ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 545: โรงเรียนมัธยมปลายเสิ้งเต๋อ (1)
บทที่ 545: โรงเรียนมัธยมปลายเสิ้งเต๋อ (1)
โรงเรียนมัธยมปลายเสิ้งเต๋อเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงของแดฮัน
ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฮันยาง มันเป็นสถานศึกษาสำหรับลูกของเหล่าเศรษฐีและผู้มีอิทธิพลในสังคมของแดฮัน
ในเดือนมีนาคม ปี 1951 ระบบการศึกษาของแดฮันได้ประกาศใช้ระบบ 6-3-3-4*[1] อย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับในจีน โรงเรียนมัธยมปลายในแดฮันได้เลื่อนเวลาเริ่มชั้นเรียนของพวกเขา และแทนที มันด้วยช่วงเวลาสำหรับการศึกษาด้วยตนเองในช่วงเช้าและช่วงเย็น ทุกวันดำเนินไปเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้ เมื่อเสียงระฆังของโรงเรียนดังขึ้นในตอนเย็น นักเรียนหลายคนจึงยังนั่งอยู่ภาย ยในห้อง ผิวปากไปตามทำนองเพลงที่ฟัง เด็กผู้ชายหลายคนเริ่มเดินไปที่สนามเพื่อเล่นกีฬา หรือฝังหน้าอยู่กับเกมโทรศัพท์ ในขณะที่พวกเด็กผู้หญิงก็จะจับกลุ่มและพูดคุยกัน
เด็กผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เนคไท และกางเกงขาสั้นสีเทา ในขณะที่เด็กผู้หญิงเปลี่ยนจากกางเกงเป็นกระโปรงสั้น และเนคไทเป็นโบว์ผูกเท่านั้น แต่มันก็สามารถพูดได้เลยว่าเครื่องแบบ นักเรียนของที่นี่ดูสวยงามกว่าของที่จีนมาก
เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็สามารถพูดได้เลยว่าเครื่องแบบของนักเรียนจีนคือหนึ่งในความเจ็บปวดของเด็กวัยรุ่นจำนวนมาก ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามันมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับรสนิยมคว วามงามของผู้อำนวยการโรงเรียนหรือไม่ แต่คุณแทบจะไม่เห็นเหล่านักกีฬากลุ่มใดแผ่กลิ่นอายของความเยาว์วัยหรือความมีชีวิตชีวาเลยสักนิด นั่นมันน่าเบื่อเป็นอย่างมาก
“นี่ เธอได้ยินเรื่องแฟนมีตติ้งของพี่นัมจุนที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้หรือเปล่า? มีใครไปบ้าง? เราไปด้วยกันเถอะ! ฉันชอบพี่เขามาจริง ๆ!” หนึ่งในนักเรียนหญิงกรีดร้องออกมาอย่าง งดีใจ
“ฉันไป!!”
“ฉันก็จะไปเหมือนกัน!”
“บ้าน่า! จริงเหรอเนี่ย?! ฉันไม่รู้เลยว่ามันพรุ่งนี้แล้ว!”
หนึ่งในกลุ่มเด็กผู้หญิงเปิดโทรศัพท์ของตน ก่อนจะบ่นอุบอิบออกมาอย่างไม่พอใจ “แย่ชะมัด…บัตรขายหมดแล้ว! ให้ตายเถอะ… อ้อ ใช่! โซมี เธอคิดว่าเธอพอจะสามารถหาบัตรให้เราได้ ไหม? เธอมีญาติทำงานอยู่ภาครัฐนี่ ช่วยฉันหาบัตรหน่อยนะ น้าาา…”
เด็กผู้หญิงอีกหลายคนที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองที่อัน โซมีทันที ตอนนี้เธอกำลังฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เด็กสาวที่เพิ่งพูดขึ้นพยายามดันศีรษะของเธอผ่านช่องว่างระหว่างแขนของเพื่ อนเพื่อดึงความสนใจ “โซมี เธอจะช่วยฉันใช่มั้ย? ครั้งหน้าฉันจะยอมเลี้ยงไก่ทอด CJ ให้เธอเลย!”
