่สิ” สวีหยางอี้ทำท่าคว้าอะไรบางอย่าง และทันใดนั้น เอกสารฉบับหนึ่งก็ลอยมาอยู่ด้านข้างของฉินเย่
เพียงแค่เหลือบมองมันก็ทำให้รูม่านตาของฉินเย่หดเล็กลง
มันคือ SOS…
ผู้ส่ง: แดฮัน LSD
ผู้รับ: สำนักงานใหญ่ของหน่วยสอบสวนพิเศษแห่งชาติ เมืองเยียนจิง ประเทศจีน
ข้อความของพวกเขานั้นเรียบง่าย พวกเขาขอให้ทางจีนส่งหนึ่งในสามผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาไปที่แดฮัน…จังหวัดคยองกี!
จังหวัดคยองกีอีกแล้ว… ทำไมมันถึงจังหวัดคยองกีอีกแล้ว?!
“LSD ย่อมาจาก Lee’s Sharp Edge” สวีหยางอี้อธิบาย “องค์กรชั้นนำที่รับหน้าที่ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้บลูเฮาส์*[1]โดยตรง แ และมันก็มีประวัติที่ยาวนานกว่าร้อยปี เจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อหรือไม่?”
ฉินเย่พยักหน้าเงียบ ๆ
มันคือคำร้องขอกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุด หรือก็คือ…หากข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่จังหวัดคยองกีนั้นถูกต้อง เช่นนั้นเขาก็เกรงว ว่ามันมีความเป็นไปได้อย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าในครั้งนี้จะเป็นภัยขั้นฝู่จวิน!
แน่นอน สำหรับจีน ผู้ฝึกตนขั้นฝู่จวินอาจจะรับมอบหมายให้ดูแลเพียงแค่ภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับแดฮัน พวกเขาได้รับมอบหมายให้ดูแลทั่วทั้งประเทศ! เขาไม่แปลกใจเลยที ทาง LSD จะทำเช่นนี้…
“เจ้าควรจะเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี” สวีหยางอี้สะบัดมือ “ซาร์อาร์ตูโร… เทพแห่งความตายไร้นามในตำนาน เขาเป็นที่รู้จักในเรื่องของความเย็นชาและความโหดเหี้ยม หากเขาได้เข้ามามี ส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยตัวเอง เช่นนั้นสิ่งที่จะตามมาหลังจากการแพร่ระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติจะต้องเป็นคำสาปอย่างแน่นอน”
“พวกเขาสามารถวิ่งหนี และพวกเขาก็สามารถหลบหนีได้ แต่เหยื่อทุกรายที่ถูกสาปโดยเทพแห่งความตายไร้นามจะต้องตายอยู่ดี”
แววตาของฉินเย่สั่นระริก
นั่นหมายความว่านักเรียนแลกเปลี่ยนจากจังหวัดคยองกีตายเพราะคำสาปอย่างนั้นหรือ? หมายความว่ามันคือคำอธิบายว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นซอมบี้ใช่หรือไม่?
