ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 543: พิธีอัญเชิญในตอนเที่ยงคืน (1)
บทที่ 543: พิธีอัญเชิญในตอนเที่ยงคืน (1)
หากคุณจ้องมองลึกลงไปในขุมนรก มันก็จะจ้องมองคุณเช่นกัน
ขณะที่ฉินเย่นั่งอยู่หน้ากระจก ฟังเสียงเผาไหม้เบา ๆ ของเปลวไฟ เขาก็นึกถึงประโยคนี้ขึ้นมา
ลีจองซุกคงจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติจำนวนมากจน…สิ่งเหนือธรรมชาติเริ่มให้ความสนใจกับนาง บางที…นั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมคาราสุเท็งงุและยักษ์ทมิฬถึงพบตัวนาง
เพราะอย่างไรแล้ว คนเราจะสามารถเดินไปตามแม่น้ำโดยที่เท้าไม่เปียกได้อย่างไร?
เขาเข้าใจลีจองซุก นางไม่ได้กลัวสิ่งเหนือธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย หากพูดกันตามตรง นางคงจะเต้นรำไปพร้อมกับท่วงทำนองที่น่าสะพรึงกลัวนั้นด้วยซ้ำ เพราะว่า…นางกำลังหาวิธีตายอยู่
เขารู้สึกขมขื่นเล็กน้อยกับความคิดเหล่านี้ นี่คือสิ่งที่เขาไม่สามารถเห็นใจได้ บางทีมันอาจเป็นเพราะว่าเขายังไม่ได้มีชีวิตอยู่มานานพอจนสามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดลีจองซุกจึง งรู้สึกเช่นนี้?
ผู้ที่ใช้ชีวิตมานานแสวงหาความตาย ในขณะที่ผู้ที่ล่วงลับไปในเวลานานแสวงหาความหวังที่จะได้มีชีวิตอีกครั้ง
มันคงเป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ทันใดนั้นเอง ฉินเย่ก็ชะงักไป ก่อนจะหันไปมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก
ทุกสิ่งทุกอย่างพร่าเลือน กระจกตรงหน้าไม่ได้รับการขัดเงาพอที่จะสามารถสะท้อนภาพของเขาได้
“กระจกสัมฤทธิ์ไม่สามารถแยกระหว่างหยินและหยางได้” เสียงของหวังเฉิงห่าวดังขึ้นจากด้านหลังของฉินเย่ เด็กหนุ่มเข้ามาในห้องด้วยวิธีเดียวกันกับฉินเย่ “มันจะป้องกันทั้งสองฝ่าย จากการมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน”
ฉินเย่ลูบคางอย่างครุ่นคิด “ข้าจำได้ว่ามันเป็นที่ยอมรับในฐานะของวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับการทำพิธีอัญเชิญ สำหรับวัสดุที่ใช้เป็นผิวสะท้อน มันมักจะทำมาจากโซโฟรา จาโปนิกา หรื อที่รู้จักกันในชื่อต้นโลคัสท์ แต่โต๊ะเครื่องแป้งตัวนี้…”
เขาลดมือลงและเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย “ไม้เนื้อแข็ง”
หวังเฉิงห่าวขมวดคิ้ว “แต่ไม้เนื้อแข็งนั้นสามารถแตกได้ง่าย นอกจากนี้ มันยังเป็นไม้ที่เข้ากันได้ดีกับพลังหยาง… เพิ่มพลังหยางให้กับกระจกสัมฤทธิ์? นี่มันเป็นการรวมตัวที่แปล ลกประหลาดจริง ๆ”
ตุบ ตุบ ตุบ…
ฉินเย่เคาะนิ้วกับโต๊ะเครื่องแป้งขณะที่ครุ่นคิดเรื่องทั้งหมด หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเอ่ยว่า “ข้ามีข้อสันนิษฐานบางอย่าง”
“ข้าคิดว่านางน่าจะติดต่อกับอัน จุนโฮผ่านกระจกบานนี้ก่อนจะไปพบกับอีกฝ่ายที่โบสถ์ไซออนในวันถัดไป หนึ่งหาง ไหนลองแสดงภูมิปัญญาของหมู่บ้านสึนะงาคุเระให้ข้าได้เห็นหน่อย Tell me why?”
