ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 535: ซากศพเดินได้ (1)
บทที่ 535: ซากศพเดินได้ (1)
25 กันยายน
เครื่องบินทะยานขึ้นฟ้าด้วยแนวโค้งที่สวยงาม มันกำลังเดินทางออกจากตงไห่ และจุดมุ่งหมายปลายทางของมันก็มิใช่ที่ใดอื่นนอกจากฮันยาง
“คุณคะ…ไม่ทราบว่าไม่สบายหรือเปล่าคะ?” แอร์โฮสเตสคนหนึ่งเอ่ยถามชายที่มีใบหน้าซีดเซียวผิดปกติ
“ผมไม่เป็นไร ขอบคุณ” โนบูทาดะตอบ
แอร์โฮสเตสคนนั้นยังคงมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามเสียงเบา “ไม่ทราบว่าอยากจะรับน้ำชาร้อน ๆ หรือกาแฟสักแก้วไหมคะ?”
โนบูทาดะที่ได้ยินเช่นนั้นก็หลับตาลงและส่ายหน้า
แอร์โฮสเตสเม้มปาก ขณะที่เธอกำลังจะถามอะไรอีก แอร์โฮสเตสอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับส่ายหน้า มันเป็นตอนนั้นเองที่แอร์โฮสเตสคนแรกโค้งให้ผู้โดยสารคนดังกล่าวเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
“ขอโทษค่ะ ขอทางด้วย” พวกเธอทั้งหมดคือแอร์โฮสเตสชาวแดฮัน สูง ผอม และแต่งหน้าอย่างงดงาม สำหรับแดฮันแล้ว มันแทบจะไม่สามารถบอกได้เลยว่าพวกเธอได้ผ่านการทำศัลยกรรมเสริมความงามมาก่อนหรือไม่ แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเธอคืออาหารตาที่ยอดเยี่ยมได้เลย
แอร์โฮสเตสผู้มาใหม่เดินไปบนรองเท้าส้นสูงสีแดงสดจนกระทั่งไปถึงที่พักของพนักงาน มันไม่มีพนักงานต้อนรับคนอื่น ๆ อยู่เลยนอกจากชายที่แต่งกายด้วยชุดสูทสีดำคนหนึ่ง
หากฉินเย่อยู่ที่นี่ เขาคงจะสัมผัสได้ทันทีว่าร่างของชายคนนี้นั้นเอ่อล้นไปด้วยพลังปราณที่เผยให้เห็นว่าเขาอยู่ขั้นนักล่าวิญญาณ
“ผู้อาวุโสคิม” แอร์โฮสเตสปิดประตูลงด้วยสีหน้าที่ฉายชัดถึงความกังวล เธอถูมือไปมา กำชุดของตัวเองแน่น “เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางสายการบินแดฮันได้ออกประกาศแก่พนักงานต้อนรับทั้งหมดว่าหากตรวจพบเห็นผู้โดยสารที่พูดไม่ชัด มีท่าทีไม่สบายตัว และแทบจะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บนเที่ยวบินให้ทางเรารีบแจ้งเจ้าหน้าที่พิเศษทันที”
ผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสคิมเพียงเงยหน้าขึ้นมองและวางหนังสือพิมพ์ในมือของตนลง เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์แดฮันไทมส์ สื่อภาษาอังกฤษที่แพร่หลายที่สุดในแดฮัน มันครอบคลุมข่าวสารทั้งหมด ตั้งแต่การเมือง การเงิน ไปจนถึงปัญหาสังคมและอื่น ๆ
พาดหัวข่าว : ประธานาธิบดีขอแสดงความเสียใจไปยังพื้นที่ภัยพิบัติในจังหวัดคยองกีที่กำลังประสบกับการแพร่ระบาดของไวรัสที่ไม่ทราบชื่อ พลเมืองทั้งหมดเตรียมพร้อมสำหรับมาตรการป้องกัน โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุดอย่างมหานครควังจูอาจจะต้องปิดเมืองในเร็ววัน ในขณะเดียวกัน มันยังมีรายงานอีกว่าเหล่านักไวรัสวิทยาชาวอูโซเนียที่เพิ่งมาถึงที่แดฮันเมื่อเดือนก่อนอาจจะมีความคืบงานในงานวิจัยของเขา…
“มีอะไร?”
