ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 541: เวรเอ้ย!!
บทที่ 541: เวรเอ้ย!!
กลางคืน 00.00 น.
ฉินเย่และคนของเขากลับมาที่แดลิมอพาร์ตเมนต์ 1 อีกครั้ง สถานบันเทิงของแดฮันนั้นน่าทึ่งเป็นอย่างมาก เมื่อตกกลางคืน เลานจ์ KTV และดิสโก้บาร์ทุกประเภทก็เต็มไปด้วยกิจกรรมมากมาย ผู้หญิงของแดฮันนั้นให้ความสนใจเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของพวกนางเป็นอย่างมาก โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้หญิงที่นี่ดูดีและแต่งตัวดีกว่าผู้หญิงในจีนมาก
หากพูดกันตามตรง สถานบันเทิงพวกนี้นั้นเย้ายวนจนพวกเขาแทบจะไม่สามารถตั้งสมาธิอยู่กับเป้าหมายของตัวเองได้ พวกเขาต้องยับยั้งใจเป็นอย่างมากในการเดินผ่านพวกมันและตรงไปยังทางเข้าของแดลิมอพาร์ตเมนต์ 1
ทันทีที่พวกเขาเดินไปถึงที่ทางเข้าของตึก B6 ก็สังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง…
“หนึ่ง… สอง… สาม… มีอยู่ทั้งสิ้น 20 คน โดยหนึ่งในนั้นมีผู้ฝึกตนขั้นยมเทพอยู่คนหนึ่ง?” โนบูทาดะจ้องไปที่อาคารสูงตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้ว “ใต้เท้า ดูเหมือนว่าคิมแทจีน่าจะมีความคิดเป็นของนางเอง”
ในสายตาของพวกเขา เปลวไฟสามดวงที่ลุกโชนอยู่เหนือไหล่ของมนุษย์นั้นส่องสว่างราวกับดวงดาวและดวงจันทร์ในท้องฟ้ายามค่ำคืน
ฉินเย่ครุ่นคิด คิมแทจีทรยศลีจองซุกอย่างนั้นหรือ? ไม่…นั่นไม่น่าจะเป็นไปได้ จริงอยู่ที่ความสัมพันธ์ทางการค้าอาจจะเปราะบาง แต่มันก็เพิ่งผ่านไปเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้นนับตั้งแต่การหายตัวไปของลีจองซุก คิมแทจีไม่มีทางกล้าเสี่ยงที่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธ
แล้ว…เขาพลาดตรงไหนกัน?
สิ่งใดกันที่เขาพูดแล้วทำให้คิมแทจีกลับคำพูดของนาง? แต่เด็กหนุ่มต้องยอมรับเลย นางเป็นคนที่เฉลียวฉลาดอย่างแท้จริง นางคงจะค้นพบสิ่งผิดปกติบางอย่างจากบทสนทนาก่อนหน้านี้ แต่กลับสามารถรักษาสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้ได้
อืม…ใช่แล้ว มันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่นางถามช่องทางการติดต่อจากเขา นางคงจะรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติตั้งแต่ตอนนั้นสินะ? ในแดฮัน การให้เบอร์ติดต่อของนางกับแซมซังนั้นเทียบได้กับการอนุญาตให้พวกเขาตามติดการเคลื่อนไหวของคุณ และเพราะเขาไม่ยอมให้ นางจึงจงใจนัดพวกเขาในคืนนี้เลย
หากเขามอบช่องทางติดต่อของตัวเองให้…นางจะทำแบบเมื่อตอนกลางวันหรือไม่?
ความคิดมากมายผุดขึ้นมาภายในหัวของพวกเขา ทันใดนั้นเอง โนบูทาดะก็ค้อมศีรษะและเอ่ยขึ้นว่า “ใต้เท้า เราควร…”
“ไม่จำเป็น” ฉินเย่รวบรวมความคิดและส่ายหน้าไปมา “ในเมื่อนางเริ่มสงสัยในตัวตนของเรา เช่นนั้น…เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนความสงสัยเหล่านั้นให้เป็นความหวั่นเกรงและหวาดกลัว ไม่เช่นนั้น นางคงไม่มีทางใช้ความพยายามทั้งหมดในการสอบสวนให้เรา”
ในเมื่อสะพานแห่งความเชื่อใจได้พังลงแล้ว เช่นนั้นมันก็ถึงเวลาเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างและเดินบนเส้นทางแห่งความกลัวแทน!
