ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 550: เหตุการณ์ของเรือข้ามฟาก เอ็มวี เซว็อล
บทที่ 550: เหตุการณ์ของเรือข้ามฟาก เอ็มวี เซว็อล
“คำถามต่อไป” ฉินเย่เอ่ยต่อ “ลีจองซุกเป็นคนจัดงานฝังศพของอัน จุนโฮด้วยตัวเอง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาคืออะไร? และในเมื่อนางรู้ดีว่าเจ้าไม่ใช่บาทหลวงอัน จุนโฮ เหตุใดนางถึงยังติดต่อกับเจ้าโดยที่ไม่บอกถึงที่อยู่ของตัวเองกับเจ้ากัน?”
อัน โซมีแย้มยิ้ม “บาทหลวงอันคือบาทหลวงที่ดูแลพิธีล้างบาปของลีจองซุก และเขา…ก็เป็นพ่อของร่าง ๆ นี้อีกด้วย”
“ผู้ที่ลีจองซุกพยายามจะติดต่อด้วยก็คือมาร์ควิสรัมยันต์เศว ผู้ที่ข้าติดต่อด้วย นางอาจจะไม่รู้ถึงความซับซ้อนของโครงสร้างภายในขององค์กรของเรา แต่นางรู้ดีว่าอัน จุนโฮนั้นเป็นเพียงช่องทางในการสื่อสารเท่านั้น หากพูดตรง ๆ ก็คือ นางไม่ได้สนใจเลยว่าผู้ส่งสารของนางจะหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่ว่าใบหน้าของผู้ส่งสารจะเปลี่ยนไปหรือเหมือนเดิมกับคนก่อนหน้า เพราะอย่างไรแล้ว…นางก็ไม่ได้หวาดกลัวเทพเจ้าหรือวิญญาณ สำหรับข้า นางเป็นมนุษย์ที่ไร้ซึ่งความศรัทธาในสิ่งเหล่านี้โดยสมบูรณ์”
มันสมควรที่จะเป็นเช่นนั้น…ฉินเย่ส่ายศีรษะไปมา ผู้ที่มีชีวิตมายาวนานขนาดนี้จะยังคงยึดมั่นอยู่ในชุดความเชื่อและความศรัทธาได้อย่างไร?
แต่เอาเถิด นั่นก็ได้อธิบายแล้วว่าเหตุใดลีจองซุกถึงยังติดต่อกับอัน จุนโฮคนที่สองแม้ว่าจะเป็นคนจัดพิธีฝังศพของเขาด้วยคนเอง
“แต่…เมื่อห้าปีก่อน จู่ ๆ พวกเราก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งของนางได้” ฉินเย่กำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองในขณะที่คำพูดของอัน โซมีทำให้เขากลับมาได้สติอีกครั้ง
บางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง!
หากลีจองซุกสามารถใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้ นางก็คงจะทำมันตั้งแต่แรกไปแล้ว! นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงคิดว่านี่คือวิธีการติดต่อสื่อสารที่หญิงสาวชื่นชอบมาโดยตลอด
ผู้ใดจะไปคิดว่านี่จะเป็นมาตรการติดต่อสื่อสารที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้วเท่านั้น!
ฉินเย่ยกมือขึ้นเท้าคาง ดวงตาของเขาเป็นประกายสดใส หากลีจองซุกไม่ใช่ไม้เนื้อแข็งกับกระจกสัมฤทธิ์ เช่นนั้นมันก็หมายความว่านางยังคงเชื่อใจพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชื่อใจกษัตริย์แห่งดานูบ ถึงแม้ว่ามันจะมีความเป็นไปได้ที่นางอาจจะไม่รู้ว่านางกำลังยุ่งอยู่กับใคร สิ่งเหล่านี้ก็แทบจะไม่สำคัญเกี่ยวกับผู้ที่กำลังแสวงความตายอย่างนางเลยสักนิด
นางต้องการหาวิธีในการจากไป ในขณะที่กษัตริย์แห่งดานูบอยากให้อำนาจและสถานะของนางในแดนมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นที่จะต้องแยกออกจากกัน หากพูดกันตามตรง มันคือสิ่งที่สามารถอยู่คู่กันได้อย่างราบรื่น
และหากเป็นเช่นนั้น ทำไมจู่ ๆ นางถึงเพิ่งมาใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเช่นนี้เมื่อห้าปีก่อน?
“มันมีคำอธิบายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นสำหรับเรื่องนี้…” เขาพึมพำออกมาเสียงดัง “บางที เมื่อห้าปีก่อน...ลีจองซุกคงได้รู้เกี่ยวกับบทละครที่แท้จริงของเทพแห่งความตายไร้นาม และคงไม่เชื่อใจพวกเขาอีกต่อไป?”
“นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะอัน โซมีนั้นพูดจากมุมมองของนาง นางได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับลีจองซุก แต่มันก็มีความเป็นไปได้ที่หมายเลข 01 และ 02 จะได้รับอนุญาตในการติดต่อกับลีจองซุกเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรกับลีจองซุก หรือเอ่ยคำขออะไรกับลีจองซุก ดังนั้น…มันจึงไม่น่าประหลาดใจเลยที่อัน โซมีจะไม่ค้นพบสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เขาขยับมือเบา ๆ และปากกาลูกลื่นเก่า ๆ ด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ “คยองโฮ เมื่อห้าปีที่แล้ว เจ้าอยู่กับลีจองซุกหรือไม่?”
“ไม่ แต่…มันมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น”
“และข้า…ก็จำมันได้ดี”
“เมื่อห้าปีก่อน ในวันที่ 23 เมษายน มันคือ…วันที่ข้าได้รับสามัญสำนึกทางจิตวิญญาณเป็นครั้งแรก และทันทีที่ข้าตื่นขึ้น ข้าก็เห็นนาง และสังเกตเห็นว่านางแตกต่างจากผู้อื่น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงติดตามนางมาถึงที่ฮันยาง และจากนั้น เมื่อนางพยายามทำพิธีอัญเชิญวิญญาณ ข้าก็ตั้งใจที่จะเข้ายึดร่างของนาง”
ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ บทละครของเทพแห่งความตายไร้นามนั้นถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับ แต่สิ่งที่ปากกาจิตวิญญาณเอ่ยขึ้นกลับเพิ่มความลึกลับนั้นยิ่งขึ้นไปอีก
“สัญชาตญาณของข้าบอกว่าหากข้าสามารถยึดร่างของนางได้ ข้าก็จะสามารถรับรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้ ทว่าน่าเสียดาย…ที่ข้าทำไม่สำเร็จ”
ปากกาลูกลื่นสั่นเทาอยู่ครู่หนึ่ง และวิญญาณผิวขาวซีดที่มีเลือดและเปียกโชกไปด้วยน้ำก็ปรากฏตัวขึ้นในอากาศ
“!!!…” ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น อัน โซมีก็ตัวสั่นเทาและจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ริมฝีปากของนางเผยอขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะพูดบางอย่าง แต่นางกลับเงียบไปเนื่องจากความตกตะลึงที่เกิดขึ้น
“เจ้าจำอะไรได้?” ฉินเย่ถาม
อัน โซมียังคงเงียบ ริมฝีปากของนางสั่นเทาขณะที่นางจ้องไปที่ปากกาจิตวิญญาณ แต่หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ นางก็เอ่ยขึ้นในที่สุด “เรือข้ามฟาก เอ็มวี เซว็อล...”
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ คำพูดเหล่านี้ทำให้บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งอีกครั้ง
“เจ้า…คือนักเรียนที่อยู่บนเรือข้ามฟาก เอ็มวี เซว็อลอย่างนั้นหรือ? เมื่อห้าปีก่อน...วันที่ 23 เมษายน…เจ้า…จะต้องใช่แน่ ๆ หากเจ้าอยู่ขั้นยมทูตขาวดำ…”
ควอน คยองโฮเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อาฆาตแค้น “วันที่ 16 เมษายน เมื่อห้าปีก่อน เรือข้ามฟากที่บรรทุกผู้โดยสารกว่า 400 คนได้เดินทางออกจากท่าเรืออินชอน ก่อนจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทรในเวลาต่อมา เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 300 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 150 ราย ในขณะที่มีนักเรียน 8 คนที่ถูกประกาศว่าสูญหาย และข้า…ก็เป็นหนึ่งในนักเรียนแปดคนนั้น!”