แอร์โฮสเตสกัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ มันแปลกมากที่จู่ ๆ สายการบินแดฮันก็กำหนดให้ทุกเที่ยวบินไปกลับจากแดฮันประกอบด้วย “ผู้สังเกตการณ์” อีกหนึ่งคน นอกจากนี้…เธอยังได้ยินข่าวลือมาอีกด้วยว่าเครื่องบินลำที่มีรายงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุ…ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทั้งหมดนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“ฉันสังเกตเห็นว่า…ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ที่ที่นั่ง H32 ดูไม่ค่อยดีนัก ใบหน้าของเขาดูซีดผิดปกติ ไม่ทราบว่าคุณจะไปดูสักหน่อยไหมคะ?”
ผู้อาวุโสคิมที่ได้ยินเช่นนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที “ผมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน จากนั้นก็รบกวนให้คุณพาผมไปหาเขาทันที”
…………………
ฉินเย่นั่งอยู่ตรงที่นั่งของตน มองก้อนเมฆที่ลอยไปมาอย่างไร้จุดหมายที่อยู่นอกหน้าต่าง ความคิดมากมายวิ่งวนอยู่ภายในหัวของเขา
มันค่อนข้างเป็นปัญหามากพอสมควรในการเดินทางโดยใช้เครื่องบิน... เขาจะต้องรีบจัดการให้เครือข่ายการคมนาคมของยมโลกเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด…
แน่นอน เด็กหนุ่มไม่ได้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนของตัวเองสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เอกสารประจำตัวของเขาคงจะถูกส่งไปยังหน่วยรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ภายในแดนมนุษย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ห้องทำงานของเขาก็มาพร้อมกับประโยชน์มากมาย ทั้งหมดที่ต้องทำมีเพียงระบุตำแหน่งของพ่อแม่ของผู้ที่เป็นเจ้าของสายการบิน ให้พวกเขาติดต่อกับลูกชายของตัวเองผ่านการช่วยเหลือของยมโลก
และจากนั้น…ตู้ม ตั๋วเครื่องบินสามใบถูกนำมามอบให้กับฉินเย่บนถาดเงิน ในขณะเดียวกัน ศาสตร์แห่งการครอบครองร่างก็ทำให้เขาสามารถปลอมตัวได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยวิธีนี้ เมื่อดูเพียงลักษณะภายนอก มันจึงไม่มีผู้ใดสามารถระบุตัวตนของหวังเฉิงห่าวหรือโนบูทาดะได้
แต่ถึงกระนั้น กระบวนการดังกล่าวก็ยุ่งยากเป็นอย่างมาก…
การเดินทางผ่านแดนมนุษย์คือสิ่งที่ฉินเย่วางแผนเอาไว้ตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เพิ่งจะเดือนกันยายนเท่านั้น เจตนาของเขาคือการหาที่พักในแดฮันสักระยะเวลาหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้สามารถเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นได้ ก่อนอื่น เขาจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในโลกใต้พิภพแห่งฮันยางให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ต่อไป เขาคาดว่าระยะเวลาเพียงไม่กี่วันในแดฮันน่าจะไม่เพียงพอหากเขาต้องการจะเรียนรู้เกี่ยวกับการเผยแพร่ตำนานและสร้างปาฏิหาริย์ เขาต้องการเวลาที่จะดำดิ่งกับทักษะและวิธีการทั้งหมดให้ลึกซึ้งกว่านี้
และหากตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำก็จะตกอยู่ภายใต้การพิจารณาของเหล่าผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เขาคงไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ใด ๆ หลังจากนั้นได้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงการติดต่อกับลีจองซุกและตอบแทนหนี้บุญคุณของนาง
ฉินเย่นั่งอยู่ข้าง ๆ หวังเฉิงห่าวและโนบูทาดะ ดังนั้นเขาจึงถามเบา ๆ ว่า “การจัดการทั้งหมดเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าได้ทำตามทุกอย่างที่ข้าสั่งหรือเปล่า?”
