ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 536: ซากศพเดินได้ (2)
บทที่ 536: ซากศพเดินได้ (2)
“มีผู้โดยสารต้องสาปอยู่บนเครื่องบินนี้!”
“เขากำลังจะลงมือ…ข้าสัมผัสได้ มันมีแหล่งพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากร่างของเขา มันไม่ใช่ทั้งคนหรือวิญญาณ!”
ต้องสาป?
ดวงตาของฉินเย่สั่นไหวเล็กน้อย ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็นึกถึงประโยคที่เขาเพิ่งได้ยินมาเมื่อไม่นานมานี้
“เทพแห่งความตายไร้นามในตำนานเป็นที่รู้จักในเรื่องของความเย็นชาและความโหดเหี้ยม หากเขาเข้ามามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยตัวเอง เช่นนั้นสิ่งที่จะตามมาหลังการแพร่ระบาด ของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติจะต้องเป็นคำสาปอย่างแน่นอน”
“พวกเขาสามารถวิ่งหนี และพวกเขาก็สามารถหลบหนีได้ แต่เหยื่อทุกรายที่ถูกสาปโดยเทพแห่งความตายไร้นามจะต้องตายอยู่ดี”
นี่เขากำลังจะได้เห็นสิ่งที่ผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดคยองกีได้ประสบอย่างนั้นหรือ?
ไม่ว่าจะด้วยความกลัวหรือความกังวล พวกเขากำลังคิดเดินทางกลับไปที่แดฮัน…และกำลังอยู่บนเครื่องบินลำนี้?
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
มันเป็นเพราะว่าผู้คนจังหวัดคยองกีคงจะได้สัมผัสกับขุมนรกของซากศพเดินได้อย่างแน่นอน!
และตอนนี้ตัวเขาก็กำลังจะได้ประสบกับเทรนทูปูซานด้วยตัวเอง!
คำสาปที่มาพร้อมกับซากศพเดินได้ หรือที่รู้จักกันในชื่อของซอมบี้ หากฉินเย่จำไม่ผิด ไม่ว่าใครก็ตามที่ถูกซอมบี้กัด หรือว่าร่างกายถูกปนเปื้อนด้วยเลือดและรับพลังเข้าไป จะต้อง งคำสาปและกลายเป็นซอมบี้ในที่สุด!
มันคือการแพร่เชื้อที่ไม่รู้จบ!
หากพูดกันตามตรง ฉินเย่คงไม่กังวลนักหากทั้งหมดมีเพียงเท่านั้น ซอมบี้พวกนั้นไม่ใช่วิญญาณที่อยู่ขั้นยมเทพด้วยซ้ำ อย่างมากที่สุดพวกมันก็แค่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไปเพียงเล็ก กน้อย สำหรับขั้นตุลาการนรกอย่างเขา การรับมือกับพวกมันนั้นง่ายพอ ๆ กับการกะพริบตา
แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้แย่กว่าเดิมก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าตัวพวกเขาทั้งหมดกำลังบินอยู่บนฟ้าที่สูงหลายพันเมตร
หากการแพร่เชื้อเกิดขึ้น ทุกอย่างที่พวกตนวางแผนมาจนถึงตอนนี้จะต้องล้มเหลว!
เหตุการณ์เช่นนั้นจะทำให้เกิดการสืบสวนที่ไม่จบสิ้น และพวกเขาก็จะไม่สามารถปกปิดตัวตนได้ เมื่อโลกใต้พิภพของแดฮันรู้เรื่องนี้ หลิวอวี้จะรู้ถึงการมาถึงของฉินเย่และแผนการทั้งหมด ของพวกเขาก็จะถูกทำลาย!
“จิ๊ส์…” ฉินเย่ขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ เขาอยากจะเตือนเพื่อนของตัวเอง แต่การปรากฏตัวของคิมซังอูทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากที่จะทำเช่นนั้น ทว่าในขณะที่เขาจะหลับตาลงเพื่อพักผ่อ อน ม่านที่แยกระหว่างห้องโดยสารก็เปิดออก และแอร์โฮสเตสคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าซีดเผือด ภายในไม่กี่วินาที เธอก็วิ่งมาหาคิมซังอูและเอ่ยกับเขาเป็นภาษาอังกฤษ “ผู้อาวุโส สคะ… คะ…คุณจะต้องไปดูสิ่งนี้…”
“ตั้งสติ!” คิมซังอูสูดหายใจเข้าช้า ๆ เม็ดเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากของเขาทันที
เขาเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
“ที่ห้องโดยสารวีไอพี…” เสียงของแอร์โฮสเตสสั่นเทา “มีผู้โดยสารคนหนึ่งกำลังเสียสติ… ละ…แล้วเขาก็แสดงอาการเดียวกันกับที่ทางสายการบินเคยเตือนเรา…”
ทันใดนั้น คิมซังอูก็สั่นไปทั้งตัว จากนั้น ในขณะที่เขากำลังจะวิ่งออกไปก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่ข้อมือของแอร์โฮสเตส “เกิดอะไรขึ้นที่นั่น?”
