ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 544: พิธีอัญเชิญในตอนเที่ยงคืน (2)
บทที่ 544: พิธีอัญเชิญในตอนเที่ยงคืน (2)
โซมีเดินตรงไปที่ห้องน้ำและปิดประตูลง ทันทีที่เธอทำเช่นนั้น ทั่วทั้งสถานที่ก็เปลี่ยนเป็นอีกมิติหนึ่ง ผ้าเช็ดตัวและแปลงสีฟันที่วางนิ่งเฉยก่อนหน้านี้เคลื่อนไหวราวกับว่าพวกมัน มีชีวิตเป็นของตัวเอง ในขณะที่เงาของพวกมันค่อย ๆ มารวมตัวกันที่ประตูของห้องนอน
พรึ่บ…
แสงไฟทั้งหมดดับลงพร้อมกัน เด็กสาวยืนอยู่หน้ากระจก ภาพสะท้อนของเธอบนกระจกเริ่มบิดเบี้ยว แทบจะเหมือนกับว่าปลายอีกด้านหนึ่งของกระจกคือประตูที่นำไปสู่ขุมนรกอันไร้ก้นบึ้ง
โซมียิ้ม…
มันเริ่มต้นจากเป็นยิ้มแค่มุมปาก แต่ไม่นานมันก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนมุมปากทั้งสองข้างฉีกถึงหู เผยให้เห็นฟันที่แหลมคมจำนวนมากที่อยู่ด้านใน! ลิ้นสีแดงเข้มพุ่งออกมาราวกับงูพ พิษและเริ่มเขียนข้อความบางอย่างขึ้นบนกระจก
ในที่สุดก็เจอ…
พื้นผิวของกระจกดูไม่ต่างอะไรกับผิวน้ำนิ่งที่กระเพื่อมเพราะสัมผัสของเธอ ทีละเล็กทีละน้อย เด็กสาวค่อย ๆ โน้มหน้าเข้าไปในกระจก ราวกับว่าเธอถูกมันดึงเข้าไป มือทั้งสองข้างที่ แนบกระจกเผยให้เห็นรอยเขียวช้ำหลังตายจำนวนมาก พวกมันส่งกลิ่นเหม็นหืนออกมา หากพูดกันตามความจริง มันมีแม้กระทั่งพวกหนอนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายใต้ผิวหนังที่เน่าเปื่อยนั้น พ พลังหยินจำนวนมหาศาลหลั่งไหลออกมาจากทุกรูขุมขนของร่างกาย
ลำคอของเธอยาวขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เธอก็ส่งเสียงครางอู้อี้ขณะที่หดคอกลับมา
“นังแม่มดเฒ่านี่…” เธอดึงศีรษะของตัวเองออกมาจากกระจก ก่อนจะเผยให้เห็นรอยไหม้เล็กน้อยบนหน้าผาก เด็กสาวกัดฟันแน่นและสลายพลังหยินทั้งหมดที่หลั่งไหลออกมาจากร่างของตัวเอง ในวินาทีนั้น เธอก็เปลี่ยนร่างกลับไปเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่กำลังจ้องมองเงาสะท้อนของตนตามเดิม
ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็เปลี่ยนร่างเป็นชายคนหนึ่ง
เขามีรูปร่างผอมบาง สวมเสื้อคลุมสีดำของบาทหลวง และสวมสร้อยไม้กางเขนอยู่ที่อก แววตาของเขานิ่งสงบ มันมีความคล้ายคลึงกันที่แปลกประหลาดระหว่างเขาและของอัน โซมี
อัน จุนโฮ
นั่นคือชื่อของพ่อของเด็กหญิง
“ผู้ใดจะไปคิดว่าเจ้าจะกลับมาได้โดยที่ยังมีชีวิต?” เธอจ้องไปที่กระจกพร้อมกับถอนหายใจออกมา “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถกลับมาได้โดยครบ 32 หลังจากที่จากไปพร้อมกับคาราสุเท็งงุและย ยักษ์ทมิฬ…ข้าควรจะแสดงความยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ของเจ้าหรือไม่?”