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” หวังเฉิงห่าวได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวของฉินเย่ เขาแต่งกายด้วยชุดสุภาพ พร้อมด้วยแว่นสายตาทรงสี่เหลียมขณะที่เอ่ยตอบ “ในการประชุมสามัญเมื่อเดือนที่แล้ว ทุกหน่วยงานได้รายงานว่ามีนโยบายใหม่ ๆ มากมายที่ถูกประกาศออกมาในยมโลก และมันก็น่าจะเป็นเรื่องดีที่จะให้ประชาชนได้มีเวลาและพื้นที่ในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลทั้งหมด ทุกคนยังคงพยายามปรับตัวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหากจะกดดันพวกเขามากเกินไป”
ฉินเย่พยักหน้า หลังจากที่เขาเข้ารับหน้าที่อย่างเต็มตัวแล้วเขาถึงได้เผชิญหน้ากับความลังเลที่เกิดจากความตึงเครียดทางผลประโยชน์
นโยบายทั้งหมดล้วนเป็นนโยบายที่ดี แต่เขาควรจะดำเนินการตามนั้นเลยหรือไม่? เขายังไม่ได้รวบรวมข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้เลยสักนิด หากเขาออกนโยบายใหม่ออกไปอีก เช่นนั้นความล้มเหลวของนโยบายก่อนหน้าก็อาจจะสามารถส่งผลต่อนโยบายที่ถูกออกตามมาได้อย่างง่ายดาย และนั่นก็นำไปสู่การล่มสลายของนโยบายทั้งหมด! ดังนั้น…มันจึงเป็นวินาทีนี้เองที่เขาตระหนักได้ว่าระยะเวลาเพียง 150 นั้นสั้นเพียงใดเมื่อเป็นเรื่องของการบริหารบ้านเมือง
ตามหลักการแล้ว ทุก ๆ นโยบายที่ถูกประกาศออกไปจนถึงตอนนี้จะต้องมีระยะเวลาการสังเกตอย่างต่ำหกเดือน สำหรับยมโลก ระยะเวลาการสังเกตของเขานั้นมีไว้เพื่อการปรับอัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่ รวมไปถึงการปล่อยให้ประชาชนได้มีเวลาปรับตัวกับสกุลเงินใหม่ที่ยมโลกเพิ่งได้ออกไป
“แล้วเรื่องที่ต้องติดตามล่ะ?”
“พวกเขาเริ่มลงมือแล้ว” หวังเฉิงห่าวอธิบาย “กองกำลังชายแดนของนครเผิงชิวจะพร้อมออกเดินทางในช่วยปลายเดือนตุลาคม แต่ละกองกำลังจะประกอบไปด้วยทหารวิญญาณขั้นยมทูตขาวดำสามนายและขั้นนักล่าวิญญาณ 20 นาย ส่วนที่เหลือเป็นเพียงประชากรวิญญาณทั่วไป ท่านตี้ทิงได้ทำการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบและยืนยันแล้วว่าราชาอสูรวิญญาณที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดได้กระจายตัวออกไปแล้ว ทางเราคาดว่าการสำรวจดินแดนใหม่น่าจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีหรือมากกว่านั้น”
“นอกจากนี้ อุตสาหกรรมสื่อแห่งยมโลกได้เริ่มเตรียมการสำหรับการเกณฑ์ทหารแล้ว จนถึงตอนนี้ พวกอดีตแม่ทัพได้มีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเกี่ยวกับสวัสดิการทหารด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นจะต้องเตรียมการภายในนครเผิงชิวได้รับการเตรียมการหมดแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือปล่อยให้มันดำเนินต่อไปด้วยตัวของมันเอง และรอเวลาสำหรับการเพิ่มของทรัพยากร ทุกกระทรวงต่างมีงานที่พวกเขาต้องติดตาม และพวกเราก็จะได้รับรายงานเป็นรายเดือน ตอนนี้พวกเรายังคงอยู่ในอาณาเขตของจีน ท่านอยากจะอ่านรายงานเหล่านี้หรือไม่?”