อย่างไรก็ตาม เธอกลับต้องสะดุ้งทันทีที่ผิวของเธอสัมผัสกับอีกฝ่าย
“เป็นอะไร?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
เพราะความวุ่นวายที่เกิดขึ้น คนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบจึงหันมามอง เด็กสาวที่พยายามจะดึงความสนใจจากโซมีจ้องมองมือของตัวเอง ไม่แน่ใจว่าตนคิดไปเองหรือเปล่า เมื่อครู่นี้ เธอเพิ่งสัมผ ผัสกับมือของโซมี แต่เธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า…มันเย็นชืดราวกับศพ
“โซ… โซมี เธอไม่สบายหรือเปล่า?” เด็กสาวสูดหายใจเข้าช้า ๆ และแตะแขนของโซมีเบา ๆ ร่างของโซมีสั่นเทาเล็กน้อย จากนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้น
“ฉัน…ไม่เป็นไร” ใบหน้าของเธอซีดผิดปกติ ถุงใต้ตาดำคล้ำทำให้ดวงตาแดงก่ำของเธอเด่นยิ่งขึ้น เด็กสาวยิ้มบาง “ไม่ต้องห่วง… เธอเอาบัตรของฉันไปก็ได้…ฉันคงไม่ได้ไปแล้ว…”
เมื่อเอ่ยจบ เด็กสาวก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะอีกครั้ง
บัดซบ!
เธอฝังหน้าลงกับแขนของตนและกัดฟันแน่น
นี่คืออาการหลังจากถูกจู่โจมโดยพลังหยินที่มีความบริสุทธิ์สูง มันทำให้พลังหยินของเธอได้รับความเสียหาย และมันก็ดูเหมือนว่ามันคงจะไม่ดีขึ้นจนกว่าเธอจะได้กินเลือด
ตอนนี้เธอได้ตัดสินใจเลือกเป้าหมายเอาไว้แล้ว น่าเสียดาย ที่เด็กนักเรียนที่แสนไร้เดียงสาเหล่านี้ไม่รู้เลยว่าหมาป่าที่ซ่อนตัวเองในหมู่พวกตนได้เตรียมพร้อมที่จะแยกเขี้ยวแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น… เธออยากจะไปทานข้าวเย็นด้วยกัน…กับเราไหม?” เด็กผู้หญิงที่สัมผัสตัวเธอเมื่อครู่นี้ถามด้วยเสียงที่สั่นเทา ด้วยเหตุผลแปลกประหลาดบางประการ เธอกลับรู้สึกว่า…โซม มีในเวลานี้ค่อนข้างน่ากลัว…
เรียกมันว่าสัญชาตญาณของผู้หญิงก็แล้วกัน…
“ข้าวเย็นเหรอ?” โซมีเลียริมฝีปากของตน “ขอบคุณนะ แต่ไม่ดีกว่า… ฉันรอทานของว่างรอบดึกน่ะ…”
ท่าทางของโซมีวันนี้ค่อนข้างแปลก... นักเรียนชายหลายคนลอบสบตากันก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนนักเรียนหญิงคนอื่น ๆ พวกเขามีลางสังหรณ์ว่าเรื่องน่ากลัวบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นหากพว วกเขายังอยู่ที่นี่ต่อไป
ดังนั้น นักเรียนที่เหลืออยู่จึงเดินจากไปทีละคน ๆ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าเครื่องหน้าของโซมีในเวลานี้นั้นเปลี่ยนไปจากตำแหน่งเดิม แทบจะเหมือนกับว่าพวกมันเคลื่อนตัวไปรอบหน้าของเ เธอราวกับของที่ลอยอยู่ในน้ำ!
อึก... เอือก...
ในเวลานี้ปากของเธอย้ายไปอยู่ที่จุดบนสุดของศีรษะ ส่งผลให้เธอต้องกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบากราวกับอสูรร้ายที่ถูกขังอยู่ภายในกรง “หิว… หิวเหลือเกิน… ข้าหิวเหลือเกิน!!”