ไร้ซึ่งคำตอบ
“มีอะไร?” อัน โซมีไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ คนอย่างลีจองซุกไม่มีทางบอกความลับอันดำมืดของตัวเองกับบุคคลภายนอก ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลยที่คนนอกจะสามารถปลอมเป็นเธอได้
แน่นอน เธอยังไม่ได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังเล่นแต่งตัวอยู่ตรงหน้าของตัวเอง
ลีจองซุกไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
“เจ้ากำลังคิดที่จะขอให้ข้าช่วยกำจัดคาราสุเท็งงุและยักษ์ทมิฬที่กำลังติดตามเจ้าอยู่อย่างนั้นหรือ?” อัน โซมีที่แปลงร่างเป็นอัน จุนโฮยิ้ม “มันสายไปแล้ว… บิดาของพวกนั้นคือซ ซูซาโนะโอะ บิดาของคุนิซึคามิหรือเทพแห่งพื้นพิภพกว่า 8 ล้านตน ร่างที่แท้จริงของทั้งสองคือบุตรแห่งซูซะ ช่างน่าเศร้า แต่โลกใต้พิภพแห่งฮันยางไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น”
ลีจองซุกยังคงเงียบ แต่ร่างของเธอสั่นเทาเล็กน้อย
ทักษะการแสดงของฉินเย่นั้นไร้ที่ติ ‘ลีจองซุก’ ยกแขนขึ้นกอดอกอย่างป้องกัน ราวกับว่าความกลัวภายในใจของเธอกำลังทำให้เธอรู้สึกเย็นยะเยือก
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง โซมีกลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงพอใจกับท่าทีหวาดกลัวของอีกฝ่าย
“เหตุใดเจ้าจึงปฏิเสธข้อเสนอของท่านรัมยันต์เศว กษัตริย์แห่งดานูบ? ท่านถึงขนาดยอมบอกเจ้าว่าซาร์จะเข้ามาแทรกแซงและมีส่วนร่วมในโลกใต้พิภพแห่งฮันยาง เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถ ถช่วยเจ้าจากบททดสอบนี้ได้ แน่นอน เจ้าอาจจะไม่มีทางตายได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถทนต่อความเจ็บปวดได้”
“ผู้ใดจะไปคิดว่าเจ้าจะกล้าปฏิเสธข้อเสนออันแสนล้ำค่าจากซาร์? เฮ้อ…เจ้ารู้หรือไม่ ตอนที่ข้าเป็นประธานในพิธีล้างบาปของเจ้า เจ้ายังฉลาดกว่าตอนนี้มาก” อัน จุนโฮยังคงเอ่ยต่อเส สียงเบา
“เมื่อสี่ปีก่อน ในตอนแรกที่ซาร์ได้อนุมัติการปฏิบัติการที่มีชื่อว่า ‘การเสียสละนิรนาม’ ท่านได้เดินทางไปหาเจ้าด้วยตัวเอง มอบข้อเสนอให้เจ้า มนุษย์ธรรมดา ๆ เป็นราชินีแห่งภูตผี เ เจ้าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโฆษกของโลกใต้พิภพแห่งฮันยาง และกลายเป็นมือขวาที่อยู่ภายใต้ท่านหลิวอวี้แค่เพียงคนเดียว แต่เจ้า…กลับปฏิเสธมัน แล้วตอนนี้ ในก้าวสุดท้ายของแผนกา าร ‘จุดจบของความน่าสะพรึงกลัว’ เจ้ากลับปฏิเสธยมทูตของซาร์อีกครั้ง ลีจองซุก…”
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
“จริงอยู่ที่เจ้ามีชีวิตมายาวนานกว่า 700 ปี แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้าเป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง”
อัน โซมีในร่างของอัน จุนโฮเอ่ยออกไปด้วยภาษาจีนที่คล่องแคล่ว แต่ถึงกระนั้น หลังจากที่พูดทุกอย่างออกไป เธอก็เริ่มสังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างแปลกไปเกี่ยวกับลีจองซุกในค่ำคื นนี้
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องเขม็งไปยังภาพที่พร่าเลือนบนกระจก “นี่…มองข้า… แล้วปัดผมของเจ้าไปด้านข้าง”
ผมของร่างในกระจกดูยุ่งไม่เป็นทรง และมันก็บดบังเครื่องหน้าของลีจองซุกเกือบทั้งหมด
ยังคงไร้ซึ่งคำตอบ!