ฉินเย่ส่ายหน้า…
ตราบใดที่รากฐานทุกอย่างถูกวางอย่างถูกต้อง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ประจำการอยู่มีเพียงสองหน้าที่เท่านั้น ประการแรก พวกเขาต้องคอยจับตาดูว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่ หากเกิดปัญหา พวกเขาจะต้องจัดการกับมันโดยเร็วที่สุดเพื่อที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้ดำเนินต่อไปได้ ประการที่สอง พวกเขาจะต้องคิดหาวิธีการใหม่ที่จะทำให้ทั้งนครสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
และนี่ก็คือสิ่งที่เป็นมาตลอดเช่นกัน ตราบใดที่ผู้ปกครองเมืองกำหนดกรอบและทิศทางในการพัฒนาที่ถูกต้อง พวกเขาก็จะสามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างง่ายดาย และสิ่งที่เหลืออยู่สำหรับพวกเขาในตอนนี้ก็คือการรอเท่านั้น
พวกเขาจะต้องรอให้นครเผิงชิวแข็งแกร่งขึ้น จนกระทั่งถึงเวลาของการขยายดินแดนครั้งต่อไป!
“แล้วเรื่องโครงสร้างการเดินทางพื้นฐานเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินเย่ถาม
หวังเฉิงห่าวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับเสียงเบา “ตอนนี้พวกเรากำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับการขาดแคลนทหารวิญญาณอย่างรุนแรง หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเทศกาลวันสารทจีนครั้งที่แล้ว พวกเราสามารถทำได้เพียงส่งทหารวิญญาณฝึกหัดบางส่วนไปที่มณฑลเจียงซู มณฑลฝูเจี้ยน และมณฑลอันฮุ่ยเพื่อสืบข่าวเท่านั้น ข้าเกรงว่ากว่าพวกเราจะได้รับข่าวสารเกี่ยวกับพื้นที่เหล่านั้นก็คงหลังจากผ่านไปแล้วหกเดือน ตอนนี้คงได้แค่หวังว่าการเกณฑ์ทหารจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง เราจะได้มีกองกำลังมากพอที่จะส่งออกไปด้านนอก จะว่าไป ท่านพี่ฉิน หลี่จีสี่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเลย เราควร…”
“เราค่อยพูดเรื่องนี้หลังจากกลับจากแดฮันก็แล้วกัน” ฉินเย่ยกมือขึ้นคลึงขมับ ตอนนี้เขาสามารถใช้หน่วยข่าวกรองจากทางแดฮันได้ สถานการณ์ไม่คาดคิดในแดฮันทำให้เขาตระหนักได้ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศนั้นดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงกระนั้น เขาเองก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องพิจารณาบทบาทของหลี่จีสี่ในยมโลกเช่นกัน
เขาเหลือบมองหวังเฉิงห่าว “จะว่าไป การตายของเจ้าก็เกิดจากฝีมือของชายผู้นั้นไม่ใช่หรือ? แต่เจ้ากลับมาพูดมันแทนเขาเนี่ยนะ?”