การใช้ภาษาอังกฤษอย่างกระทันหันทำให้หวังหนึ่งหางพลันนึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกัน จากนั้นเขาก็กระแอมอกมาเบา ๆ และร้องต่อ “Tell me why… does it have to be like this… Tell me e why…”
ฉินเย่จ้องมองอีกฝ่ายราวกับเห็นผี… นี่เขามีผู้ช่วยที่มากความสามารถแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
“ข้าหมายถึง…เจ้ารู้จักเพลงของ Declan Galbraith*[1] ได้อย่างไร? นี่เจ้ามาจากวงประสานเสียงวงใดกัน?” ฉินเย่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“แค่ก แค่ก...ขออภัย แต่มันอดไม่ได้จริง ๆ…” หวังเฉิงห่าวควบคุมสีหน้าของตัวเองและกระแอมออกมาเบา ๆ “ข้อเท็จจริงที่ว่านางไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นหน้าของตัวเองบอกเราว่าพว วกเขาอาจเป็นภัยต่อนาง นั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมไม้เนื้อแข็งถึงถูกนำมาใช้กับกระจกสัมฤทธิ์ นางไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้ถึงตำแหน่งของตัวเอง”
ฉินเย่จ้องหน้าอีกฝ่ายครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอนหายใจออกมา “มันยังมีจุดประสงค์อื่นอีกสำหรับเรื่องนี้…”
เขาชูนิ้วขึ้นสองนิ้ว “สอง”
“หืม?” หวังหนึ่งหางนิ่งไป จากนั้นจึงสูดหายใจเข้าช้า ๆ
“…หากเจ้ากล้าร้องเพลงกล่อมเด็กที่มีชื่อเสียงอย่างเสือสองตัว*[2] ออกมาแม้แต่คำเดียว เจ้าก็เตรียมตัวเอาไว้ได้เลย! ขอร้องเถิด เจ้าช่วยใช้หัวสมองของเจ้าสักครั้งจะได้หรือไม่?!” ฉิน นเย่ดึงหูของหวังเฉิงห่าวและกัดฟันแน่น “สิ่งที่ข้าหมายถึงก็คือมันมีวิญญาณร้ายสองตนที่ติดต่อกับนาง”
“ตนแรกก็คืออัน จุนโฮ น่าเสียดายที่เขาได้จากไปเพราะอุบัติเหตุ และไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ ดังนั้นหน้าที่ในฐานะช่องทางสื่อสารของเขาจึงถูกส่งมอบให้กับวิญญาณร้ายตนที่สอง ซึ งยังคงรับข้อความจากนาง ก่อนที่จะนัดพบกับนางโดยที่ใช้ภาพลักษณ์ของอัน จุนโฮ นางคงจะรู้สึกไม่สบายใจหากปล่อยให้อีกฝ่ายรู้ถึงตำแหน่งของตัวเอง ดังนั้นนางจึงใช้พิธีอัญเชิญวิญญาณ ณนี้เพื่อรักษาความปลอดภัยของตัวเอง”
เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ตัวตนที่เรากำลังตามหาอยู่คือจุดติดต่อที่สอง…หนึ่งหาง ไปหาวิกผม ชุดกระโปรงและกล่องเครื่องสำอางมา…”
หวังหนึ่งหางจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความมึนงง พวกเขาสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหวังหนึ่งหางก็โพล่งออกมาด้วยความกลัว “ท่านพูดบ้าอะไร?! ข้าขอพูดให้ชัด ๆ เลยนะ ข้าเป็นชายแท ท้!”
และสิ่งที่ตามมาก็คือการชกต่อยอย่างรุนแรง
ไม่กี่วินาทีต่อมา ฉินเย่หอบออกมาเบา ๆ โดยที่เท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนร่างของหวังเฉิงห่าว อ่า…นี่มันรู้สึกดีชะมัด… มันผ่านมานานแล้วจริง ๆ ที่เขาไม่ได้อบอุ่นร่างกาย แบบนี้ การมีกระสอบทรายที่ดีนั้นเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ
“พิธีอัญเชิญวิญญาณนั้นไม่สามารถปิดบังดวงตาเห็นธรรมของจ้าวนรกแห่งยมโลกได้! จริงอยู่ที่เราอยู่ต่างประเทศ ข้าขอเวลาเพียงครู่เดียว แล้วข้าจะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอีก ฝ่ายเป็นใคร! และหากเราต้องการจะซื้อเวลา เช่นนั้นมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ข้าจะปรากฏตัวในรูปลักษณ์ของบุรุษ! ซึ่งมันก็หมายความว่าข้าจะต้องแต่งกายให้คล้ายกับลีจองซุก ไม่เช่น นนั้น เจ้าคิดว่าข้าจะยอมใส่ชุดของผู้หญิงหรืออย่างไร?! ทีนี้ รีบไปหยิบของที่ข้าสั่งมาเดี๋ยวนี้!”