ทันใดนั้น ภายในใจของโซมีก็เต็มไปด้วยลางสังหรณ์ที่ไม่ดี มันแทบจะเหมือนกับว่าเธอกำลังเดินไปในป่า ก่อนจะพบว่าตัวเองเพิ่งถูกจับจ้องโดยสัตว์ร้าย!
มันรู้สึกราวกับว่ามีนักล่าที่ดุร้ายกำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืด รอที่จะกระโจนใส่เหยื่อ
แน่นอน เธออาจจะเป็นวิญญาณที่แข็งแกร่งที่มีหน้าที่ดูแลกิจการระดับเมือง แต่นักล่าที่หลบอยู่ในความมืดตรงหน้านั้นเป็นวิญญาณที่ดูแลกิจการระดับนคร! ผู้ที่ปกครองวิญญาณนับพัน ล้าน! ราชาของเหล่าคนตาย!
แรงกดดันที่มหาศาล!
นี่ไม่ใช่ลีจองซุก!
หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น ทันใดนั้น เธอก็ถอยห่างออกมา แนบตัวเข้ากับกำแพงด้านหลังของตนเอง ใช่แล้ว…ทำไมเธอถึงไม่สังเกตลักษณะโดยรวม? มันไม่มีทางเลยที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีไหล่กว ว้างขนาดนี้ได้! บัดซบ! เธอประมาทเกินไป!
เมื่อคิดได้ดังนั้น อัน โซมีก็พยายามที่จะจบพิธีอัญเชิญทันที ในวินาทีนั้น เธอรวบรวมพลังหยินทั้งหมดของตัวเองเพื่อมองไปที่อีกฝ่ายขณะที่ตะคอกออกมาเสียงดัง “เจ้าเป็นใคร?!”
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงที่ตอบกลับมาก็ทำให้เธอตกตะลึงเป็นอย่างมาก
มันคือเสียงของผู้ชาย
แต่มันกลับแหลมและดูเคอะเขินเป็นอย่างมาก
“ข้าคือ… ลั่ว เทียนอี้*[1]”
ลั่วบ้าอะไรล่ะ!!!!
โซมีแทบเกือบจะสบถออกมา นี่เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ?!
“นี่ น้องสาว เหตุใดเจ้าต้องพยายามจบการสนทนาของเราด้วยเล่า? จะรีบไปที่ใดกัน? ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกลนัก…”
บัดซบ…นี่มัน…ขั้นตุลาการนรก!!!
นิ้วของเธอกระตุกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มยกมือขึ้นประสานกันอย่างรวดเร็ว เม็ดเหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นมาบนหน้าผาก
เธอสามารถบอกได้ว่าคุณภาพของพลังหยินที่แผ่ออกมาจากอีกด้านหนึ่งของกระจกนั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าของท่านรัมยันต์เศวเสียอีก! และที่ทำให้เรื่องแย่กว่าเดิมก็คือวินาทีแห่ง ความตกตะลึงของเธอทำให้ขั้นตุลาการนรกที่อยู่อีกด้านหนึ่งแทรกแซงประตูมิติด้วยพลังของตัวเองและทำให้เธอไม่สามารถยุติการเชื่อมต่อได้!
แน่นอน มันอาจจะเป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งหรือสองนาที แต่นั่นก็อาจจะทำให้เธอถึงตายได้เนื่องจากความแตกต่างทางพลัง!
ความเป็นไปได้สุดท้ายที่เธอจะคาดคิดก็คือการที่ขั้นตุลาการนรกจากอีกฝั่งหนึ่งคือผู้ชาย!
