ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 551: หมายเลข 02
บทที่ 551: หมายเลข 02
“ผู้ชายคนนั้นพูดอะไรบางอย่าง และลีจองซุกก็จากไปอย่างรวดเร็ว…นั่นคือทั้งหมดที่ข้าเห็นในเวลานั้น แต่ข้าสาบานได้เลยว่านี่คือสิ่งที่ข้าเห็น! ข้ายังจำท่าทางและการแสดงออก กของพวกเขาได้อย่างชัดเจน! มันไม่มีทางที่ข้าจะจำผิด!”
นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้เขากลายเป็นวิญญาณขั้นยมทูตขาวดำ
“เดี๋ยวก่อน...” ทันใดนั้น อัน โซมีก็ถามขึ้น “เจ้าจำได้หรือไม่…ว่าชายคนที่คุยกับลีจองซุกพอจะมีลักษณะเด่นอะไรบ้าง?”
ควอน คยองซูนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อขุดคุ้ยความทรงจำของตน
อัน โซมีสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเอ่ยต่อ “อย่างเช่น…ที่แขน หรือที่คอของเขา?”
ทันใดนั้น ดวงตาของควอน คยองโฮก็เป็นประกายขึ้นขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว “ทั้งมือและคอของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลที่เกิดจากมีด! พวกมันเป็นแผลที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วและ ะเขาก็หายดีแล้ว เหลือเพียงแค่รอยแผลเป็นที่ไม่สามารถลบได้เท่านั้น!”
“นั่นคือ หมายเลข 02!!!” อัน โซมีเอ่ย “เขาคือหมายเลข 02…ข้ายังจำตอนที่ข้าเคยพบกับหมายเลข 01 และ หมายเลข 02 ได้… หมายเลข 01 นั้นไม่ได้มีจุดเด่นพิเศษอะไร แต่หมายเลข 02…จะมี รอยแผลที่เกิดจากมีดปรากฏอยู่รอบตัว! เขามีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่ชายฝั่งที่อยู่นอกเหนือจากปูซาน ในขณะที่ข้ารับผิดชอบแทกูและปูซาน! และ หมายเลข 01 ก็มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่ส่ว วนกลางของจังหวัดคยองกี เมืองควังจู!”
“เข้าใจแล้ว… ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเมื่อห้าปีก่อนลีจองซุกถึงเริ่มระแวงพวกเรา! มันจะต้องเป็นเพราะว่านางได้เห็นเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วยตัวเอง และนาง…ก็ไม่เห็น นด้วยกับคำสั่งของท่านรัมยันต์เศวอีกต่อไป!”
ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไป ขณะที่ลมหายใจของเขาถี่ขึ้นเล็กน้อย
เด็กหนุ่มหันไปหาควอน คยองโฮ “เจ้ายังจำรูปลักษณ์ของเขาได้หรือไม่?”
“ข้าจำได้…” ตอนนี้ที่ทวารทั้งเจ็ดของควอน คยองโฮเริ่มมีเลือดไหลออกมา “ข้าจะแสดงให้ท่านดูเดี๋ยวนี้…”
พลังหยินเริ่มหลั่งไหลออกมาจากร่างของเขา ก่อนจะค่อย ๆ รวมตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นชายคนหนึ่ง
เขาคือชายวัยกลางคนที่อยู่ในช่วงอายุ 40 ปี แต่ร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยบาดแผล
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นในอดีต ตาขวาของเขาเป็นสีเทาและปราศจากซึ่งร่องรอยของชีวิต ในขณะที่ตาซ้ายนั้นเต็มไปด้วยความนิ่งสงบและเฉยเมย
เขาคือชายที่ดูลึกลับเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ รูปลักษณ์ของเขานั้นง่ายที่จะถูกลืม ฉินเย่สะบัดนิ้วมือของตน และลักษณะของชายคนดังกล่าวก็ถูกประทับลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว จากนั นเขาก็ส่งมันลงไปที่ชั้น 24 คิม แทจีน่าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับชายคนนี้ได้ในเวลาไม่นาน เพราะอย่างไร คนคนนี้ก็ค่อนข้างเด่นกว่าคนทั่วไป
ในวินาทีนั้น ทั้งห้องพลันเงียบเสียงลงจนได้ยินเพียงเสียงของลมหายใจอันแผ่วเบา ฉินเย่เหลือบไปมองอัน โซมี ในขณะที่นางยังคงก้มหน้าต่ำพร้อมกับร่างที่สั่นเทา
“นายท่าน...” บรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือก แต่ความต้องการในการมีชีวิตของนางกลับสูงกว่าที่เคย นางไม่อยากตาย แต่นางรู้ดีว่าตัวเองจะต้องตายแน่นอนหากการมีอยู่ของตัวเองไม่เป็นประโ โยชน์อะไรต่อฉินเย่ หากนางสามารถทำประโยชน์ให้กับอีกฝ่ายได้… หากนางทำประโยชน์อะไรได้อีกสักนิด…
แน่นอน เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความกังวลที่อยู่ภายในใจของนางเลยสักนิด เขายังคงเอ่ยต่อเสียงเรียบ “ห้องเรียนที่มีนักเรียนอยู่เต็มห้อง พวกเรากำลังพูดถึงชีวิตบริสุทธิ์หลายส สิบชีวิต ถูกตัดสินให้ได้รับโทษประหาร แต่ข้ารับปากว่าจะทำให้เจ้าทรมานน้อยที่สุด”
สิ้นสุดเสียงพูด พลังหยินที่ลอยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็พุ่งมาหมุนวนรอบปลายนิ้วของเขา ทันใดนั้น แรงกดดันมหาศาลก็ทำให้อัน โซมีตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ลูกบอลพลังหยิน ขยับเข้ามาใกล้นางมากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างของนางก็เริ่มฉีกออก และพลังหยินก็เริ่มพุ่งออกจากร่างอย่างบ้าคลั่งและตรงไปยังปลายนิ้วของฉินเย่!