หวังหนึ่งหางลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด “ค่อยยังชั่ว… แต่ท่านพี่ฉิน ได้โปรดรับปากข้าว่าท่านจะไม่มีทางเปิดประตูสู่รักต้องห้าม ไม่เช่นนั้น… ด้วยใบหน้าของข้า ข้าคงรู้ส สึกไม่ปลอดภัยเป็นแน่…”
ฉินเย่กัดฟันแน่น “เชื่อหรือไม่หากข้าบอกว่าของที่ข้ามีนั้นใหญ่กว่าของเจ้าเสียอีก!!!”
ช่างเป็นบทสนทนาที่ย่ำแย่เสียจริง…หวังเฉิงห่าวพึมพำออกมาเบา ๆ ขณะที่เปลี่ยนร่างเป็นสายลมและหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ในมือของเขาก็ถือกระเป๋า ใบเล็กอยู่ในมือ
ไม่กี่วินาทีต่อมา…
หวังหนึ่งหางถึงกับตะลึงงัน…พระเจ้า?!
“ท่านพี่ฉิน…นี่ท่าน…มีทักษะการแต่งหน้าที่เหลือเชื่อพวกนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
หวังเฉิงห่าวมองร่างผอมบางที่มีผมยาวประบ่าซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของตนด้วยความตกตะลึง ขณะเดียวกัน เขาก็ลอบกลืนน้ำลายอย่างห้ามไม่ได้
เชี่ย…ทำไมหัวใจของเขาถึงเต้นแรงขึ้นกันล่ะเนี่ย…?!
ฉินเย่กลอกตามองเพดาน “มันมักจะมีช่วงเวลาที่ชีวิตของคนเราไม่มีทางเลือก…”
“…ไม่ใช่ว่าท่านควรเล่าเรื่องพวกนี้ให้ข้าฟังสักนิดหรอกหรือ? ข้าเริ่มรู้สึกว่าชีวิตของข้านั้นเหมือนในหนังสือนิยายเข้าไปทุกที… อย่าง บันทึกความทรงจำของเกอิชา?”
เสี้ยววินาทีต่อมา กระแสลมรุนแรงก็พัดร่างของหวังเฉิงห่าวให้กระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างแรง
ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ เขายกผ้าคลุมไหล่มาคล้องคอและนั่งลงตรงหน้ากระจกอย่างสง่างาม
“น่าอายจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะต้องกลับมาทำมันอีกครั้ง! ให้ตายเถอะ ถ้าทำถึงขนาดนี้แล้วยังหาเบาะแสไม่ได้อีก ข้าจะเดินทางกลับไปที่เมืองชิงซีและกวาดล้างสมาชิกตระกูล หวังให้สิ้นซาก!”
หวังหนึ่งหางคิดในใจ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้ากัน?!!
ฉินเย่สูดหายใจช้า ๆ เพื่อสงบจิตใจของตน จากนั้นจึงเริ่มจุดเทียน
พรึ่บ…!
เทียนถูกจุดขึ้นในฉับพลัน และทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ
ทันใดนั้น กระจกตรงหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ความเงียบที่น่าขนลุกในตอนกลางคืน บวกกับเปลวไฟที่พริ้วไหวทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง
ฉินเย่จ้องมองเปลวไฟดังกล่าว 1 นาที…2 นาที…3 นาที…จากนั้น เปลวไฟจากเทียนสั่นไหวเบา ๆ ราวกับมีสายลมพัดผ่าน
แต่ผนังทั้งสี่ด้านของห้องไม่มีหน้าต่างเลยสักบาน! มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีลมพัดเข้ามาในห้อง!
อย่างไรก็ตาม มันมีสายลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาภายในห้องจริง ๆ แม้แต่ผ้าม่านสีแดงก็เริ่มกระพือเบา ๆ ราวกับว่ามีผีกำลังเล่นกับจิตใจของพวกเขา และมันก็เริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ! จ จนกระทั่งผ้าม่านทั้งหมดกระพือราวกับคลื่นที่พัดเข้าฝั่ง!
มันแทบจะเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ห้องที่ปิดอยู่ของตึก 6B!