“ฉัน…”
ก่อนที่เธอจะเอ่ยจบ คิมซังอูก็ดึงแขนของเธอให้หลุดออกจากกัน ก่อนจะพบว่าที่ข้อมือของเธอมีบาดแผลเปื้อนเลือดอยู่สามแผล
ทันใดนั้น เขาก็มองไปที่แอร์โฮสเตสด้วยแววตาที่ซับซ้อน
“ฉะ…ฉันจะเป็นอะไรมั้ยคะ?” ทั้งสองสบตากัน เธอสามารถบอกได้ทันทีว่าคนตรงหน้ากำลังลังเล ดังนั้นจึงคว้าแขนเสื้อของอีกฝ่าย “มะ…มันจะไม่เกิดอะไรกับฉัน…ใช่มั้ยคะ?”
แต่ถึงกระนั้นพวกเธอก็สามารถบอกได้ว่ารอยช้ำสีเขียวม่วงได้เริ่มแพร่กระจายไปโดยรอบแล้ว
“คุณจะไม่เป็นไร” คิมซังอูลุกขึ้นยืนและเดินนำผู้หญิงคนนั้นกลับไปยังห้องโดยสารวีไอพี
เขาพูดไม่ได้…แค่นี้จำนวนผู้โดยสารที่มองมาที่พวกเขาเพราะความวุ่นวายก็มากพอแล้ว…
ด้านหน้าของพวกเขามีห้องสุขาอยู่ คิมซังอูเดินไปด้วยความระมัดระวัง ขนบนร่างของเขาลุกชัน ทีละนิด ๆ ชายแก่เดินนำแอร์โฮสเตสไปที่ห้องสุขา แต่เป็นเพียงคนเดียวที่รู้ความจริงว่ าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอะไร
ตุ้บ!
ในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินไปถึงห้องสุขา แอร์โฮสเตสที่เดินตามหลังก็สะดุดและล้มลงกับพื้นเสียงดัง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ยคะ?”
ทันใดนั้น ผู้โดยสารหลายคนบนเครื่องบินก็ถามด้วยความกังวล ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวแดฮันทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม แอร์โฮสเตสคนนั้นไม่ได้ตอบคำถามของพวกเขา กลับกัน เธอเพียงลุกขึ้นยืนด้วยร่างที่สั่นเทาเป็นอย่างมาก ทันใดนั้น คิมซังอูก็คว้ามือของเธอ หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นขณะท ที่มองไปยังผู้โดยสารที่อยู่รอบ ๆ “ไม่เป็นไรครับ…เธอแค่สะดุดล้มเฉย ๆ ผมเป็นหมอ เดี๋ยวผมดูแลเอง…”
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าแผ่นหลังของชายแก่กำลังตั้งตรงอย่างผิดปกติมากเพียงใดในเวลานี้
ไม่มีใครสังเกตเห็นศีรษะของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มองเห็นบาดแผลที่ปรากฏขึ้นบริเวณนั้น ในตอนที่เธอล้มลงเมื่อครู่ ศีรษะของเธอได้ไปกระแทกเข้ากับที่วางแขนของที่นั่งที่ว่างเปล่ าอย่างแรงจนใบหน้าของเธอยุบลงไป!
หากเป็นคนทั่วไป มันคงจะเป็นบาดแผลที่ทำให้เสียชีวิตไปแล้ว แต่…เธอไม่ตาย กลับกัน เธอยังคงส่งเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอ น้ำลายหยดลงมา ในขณะที่ดวงตาของเธอเหลือบขึ้นด้านบน จนเห็นเพียงแค่ตาขาว เส้นเลือดสีเทาค่อย ๆ แพร่กระจายออกจากฐานคอเสื้อ และใบหน้าของเธอก็เผยให้เห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยว นอกจากนี้ เธอยังดูเหมือนกำลังสูดดมเพื่อหากลิ่นของอะไรบาง งอย่างอีกด้วย
และมันก็ดูเหมือนว่าเธอกำลังดมหา…กลิ่นเลือด!