“เจ้าพยายามจะทำสิ่งใด?” โซมีถามขณะที่เธอพยายามถ่วงเวลาสำหรับปิดช่องทางการสื่อสาร ในขณะเดียวกันก็พ่นยันต์ที่ระเบิดออกทันทีที่สัมผัสกับอากาศออกมา จากนั้น เธอจึงกัดริมฝีปากของตน อย่างแรงและจ้องไปที่กระจก “ข้าคือหัวหน้าเจ้าหน้าที่ประสานงานที่อยู่ภายใต้พระเจ้าปีเตอร์มหาราช! เจ้ามาจากที่ใด? พลังหยินของเจ้าบอกข้าว่าเจ้าไม่ใช่วิญญาณธรรมดา! เจ้าเป็นตัวแทนขอ องฝ่ายใด? กล้าดีอย่างไรถึงมายุ่งเกี่ยวกับกิจการของรุส? เจ้าควรจะคิดให้ดี เพราะเจ้าอาจจะไม่สามารถรับมือกับผลที่จะตามมาจากการกระทำของตัวเองได้!”
ขณะที่พูด สภาพแวดล้อมโดยรอบของเธอก็เงียบเสียงลง
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด มันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบถูกปิดเสียงไป นอกจากนี้ เธอยังมั่นใจอีกด้วยว่าต่อให้พูดอะไรออกไป มันก็คงไม่มีเสียงอยู่ดี
ในวินาทีนั้น อัน โซมีรู้สึกราวกับว่าตนเพิ่งถูกแยกออกจากส่วนอื่น ๆ ของโลก
แย่แล้ว!!
เธออ้าปากค้างและถอยห่างออกจากกระจกขณะที่จ้องมองมันด้วยความตกตะลึง
เธอเข้าใจแล้ว ในที่สุดเธอก็เข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว!
ขั้นตุลาการนรกสามารถปิดช่องทางสนทนาได้ตลอดเวลา แต่มันเห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะไม่ทำมัน เพราะขณะที่เธอกำลังระบุตำแหน่งของเขา เขาเองก็กำลังระบุตำแหน่งของเธอเช่นก กัน
หากคุณจ้องมองลึกลงไปในขุมนรก มันก็จะจ้องมองคุณเช่นกัน
ช่างน่าเศร้า แต่ขั้นตุลาการนรกตนนั้นเร็วกว่าเธอ
เสี้ยววินาทีต่อมา พื้นผิวของกระจกก็กระเพื่อมและบิดเบี้ยว แรงกดดันมหาศาลปะทุอกมาจากด้านใน! ในขณะนั้น โซมีคิดว่าตัวเองตาฝาด เธอเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนร้องโหยหวยและคร่ำครวญ อยู่ภายในกระจกก่อนจะเปลี่ยนเป็นภาพของโลกใต้พิภพที่มีขนาดใหญ่กว่าโลกใต้พิภพแห่งฮันยางหลายเท่าตัว!
นี่มัน… หนึ่งในสี่มหาโลกใต้พิภพอย่างนั้นหรือ?!
หนึ่งในสี่โลกใต้พิภพที่แข็งแกร่งที่สุดกำลังเข้ามาแทรกแซงกิจการของฮันยาง?!
หัวใจของโซมีหยุดเต้นไปกระทันหัน…
ความคิดมากมายผุดเข้ามาในหัว เธอรู้ดีว่าคาบสมุทรแดฮันนั้นตั้งอยู่ในจุดที่พิเศษ มันเป็นประตูสู่ทางตะวันออกของรุส และทางตะวันตกของญี่ปุ่น มันเคยเป็นเมืองศักดินาของโลกใต้ พิภพของจีน แต่หลังจากที่จีนได้หายไปจากเวทีโลกกว่าร้อยปี… มันก็ดูเหมือนว่าจะมีหลายฝ่ายกำลังหมายตาดินแดนแห่งนี้ แต่อีกฝ่ายเป็นใครกัน?