หวังหนึ่งหางแน่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติ “อ่า… ใช่…ข้าตายแล้วนี่นา…”
เฮ้อ…
ด้วยระดับสติปัญญาเช่นนี้…ในภายภาคหน้า เขาจะสามารถไว้ใจที่จะฝากฝังเรื่องที่สำคัญกว่านี้ให้อีกฝ่ายได้อย่างไร? จะว่าไป ทำไมพวกที่น่าเชื่อถือได้อย่างหลินฮั่น ซู่เฟิง และโจวเซียนหลงถึงยังไม่ตายอีก? แม้แต่สมุดแห่งความเป็นตายก็ดูเหมือนจะเริ่มทำงานแย่ลงเพราะการดำรงอยู่ของคนอย่างหวังหนึ่งหาง…
ทันใดนั้นเอง ทั้งสามก็ชะงักไปพร้อมกัน
ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวของแพทย์แย้มยิ้มขณะเดินเข้ามาหาพวกเขาตามทางเดิน
อีกฝ่ายอาจจะคิดว่าใบหน้าของตัวเองนั้นสมบูรณ์แบบ แต่พลังปราณที่แผ่ออกมาจากร่างของเขานั้นเปล่งแสงราวกับดวงอาทิตย์สำหรับบุคคลทั้งสามที่มาจากยมโลก
“คิมซังอูครับ” ชายที่เดินเข้ามาหาพวกเขาแย้มยิ้มบาง ๆ ขณะที่ค้อมตัวให้เล็กน้อย “ผมเป็นหมอ พอดีทางแอร์โฮสเตสได้บอกผมว่ามีผู้โดยสารบนเครื่องท่านหนึ่งมีอาการไม่ค่อยดีนัก”
ก็ไม่เชิง…
โนบูทาดะกลอกตากับคำพูดของอีกฝ่าย มันไม่ใช่ว่าเขาอาการไม่ดี…แต่เขาแค่กลัวว่าอีกฝ่ายจะกลัวจนเสียสติมากกว่าหากเขาสบายตัวเกินไป…
หวังเฉิงห่าวที่เห็นเช่นนั้นก็ใช้ศอกสะกิดคนข้าง ๆ พวกเรากำลังอยู่บนเครื่องบิน อย่าทำตัวสะดุดตานัก
“ผมไม่ได้เป็นอะไร มันก็แค่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเท่านั้น” โนบูทาดะยิ้มตอบ
“ทางเรามีช็อกโกแลตอยู่บนเครื่องนะครับ คุณสามารถรับไปทานได้” คิมซังอูย่อตัวลงและคว้ามือของคนตรงหน้า “ผมขอตรวจร่างกายสักเล็กน้อยนะครับ”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้สัมผัสกับร่างของอีกฝ่าย
เขาสามารถบอกได้ว่ามีเลือดไหลผ่านเส้นเลือดของโนบูทาดะ และเขาก็ตรวจไม่พบความผิดปกติใด ๆ เลย ดวงตาของอีกฝ่ายไม่ได้เป็นสีแดงก่ำ กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าและแขนขาไม่ได้แข็งทื่อจากการเกร็งตัวหลังเสียชีวิต และส่วนอื่น ๆ ของร่างกายก็ไม่มีร่องรอยช้ำเช่นกัน
ไม่มีสัญญาณของซอมบี้ ค่อยยังชั่ว…
ฉินเย่มองมันเงียบ ๆ และทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเคาะเบา ๆ ที่ข้างหู
มีอะไรบ้างอย่าง…อยู่นอกหน้าต่างอย่างนั้นหรือ?
ตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร แต่เพียงเสี้ยววินาทีต่อมา รูปม่านตาของเขาก็หดเล็กลง
พวกเขาอยู่บนเครื่องบิน…
พวกเขากำลังอยู่บนเครื่องบินที่เคลื่อนตัวผ่านอาณาเขตน่านน้ำของจีน!
เหนือพื้นดินหลายพันเมตร แต่บางอย่าง… กลับปรากฏขึ้นด้านนอก เคาะหน้าต่างเรียกเขา?
เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าช้า ๆ จากนั้นจึงเหลือบไปมองด้านข้าง ก่อนที่จะกะพริบตาปริบ ๆ และมองมันซ้ำอีกครั้ง
มันคือปากกา
ปากกาลูกลื่นที่ดูธรรมดา ๆ แท่งหนึ่ง
ทว่ามันกลับแผ่กลิ่นอายของขั้นยมทูตขาวดำออกมา!
