ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 542: บาทหลวงที่ตายไปแล้ว
บทที่ 542: บาทหลวงที่ตายไปแล้ว
คิมแทจีจ้องฉินเย่เป็นเวลานาน ก่อนจะถามออกมาในที่สุด “คุณรับปากได้หรือเปล่าว่าจะไม่ฆ่าฉัน?”
“คุณคิดว่าตัวเองยังอยู่ในจุดที่สามารถต่อรองได้อย่างนั้นเหรอ?” ฉินเย่ถามกลับ “ก่อนหน้านี้เราได้ทำการตกลงกันอย่างตรงไปตรงมา แต่คุณกลับเป็นฝ่ายทำให้พวกเราต้องจนมุม ตอนนี้คุ ณไม่เหลือตัวเลือกอะไรอีกแล้ว”
คิมแทจีที่ได้ยินเช่นนั้นก็กัดริมฝีปากของตนอย่างแรง
ภายในใจของเธอพลันเต็มไปด้วยความเสียใจ คิมแทจี…ยัยโง่! ทำไมถึงไปแหย่รังแตนแบบนี้? แม้แต่เขตทางศาสนาก็ไม่สามารถรับมือกับปีศาจเหล่านี้ได้! หากเธอรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์ เธอคงไม่ตัดสินใจทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้เด็ดขาด!
แต่เสียใจไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา… เธอยังมีตัวเลือกอะไรอีกหรือไง?
ทันใดนั้นเอง เธอก็ตระหนักได้ว่าชีวิตของมนุษย์อย่างพวกเธอนั้นเปราะบางเป็นอย่างมาก
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ คิมแทจีก็สูดหายใจเข้าช้า ๆ และตอบออกไป “อัน จุนโฮตายแล้ว…”
อัน จุนโฮตายแล้ว?!
ฉินเย่ขมวดคิ้ว ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นเยอะขนาดนี้เลยหรือ? อย่างนี้นี่เอง…ในสายตาของอีกฝ่าย มันไม่มีทางเลยที่เขาจะไม่รู้เรื่องการตายของอัน จุนโฮ
หากชายคนนั้นเป็นคนที่อยู่ภายใต้ลีจองซุกจริง นี่เป็นสิ่งที่คิมแทจีจะต้องตระหนักได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ มันยังเกิดจากความหวาดระแวงที่มีคนจำนวนมากตามไล่ล่าชีวิตของลีจองซุก อีกด้วย แต่หากเป็นเช่นนั้นเอง เขาก็คิดว่ามันเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายซื่อสัตย์ต่อลีจองซุกอย่างแท้จริง
ไม่เลว นับว่า 7 ชีวิตที่ผ่านมาของลีจองซุกนั้นไม่ได้สูญเปล่า ไม่คิดเลยว่าเธอจะสามารถโน้มน้าวผู้หญิงที่ชาญฉลาดอย่างคิมแทจีให้ยอมรับใช้เธออย่างเต็มใจได้ ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ง เขาแทบไม่สามารถควบคุมตุลาการนรกตนอื่นที่อยู่ภายใต้อำนาจของตัวเองได้ด้วยซ้ำ ทักษะของพวกเราช่างแตกต่างกันเหลือเกิน…
แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ คิมแทจีก็เรียกสติของเขากลับมาด้วยประโยคถัดไป
“เขาเสียชีวิตไปได้…12 ปีแล้ว”
“หากพูดโดยละเอียดก็คือ เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 12 ปีที่แล้ว คุณลีและฉันได้ไปเห็นการฝังศพของเขาด้วยตัวเอง มันน่ากลัวมาก ครึ่งหนึ่งของร่างแหลกละเอียดจากอุบั ติเหตุ และแม้แต่ช่างแต่งศพที่เก่งที่สุดในแดฮันก็ไม่สามารถปกปิดมันได้ คุณลีได้เดินทางไปที่อูโซเนียเพื่อว่าจ้างช่างแต่งศพมากฝีมือเพื่อมาแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ให้ดีที่สุดด้วยต ตัวของเธอเอง ฉันมั่นใจว่าคนที่พวกเรากำลังพูดถึงอยู่คือคน ๆ เดียวกัน!”