“พลังหยินบ้านั่นจะต้องเป็นของหนึ่งในโลกใต้พิภพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเป็นแน่…ข้าทนไม่ไหวแล้ว…”
“แต่เจ้าต้องทน” ทันใดนั้น เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นในหู “ไม่เช่นนั้น เจ้าก็จะไม่มีประโยชน์ต่อพวกเราอีกต่อไป ลีจองซุกไม่ใช่คนที่จะเชื่อใจคนอื่นง่าย ๆ”
ทั่วทั้งห้องว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลยสักคน
เต้ง… เต้ง…
ทันใดนั้น หอนาฬิกาของวิทยาเขตก็ดังขึ้นหกครั้ง
ตอนนี้เป็นชั่วโมงปีศาจ เงาของอัน โซมีสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็หายไปประมาณสามนาที โดยไม่ปรากฏขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ข้า…ทนไม่ไหวแล้ว…” โซมีเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า แต่ทันใดนั้นฝ่ายตรงข้ามก็เอ่ยแทรกขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง “เศษเสี้ยววิญญาณของท่านรัมยันต์เศวอีกส่วนหนึ่งจะมาถึงภายในเที่ยงคืนข ของวันนี้ ดังนั้นตราบใดที่ร่างวิญญาณของเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บไปมากกว่านี้ เจ้าก็จะไม่เป็นอะไร รีบตรงไปที่ห้องทำงานของข้าและทำเรื่องขอลาป่วยซะ ข้าจะเซ็นอนุมัติให้”
น่าเสียดาย แต่คำตอบเดียวที่เขาได้รับกลับมาก็คือเสียงกลืนน้ำลายที่ไม่หยุดหย่อน
มือของโซมีถูกปกคลุมไปด้วยรอยเขียวช้ำหลังตายอีกครั้ง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ปลดล็อกมัน และเริ่มค้นหารายชื่อ
และรายชื่อติดต่อเธอกำลังหาอยู่ก็คือ…คนจรจัดแห่งฮันยาง
ไม่ไหวแล้ว… ข้าหิวเหลือเกิน… โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่มีเนื้อและเลือดจำนวนมากอยู่รอบ ๆ! ข้าจะต้องกลายเป็นบ้าแน่ ๆ หากข้าอยู่ที่นี่นานกว่านี้!
ข้าจะต้องหาอาหารเสียก่อน จากนั้นถึงรอให้ท่านรัมยันต์เศวมาถึง และทุกอย่างก็จะได้รับการแก้ไข ให้ตายเถิด…ผู้ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของกระจกเมื่อคืนนี้คือใครกัน?!
เมื่อวานเศษเสี้ยววิญญาณของท่านรัมยันต์เศวสามารถไล่อีกฝ่ายไปได้ก็จริง แต่…ไม่ใช่ว่าคืนนี้…ฝ่ายนั้นก็จะมาไล่ล่าข้าอีกอย่างนั้นหรือ?
ไม่… เขาไม่น่าจะมาเร็วขนาดนั้น ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้อยู่แล้ว ฮันยางนั้นเป็นประตูจากแดฮันเหนือสู่แดฮันใต้ ดังนั้นตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ ข้าก็จ จะเป็นคนแรกที่ได้ต้อนรับราชทูต...
แต่ทันใดนั้นเอง ประตูห้องเรียกก็ถูกเปิดออกอย่างกระทันหัน ก่อนจะปิดลงอย่างแผ่วเบา
เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับหมวกเบสบอลและถุงพลาสติกภายในมือ เขาเดินตรงไปหาโซมีและวางถุงพลาสติกลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา “โซมี… เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ไร้ซึ่งคำตอบ
ไม่กี่วินาทีต่อมา โซมีก็เอ่ยด้วยเสียงที่แหบพร่า “ไป…ให้พ้น…”
อีกฝ่ายขมวดคิ้ว “โซมี ให้ฉันพาเธอไปส่งที่หอดีไหม? หรือว่าไปที่ห้องพยาบาลดี? เกิดอะไรขึ้นกัน?”