ฉินเย่รู้สึกมาตลอดว่าเรื่องของคยองโฮนั้นค่อนข้างแปลก หากอีกฝ่ายตายเพราะแค่จมน้ำจริง ๆ มันคงไม่มีทางเลยที่เด็กหนุ่มจะกลายเป็นวิญญาณขั้นยมทูตขาวดำได้ในทันที ดังนั้นฉินเย่จึงรู้ดีว่าการตายของคยองโฮนั้นไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิด มันอาจจะเป็นผลจากความอยุติธรรมบางอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้สนใจที่จะติดใจเกี่ยวกับสาเหตุการตายนั้น เพราะไม่ว่าอย่างไร ปากกาจิตวิญญาณก็คือวิญญาณของแดฮันอยู่แล้ว และความอยุติธรรมเหล่านั้นก็เป็นหน้าที่ที่หลิวอวี้จะต้องรับผิดชอบ เขาไม่คิดที่จะคอยเก็บกวาดของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเบื้องหลังเกี่ยวกับการตายของเด็กหนุ่มจะเกี่ยวข้องกับการกระทำของเทพแห่งความตายไร้นาม
เขาข่มอารมณ์ที่ปั่นป่วนภายในใจของตัวเองและนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“ข้ายังคงจำมันได้อย่างชัดเจน” ควอน คยองโฮกัดฟันแน่น น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาฟังดูทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปในเวลาเดียวกัน “วันที่ 16 เมษายนเป็นวันที่หมอกลงจัด เรือทุกลำที่จอดอยู่ที่ท่าเรืออินชอนได้ยกเลิกตารางการออกเดินทางของพวกเขา…ยกเว้นเรือของพวกเรา!”
“และในตอนที่เรือเกิดรูรั่ว มันก็เริ่มเอียง…แล้วท่านรู้หรือไม่ว่ากัปตันและลูกเรือบอกเราว่าอะไร?”
“พวกเขาทั้งหมดต่างส่งยิ้มที่น่าสยดสยองมาให้ และบอกว่า… ‘อย่าขยับ’”
“นั่งอยู่กับที่เงียบ ๆ และรอฟังคำสั่ง”
“พวกเราทั้งหมดก็ทำตามนั้น เพราะเรายังเด็กและไม่สามารถปกป้องตัวเองได้…” ควอน คยองโฮเงยหน้าขึ้นมองเพดานและเอ่ยต่อด้วยเสียงที่แหบพร่าและอาฆาตแค้น “และจากนั้น…พวกเขาก็หนีไป! พวกเขาทิ้งเราไว้บนเรือ!!!”
ตู้ม!
กลุ่มพลังหยินสีแดงเลือดปะทุออกมาจากร่างของควอน คยองโฮและปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง
ในวินาทีนั้น ทั่วทั้งห้องพลันถูกปกคลุมไปด้วยเสียงน้ำที่ไหลริน
วิญญาณพิเศษ?
ฉินเย่ค่อนข้างตกใจ เขาไม่ได้ตรวจสอบปากกาจิตวิญญาณอย่างละเอียดนัก ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นวิญญาณพิเศษขั้นยมทูตขาวดำ
“ในตอนนั้น ข้าเพิ่งอายุเพียง 11 ปี” ควอน คยองโฮเลียริมฝีปากของตัวเองและแค่นหัวเราะ “เพื่อนร่วมชั้นของข้าและตัวข้า…ต่างจมลงไปในน้ำทะเลที่เย็นเฉียบ พวกเราร้องขอความช่วยเหลือ ร้องตะโกนออกมาสุดเสียง แต่…ไม่มีใครมาเลย…”
“ไม่ว่าจะทหาร บริษัทขนส่ง หรือแม้แต่ลูกเรือ! ข้าต้องมองดูเพื่อนของตัวเองจมลงไปทีละคน ๆ ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะจมลงไปใต้น้ำ…”
เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ “แล้วหลังจากนั้น… ข้าก็ตามไป”
“ข้ายังคงจดจำรสชาติของน้ำทะเลในวันนั้นได้อย่างชัดเจน มันทั้งเค็ม ทั้งขม และเย็นชืด”
ร่างของเขาสั่นเทาจากทั้งความหวาดกลัวและความโกรธ
ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ริมฝีปากของหวังเฉิงห่าวแยกออกเล็กน้อย จากนั้นก็เงียบไปโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา โนบูทาดะเองก็จ้องไปที่ควอน คยองโฮ
วิญญาณทุกตนล้วนมีความแค้นและยึดติดกับความตายของตัวเองทั้งสิ้น
ฉินเย่ยังคงเงียบเพราะเขารู้ดีว่านี่คือเหตุการณ์ที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลก นอกจากนี้ มันจะต้องมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น!