เสียงของเธอสั่นเทาเล็กน้อยขณะที่ปล่อยระเบิดลูกใหญ่ออกมา จากนั้น เธอจึงหันไปมองฉินเย่ราวกับต้องการจะถามว่า คุณเจออัน จุนโฮได้อย่างไร?
“เป็นไปไม่ได้!” ปากกาจิตวิญญาณเอ่ยกับฉินเย่ “ข้าได้เห็นอัน จุนโฮกับตาของตัวเองเมื่อสองปีก่อน! เขายังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน!”
คิมแทจีไม่ได้ยินเสียงของปากกาจิตวิญญาณ ดังนั้นเธอจึงคิดจะพูดต่อ แต่ทันใดนั้นฉินเย่ก็ยกมือห้ามเอาไว้ ขณะที่เขาถามปากกาจิตวิญญาณด้วยเสียงที่มีเพียงแค่ปากกาจิตวิญญาณเท่านั้นที สามารถได้ยิน “เจ้าแน่ใจนะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ปากกาจิตวิญญาณก็เงียบไป เด็กหนุ่มหันไปมองท้องฟ้าด้านนอกขณะที่เอ่ยต่อเสียงเบา “ข้าเดาว่าเจ้าคงสงสัยว่ามันอาจจะมีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งที่กำลัง งควบคุมอัน จุนโฮอยู่ และเพราะเหตุผลนั้น เจ้าจึงไม่กล้าตรวจสอบชีพจรและลมหายใจของเขาด้วยพลังหยินของตัวเอง”
ปากกาจิตวิญญาณนิ่งเงียบ ราวกับว่าสิ่งที่ฉินเย่พูดนั้นถูกต้อง
เด็กหนุ่มยังคงเอ่ยต่อ “โดยปราศจากการตรวจจับชีพจรและลมหายใจ ข้อเท็จจริงเพียงแค่ว่าเขาเคลื่อนไหวเหมือนกับมนุษย์ปกตินั้นไม่สามารถบอกอะไรเราได้ เพราะอย่างไรแล้ว มันก็มีวิธีการม มากมายที่สามารถทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ นอกจากนี้ เขายังเสียชีวิตมาเป็นเวลานานแล้ว ในขณะที่เจ้าเพิ่งอยู่กับลีจองซุกมาแค่สามปี เจ้าสามารถเห็นข้อแตกต่างอะไรได้? นอกจากนี้ เจ้าบอกว ว่าในรัศมีสิบเมตรรอบตัวเขาจะไม่มีวิญญาณอยู่เลยสักตน แต่นั่นก็เป็นธรรมดาไม่ใช่หรือ? เหตุใดวิญญาณถึงต้องดึงดูดกับร่างของคนที่ตายไปแล้วด้วย?”
“ท่านกำลังจะบอกว่า…” เสียงของปากกาจิตวิญญาณสั่นเทา
ฉินเย่พยักหน้าเบา ๆ “ข้ากำลังจะบอกว่าตลอด 12 ปีที่ผ่านมา ลีจองซุกอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับพวก…ซอมบี้ด้วย”
“นอกจากนี้ มันยังเป็นซอมบี้ที่อยู่ขั้นยมทูตขาวดำเป็นอย่างต่ำ”
ปากกาจิตวิญญาณอ้าปากค้าง “ท่านแน่ใจหรือ?”
เด็กหนุ่มเงียบไป เขาไม่แน่ใจ แต่ถึงกระนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างกลับสอดคล้องกับข้อสันนิษฐานของเขาอย่างสมบูรณ์!
ตอนนี้เขาแน่ใจ 80% แล้วว่าซาร์อาร์ตูโรได้มีส่วนร่วมในปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้น หลิวอวี้เป็นเพียงแค่ขั้นตุลาการนรกเท่านั้น โดยปราศจากตราจ้าวนรกอยู่ในมือ มันไม่มีทา างเลยที่อีกฝ่ายจะรู้หน้าที่ที่แท้จริงของจ้าวนรกแห่งยมโลก เขาเชื่อในลัทธิเต๋าและขงจื๊อ ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ของแดฮันนั้นนับถือนิกายโรมันคาทอลิก! หากหลิวอวี้ต้องการที่จ จะก่อตั้งโลกใต้พิภพขึ้นมา เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอาศัยความศรัทธาของผู้คนและสร้างมันขึ้นมาบนรากฐานของนิกายโรมันคาทอลิก!