เงียบ
หลายวินาทีต่อมา อัน โซมีก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พี่ซองโฮ ฉันไม่เป็นไร… พี่ไปก่อนเลย…ฉันขออยู่ที่นี่สักพัก… เดี๋ยวฉัน…เดินกลับไปที่หอเอง…”
“จะให้พี่อยู่เฉย ๆ ได้ยังไงในเมื่อเธอเป็นแบบนี้?” ซองโฮขมวดคิ้วและแนบมือของเขากับหน้าผากของเธอ “ถ้าเธอรู้สึกไม่ดี เธอก็ควรจะขอลาป่วยซะ นี่พี่ซื้อบิบิมบับของร้านหน้า าโรงเรียนของโปรดของเธอมาด้วย อย่างน้อยเธอก็ควรหาอะไรทาน...”
ทันใดนั้น เขาก็นิ่งไป
จากนั้น เด็กหนุ่มจึงยกมือของตนขึ้นมาและมองนิ้วมือของตนด้วยความประหลาดใจ
เมื่อครู่นี้ เขารู้สึกเจ็บแปลบที่นิ้วมือของตัวเอง และเมื่อลองสังเกตดูดี ๆ เขาก็พบว่า…มันมีรอยฟันปรากฏอยู่บนมือของตัวเอง…
แต่… เขาเพิ่ง… แตะหน้าผากของเธอเองนะ…
ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็น แสงแดดที่ส่องลงมาผ่านหน้าต่างทำให้ปรากฏเงาขึ้นในห้องเรียน นี่คือห้องเรียนของชั้นมัธยมปลายปี 3 เด็กทั้งสองต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
“ซะ…ซะ…ซะ…โซมี…” เสียงของซองโฮสั่นเทาขณะคลื่นความน่าหวาดกลัวสาดซัดไปทั่วทั้งหัวใจ เขาอ้าปากค้างด้วยความหวั่นสะพรึงแล้วถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้น เขาก็มองไปยังส่วนหนึ่ง งของห้องอีกครั้ง
เงา…
คนทุกคนจะต้องมีเงา แต่… อัน โซมีกลับไม่มี!
เธอเพียงนั่งนิ่งยู่บนโต๊ะ ราวกับหุ่นเชิด
กึก กึก กึก กึก…
ฟันของซองโฮเริ่มกระทบกันอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ในขณะที่ขนบนร่างของเขาลุกชัน เขารีบหมุนตัวและเตรียมที่จะออกไปจากห้อง แต่ทันใดนั้นเอง
ปัง! ปัง! ปัง!
ประตูและหน้าต่างทั้งหมดกลับปิดลงพร้อมกัน!
“ซะ…ซะ…ซะ…โซมี… เธอ… เธอ… เธอ…” ซองโฮอ้าปากพะงาบเพื่อหายใจขณะที่เขาเดินถอยห่างออกมา ชนเข้ากับเก้าอี้และโต๊ะที่ขวางทางอยู่ แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย เลือดภายในกายของเขาพลุ่งพล่าน และที่สำคัญที่สุด ความหวาดกลัวภายในใจของเขาได้กลืนกินทุกอย่าง
เธอไม่ใช่มนุษย์…
อัน โซมี…ผู้หญิงในฝันของเขา…ไม่ใช่มนุษย์?!!
อึก... อึก...
เสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางความเงียบนี้ และทันใดนั้นเอง อัน โซมีก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉัน…หิว…”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!
หัวใจของซองโฮเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ตอนนี้เขาได้เห็นแล้วว่าใบหน้าของโซมีกำลังเปื้อนไปด้วยเลือด! เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากร่างของเธอ ส่งผลให้ชุดนักเรียนสีขาวถูกย้ อมจนกลายเป็นสีแดงขณะที่มันหยดลงกับพื้น
แหมะ…แหมะ…
เสียงเลือดที่หยดลงพื้นฟังดูราวกับเสียงตะปูแห่งความตาย
ร่างของซองโฮสั่นเทาอย่างรุนแรง เขากัดริมฝีปากล่างของตัวเองขณะที่ค่อย ๆ ถอยไปที่มุมห้อง ที่ซึ่งเด็กหนุ่มพยายามบิดลูกบิดประตูอย่างสิ้นหวัง “พี่…พี่ซื้อบิบิมบับของเธอมาด้ วย! โซมี เอาไปกินสิ!!!”
แต่ขณะที่พูด แสงไฟภายในห้องก็กระพริบถี่รัว! จากนั้น หนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ลอยขึ้นกลางอากาศและเปิดออก ในขณะที่ปากกาบนโต๊ะเริ่มเขียนลงบนหน้ากระดาษพร้อมกัน!
“อึก... เฮือก…” ฟันของซองโฮกระทบกันอย่างบ้าคลั่ง เขาพยายามบิดลูกบิดประตูอย่างต่อเนื่อง แต่มันกลับไม่ได้ผลเลยสักนิด มันเปิดไม่ออก!
ห้องเรียนในเวลานี้เต็มไปด้วยเสียงที่น่าสะพรึงกลัว แทบจะเหมือนกับว่ามีภูตผีจำนวนมากได้มารวมตัวกันเพื่อสร้างความหายนะขึ้นภายในโรงเรียน!
“อ๊ากกกก!!!” ฟางเส้นสุดท้ายขาดผึง เขากรีดร้องออกมาสุดเสียงและพยายามเตะไปที่ประตู ก่อนจะสังเกตเห็นคำที่ถูกเขียนอยู่บนประตูด้วยชอล์กและเลือด
ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย!!!
ซองโฮตัวสั่นเทา
“พี่…กลับมาทำไม?” เสียงแหบพร่าดังขึ้นเหนือศีรษะ “ฉัน…ไม่อยากจะกินพี่เลยจริง ๆ…”
“ฉันหิว… หิวมาก... แล้วพี่ก็มาได้ทันเวลาพอดี… ในเมื่อพี่เป็นห่วงฉันขนาดนี้…. พี่มาอยู่กับฉันตลอดไปเลยดีกว่าไหม?”
แหมะ…
เลือดหยดหนึ่งหยดลงบนร่างของซองโฮ ตอนนี้เป็นเดือนกันยายน แต่ร่างของเขากลับรู้สึกเย็นยะเยือก
และหลังจากนั้นไม่นาน...แหมะ แหมะ แหมะ…
เลือดอีกจำนวนมากก็เริ่มหยดลงมาราวกับฝนเลือดที่เทลงมาในพื้นที่ปิด ย้อมให้เสื้อของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
ท่ามกลางฝนเลือด เขาเงยหน้ามองเพดานอย่างสิ้นหวัง
ณ จุดนั้น เขาเห็นร่างที่บิดเบี้ยวของอัน โซมี ถูกปกคลุมไปด้วยรอยเขียวช้ำหลังตาย เครื่องหน้าของเด็กสาวย้ายไปจากตำแหน่งเดิม ในขณะที่ร่างเต็มไปด้วยบาดแผล เธอจ้องไปที่เด็กหนุ่ม มโดยที่ลิ้นห้อยออกมาจากปาก เลือดสีแดงเข้มหยดลงมาจากที่ปลายลิ้น
“พี่ซองโฮ… กลิ่นของพี่หอมมากเลย…”
“ฉันมองพี่มาตลอด… พี่ชอบออกกำลังกาย… เพราะฉะนั้นเนื้อของพี่… จะต้องอร่อยมากแน่ ๆ…”
“อ๊ากกกกก!!!!!”
[1] หมายถึงหลักสูตรที่เรียนชั้นประถม 6 ปี ชั้นมัธยมต้น 3 ปี ชั้นมัธยมปลาย 3 ปี และระดับอุดมศึกษาอีก 4 ปี