ประการแรก มันเกี่ยวข้องหน่วยงานบางหน่วยงาน คุณปาร์คที่เป็นประธานาธิบดีในตอนนั้นรายงานว่าพวกเขาได้ดำเนินปฏิบัติการกู้ภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่นั่นไม่ถูกต้อง เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีเรือลำใดออกสู่ทะเลเลยแม้แต่ลำเดียว และองค์กรกู้ภัยของเอกชนทั้งหมดก็ถูกกีดกันโดยสมบูรณ์
ในเวลาเดียวกัน นักเรียนจำนวนมากยังคงติดอยู่บนเรือเป็นชั่วโมง ๆ จ้องมองไปยังมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต สงสัยว่าเหตุใดจึงไม่มีเรือลำไหนมาช่วยพวกเขาเลย!
ความสิ้นหวังและความโดดเดี่ยวที่มาพร้อมกับการถูกทอดทิ้ง…คงจะมีมากจนไม่สามารถจินตนาการได้
ประการที่สาม เมื่อถูกกดดันเกี่ยวกับเรื่องการกู้ภัย ประธานาธิบดีปาร์คก็ข้ามไปพูดเกี่ยวกับผลกระทบหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นและปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการกู้ภัย รวมถึงจำนวนผู้โดยสารบนเรือที่ได้รับการช่วยเหลือด้วย
และประการสุดท้าย แต่สำคัญที่สุด…
ลูกเรือที่อยู่บนเรือในวันนั้นถูกพบว่าเป็นพวกคาทอลิกทางเลือก!
อีกความหมายหนึ่งก็คือ…พวกเขามาจากลัทธิ ๆ หนึ่ง!
มันไม่ใช่อุบัติเหตุ! มันคือการสังเวย!
มันคือการสังเวยที่ได้รับความยินยอมจากทางรัฐบาล!
ใครบางคนได้สร้างเหตุการณ์ทั้งหมดขึ้น!
ในตอนนั้น ผู้คนจำนวนมากคิดว่านี่เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น
จากนั้น ในปีต่อมา ประธานบริหารของบริษัทชองแฮจิน เจ้าของเรือข้ามฟาก เอ็มวี เซว็อลได้ถูกจับกุมในข้อหาที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องตายโดยประมาท กัปตันลี รองกัปตันคัง รองกัปตันคิม และหัวหน้าวิศวกรปาร์คถูกตัดสินให้ต้องจำคุกตลอดชีวิต ในขณะที่ลูกเรือคนอื่น ๆ ถูกตัดสินให้จำคุกตั้งแต่ 15-30 ปี มีลูกเรืออยู่เพียงแค่สามคนเท่านั้นที่ยังอยู่บนเรือเพื่อช่วยผู้โดยสารหลบหนี ข่าวดังกล่าวได้สร้างความตกตะลึงให้คนทั่วโลก!
ทำไมถึงเป็นข้อหาทำให้เสียชีวิตโดยประมาท แทนที่จะเป็นฆาตกรรม?
ลองคิดดู…
อดีตประธานบริษัทชองแฮจิน ยู บยองอึน*[1] เกิดปี 1941 ถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 4 ปีด้วยข้อหาฆาตกรรมสมาชิกของลัทธิจำนวน 32 คนในปี 1987
เขาไม่รู้เรื่องเหตุการณ์นี้อย่างนั้นหรือ? หรือว่าเขาไม่รู้ถึงข้อเท็จจริงที่ว่าลูกเรือส่วนใหญ่ที่ขึ้นเรือไปนั้นเป็นสาวกของลัทธิเดียวกันกับเขา?
ฉินเย่รู้สึกเย็นวาบไปตามกระดูกสันหลัง มันเป็นวินาทีนั้นเองที่เขาพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรือข้ามฟาก เอ็มวี เซว็อลก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของบทละครที่ซาร์อาร์ตูโรได้เขียนเอาไว้เช่นกัน!
แต่แค่นั้นยังไม่พอที่จะทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกได้ สิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาพลันถูกเกาะกุมด้วยความเย็นเฉียบก็คือความคิดที่ว่าใครคือผู้ที่มีอำนาจมากพอที่จะทำให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น
เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่สามารถทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในแดฮันได้ก็มีอยู่น้อยมาก และลีจองซุกก็บังเอิญเป็นหนึ่งในนั้น
หากพูดกันทั่วไป ข้อเท็จจริงที่ว่าควอน คยองโฮได้พบกับลีจองซุกทันทีที่เขากลายเป็นวิญญาณ ก็หมายความว่าลีจองซุกนั้นอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุในระยะเวลาเจ็ดวัน! แต่โลกใต้พิภพของรุสได้ติดต่อกับลีจองซุกตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนแล้ว!