ใช่แล้ว… หากเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังของการแพร่ระบาดนี้ แต่ทุกอย่างชัดเจนแล้วว่ามันจะเกี่ยวข้องกับ…
ซอมบี้!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินเย่ก็ออกจากถ้ำดอกบัวเขียว จมอยู่กับความคิดของตัวเอง หลังจากที่เขาจากไป เจ้าสุนัขขนฟูก็หันไปมองยังทิศทางที่เด็กหนุ่มเคยอยู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “เหตุใ ใดเจ้าจึงไม่บอกเขา…เรื่องปัญหาที่กำลังระบาดอยู่ในแดฮัน? พวกนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะ หากพูดกันตามตรง ปัญหาบางอย่างนั้นถูกสร้างขึ้นมาสำหรับเจ้าโดยเฉพาะด้วยซ้ำ”
“เหตุใดข้าจะต้องเตือนสิ่งเหล่านั้นกับเขา?” สวีหยางอี้ล้มตัวลงนอนและหลับตาลง “ในฐานะของจ้าวนรก ข้าคาดหวังให้เขามีประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นที่เฉียบแหลมเป็นอย่างมาก ลองนึก กดูสิว่าข้าถูกลอบสังหารตั้งกี่ครั้งในตอนที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจ้าวนรกแห่งยมโลก? พวกเขาไม่ยอมหยุดจนกระทั่งตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่สามารถสู้ข้าได้ มันเป็นเพียงเรื่ องของเวลาเท่านั้นก่อนที่ฉินเย่จะได้เผชิญหน้ากับความยากลำบากที่ข้าเคยเผชิญในตอนนั้น แต่ยิ่งเร็วก็ยิ่งดีไม่ได้หรือ? นอกจากนี้ ข้าได้เตือนเขาแล้ว”
“ข้าเตือนเขาว่าปัญหาระหว่างประเทศนั้น…โหดเหี้ยมยิ่งกว่าปัญหาภายในประเทศที่เขาเคยเผชิญหน้ามาตลอดมาก หากประมาท ทหารวิญญาณร้อยล้านนายอาจเดินทัพมาที่ตะวันออกในเวลาไม่นาน... .โอ๊ยย!!!”
ทันใดนั้น เจ้าสุนัขฮัสกี้ที่มีน้ำหนักตัวเกือบร้อยปอนด์ก็กระโจนเข้าที่หน้าท้องและเริ่มกระโดดราวกับว่าเขาคือแทรมโพลีน
หลังจากผ่านไปประมาณสิบวินาที มันก็หยุดลงในที่สุด ห้อยลิ้นออกมาด้านนอกอย่างขี้เล่น “เจ้ากลายเป็นพวกซุกซนไปแล้ว…”
“ข้ายังคงจดจำวันที่เจ้ายังเป็นคนที่แสนจะบริสุทธิ์และไร้เดียงสาได้ไม่ลืม แต่ตอนนี้หัวใจของเจ้ากลับแปดเปื้อนเสียแล้ว…”
……………………
โลกใต้พิภพแห่งฮันยาง
ลูกไฟนรกจำนวนนับไม่ถ้วนลอยไปมาอยู่บนฟ้า ในขณะที่แถวของโคมไฟสีแดงเข้มค่อย ๆ ลอยสูงขึ้น ก่อนจะหายวับไปจากสายตา
สภาพแวดล้อมโดยรอบเต็มไปด้วยสีสันมากมาย ประชาชนทั้งหมดต่างพลุกพล่าน เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความรุ่งโรจน์ของโลกใต้พิภพแห่งฮันยางนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่านครเผิงชิวเลยแม้แ แต่น้อย เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็คือโลกใต้พิภพที่มีอายุมานานกว่าร้อยปีภายใต้ปีกของยมโลก และมันก็ไม่เคยถูกทำลายโดยสงครามเลยสักครั้ง
เห็นได้ชัดเลยว่าหลิวอวี้นั้นมีฐานปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยม
เมืองทั้งเมืองถูกสร้างขึ้นตามความงดงามของราชวงศ์หมิง และมันก็แทบจะไม่ได้รับอิทธิพลจากความงามของแดฮันเลยสักนิด รูปปั้นและผ้าสีแดงถูกประดับอยู่ที่คานของอาคาร ในขณะที่ร้า านค้าและร้านอาหารมีเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือดังให้ได้ยินเป็นครั้งคราว
ทันใดนั้น เหล่าทหารที่นั่งอยู่บนหลังม้าศึกโครงกระดูกก็เคลื่อนตัวผ่านถนน นั่นทำให้วิญญาณทั้งหมดที่อยู่โดยรอบต้องรีบแยกตัวไปยังสองฝั่งทาง เปิดช่องว่างให้อีกฝ่าย ผู้ใดก็ตามท ที่ยืนขวางทางจะถูกฟันทิ้งอย่างโหดเหี้ยม
“บัดซบ! นี่มันบ้าอะไรกัน?!”
“พวกเจ้าไม่มีความเคารพต่อประชาชนเลยอย่างนั้นหรือ? แบบนี้พวกเราจะไว้ใจให้พวกเจ้าปกป้องฮันยางได้อย่างไรกัน?”