ฉินเย่หรี่ตาลง
พิธีอัญเชิญทั้งหมดมักจะมีส่วนที่เหมือนกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันจะเริ่มจากการเรียก ระบุตำแหน่ง ตอบรับ และสื่อสาร ตัวกลางหรือช่องทางทำหน้าที่เหมือนกับประตู ในขณะที่ฝ่ายที่อัญเชิ ญและฝ่ายที่ตอบรับเป็นเหมือนกับคนที่ยืนอยู่คนละฝั่งของบานประตู
เทียนเล่มนี้ไม่ใช่เทียนธรรมดา เด็กหนุ่มเชื่อว่ามันน่าจะถูกทำขึ้นมาจากน้ำมันศพ ฉินเย่มองไปรอบ ๆ เขายังคงอยู่ภายในห้อง ๆ เดิม แต่บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับมันกลับให้ความรู้สึ กที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
บางสิ่งบางอย่างพยายามระบุตำแหน่งของเขา ฉินเย่เหลือบไปยังผ้าม่านที่ยังคงกระพืออยู่และคิดกับตัวเอง
ในขณะเดียวกัน หลอดไฟตามท้องถนนที่อยู่รอบ ๆ แดลิมอพาร์ตเมนต์ 1 ก็กระพริบและดับลงทีละดวง ต้นไม้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงส่งเสียงกรอบแกรบราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังขยับกิ่งก้าน นของมัน ทันใดนั้น ท้องถนนที่ว่างเปล่าก็ดังก้องไปด้วยเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบา
ร่างที่มองไม่เห็นจำนวนมากเตร็ดเตร่ไปตามท้องถนน และพยายามตามหาบางสิ่งบางอย่าง แต่มันกลับเปล่าประโยชน์
กลับมาบนชั้นที่ 25 ของตึก B6 อุณหภูมิภายในห้องลดลงอย่างกระทันหัน และจากนั้น…เงาสะท้อนของฉินเย่ที่อยู่บนกระจกก็เงยหน้าขึ้น
ตอนนี้เป็นเวลาตี 1 ภายในห้องที่แสงสลัว จู่ ๆ เงาสะท้อนบนกระจกก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองมาที่เจ้าของเงานั้น!
คลื่นพลังหยินปะทุออกมาจากอีกด้านหนึ่ง ส่งผลให้ผิวหน้ากระจกกระเพื่อมเล็กน้อย เงาสะท้อนบนกระจกสั่นเทาเล็กน้อย จากนั้น…มันก็ลุกยืนขึ้น
เจ้าของเงายังคงนั่งอยู่เช่นเดิม
แต่เงาสะท้อนในกระจกกลับเคลื่อนไหวด้วยตัวของมันเอง
ทุกสิ่งทุกอย่างในกระจกสัมฤทธิ์พร่าเลือน ฉินเย่มองเงาสะท้อนของตนที่โน้มหน้าเข้ามาใกล้ พยายามจะโผล่หัวของมันออกมาจากกระจก! มันแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ!
หากเป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไป พวกเขาคงจะหมดสติเพราะความหวาดกลัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
โชคดีที่ทันทีที่เงานั้นสัมผัสเข้ากับกรอบกระจก มันก็ส่งเสียงครางอู้อี้ออกมาและนั่งลงตามเดิมทันที
กรอบไม้เนื้อแข็งบนกระจกสัมฤทธิ์ การผสมผสานที่แปลกประหลาดป้องกันไม่ให้ร่างเงาตรงหน้าไม่สามารถระบุตำแหน่งของฉินเย่ได้!
ฉินเย่มองไปที่มันด้วยสายตานิ่งเฉย จากนั้น…เขาจึงหยิบหวีขึ้นมาและเริ่มสางวิกผมที่ตนสวมอยู่ช้า ๆ
ฟิ้ว…ฟิ้ว…
เสียงอู้อี้เบา ๆ ในห้องทำให้ทั้งห้องรู้สึกน่าขนลุกราวกับห้องเก็บศพ จากนั้น ในขณะที่เขาสางผมเป็นครั้งที่สี่ แสงเทียนก็วูบไหว เปลี่ยนเป็นสีเขียวหยก และดับไป!
วิญญาณร้ายเป่าเทียนจนดับไป!!
ฉินเย่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงหน้ากระจก ตอนนี้ภายในห้องมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น…เด็กหนุ่มกลับสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังยืนอยู่ที่ด้านหลังของเขา!