ไม่ใช่ว่าพวกเขาติดต่อกับลีจองซุกเพราะว่าพวกเขาต้องการที่จะหลบเลี่ยงกระบวนการบางอย่างของรัฐบาลหรอกหรือ?
พวกเขาพยายามจะหลบเลี่ยงสิ่งใดกันแน่?
ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาสามารถกลบข่าวเกี่ยวกับเรือข้ามฟาก เอ็มวี เซว็อลได้เป็นเวลาสักพักใหญ่ก่อนที่มันจะแพร่สะพัดไปทั่วนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก! นอกจากนี้ หากนี่เป็นส่วนหนึ่งของบทละครของซาร์อาร์ตูโร และด้วยความสำคัญของลีจองซุกในสายตาของโลกใต้พิภพของรุส…นางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่ ๆ!
“เฮ้อ….” ฉินเย่หลับตาลงและยกมือขึ้นคลึงหัวคิ้ว หาก...ลีจองซุกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ เช่นนั้น…พวกเราคงไม่ได้ถูกลิขิตมาให้คู่กันอย่างแน่นอน
และเขาก็คงไม่คิดที่จะตามหานางอีกต่อไป
สิ่งนี้…เกินกว่าเส้นบรรทัดฐานของเขา
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของนักเรียนบริสุทธิ์กว่าหลายร้อยชีวิต! จากรายงาน เด็กที่อายุมากสุดเพิ่งอายุแค่ 15 ปี ในขณะที่ผู้ที่อายุน้อยสุดเพิ่งอายุเพียง 8-9 ปีเท่านั้น มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่คน ๆ หนึ่งจะยอมปล่อยให้ชีวิตที่บริสุทธิ์เหล่านั้นต้องจมลงไปใต้มหาสมุทร?! ฉินเย่ไม่สามารถทำสิ่งที่โหดเหี้ยมเช่นนั้นได้ แม้ว่าจะมีพลังอำนาจของจ้าวนรก
“และหากนี่เป็นเรื่องจริง…หลิวอวี้…ชีวิตบริสุทธิ์กี่ชีวิตกันที่ต้องเสียไปเพียงเพื่อสร้างบัลลังก์ของเจ้าในโลกใต้พิภพแห่งฮันยาง? แถมนี่ยังเป็นบทละครเพียงบทเดียวจากทั้งหมดสามบทของซาร์อาร์ตูโรอีกด้วย…”
เขาถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงหันไปหาควอน คยองโฮอีกครั้ง “ลีจองซุกมาถึงในวันที่เท่าใด? แล้วนางทำอะไร?”
“นางมาถึงในวันที่ 23 เมษายน! ข้ามั่นใจ!”
“นั่นคือวันที่เจ็ด” โนบูทาดะเอ่ยแทรกขึ้น “ค่ำคืนที่ดวงวิญญาณจะเดินทางกลับมา”
ควอน คยองโฮเม้มปาก “แต่…ข้าคิดว่า…นางอาจจะไม่ใช่ผู้กระทำผิด ไม่เช่นนั้น ข้าคงจะแก้แค้นให้กับการตายของข้าด้วยมือของข้าเองไปแล้ว แม้ว่านั่นอาจหมายความว่าข้าต้องกลายเป็นเพียงผุยผงไปด้วยก็ตาม”
ฉินเย่เลิกคิ้วขึ้น “พูดต่อ”
ควอน คยองโฮพยักหน้า “ในเวลานั้น นางมาถึงโดยใช้เฮลิคอปเตอร์และขึ้นเรืออีกลำหนึ่ง ข้าจำได้ว่า…นางโต้เถียงกับชายผู้หนึ่งอย่างหนักหน่วง จากนั้นนางก็หยิบปืนออกมาและลั่นไกใส่เขา!”
“แต่… เขากลับไม่ตาย!”
[1] นักธุรกิจชาวเกาหลีใต้และนักประดิษฐ์ที่เป็นช่างภาพเป็นที่รู้จักกันภายใต้ชื่อศิลปิน Ahae เขาเป็นที่รู้จักในนาม “เศรษฐีไร้หน้า” เนื่องจากรักความสันโดษเป็นอย่างมาก