“ฟ้องเลย! ไปที่กระทรวงกิจการพลเรือนและฟ้องคนพวกนี้ให้หมด! พวกเขากล้าดีอย่างไรถึงไม่เคารพกฎเสียบ้าง?!”
ในวินาทีนั้น ทั่วท้องถนนเต็มไปด้วยเสียงสบถและเสียงก่นด่า แต่ถึงกระนั้น ทหารวิญญาณทั้งหมดก็จากไปโดยไม่แม้จะหันกลับไปมอง
และมันก็เป็นเพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้มีประชากรสังเกตเห็นว่าทหารเหล่านี้ทั้งหมดล้วนสวมชุดเกราะและมีอาวุธห้อยอยู่ที่ข้างเอว
กรุบกรับ…กรุบกรับ…
ม้าศึกควบออกจากเมืองฮันยาง และพวกมันก็ไม่หยุดลงจนกระทั่งเข้าไปในป่า ที่ซึ่งทหารวิญญาณที่สวมชุดเกราะพยัคฆาใหม่ได้รอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
บรรยากาศโดยรอบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทหารวิญญาณนายหนึ่งแผ่รังสีของขั้นยมทูตขาวดำออกมา ในขณะที่อีกสองนายอยู่ขั้นนักล่าวิญญาณ แต่เหล่าทหารวิญญาณที่เพิ่งมาถึงทั้งหมดเพิ่ง อยู่แค่ขั้นยมเทพเท่านั้น
ภายในไม่กี่วินาที เหล่าทหารที่เพิ่งมาถึงก็กระโดดลงจากหลังม้าและคุกเข่าลงกับพื้น “นายกองหลิวไจ่เจิ้งทำความเคารพท่านผู้บังคับบัญชา” อย่างไรก็ตาม คำทักของพวกเขากลับไม่ได้รับกา ารตอบรับที่ควรจะได้ตามปกติ
แต่กลับกัน ทหารวิญญาณทั้งสามที่สวมชุดเกราะพยัคฆาใหม่กลับเอ่ยเสียงต่ำ “หุบปาก”
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ทั่วทั้งป่าถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ
ดวงตาของหลิวไจ่เจิ้งลุกโชนไปด้วยเปลวไฟนรก เขารีบหันไปสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบทันที และไม่นานก็พบว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
ลูกไฟนรกหายไปไหนหมด?
เป็นไปไม่ได้…ลูกไฟนรกที่อยู่บริเวณนี้เป็นเหมือนกับพวกแมลงในแดนมนุษย์ มันจะไม่มีแมลงอยู่ในป่าเลยได้อย่างไร?
แต่ความจริงของเรื่องนี้ก็คือมันไม่มีลูกไฟนรกอยู่เลยสักลูกเดียว!
นอกจากนี้…อากาศโดยรอบยังให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกที่แทบจะไม่สามารถต้านทานได้ แม้แต่คนที่ตายไปแล้วอย่างเขา มันแทบจะเหมือนกับว่าอุณหภูมิของพื้นที่บริเวณนี้นั้นต่ำกว่าน้ำแข็ง งเสียอีก อันที่จริง มันรู้สึกเย็นจนแทบจะสามารถแช่แข็งดวงวิญญาณของเขาได้เลยก็ว่าได้
อืออออ.…
ทันใดนั้น เสียงครางต่ำก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ราวกับเสียงหอนของอสูรที่น่าสะพรึงกลัว แต่…นั่นคือเสียงของวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย
จากนั้น วิญญาณอีกจำนวนมากก็ส่งเสียงครางต่ำที่คล้ายกันออกมา ภายในเสี้ยววินาที ราวกับประตูน้ำของเขื่อนได้ถูกเปิดออก ทั่วทั้งป่าถูกปกคลุมไปด้วยเสียงครางและเสียงโหยหวนนี้
มันทั้งสั้นและแหบพร่า ราวกับเสียงที่ถูกเปล่งออกมาโดยผู้ที่กำลังจะตาย
หลิวไจ่เจิ้งกระชับมือรอบด้ามดาบที่ห้อยอยู่ข้างเอวของตนแน่นขึ้น
บางสิ่งบางอย่างกำลังซ่อนตัวอยู่ในป่า…
เขาเหลือบมองไปยังเหล่าผู้บังคับบัญชาที่สวมชุดเกราะพยัคฆาใหม่อยู่อย่างอิจฉา น่าเสียดาย แต่นี่คือสิ่งที่ถูกมอบให้กับผู้ที่อยู่ขั้นนักล่าวิญญาณแล้วเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็สังเกตเห็นถึงความวุ่นวายที่ก่อตัวขึ้นในระยะไกล และในที่สุดพวกเขาก็เห็นมัน
ร่างจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปรากฏออกมาจากเงามืด!
“นี่มัน…” ทหารวิญญาณหลายนายต่างอ้าปากค้างด้วยความหวั่นสะพรึง
มันคือภาพที่ไม่สามารถลบเลือนได้ แม้กระทั่งสำหรับวิญญาณร้ายเอง
ซอมบี้จำนวนนับไม่ถ้วนก้าวออกมาจากเงาดำของป่าราวกับกระแสน้ำที่ไม่หยุดหย่อน บางตัวมีหัวที่เน่าเฟะ ในขณะที่ตัวอื่น ๆ ถูกผ่าบริเวณอกและท้อง บางตัวไม่มีแม้กระทั่งร่างกายส่วนล่าง ง และพวกมันก็กำลังคลานออกมาจากเงามืดโดยใช้ร่างส่วนบนของตัวเอง ร่างของพวกมันยังคงถูกปกคลุมไปด้วยเนื้อหนัง แต่มันกลับไม่มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์เลยสักนิด ผมเผ้าสยายไปในอ อากาศ ในขณะที่ลำไส้ และอวัยวะภายในทั้งหมดไหลออกมา ลากไปตามพื้น นอกจากนี้ ร่างของพวกมันยังเปื้อนไปด้วยเลือด ข้อต่อบิดเบี้ยวอย่างผิดรูปผิดร่าง และที่ทำให้แย่กว่านั้นก็คือพวก กมันทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าเข้าหาเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ…ทหารวิญญาณ!
พวกมันเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ แต่ถึงกระนั้น เหล่าทหารวิญญาณทั้งหมดก็สามารถบอกได้ว่าใบหน้าที่ดำคล้ำด้วยรอยช้ำของอีกฝ่ายประดับไปด้วยรอยยิ้มที่น่าสะพรึงกลัว
“พวกมันจริง ๆ ด้วย…” หนึ่งในผู้บังคับบัญชาหันกลับมามองคนของตน “จ้าวเหนือหัวทรงมีรับสั่งให้สังหารซอมบี้ทั้งหมดโดยไร้ซึ่งความปราณี!””
“พวกมันคือซากศพที่เข้ามาสู่โลกใต้พิภพโดยมีเพียงแค่ร่างเท่านั้น! ทางเดียวที่จะสามารถกำจัดพวกมันได้ก็คือตัดหัวออกจากร่าง จัดการ!”
“รับทราบ…” หลิวไจ่เจิ้งสุดหายใจเข้าช้า ๆ ชักดาบของเขาออกมา จากนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้ปีศาจตรงหน้าช้าๆ
นี่มันฝันร้ายชัด ๆ เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องมาเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้
“พวกมันมาจากไหนกัน? ท่าทีของฝ่าบาทที่มีต่อพวกมันเองก็ไม่ปกติเช่นกัน…” หนึ่งในผู้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านหลังของเหล่าทหารวิญญาณจ้องมองไปยังภาพที่แปลกประหลาดตรงหน้าขณะท ที่เอ่ยด้วยเสียงที่แหบพร่า “จากที่จังหวัดคยองกีมาถึงปูซานมันเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจู่ ๆ พวกมันถึงปรากฏตัวขึ้นในโลกใต้พิภพของพวกเรามากมายขนาดนี้?”