เขาจะสามารถหว่านเมล็ดแห่งความศรัทธา ทำให้มันสุกงอมและพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวภายในระยะเวลาแค่หนึ่งปีได้อย่างไร?
ไม่มีทาง!
สิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว… ฉินเย่หมุนแก้วไวน์ในมือของตนเบา ๆ และขยายมุมมองของตัวเองเพื่อมองภาพใหญ่
หลิวอวี้คิดที่จะเป็นเอกเทศมานานมากแล้ว ญี่ปุ่นไม่มีทางให้ความช่วยเหลือเขาในเรื่องนั้น เพราะพวกเขาไม่มีอำนาจที่จะปกป้องและคุ้มกันหลิวอวี้จากยมโลกได้ แต่ซาร์อาร์ตูโรนั้น ต่างออกไป ด้วยการสนับสนุนจากรากฐานของศาสนาคริสต์ เขาได้ปกครองหนึ่งในสี่โลกใต้พิภพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก อีกฝ่ายมีแม้กระทั่งทหารวิญญาณระดับสูงและเหล่านายพลผู้แข็งแกร่งอยู่ ภายใต้การปกครอง รวมถึงวิญญาณสองตนที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็น “มหาราช” อย่างพระเจ้าปีเตอร์มหาราชและซารินาแคทเทอรีนมหาราชอีกด้วย
โลกใต้พิภพของรุสนั้นมีอำนาจในการคุ้มกันหลิวอวี้ให้อยู่ภายใต้ปีกของพวกเขาในขณะที่ยมโลกกำลังอยู่ในสภาพที่อ่อนแออย่างไม่ต้องสงสัย!
ภูมิประเทศของคาบสมุทรแดฮันนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก มันอยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ตะวันออกของจีน ทางใต้ของรุส และเหนือช่องแคบสึชิมะ ซาร์อาร์ตูโรไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เคลื่อนไหว วตามข้อเสนอ ก่อนหน้านี้ เขาอาจจะนิ่งเฉยเนื่องจากความแข็งแกร่งของจีน แต่ตอนนี้ จีนได้หายตัวไปจากเวทีโลกและเงียบหายไปกว่าร้อยปี มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่เคลื่อนไหว เพราะอ อย่างไรแล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่การปะทะกับยมโลกอย่างเปิดเผย แต่มันก็เป็นช่องทางที่ดีในการทดสอบการตอบสนองของจีน!
“ผลประโยชน์ของเขาสอดคล้องกับผลประโยชน์ของหลิวอวี้…” ฉินเย่พึมพำกับตัวเองขณะที่จิบไวน์ในมือ จากนั้น เขาจึงจมอยู่กับความคิดของตัวเองต่อไป เว้นแต่ว่ามันจะถูกเวลาและถูกสถา านที่ การเผยแพร่ตำนานและปาฏิหาริย์จำเป็นจะต้องใช้เวลาหลายปี ซาร์อาร์ตูโรคงจะกระตุ้นเหตุการณ์เหล่านี้ผ่านวลาดิวอสต็อก เขาคิดที่จะยื่นมือช่วยหลิวอวี้ในการประกาศเอกราช มัน นจะต้องเป็นแผนการที่ถูกวางมาเป็นเวลานานแล้วแน่ ๆ
หากพูดกันตามจริง…มันมีความเป็นไปได้ด้วยว่าทุกสิ่งทุกอย่างน่าจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อ 12 ปีก่อน บทละครทั้งหมดถูกสร้างโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับซากศพเดินได้ ซอมบี้ที่สามารถใช้ชีว วิตในแดนมนุษย์ได้เป็นเวลานานตราบใดที่พวกมันละเว้นจากการสัมผัสกับมนุษย์ องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องและจังหวะเวลาทั้งหมดล้วนสมเหตุสมผล
สุดท้าย ด้วยตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของลีจองซุก พวกเขาสื่อสารกันผ่านนาง ให้นางทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารระหว่างแดนมนุษย์และโลกใต้พิภพ หากเขาเป็นหลิวอวี้ ก็คงจะทำแบบเดียวกัน อืม…นั่นทำให้ทุกอย่างไม่ได้รับการตรวจสอบ แล้วแบบนี้ อัน จุนโฮจะยังอยู่ที่โบสถ์ไซออนอยู่หรือไม่?