ภายในหัวของคิมซังอูว่างเปล่าไปในฉับพลัน หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น บ้าหน่า! นี่เขาจะซวยขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?! มีเจ้าหน้าที่ LSD ตั้งหลายคนที่ถูกสั่งให้มาประจำการที่สายการบิ นแต่ละสาย แล้วทำไมเขาต้องเป็นคนที่พบเจอกับอะไรแบบนี้ด้วย?!
ปีศาจร้ายตรงหน้าของเขาพร้อมที่จะจู่โจมได้ทุกเมื่อ และมันก็มีแม้กระทั่งแหล่งแพร่เชื้อที่ต้องจัดการอยู่ตรงหน้าอีกด้วย!
เขาเร่งความเร็ว สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เขาก็ดึงร่างของแอร์โฮสเตสคนนั้นและวิ่งตรงไปที่ห้องสุขา เปิดประตูและโยนเธอเข้าไป ด้านใน
กร็อบ...
ราวกับของเล่นที่ชำรุด ร่างของแอร์โฮสเตสกระแทกเข้ากับชักโครก แขนขาของเธอหักและบิดเบี้ยวอย่างผิดรูป คิมซังอูมองภาพที่น่าสะพรึงกลัวนั้นด้วยสายตาเหม่อลอย ทันใดนั้นเอง แอร์โฮสเต ตสที่ล้มลงกับพื้นก็เงยหน้าขึ้นมาและแย้มยิ้มให้กับเขา
เลือดสีดำไหลออกมาจากที่มุมปาก ตอนนี้ที่ดวงตาของเธอมีเพียงตาขาวเท่านั้น ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงตกลงมาปกคลุมใบหน้า แต่กลับไม่สามารถปกปิดสีหน้าที่น่าขนลุกนั้นได้ ร่างทั้งร่างของ เธอกระตุกอย่างน่ากลัว คิมซังอูอ้าปากค้างและปิดประตูลงอย่างแรง
จากนั้น เขาก็หยิบอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองออกมา
“แจ้งรองกัปตัน…เปิดวิทยุกระจายเสียงเดี๋ยวนี้! เกิดเหตุฉุกเฉิน! ทุกคนจะต้องทำตามคำสั่งของผม! ผมจะมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที!”
…………
“คุณแม่คะ…” ภายในห้องโดยสารถูกปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้ง และทันใดนั้นเอง เด็กผู้หญิงชาวแดฮันที่นั่งอยู่ตรงหน้าของฉินเย่ที่กำลังเล่นลูกรูบิกอยู่ก็เอ่ยขึ้น “คุณแม่เห็น นพี่สาวที่ล้มเมื่อครู่มั้ยคะ? เท้าของพี่เค้าบิดไปด้านหลังด้วย น่ากลัวมากเลย!”
“ชู่ว์ อย่าพูดเรื่องไร้สาระสิลูก” แม่ของเด็กน้อยรีบยกมือปิดปากของเธอ “เป็นไปได้อย่างไรที่เท้าของคนเราจะบิดไปด้านหลัง? เอาล่ะ ทีนี้ก็เป็นเด็กดี…เดี๋ยวอีกไม่นานเราก็จะไปถึงฮ ฮันยางแล้ว”
“แต่หนูเห็นจริง ๆ นะ…” เด็กน้อยทำหน้ายู่
“หนูก็เห็นเหรอ?” ชายที่สวมหมวกซึ่งนั่งอยู่ทางซ้ายมือก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “ฉันนึกว่าตัวเองตาฝาดเสียอีก...แอร์โฮสเตสคนนั้นจะต้องเจ็บมากแน่ๆ”
“ใช่…ฉันก็เห็นมันเหมือนกัน ตอนแรกก็นึกว่าตัวเองมองผิดไป”
“นี่จะต้องออกข่าวแน่ ๆ! คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถอดทนต่ออาการบาดเจ็บที่รุนแรงขนาดนี้ในตอนทำงานได้อย่างไร?”
“เฮ้อ…น่าสงสารจริง ๆ…”
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มมัธยมปลายก็เหลือบไปมองที่ห้องสุขาพร้อมกับขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปด้านข้าง “พี่คิมชู ผมเห็นคุณหมอคนนั้นผลักแอร์โฮสเตสเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะวิ่งออกไป พี่คิดว ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น?”