………………
ตึก B6 มีเพียงไฟบนชั้น 24 เท่านั้นที่ยังคงส่องสว่างอยู่ และตอนนี้ปืน 15 กระบอกก็กำลังเล็งตรงไปที่ประตูลิฟต์ พร้อมกับมีชายในชุดลายพรางอีกห้าคนที่คอยเฝ้าอยู่ที่ทางออกฉุกเฉิน
พวกเขาคือทหารรับจ้าง
และยังเป็นพวกที่เคยเห็นเลือดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน พวกเขาแผ่กลิ่นอายที่เย็นยะเยือกและดุดันออกมาราวกับหมอกแห่งความตาย
หน้าจอโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ที่ติดอยู่ที่ประตูลิฟต์ของชั้นที่ 24 ในเวลานี้ถูกแทนที่ด้วยภาพของกล้องวงจรปิดจากชั้นที่ 1 ของอาคาร กระบอกปืนจำนวนมากถูกเล็งอยู่ที่หน้าจอดังกล่าว โดยดวงตาที่คมกริบหลายคู่ยังคงจ้องเขม็งไปที่ภาพบนหน้าจอ
คลิ๊ก...!
ทางเข้าหลักของอาคารถูกเปิดออกช้า ๆ ชายสามคนเดินเข้ามาในอาคาร ดูราวกับไม่รับรู้ถึงสิ่งอันตรายที่กำลังรอตนอยู่เลยแม้แต่น้อย ผู้เป็นหัวหน้าลดปลายกระบอกปืนของตนลงเล็กน้อยและกระซิบผ่านชุดอุปกรณ์สื่อสารของเขา “คุณคิม พวกเขามาแล้วครับ”
คิมแทจีกำลังนั่งอยู่ภายในห้องหรูที่อยู่อีกส่วนหนึ่งของชั้น 24 เธอสูดหายใจเข้าช้า ๆ และมองไปยังภาพจากกล้องวงจรปิดตรงหน้าด้วยแววตาซับซ้อนขณะที่ไฟแสดงสถานะสว่างขึ้น เธอจับแก้วไวน์แน่นขึ้น จากนั้นก็กดปุ่มบนรีโมทคอนโทรล
กึก กึก กึก…
เหล่าทหารรับจ้างที่อยู่ภายในอาคารตกตะลึง ประตูหน้าต่างเหล็กค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงมาจากรอยแยกที่อยู่ด้านนอกอาคาร ปิดกั้นกระจกทุกบานที่อยู่ในอาคารพร้อมกับเสียงแกร็กเบา ๆ ประตูหน้าต่างเหล็กปิดผนึกอาคารทั้งหลังโดยสมบูรณ์
แผ่นเหล็กสีดำถูกทำมาจากวัสดุเก็บเสียงที่ดีที่สุด และสีของมันก็กลมกลืนไปกับตอนกลางคืนราวกับมันมาจากด้านในอาคาร
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่มีใครสามารถได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้นแม้เสียงปืนจะดังขึ้นก็ตาม…
ลิฟต์ค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปท่ามกลางความเงียบ ชายในชุดลายพรางหัวเราะออกมาเบา ๆ ขณะที่เอ่ยกับคนอื่น ๆ “กำไรงามจริง ๆ 200 ล้านวอน...นั่นเกือบจะ 300,000 ดอลล่าร์เลยนะ! มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถใช้จ่ายเงินสดจำนวนมากได้ง่ายขนาดนี้…”
ชายอีกคนในชุดลายพรางที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับเสียงเบา “นายจำวันที่พวกเราต้องต่อสู้ในสงครามความขัดแย้งได้มั้ย? จำได้หรือเปล่าว่าตอนนั้นพวกเราต้องวิ่งออกไปยังสนามรบเพื่อเงินจำนวนเพียงเล็กน้อย? แล้วดูตอนนี้สิ ภารกิจพวกนี้ง่ายชะมัด มันไม่ได้อะไรมากไปกว่าการลั่นไกเลยสักนิด”
พวกเขาคือทหารรับจ้างที่มีสายตาเฉียบคมเป็นอย่างมาก พวกเขาสามารถรับรู้ได้ตั้งแต่แรกเห็นว่าเป้าหมายไหนที่รับมือยาก และเป้าหมายไหนที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
สำหรับฉินเย่กับเพื่อน พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่าทุกอย่างจะดำเนินไปโดยไม่มีความผิดพลาด ทหารหลายนายถึงกับลดท่าทางที่ตึงเครียดของพวกเขาโดยไม่รู้ตัว
คนทั้งหมดสบตากันอย่างรู้งาน ก่อนจะพยักหน้าให้กันในท้ายที่สุด
“คนธรรมดาสามคน” ชายหัวโล้นเอ่ยเสียงเบา “พวกเขาไม่ระวังตัวเลยสักนิด…พวกคนในสายงานอย่างพวกเราย่อมต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการสั่งสมประสบการณ์ระหว่างความเป็นความตาย คนพวกนี้…เป็นเพียงตุ๊กตาตัวน้อยที่แสนน่ารักเท่านั้น”
“อย่าเพิ่งประมาท” ชายอีกคนหนึ่งที่มีผมยาวประบ่าเอ่ยเตือนเสียงเข้ม “คุณคิมต้องการให้พวกเราเว้นชีวิตคนใดคนหนึ่งเอาไว้ จิ๊ส์…นั่นเป็นคำขอที่ยากที่สุดเลย พวกเราไม่ใช่นักแม่นปืนสักหน่อย…”
ทันใดนั้น ชายอีกคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง “เดี๋ยวก่อนนะ…พวกเขาหายไปไหนแล้ว?!”