นี่คือกุญแจดอกแรกของเราในการเปิดเผยความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังสถานการณ์ที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลายตรงหน้า
อัน จุนโฮเป็นแหล่งข้อมูลต่อไปที่จะบอกเด็กหนุ่มเกี่ยวบทละครอันน่าอัศจรรย์ที่ซาร์อาร์ตูโรได้เขียนเอาไว้ บทละครที่แยบยลเสียจนแม้แต่ทางรัฐบาลของแดฮันก็เลือกที่จะปกปิดมันจ จากสายตาของประชาชน
มันคงจะดีหากซาร์อาร์ตูโรนั้นยอมมอบสำเนาบทละครอันน่าทึ่งนี้ให้เขาบ้าง…เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ฉินเย่ก็ลืมตาขึ้นและหันกลับไปหาคิมแทจี “ปกติแล้วคุณลีติดต่อกับบาทหลวงอัน จุนโฮทางไหน?”
“ฉันไม่รู้…” คิมแทจีถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอ…ติดต่อกับคนตายมาตลอดสิบกว่าปี!”
ความคิดเหล่านั้นทำให้เธอขนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง
พวกเรากำลังพูดถึงคนที่เราไปร่วมพิธีฝังศพด้วยตัวเอง…แต่ถึงกระนั้น…ลีจองซุกกลับติดต่อกับอีกฝ่ายมาโดยตลอด?! นี่หญิงสาวคุยกับใครกัน?
นี่เธอเป็นบ้าหรือว่าโลกรอบตัวเธอมันบ้ากันแน่?!
ฉินเย่ขมวดคิ้ว
“นายท่าน มีอะไรอย่างนั้นหรือ?” ปากกาจิตวิญญาณเอ่ยเสียงเบา “เหตุใดเราถึงไม่รีบมุ่งหน้าไปที่โบสถ์และจับตัวเขา?”
“โง่” ฉินเย่เอ่ย “เรากำลังอยู่ในช่วงใกล้พิธีเปิดโลกใต้พิภพแห่งฮันยาง ผู้เล่นหลักทั้งหมดที่มีส่วนร่วมต่างกำลังตึงเครียด และระมัดระวังสิ่งรอบตัวอย่างถึงที่สุด เจ้ากำลังบอกให้ เราไปเสี่ยงในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?”
“อัน จุนโฮถูกเลือกเป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างลีจองซุกและผู้ที่กำลังบงการเรื่องนี้ในเงามืด เขาจะต้องรายงานทุกอย่างไปที่หลิวอวี้ หรืออาจจะพวกระดับสูงของคริสตจักรออร์ทอด อกซ์ตะวันออกเป็นแน่ การเคลื่อนไหวอย่างไม่ระมัดระวังจะทำให้เราถูกจับได้ในทันที เจ้าคงจะอยู่ในแดฮันมานานเกินไป รู้บ้างหรือไม่ว่าตัวตนที่อยู่ขั้นพระยมนั้นเป็นเช่นไร? แล้วเจ้า ารู้หรือเปล่าว่าพลังระหว่างขั้นตุลาการนรกและขั้นพระยมนั้นแตกต่างกันมากแค่ไหน?”