น่าเสียดาย แต่เธอไม่มีเวลาพอให้คิดอะไรไปมากกว่านี้ พร้อมกับเสียงที่แผ่วเบา กระจกตรงหน้าของเธอก็แยกออก เผยให้เห็นดวงตาสีแดงเข้มที่จ้องมองมาที่เธอ ทันใดนั้น เสียงของชายคน หนึ่งก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ
“อ่าาา…ในที่สุดก็เจอ…”
ฟึ่บ! ร่างของอัน จุนโฮสลายไป เผยให้เห็นร่างที่แท้จริงของอัน โซมี ความรู้สึกเย็นยะเยือกสาดซัดไปทั่วทั้งร่าง เธอกรีดร้องออกมาขณะที่เปลี่ยนร่างเป็นเงาดำที่พุ่งตรงไปที่หน้าต่ าง เธอไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป!
ความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสองนั้นมากเกินไป แรงกดดันที่กดทับลงมาบนร่างทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังพยายามแบกสวรรค์อยู่
แต่ในขณะที่เธอกำลังจะพุ่งตัวออกไป ดวงตาในกระจกก็หายวับไปอย่างกระทันหัน ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยมือสีดำขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นจากพลังหยินและเปล่งแสงระยิบระยับด้วยแผ่นยันต์สีเงิน
และมันก็พุ่งเข้ามาหาร่างของเธอด้วยความเร็วที่ราวกับสายฟ้า!
“นายท่าน โปรดช่วยข้าด้วย!!!” โซมีกรีดร้องออกมาสุดเสียง
ทันใดนั้น เงาดำที่อยู่โดยรอบก็ไหลมารวมกันราวกับคลื่นสึนามิ ก่อตัวเป็นเงาดำขนาดใหญ่ที่พุ่งออกมาและสกัดกั้นความพยายามในการจับกุมตัวโซมีของฉินเย่
ฟึ่บ!
คลื่นกระแทกที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าระเบิดออกมาจากจุดกึ่งกลางการปะทะ เงาทะมึนดังกล่าวส่งเสียงครางอู้อี้ออกมาและสลายไป แต่ในขณะเดียวกัน รอยแยกบนกระจกก็ปิดตัวลงในที่สุด
“แฮ่ก...” โซมีหยุดลงในที่สุด เธอเปลี่ยนร่างกลับเป็นนักเรียนหญิงมัธยมปลายตามเดิมขณะที่วิ่งออกนอกโรงเรียน หอบหายใจอย่างหนักหน่วงขณะที่หยุดพักอยู่ใต้เสาไฟด้านนอกประตู
“แย่แล้ว…” เธอเอนตัวพิงเสาไฟและเอ่ยออกมาอย่างร้อนรน “เราจะต้องรีบรายงานเรื่องนี้กับท่านหลิว… หนึ่งในสี่โลกใต้พิภพที่แข็งแกร่งที่สุดกำลังหมายตาฮันยาง…”
………..
แดลิมอพาร์ตเมนต์ 1 ตึก B6 ชั้นที่ 25
ฉินเย่ค่อย ๆ ละมือออกจากกระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง
มันเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
“นั่นมันขั้นตุลาการนรก…และมีความเป็นไปได้ที่จะมาจากโลกใต้พิภพของรุส แต่เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าร่างหลักน่าจะอยู่ขั้นฝู่จวิน น มันสมเหตุสมผลอยู่ เพราะอย่างไรแล้ว โลกใต้พิภพแห่งฮันยางก็มีขั้นตุลาการนรกเพียงตนเดียวเท่านั้น และมันก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวหลิวอวี้เอง”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนและสางผมของตัวเองโดยไม่รู้ตัวขณะที่พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น “ตอนนี้เราสามารถมั่นใจได้หนึ่งอย่าง ยมทูตที่แข็งแกร่งที่สุดที่เราจะต้องรับมือไม่ใช่ยมทูตจากโลกใต ต้พิภพแห่งฮันยาง แต่เป็นผู้ที่เป็นตัวแทนของเทพแห่งความตายไร้นามจากคริสตจักรออร์ทอดอกซ์…”
กล่องอุปกรณ์แต่งหน้าและเครื่องประดับวางเปิดอยู่ตรงหน้า และเขาก็หยิบดินสอเขียนคิ้วขึ้นมาเขียนอย่างชำนาญ “โชคดีจริง ๆ ที่เราได้รู้อะไรหลายอย่างจากอีกฝ่าย ‘การเสียสละนิรนาม ม’ และ ‘จุดจบของความน่าสะพรึงกลัว’… มันคืออะไรกัน? หรือว่ามันคือขั้นตอนในพิธีกรรมที่จำเป็นสำหรับการสร้างปาฏิหาริย์?”