ในวินาทีนั้น คนทั้งหมดหันกลับไปมองที่หน้าจอทันที
มันไม่มีใครอยู่เลยจริง ๆ!
ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวสูงขึ้น แต่คนที่ควรจะปรากฏตัวอยู่ภายในกล้องวงจรปิดกลับไม่อยู่! ชายสามคนที่อยู่ตรงนั้นก่อนหน้านี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว และไม่มีใครถามขึ้นมาเลยว่าทั้งสามหายไปไหน ทุกคนตกอยู่ในความเงียบแทบจะทันที
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คือทหารรับจ้าง ทันทีที่พวกเขาสังเกตเห็นสิ่งที่ผิดปกติ พวกเขาจะรีบวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่ตนได้รับมอบหมาย แต่น่าเสียดาย แม้ว่าพวกเขาจะพยายามเพียงใด พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าทั้งสามสามารถหายตัวไปได้อย่างไร!
“คุณคิม!” หัวหน้าของกลุ่มปฏิบัติการเปิดชุดอุปกรณ์สื่อสารของตน เม็ดเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนหน้าผากขณะที่เขาเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเทา “พวกเขา…ไม่ใช่คนจาก ‘ฝั่งนั้น’ ใช่ไหม?! คุณเสนอเงินให้เราแค่ 200 ล้านวอนสำหรับภารกิจแบบนี้น่ะเหรอ?! นี่คุณพยายามจะทำอะไรกันแน่?!!”
ไร้ซึ่งคำตอบ…
อีกด้านหนึ่งของสายยังคงเงียบจนน่าขนลุก แทบจะเหมือนกับว่ามันคือประตูสู่ขุมนรกอันไร้ก้นบึ้ง
“บ้าไปแล้ว!!!” อกของชายคนนั้นกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง พวกเขาเหล่านี้คือทหารรับจ้างที่เผชิญหน้ากับความเป็นตายตลอดเวลา และพวกเขาทุกคนก็ต่างเคยได้ยินข่าวลือและเรื่องเล่าเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตจากอีกโลกหนึ่งมาโดยตลอด ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่า…มันไม่ใช่แค่เรื่องที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับเด็ก ๆ
ทว่าน่าเสียดาย ไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากอีกด้านหนึ่งของอินเตอร์คอม
กลับกัน เสียงเดียวที่พวกเขาได้ยินคือเสียงอู้อี้ของบางอย่าง ราวกับว่ามีสายลมอันน่าสยดสยองกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
“เวรเอ้ย!!” ผู้เป็นหัวหน้าสบถออกมา ทันใดนั้นขณะที่เขากำลังจะปิดอินเตอร์คอม เขาก็ได้เสียงเสียงที่น่าสยดสยองดังขึ้น
“สวัสดีทุกท่าน...”
ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่ได้ยินเสียงนี้
เสียงที่น่าสะพรึงกลัวนั้นได้ทำการเชื่อมต่อกับชุดอุปกรณ์สื่อสารทั้ง 20 ชุดของพวกเขา!
เสียงของชุดอุปกรณ์สื่อสารของแต่ละคนสูงขึ้นอย่างกระทันหัน ส่งผลให้เสียงดังกล่าวแทงเข้าหูและหัวใจของพวกเขา ผู้นำของทหารรับจ้างทั้งหมดอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงก่อนจะรีบถอดชุดอุปกรณ์สื่อสารออก “เวรเอ้ย! ล่าถอยไปที่ทางออกฉุกเฉิน!! เร็วเข้า!!”