ปากกาจิตวิญญาณนิ่งไป จากนั้นจึงแย้งเสียงอ่อย “แต่…ข้าสัมผัสได้ถึงพลังหยินขั้นพระยมจากเขาไม่ได้เลย…”
“แน่นอน ตอนนี้เขาไม่มีทางอยู่ที่แดฮัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าลูกน้องของเขาจะไม่อยู่ที่นี่…” ฉินเย่รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ให้ตายเถิด นี่คือระดับความเข้าใจของเจ้าอย ย่างนั้นหรือ? มันเป็นไปได้หรือที่เจ้าจะพูดคุยกับคนอย่างลีจองซุกได้อย่างเหมาะสม? ดูเหล่าคนที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขาสิ… บางที เขาควรจะเริ่มเก็บเงินสำหรับความโง่ของคนพ พวกนี้สักที…
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เด็กหนุ่มก็เอ่ยออกมาเมื่อได้ตัดสินใจ “พวกเราจะต้องระบุตำแหน่งของอัน จุนโฮให้ได้ แต่เราจะเป็นฝ่ายเริ่มลงมือไม่ได้เด็ดขาด เขาจะต้องเป็นคนทำมันด้วยตัวเอ อง”
“มันไม่มีทางเลือก เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเราจะสามารถติดต่อกับแดฮันได้อย่างไรโดยไม่ทำให้โลกใต้พิภพของรุสและโลกใต้ภพแห่งฮันยางรับรู้”
“นายท่าน แล้วเราจะทำอย่างไร?”
ฉินเย่เงียบไป หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองคิมแทจีอีกครั้ง “ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าคุณไม่รู้ว่าคุณลีติดต่อกับอัน จุนโฮมาก่อน แล้ว…มันมีพื้นที่ส่วนไหนที่เธอ อไม่อนุญาตให้คุณเข้าไปไหม?”
คิมแทจีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเป็นประกายขึ้น “อันที่จริง มันมีอยู่ที่หนึ่ง…”
“ตามฉันมา”
ฉินเย่เดินตามคิมแทจีออกจากชั้นที่ 24 ทันทีที่พวกเขาเดินออกไปจากห้อง พวกเขาก็เห็นร่างที่แต่งกายด้วยชุดพรางตัวจำนวนมากนอนเกลื่อนอยู่กับพื้น ร่างดำทะมึนที่แผ่พลังหยินที่ รุนแรงออกมากำลังถือศีรษะของตนขณะที่รอคอยคำสั่งจากฉินเย่อย่างเคารพ
คิมแทจีกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง ข่มกลั้นความปรารถนาที่จะกรีดร้องออกมา คืนนี้เป็นคืนที่เธอได้เผชิญหน้ากับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่คิดจะเจออีกเลยตลอดชีวิต!
“ยังไม่ตายหรือ?”
“ปราศจากคำสั่งของใต้เท้า ข้าผู้น้อยมิกล้าสังหารผู้ใดตามอำเภอใจ” โนบูทาดะตอบกลับพร้อมโค้งคำนับ
ฉินเย่พยักหน้า จากนั้นก็มองข้ามทหารรับจ้างทั้งหมด เขากดปุ่มไปที่ชั้น 25 โดยมีคิมแทจีเดินตามไปติด ๆ
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงชั้นที่ 25
ทั่วทั้งชั้นถูกตกแต่งด้วยสไตล์จีน หรือหากจะพูดให้ถูกก็คือ มันคือห้องขนาดใหญ่
ห้องทั้งห้องดูงดงามและหรูหราเป็นอย่างมาก มันเรียบง่าย ทว่าหากสังเกตดี ๆ จะพบว่าของตกแต่งทั้งหมดถูกแกะสลักอย่างงดงาม และพวกมันก็ทำมาจากไม้หรือวัสดุที่มีมูลค่าสูงเป็นอย่าง งมาก
น่าเสียดาย แต่ตอนนี้ไม่มีพวกเขาคนใดสนใจสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย คิมแทจีเลี้ยวที่มุมหนึ่งของห้อง เดินผ่านกรอบรูปมากมาย และไปถึงที่ด้านหน้าของห้องที่ปิดสนิทห้องหนึ่งซึ่งอยู่ภ ภายในอพาร์ตเมนต์
“ที่นี่แหละ”
ฉินเย่มองไปรอบ ๆ ห้องตรงหน้าไม่มีหน้าต่าง และประตูหลักก็ถูกล็อกด้วยหลู่ปันล็อก*[1]แบบ 9 ตัว
ฉินเย่กำลังจะเอื้อมมือไปแตะมัน ในขณะที่คิมแทจีรีบเอ่ยเตือน “อย่า! ล็อกนี้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตรวจจับที่อยู่ในห้องโดยตรง หากมันตรวจพบว่านั่นไม่ใช่ลายนิ้วมือของคุณลี มันจะท ทำลายทุกอย่างที่อยู่ในห้องทันที!”