ขณะที่เขาพูด สายโซ่ภายในมือของเขาก็ตกลงสู่พื้น ในขณะเดียวกัน พวกซอมบี้ที่อยู่ห่างออกไปก็เคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรกพวกมันเพียงแค่โซซัดโซเซ จากนั้นพวกมันก็เดินตัว วตรง…และไม่กี่วินาทีต่อมา ซอมบี้ทั้งหมดก็กรีดร้องออกมาสุดเสียงพร้อมกับน้ำลายไหลออกมาจากปากขณะที่พุ่งตรงเข้ามาหาเป้าหมายด้วยความเร็วสูงสุด!
โฮกกกกก!!!
มันไม่สามารถบอกได้เลยว่าพวกมันมีจำนวนเท่าใด พื้นดินที่ยืนอยู่สั่นสะเทือนเล็กน้อยจากการพุ่งตัวนั้น อย่างน้อยก็น่าจะสักพันตัวได้!
มือที่เต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำหลังตายจำนวนนับไม่ถ้วนเอื้อมออกมาข้างหน้า ปกปิดใบหน้าที่บิดเบี้ยวของพวกมัน ปากของซอมบี้ทั้งหมดอ้ากว้าง เผยให้เห็นฟันสีเหลืองที่เปื้อนเลือด ใน วินาทีนั้น ทหารวิญญาณทั้งหมดพบว่าพวกเขาถูกล้อมรอบด้วยฝูงซากศพจนหมดสิ้น
“โจมตี!!!”
เต้ง…
ในเวลาเดียวกัน เสียงระฆังดังขึ้นให้ได้ยินจากจุดสูงสุดของคฤหาสน์หลังงามที่ตั้งอยู่ใจกลางฮันยาง หลิวอวี้ที่แต่งกายด้วยชุดเสื้อคลุมสีดำสนิทเงยหน้าขึ้นช้า ๆ
“พวกทหารวิญญาณของเจ้าตายหมดแล้ว” เสียงแหบแห้งของผู้หญิงดังขึ้นเบา ๆ “โลกใต้พิภพแห่งฮันยาง… เจ้านั้นทำให้ข้าผิดหวังอย่างแท้จริง… เจ้ารู้หรือไม่ว่าราคาที่ต้องจ่ายสำหรับ การทรยศแผ่นดินจีนคืออะไร?”
หลิวอวี้ไม่ได้สนใจอีกฝ่าย หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็เอ่ยออกมาเบา ๆ “แคทเธอรีนมหาราชินี…*[2] เจ้าไม่เคยบอกข้าว่าซอมบี้เหล่านี้สามารถกลืนกินได้แม้กระทั่งวิญญาณ”
“ทุกอย่างย่อมมีราคาเสมอ โลกนี้ไม่เคยยุติธรรม เจ้าควรจะเตรียมตัวสำหรับสิ่งเหล่านี้ไว้ตั้งแต่ที่เดินทางมาหาเราแล้ว” ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าแคทเธอรีนมหาราชินีหัวเราะออกมาเบา ๆ “ “ข้ามาเพื่อเตือนเจ้าว่าซาร์อาร์ตูโรจะเดินทางมาที่ฮันยางด้วยตัวเองในวันที่ 30 ตุลาคม เขาจะเดินทางมาพร้อมกับจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 และข้า…ซารีนาแคทเทอรีนมหาราช อย่าทำให้ เราผิดหวัง ในสายตาของพวกเรา โลกใบนี้มีโลกใต้พิภพอยู่เพียงแค่สี่แห่ง… และโลกใต้พิภพแห่งฮันยางก็ไม่ใช่หนึ่งในนั้น”
“ดังนั้น…เจ้าควรจะทำใจถึงการตายของคนของตัวเองอยู่แล้ว”
[1] บลูเฮาส์คือทำเนียบประธานาธิปดีเกาหลีใต้ โดยมีอีกชื่อหนึ่งว่า – ชองวาแด (Cheong Wa Dae)
[2] จักรพรรดินีนาถเยกาเจรีนาที่ 2 หรือซารีนาแคทเทอรีนมหาราช ผู้นำหญิงที่ปกครองยาวนานที่สุดของรัสเซีย