ทว่าทันทีที่เขาเอ่ยคำเหล่านี้ออกไป แสงไฟภายในอาคารก็ดับลง แม้แต่แสงสว่างภายในห้องของคิมแทจีเองก็ดับไปเช่นกัน ทั่วทั้งสถานที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด
ตุบ ตุบ ตุบ…
นายทหารรับจ้างที่จะหลบหนีโดยใช้ทางออกฉุกเฉินก็นิ่งไป พวกเขาลอบกลืนน้ำลายอย่างหวั่นสะพรึงขณะที่มองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง
ทันใดนั้นเอง เงาดำร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นบนกระจกกันฝ้าในตัวอาคารหลัก
ร่างเงาดังกล่าวค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากด้านหลังของทหารรับจ้างทั้งหมด จากนั้น เอียงศีรษะไปด้านข้างเล็กน้อยและดวงตาแดงก่ำก็จ้องไปยังคนทั้งหมด
โอดะ โนบูทาดะ!
เขาอยู่ขั้นยมทูตขาวดำ แม้ว่าในจีนหรือในยมโลก เขาจะไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากนัก แต่ทุกสิ่งกลับแตกต่างกันอย่างมากเมื่อเป็นในแดฮัน เพราะอย่างไรแล้ว ผู้ปกครองโลกใต้พิภพแห่งฮันยางก็อยู่แค่ขั้นตุลาการนรกเท่านั้น…
นี่คือ เขาเปรียบได้กับฝันร้ายของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่เว้นแม้กระทั่งเหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ
“นี่มันอะไรกัน…?!”
หนึ่งในทหารรับจ้างเอ่ยด้วยความหวาดกลัว เจตจำนงอันแรงกล้าในการมีชีวิตรอดหมายความว่าพวกเขาได้ขัดเกลาผีมือและทักษะในการสังเกตมาเป็นเวลาหลายปี แต่ก็เพราะประสาทสัมผัสที่เฉียบคมนี้เองที่ทำให้พวกเขาสังเกตเห็นว่ามีใครอีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูกระจกซึ่งอยู่ด้านหลังของพวกเขา
“อึก...” ทหารรับจ้างหลายนายลอบกลืนน้ำลายอย่างวิตกกังวลขณะที่พวกเขาขยับตัวเบียดเข้าใกล้กัน เสียงคำรามแปลก ๆ ดังมาจากในลำคอของโนบูทาดะ และจากนั้น ศีรษะของเขาก็หลุดออกจากร่างราวกับหุ่นเชิดที่ชำรุด!
ฟึ่บ!!
ทันใดนั้น ทหารรับจ้างทั้ง 20 นายก็หันปากประบอกปืนกลับไปที่ประตูกระจกอย่างรวดเร็ว สีหน้าของคนทั้งหมดซีดเผือดและหวาดผวา พวกเขากัดริมฝีปากของตัวเองแน่นขณะที่มองดูภาพที่น่าสะพรึงกลัวของวิญญาณร้ายตรงหน้า
“อึก...”
หนึ่งในทหารรับจ้างส่งเสียงออกมาด้วยความหวาดกลัว ปืนในมือของเขาสั่นเทา ความดีใจจากการได้รับเงิน 200 ล้านวอนจากงานครั้งนี้ได้หายไปโดยปริยาย
ผู้ชายสามคนนี้…ไม่ใช่มนุษย์!
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน และพวกเขาก็เพิ่งได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาไม่ต้องการพบเห็นเลยในชีวิต! นี่คือสิ่งที่แต่ละคนเคยได้ยินแค่จากในเรื่องเล่าและในภาพยนตร์เท่านั้น!
ภารกิจง่าย ๆ เหรอ?
นี่คือภารกิจที่ยากที่สุดตั้งแต่ที่พวกเขาตกลงรับมาเลยต่างหาก!
หากเป็นไปได้ พวกเขาก็อยากจะย้อนเวลากลับไปและปฏิเสธรับงานจากคิมแทจีเป็นอย่างมาก!