มันเป็นปากกาที่ค่อนข้างเก่า ในขณะที่พลังของขั้นยมทูตขาวดำที่สิงอยู่ภายในตัวปากกานั้นอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ด้วยความยากลำบาก มันพยายามเขียนข้อความบางอย่างขึ้นบนหน้าต่าง “พาข้าไปกับท่านด้วย…”
มันถูกเขียนด้วยภาษาจีน
จิตวิญญาณพู่กัน? ฉินเย่ขมวดคิ้ว เหตุใดปากกาที่มีจิตวิญญาณพู่กันสิงอยู่จึงมาอยู่ที่นี่?
แล้วเหตุใดมันจึงมาหาพวกเขา?
ฉินเย่แสร้งทำเป็นมองไปนอกหน้าต่าง โน้มตัวไปใกล้ขณะที่กระซิบเสียงเบา “เจ้าเป็นใคร? แล้วเจ้าหาข้าพบได้อย่างไร? บอกมา”
นอกจากนี้เขายังปล่อยพลังหยินของขั้นตุลาการนรกผ่านแผ่นกระจกอีกด้วย ทันใดนั้น ปากกาลูกลื่นแท่งดังกล่าวก็สั่นระริกด้วยความกลัว หลังจากนั้นไม่นาน มันก็เขียนตอบว่า “ลีจองซุก…”
แววตาของฉินเย่เปล่งประกายขึ้น ในวินาทีนั้น เขาทาบมือของตนเข้ากับหน้าต่าง
ไม่มีการเคลื่อนไหวที่สะดุดตาใด ๆ เกิดขึ้น
ทว่าในวินาทีที่เขาดึงมือออกจากหน้าต่าง ปากกาแท่งนั้นก็มาปรากฏอยู่ในมือของเขาแล้ว ตัวหนังสือที่ถูกเขียนอยู่บนหน้าต่างเองก็หายไปราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และมันก็เป็นตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มโน้มตัวเข้าไปใกล้และถามเสียงเบา “เจ้าเป็นใคร?”
ปากกาลูกลื่นจึงรีบเขียนว่า “ข้า…คือวิญญาณอารักษ์ของลีจองซุก จิตวิญญาณแห่งพู่กัน ข้าตอบรับคำอัญเชิญของลีจองซุกในตอนที่นางกำลังสนใจในสิ่งเหล่านี้ ข้า…อยากจะควบคุมนาง แต่ไม่นานข้าก็พบว่านางไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป ดังนั้น แทนที่จะควบคุมนาง ข้าจึงจบลงด้วยการถูกขังอยู่ในร่างของนาง ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอยู่กับนางตลอดไป! ในตอนเทศกาลวันสารทจีน ข้าเองก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน ได้โปรดเถิด…พาข้ากลับไปที่แดฮัน ข้า…จะต้องตายอย่างแน่นอนหากไม่กลับเข้าไปอยู่ในร่างของนาง…”
แววตาของฉินเย่เปล่งประกาย “เจ้าสามารถระบุตำแหน่งของนางได้อย่างนั้นหรือ?!”
“แน่นอน!” ปากกาจิตวิญญาณตอบกลับ “พวกเราไม่สามารถแยกจากกันได้ ตอนแรก ข้ารู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าตัวเองติดอยู่ในจีนและไม่สามารถกลับไปยังแดฮันได้ ไม่คิดเลยว่าข้าจะบังเอิญได้เจอท่าน…ท่านเปรียบได้กับผู้ที่สวรรค์ส่งมาให้ข้า!”
เจ้าเป็นพวกช่างยอสินะ? ฉินเย่นำปากกาในมือไปเสียบไว้ในกระเป๋าเสื้อของตน แต่ทันใดนั้น ปากกาแท่งดังกล่าวก็ขยับไปมาเบา ๆ ก่อนจะเขียนข้อความอีกบรรทัดหนึ่ง “นายท่าน โปรดระวังตัว!”
“เครื่องบินลำนี้มีบางอย่างผิดปกติ!”