“นอกจากนี้ เรายังสามารถบอกได้ด้วยว่าลีจองซุกติดต่อกับอีกฝ่ายมาตลอด นั่นคือเหตุผลว่าทำไมรุสและหลิวอวี้ถึงให้ความสำคัญกับนางมากขนาดนั้น เพราะอย่างไรแล้ว อำนาจ สถานะ และ อิทธิพลของนางก็เปิดโลกแห่งความเป็นไปได้ให้พวกเขา ผู้ใดจะไปคิดกันว่าลีจองซุกจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการปฏิบัติภารกิจของพวกเขา? แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองคงไม่สามารถพึ่งพานางได้ อีกต่อไป เพราะนางได้สูญเสียความทรงจำไปแล้ว และด้วยลักษณะของบทสนทนาเหล่านี้ เราไม่แน่ใจเลยว่านางจะบันทึกความทรงจำเหล่านี้ไว้บนร่างเพื่อจุดประสงค์ในชีวิตหน้าด้วยหรือไม่ ถ้า าเราสามารถระบุตำแหน่งของนางได้ เราจะสามารถประสบความสำเร็จได้มากเพียงใดกัน? เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว เราก็เหลือเวลาแค่เดือนครึ่งเท่านั้น…”
มือของเด็กหนุ่มหยุดลงในที่สุด ในวินาทีนี้ เขากำลังถือลิปสติกและทามันตามรูปปากเป็นครั้งที่สาม
นี่กำลังทำบ้าอะไรอยู่?!
ฉินเย่ตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบโยนลิปสติกในมือทิ้ง ถกกระโปรงและออกไปนอกห้องทันที
คิมแทจีเองก็ตกตะลึงกับรูปลักษณ์ของฉินเย่ในเวลานี้เป็นอย่างมาก
“คุณ…” เธอจ้องไปที่ ‘หญิงสาว’ ตรงหน้าของตัวเองด้วยแววตาที่ซับซ้อน
ให้ตายเถอะ… มันเป็นไปได้ยังไงกันที่คุณดูสวยกว่าฉันในสมัยสาว ๆ เสียอีก?! ใครก็ได้ ไปหาขวดน้ำกรดมาเดี๋ยวนี้!
พระเจ้า ฉันประหลาดใจจริง ๆ ว่าทำไมคุณถึงยังไม่มีแฟน คุณได้ทำลายบรรทัดฐานทั้งหมดไปอย่างสิ้นเชิง…!
ฉินเย่ปล่อยชายกระโปรงและเปลี่ยนร่างของเขาให้เหมือนกับเด็กหญิงในกระจกด้วยพลังหยินของตัวเอง “คุณรู้จักเธอหรือเปล่า…แค่ก แค่ก...”
หลังจากกระแอมออกมาเบา ๆ เขาก็กลับมาพูดด้วยเสียงของตัวเองอีกครั้ง “คุณรู้หรือเปล่าว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร? หากไม่รู้ ผมต้องการให้คุณหาตำแหน่งของเธอทันที ผมต้องการคำตอบภา ายในวันนี้”
เด็กหนุ่มไม่คิดว่าตัวเองจะได้คำตอบจากคิมแทจีในทันที แต่เขากลับคิดผิด อีกฝ่ายจ้องหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบด้วยเสียงที่แปลกใจเล็กน้อย “แน่นอน ฉันรู้จักเธอ…”
“ไม่ใช่ว่าเธอคือ… ลูกสาวของอัน จุนโฮ… อัน โซมีหรอกเหรอ? เธอคือนักเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายเสิ้งเต๋อ”
[1] *ชื่อของนักร้องเสมือนหญิงชาติจีนคนแรกที่ถูกสร้างขึ้นจากโปรแกรมเสียงสังเคราะห์ที่เรียกว่าโวคาลอยด์ (Vocaloid)