แต่น่าเสียดาย ต่อให้คร่ำครวญกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น
จากนั้น ท่ามกลางความหวั่นสะพรึง พวกเขาก็เห็น…เงาที่อยู่ตรงหน้าประตูกันฝ้าได้ถือศีรษะของตนขึ้นมา และส่งยิ้มให้พวกเขา
“อ๊ากกกกก!!!” มันเป็นเพียงรอยยิ้มธรรมดาทั่วไป แต่มันกลับทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกขนลุกชัน ทหารรับจ้างบางนายทนไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขารีบกลับหลังหันและพุ่งตัวไปยังทางออกฉุกเฉิน
ทว่าน่าเสียดาย…เพราะทันทีที่เขาทำเช่นนั้น ก็ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดว่าใครบางคนกำลังมองดูพวกเขาอยู่!
มันคือคิมแทจี…
รูม่านตาของเธอขยายจนมีขนาดสองนิ้ว มากจนตาขาวทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท!
ทันใดนั้น เธอก็จ้องมาที่ทหารทั้งหมดด้วยดวงตากลมโตของเธอ
“ยิง!!” มันคือฟางเส้นสุดท้าย หัวหน้าของคนทั้งหมดตะโกนเสียงดัง ทันใดนั้น เสียงปืนจำนวนมากก็ดังขึ้นจากทั้งสี่มุมของชั้น
………
“พวกเขาจะตายไหม?” ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้คิมแทจีกำลังกำชายกระโปรงของเธอแน่นเพียงใดจากด้านหลังของประตูกระจก เธอกัดฟันแน่น พยายามฝืนร่างของตัวเองไม่ให้ล้มลงกับพื้นแม้ร่างกายจะยังสั่นเทา พร้อมกับจ้องมองไปยังร่างที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงหน้าของตัวเอง อีกฝ่ายกำลังถือแก้วไวน์อยู่ในมือ แต่ถึงกระนั้น พลังหยินจำนวนมหาศาลกลับแผ่ออกมาจากร่าง บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาไม่ใช่มนุษย์
ฉินเย่หมุนแก้วไวน์ในมือเบา ๆ กลิ่นหอมของแทนนินที่ถูกบ่มเป็นเวลานานแพร่กระจายไปในอากาศ เขาไม่เคยดื่มไวน์แดงที่มีคุณภาพดีแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน
ฉินเย่จิบมันเพียงเล็กน้อย เนื้อสัมผัสของไวน์แดงนี้ลื่นราวกับผ้าไหม แอลกอฮอล์และกลิ่นของผลไม้ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เขาเลิกคิ้วขึ้นและมองไปที่คิมแทจีพร้อมกับแย้มยิ้ม “มีอะไรหรือเปล่า? หรือว่าคุณยังคงสงสัยเกี่ยวกับความคมของมีดที่ยืมมา?”
คิมแทจีกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรง
คนพวกนี้ไม่ใช่มนุษย์!
และไม้กางเขนเงินที่ได้รับมาจากเจ้าหน้าที่ขั้นยมทูตขาวดำก็แตกกระจายไปในชั่วพริบตา! ไม่ใช่นี่หมายความว่าคนตรงหน้า…แข็งแกร่งกว่าขั้นยมทูตขาวดำหรอกเหรอ?! เขาจะต้องเป็นวิญญาณร้ายระดับสูงอย่างแน่นอน!
นี่เธอ…กำลังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเทพแห่งความตายจริง ๆ น่ะเหรอ?!
“ไม่…” เสียงที่เอ่ยออกไปของเธอสั่นเทา “มันก็แค่จะเป็นปัญหามาก ๆ หากพวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าตายที่นี่…”
“คุณต้องการอะไร?” เธอยังเอ่ยถามต่อ “บอกมา! ฉันจะยอมทำทุกอย่าง ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่ฉันสามารถทำได้!”
ฉินเย่ยังคงนิ่งเงียบ หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาก็วางแก้วไวน์ลงและยกขาขึ้นเพื่อนั่งไขว่ห้างอย่างสบาย ๆ “ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในกระบวนการสอบสวน ผมถาม…คุณตอบ”
“ทำไมถึงต้องพยายามดิ้นรนกับผลลัพธ์ที่ออกมาแล้วด้วย?”
“และทีนี้บอกมา…มันเกิดข้อผิดพลาดอะไรในบทสนทนาของเราเมื่อเช้านี้? ข้อผิดพลาดอะไรที่มันร้ายแรงจนคุณตัดสินใจที่จะฆ่าตัวแทนของคุณลี? ผมคิดว่า…มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่พวกเราพลาดไป แล้วก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร ดังนั้นคุณจะช่วยบอกผมหน่อยได้หรือเปล่า?”