ไม่น่าเชื่อ… ฉินเย่สามารถบอกได้ด้วยว่าผู้มาใหม่เป็นวิญญาณที่มีอายุอย่างน้อย 100 ปี และยังอยู่ขั้นยมทูตขาวดำอีกด้วย! จากพิธีอัญเชิญที่น่าสะพรึงกลัว อีกฝ่ายคงตั้งใจที่จะดั บไฟทั้งสามของผู้เรียกให้อ่อนลงเพื่อที่จะได้สามารถควบคุมร่างของพวกเขาได้สินะ? ฉินเย่จ้องไปที่กระจก เขารู้สึกว่าตอนนี้มีใครบางคนกำลังโน้มหน้ามาเหนือไหล่
เอาเถิด…เรามาเล่นเกมแมวจับหนูกันสักหน่อยดีหรือไม่?
มาดูกันว่าใครจะเป็นคนหาอีกฝ่ายเจอก่อนกัน?
เสี้ยววินาทีต่อมา ดวงตาของเขาก็ไหววูบและเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท จากนั้น พลังหยินที่ทรงพลังอย่างไม่สามารถหาที่เปรียบได้ก็ปะทุออกมาจากร่างของเขา เสียงกรีดร้องที่น่าสะพรึงกลัว วดังก้องไปทั่วห้อง และแสงเทียน…ก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้…ตัวหนังสือแถวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนบานกระจก
พวกมันทั้งหมดถูกเขียนด้วยภาษาแดฮัน
และมันถูกเขียนด้วยเลือด! แต่ไม่แน่ชัดว่าทั้งหมดนี้ถูกเขียนขึ้นเมื่อใด?
มันอ่านว่า ‘ในที่สุดก็เจอ…’
………
โรงเรียนมัธยมปลายเสิ้งเต๋อ
มันเป็นเวลาดึกมากแล้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยตกใจตื่นขึ้นอย่างกระทันหัน เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความตกตะลึง
ไฟดับ…
แต่…เขาไม่ได้ตื่นขึ้นเพราะความเย็นยะเยือกยามค่ำคืน!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เขาขยี้ตาอย่างงัวเงีย “ตอนนี้เป็นเดือนกันยายน ให้ตายเถอะ… เป็นไปได้ยังไงที่จะสะดุ้งตื่นเพราะความเย็นยามค่ำคืนในเดือนนี้?”
นับว่าเป็นเรื่องโชคดีที่เขาไม่ทันสังเกตเห็นชั้นของน้ำแข็งที่เริ่มก่อตัวขึ้นด้านนอกของโรงเรียน ไล่ไปตามวิทยาเขตไปจนถึงกลางหอพักของนักเรียน
พรึ่บ…
ดวงตาสีดำสองดวงลืมขึ้นท่ามกลางความมืด
ใช่ พวกมันเป็นสีดำสนิท ปราศจากส่วนของตาขาวซึ่งควรจะมีตามปกติ!
เจ้าของดวงตาคู่นี้เป็นคนที่สวยมาก คางของเธอแหลมและเครื่องหน้าที่เด่นชัด แต่เส้นผมของเธอกลับสยายไปในอากาศจนทำให้เธอดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
ครึ่งล่างของร่างกายยังคงนิ่งเฉย ในขณะที่ครึ่งบนลุกขึ้นนั่งตัวตรง เธอจ้องมองเพดานห้องอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะค่อย ๆ แย้มยิ้มออกมา “ลีจองซุก…เจ้ายังไม่ตาย…”
“ใช่แล้ว… เจ้าก็เหมือนพวกเรา… เจ้าเป็นปีศาจ…”
ทันใดนั้นเอง เด็กผู้หญิงที่ดึงผ้าห่มมาคลุมหัวซึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ เธอก็พึมพำอกมา “โซมี… เป็นอะไรหรือเปล่า? ฝันร้ายเหรอ?”
พรึ่บ!
ลำคอของโซมียังคงนิ่งเฉย แต่ศีรษะของเธอกลับหมุนกลับ 90 องศาขณะที่จ้องไปที่เตียงด้านข้างของเธอเขม็ง ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายยังคงคลุมโปงอยู่ จากนั้นก็แย้มยิ้มและหัวเราะออกมาเห หมือนอย่างเด็กมัธยมทั่วไป “เปล่า ๆ… พี่ฮโยริน ฉันแค่จะไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น”
คุณไม่มีทางรู้เลยว่าภายใต้ภาพลักษณ์ที่แสนปกติของคนใกล้ตัวนั้นพวกเขาได้ซ่อนอะไรเอาไว้
[1] นักดนตรีชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักจากซิงเกิลฮิตในปี 2002 “Tell Me Why”
[2] 两只老虎 (liǎng zhī lǎohǔ)