คิมชูกำลังนั่งดูซีรีส์อยู่ในไอแพดของเธอ และเธอก็ตอบกลับด้วยเสียงเอื่อย ๆ ว่า “ชางโฮ นายคิดมากไปแล้ว เขาจะทำอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายกัน? นอกจากนี้ อีกไม่นานก็จะถึงฮัน นยางแล้ว สนใจเรื่องพวกนี้ไปแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร?”
ชางโฮนิ่งไปครู่หนึ่ง “ผมหมายถึง…พี่ไม่ได้อ่านข่าวช่วงนี้เลยเหรอ? เกี่ยวกับ…ไวรัสแปลกประหลาดน่ะ? ไวรัสที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก...”
คิมชูเงยหน้าขึ้นและสบตากับอีกฝ่าย จากนั้นเธอก็ตัวสั่น “นายกำลังจะบอกว่า…”
“อย่าอยู่ที่ห้องโดยสารนี้ต่อเลย…” ชางโฮกระซิบ “เราเดินไปที่ห้องโดยสารวีไอพีที่อยู่ข้างหน้าดีกว่า คุณหมอเองก็เดินไปที่นั่นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? เขาจะต้องรู้แน่ ๆ ว่าจุดที่ ปลอดภัยที่สุดอยู่ที่ไหน นอกจากนี้ ที่นั่นยังเป็นจุดที่มีห้องพักของพวกแอร์โฮสเตสด้วย ผมมั่นใจว่านั่นจะต้องเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูจากปฏิกิริยาของคุณหมอก่อนหน้านี้ ผมคิด ว่านี่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด…”
คิมชูกัดริมฝีปากของตัวเองก่อนจะพยักหน้าโดยไม่เอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ ทั้งสองสะพายกระเป๋าเป้และค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า
แต่ในขณะที่พวกเขาเดินผ่านห้องสุขา ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้น และประตูห้องสุขาก็นูนออกมาเล็กน้อย
นูน...เหมือนกับถูกต่อยด้วยหมัดคู่หนึ่ง!
“กรี๊ดดดด!!!” คิมชูร้องออกมาเสียงดังและล้มลงกับพื้น
ทันใดนั้น ฉินเย่ โนบูทาดะ และหวังเฉิงห่าวก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน
มันเริ่มขึ้นแล้ว…
เที่ยวบินมรณะได้เริ่มขึ้นแล้ว!
ด้วยสภาพแวดล้อมปิดตายที่พวกเขาอยู่ การแพร่กระจายของมัน…จะต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วแน่นอน!
ราวกับถูกกระตุ้นโดยเสียงกรีดร้องด้านนอก เสียงทุบที่ประตูดังขึ้นกว่าเดิม…
ตุ้บ…ตุ้บ…ตุ้บ…ตุ้บ!!
มันทรงพลังและรุนแรง ไม่เหมือนกับแรงที่แอร์โฮสเตสคนหนึ่งจะสามารถรวบรวมได้ กลับกัน มันเป็นเสียงที่เหมือนกับอสูรร้ายกำลังพยายามกระโจนออกมาจากรังของมัน!
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เที่ยวบินนี้มันอะไรกัน?”
“ไม่ใช่ว่าคนที่อยู่ด้านใน…คือแอร์โฮสเตสคนนั้นเหรอ?”
“นี่ พ่อหนุ่ม เปิดประตูดูหน่อยสิ! มันเกิดอะไรขึ้น? เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ชางโฮยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตู ทำอะไรไม่ถูก
มันรู้สึกราวกับว่าเขากำลังอยู่ที่หน้าผา เหตุผลและตรรกะทั้งหมดเตือนเขาว่าห้ามเปิดประตูเด็ดขาด เพราะเขาจะได้เห็นทันทีว่านรกที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร แต่ทันใดนั้น เสียงตะโก กนที่ดังไม่หยุดหย่อนจากด้านหลังของเขาก็บังคับให้เด็กหนุ่มต้องเอื้อมมือไปที่ประตู
“เฮ้อ…” หวังเฉิงห่าวถอนหายใจออกมา “มนุษย์…ช่างน่ารำคาญจริง ๆ…”
และทันใดนั้นเอง เสียงทุบที่รุนแรงก็หยุดลง
ความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันทำให้ชางโฮลอบกลืนน้ำลายอย่างเป็นกังวล
คิมชูอยู่ที่ด้านหลังของเขา ตัวสั่นเทาขณะที่กำเสื้อผ้าของตัวเองแน่น ทั้งสองต่างจ้องไปที่ประตูของห้องสุขาอย่างไม่ละสายตา
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปกระทันหัน ชางโฮรู้สึกเสียววาบไปตามสันหลัง แผ่นหลังของเด็กหนุ่มเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และเขาก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่หนักหน่วงของคิมชูอยู่ที่ข้างหู จากนั น เขาก็กำรอบราวจับที่ประตูและเปิดมันออกเล็กน้อย
ฟึ่บ...!