อย่างนี้นี่เอง…ฉินเย่พยักหน้า…มันง่ายมาก!
ภายในเสี้ยววินาทีต่อมา ร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นกระแสลมที่ลอดผ่านช่องว่างระหว่างประตูและพื้น ก่อนจะเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว คิมแทจีที่เห็นเช่นนั้นก็ตกตะลึงจนเผลอก้าวถอยหลัง งไปชนกับผนังอีกด้าน
เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจกับความตกใจของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าในตอนนี้ก็คือสิ่งที่อยู่ภายในห้อง
หรือสิ่งที่มันขาด…
ภายในห้องนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากโต๊ะเครื่องแป้งที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง
มันคือโต๊ะเครื่องแป้งจีนโบราณ คล้ายกับที่เหล่าคนในอดีตใช้กัน ผ้าม่านสีแดงปิดรอบผนังทั้งสี่ด้าน นิ่งสนิทเนื่องจากปราศจากลม
เทียนเล่มหนึ่งถูกจุดอยู่หน้ากระจก แต่มันเหลืออยู่เพียงแค่ครึ่งเล่มเท่านั้น มันยังมีหวีหยกวางอยู่บนโต๊ะอีกด้วย
ในวินาทีนั้น ฉินเย่จินตนาการภาพผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในตอนกลางดึก สางผมของเธอภายใต้แสงไฟสลัวของแสงเทียน และทันใดนั้น ผ้าม่านที่อยู่โดยรอบก็เริ่มขยับไปม มาอย่างน่าขนลุก เหมือนกับภาพในหนังสยองขวัญ!
“นางต้องการสิ่งเหล่านี้ไปทำไมกัน?” เขาเปิดโต๊ะเครื่องแป้งออกดูด้วยความสงสัย ก่อนจะพบว่ามันไม่มีอะไรเลยนอกจากฝุ่น
จากนั้น ขณะที่เขากำลังจะหยิบหวีที่วางอยู่ขึ้นมาตรวจสอบ เด็กหนุ่มก็นิ่งไป
นี่ไม่ใช่หยก…
แต่มันคือ…หวีที่ทำมาจากกระดูกของมนุษย์!
ฟิ้ว…!
แล้วฉินเย่ก็ได้ยินเสียงลมพัดเข้ามาในวินาทีที่เขาหยิบมันขึ้น
ทันใดนั้น อุณหภูมิภายในห้องก็ลดลงอย่างรวดเร็ว และมันยังคงเย็นลงเรื่อย ๆ!
“นี่มันอะไรกัน…” เขาก้มมองของในมือ จากนั้นก็โต๊ะเครื่องแป้งและเทียนที่อยู่บนโต๊ะ ไม่นาน ทุกอย่างก็ชัดเจน
“นางติดต่อกับวิญญาณ”
“นี่นางทำพิธีอัญเชิญวิญญาณกึ่งถาวรขึ้นมาภายในห้องอย่างนั้นหรือ? เซี่ยจิ่นเส้อ...ข้าได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เกี่ยวกับเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ… มันยังมีความลับอะไรอีกที่เจ้ากำลังซ่อ อนเอาไว้?”
“สิ่งเหล่านี้บอกข้าว่านี่ไม่ใช่พิธีกรรมที่มีไว้เพื่ออัญเชิญเทพเจ้าผู้ชอบธรรมและเหล่าเทพในตำนาน กลับกัน มันคือการอัญเชิญ…วิญญาณร้ายและวิญญาณที่มีความโกรธแค้น เจ้าได้มีชีวิต ตอยู่มายาวนาน ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลยที่เจ้าจะไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ เพราะฉะนั้น…เจ้ากำลังพยายามจะติดต่อกับใครกัน?”
ฉินเย่นั่งลงตรงหน้ากระจก จุดไฟแช็ก จากนั้นจึงจุดเทียน
“อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าได้เห็นเรา วิญญาณร้ายตนนั้นจะตกใจหรือเปล่า”
[1] หลู่ปันล็อก (鲁班锁) กลไกล็อกที่คล้ายกับกล่องที่มีกลไกล็อกในยุคสมัยปัจจุบัน