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ เด็กหนุ่มมองผ่านช่องว่าง ในเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ขณะที่คิมชูกรีดร้องออกมาเสียงหลง ทันใดนั้นเขาก็รีบปิดประตูกลับตาม มเดิม ก่อนจะล้มลงกับพื้น
เขาเห็น เขาเห็นมัน!
ตอนนี้แอร์โฮสเตสคนนั้นดูไม่เหมือนมนุษย์ด้วยซ้ำ! การลอบมองเธอผ่านช่องว่างระหว่างประตูเผยให้เห็นว่าใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว ในขณะที่เลือดสีดำจำนวนมากไหลออกมาจากริมฝีปาก แม้แต่ ดวงตาของเธอก็กลายเป็นสีดำสนิท เหมือนกับผีร้ายในหนังสยองขวัญ!
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ชายสูงวัยลุกขึ้นยืนอย่างตกตะลึงและเดินเข้ามา “พวกเราจะต้องช่วยเธอนะ! นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้! เธอปิดประตูทำไม?”
“วิ่ง…” ภายในหัวของชางโฮตื้อชา และเอ่ยความคิด ๆ เดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขา “อย่าเปิดประตู!! อย่าเปิดประตูเด็ดขาด!! มันมีผีร้ายอยู่ข้างในนั้น! มันคือไวรัสที่แพร่ระบาด ดในข่าว!!!”
เพล้ง!!!
ทันใดนั้น ประตูกระจกที่แบ่งแยกห้องโดยสารของพวกเขาจากห้องโดยสารวีไอพีตรงหน้าก็แตกกระจาย เผยให้เห็นภาพที่แท้จริงของนรกปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตา
มันแทบจะเหมือนกับว่าผู้โดยสารวีไอพีทั้งหมดได้มารวมตัวกัน แต่แขนขาของพวกมันทั้งหมดกลับบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว ดวงตาของแต่ละตัวมืดมัว เส้นผมกระจัดกระจายไม่เป็นทรงและยืนแน่นิ่ง งราวกับหุ่นกระบอก
เลือดสีดำไหลออกมาจากริมฝีปากของพวกมันราวกับรอยน้ำลายก่อนจะแย้มยิ้มอย่างแปลกประหลาดออกมาขณะที่มองไปยังมนุษย์ธรรมดาทั้งหมดที่นั่งอยู่ภายในห้องโดยสารปกติ
“ฮึก...อึก...”
ชางโฮและคิมชูคือคนที่อยู่ใกล้คนทั้งหมดมากที่สุด รูม่านตาของพวกเขาหดตัวลงและรีบตะเกียกตะกายถอยหลังด้วยความกลัวทันที
“พระเจ้า…” ชายสูงวัยที่เดินเข้ามาอย่างกล้าหาญในตอนแรกเผลอทำแก้วน้ำในมือร่วงลงกับพื้นด้วยความตกตะลึง ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ที่เห็นภาพดังกล่าวก็ลุกขึ้นยืนทันที
นี่มันคือเที่ยวบินสู่นรก เที่ยวบินของคนตาย!
ไม่กี่วินาทีต่อมา ซอมบี้ทั้งหมดก็เปล่งเสียงร้องที่น่าสะพรึงกลัวออกมาแล้วพุ่งตัวเข้าใส่มนุษย์ทั้งหมด!
“โฮกกกก!!!”
“ฮืออออ...”
“ซ่ากกกก!!”
เสียงกรีดร้องที่แสนจะน่ากลัวปกคลุมไปทั่วทั้งห้องโดยสาร ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาที เลือดและคราบเลือดได้สาดกระเซ็นไปทั่ว
ฟึ่บ!
นิ้วมือนิ้วหนึ่งก็ลอยข้ามห้องโดยสารตกลงบนลูกรูบิกที่อยู่ในมือของเด็กผู้หญิง ทำให้มันเปื้อนไปด้วยเลือดสีดำสนิท
“หนีเร็ว!!!!” ด้วยเสียงร้องที่ดังสนั่น ทั่วทั้งห้องผู้โดยสารตกอยู่ในความโกลาหลขณะที่พวกเขาต่างพยายามหนีเพื่อเอาชีวิตรอด!