ไม่… ไม่…ข้าไม่อยากตาย!!
นางกรีดร้องออกมาในใจ กัดฟันแน่นขณะที่พยายามสู้กับแรงที่ไม่สามารถหยุดได้นี้ ทันใดนั้น ภาพจำนวนมากมายก็แว่บเข้ามาในหัว จากนั้นนางก็รีบตะโกนออกมา “ข้ายังรู้ความลับอีกอย่า าง!!”
ฟึ่บ...
ปลายนิ้วของฉินเย่หยุดลงที่ศีรษะของอีกฝ่าย ร่างของวิญญาณสาวสั่นระริก เปลวไฟสีแดงเข้มภายในดวงตาของฉินเย่ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงขึ้น
“พยายามชะลอความตายอย่างนั้นหรือ?” ฉินเย่เอนหลังพิงโซฟาตามเดิม “นี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้าในการได้รับความตายที่รวดเร็วและปราศจากความเจ็บปวด”
“หลังจากนี้ ความตายจะเป็นสิ่งที่ทรมานน้อยกว่าสิ่งที่เจ้าจะได้พบเจอมาก”
อัน โซมีทรุดตัวลงกับพื้นราวกับตุ๊กตาผ้าและหมอบกราบ “มะ…ไม่…มันไม่ใช่แบบนั้น… ข้าเพียงนึกบางสิ่งบางอย่างที่อาจเป็นประโยชน์กับท่านขึ้นมาได้ก็เท่านั้น!”
นางเอ่ยต่อโดยไม่เว้นช่วง “ข้า…เพิ่งได้รับคำสั่งหนึ่งมาเมื่อสองวันก่อน งานครั้งนี้…ก็คือการเติมเต็มรถไฟ”
“หมายเลข 01 หมายเลข 02 และหมายเลข 03 ต่างได้รับหน้าที่และภารกิจตามสถานที่ของตัวเอง หมายเลข 01 รับผิดชอบจังหวัดคยองกี หมายเลข 02 รับผิดชอบพื้นที่ชายฝั่ง ในขณะที่ข้ารับผิดชอบแทก กูและปูซาน ก่อนหน้านี้ หน้าที่ของข้ามีเพียงส่งผู้ที่ถูกสาปด้วยคำสาปอสรพิษนิรันดร์ให้ขึ้นไปบนรถไฟเท่านั้น ข้าไม่เคยได้รับคำสั่งให้เติมเต็มรถไฟมาก่อน!”
“ก่อนหน้านี้ คำสั่งที่ได้รับมาก็คือส่งผู้ที่ถูกร่ายคำสาปไปยังรถไฟที่มาถึงชานชาลาในเวลาที่กำหนด มันไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้มาก่อน! สะ…สิ่งที่ข้าต้องการจะบอกก็คือ นายท่าน...แผ ผนการอันยิ่งใหญ่ของโลกใต้พิภพแห่งรุสยังคงดำเนินอยู่! แต่ข้ายินดีที่จะทำหน้าที่ในฐานะสายลับให้กับท่าน! ข้าจะกลับไปเป็นหมายเลข 03 ตามเดิม และส่งข่าวเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที เกิดขึ้นให้กับท่าน!”
เงียบ…
แววตาของฉินเย่สั่นไหวเล็กน้อยขณะที่เขาเคาะนิ้วบนที่วางแขนเบา ๆ หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็เอ่ยออกมาว่า “โง่สิ้นดี”
หัวใจของอัน โซมีตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“นางเป็นของเจ้า” ฉินเย่หันไปพยักหน้าให้กับควอน คยองโฮ ทันใดนั้น เขาก็เลียริมฝีปากของตัวเองและยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยมพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้อัน โซมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดี ยวกัน ฉินเย่ก็ไม่ได้สนใจกับภาพการกลืนกินกันเองของอีกวิญญาณร้ายแต่อย่างใด เขาเดินนำโนบูทาดะและหวังเฉิงห่าวไปยังอีกด้านหนึ่งของหน้าจอขนาดใหญ่
“โง่จริง ๆ” เห็นได้ชัดเลยว่าหวังหนึ่งหางเชี่ยวชาญในการประจบประแจง “ข้าหมายถึง นางคิดว่ายมโลกจะยอมตกลงกับข้อตกลงของนางได้อย่างไร? นั่นไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด มันคงจะเป็นตัว วเลือกที่ฉลาดกว่าหากนางยอมรับความตายที่รวดเร็วและไร้ความเจ็บปวด”
“เจ้าโง่!” ฉินเย่จ้องหวังเฉิงห่าวเขม็งและสบถออกมา “ไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าจะมีสิ่งมีชีวิตที่โง่ขนาดนี้คอยติดตามตัวเองไปรอบ ๆ!!”
หวังเฉิงห่าวนิ่งอึ้งโดยพลัน
นี่เขาพูดอะไรผิด?!!
นี่ข้าไม่สามารถประจบท่านได้อีกแล้วอย่างนั้นหรือ? นี่ท่านกำลังจะตัดหนึ่งในสิ่งที่ข้าสามารถทำได้ดีออกไปหรืออย่างไร?!
ในวินาทีนั้น โนบูทาดะก็เอ่ยขึ้น “หนึ่ง…”
“ห๊ะ?!” หวังเฉิงห่าวหันไปมองด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
กล้าดีอย่างไรถึงเรียกข้าว่าหนึ่งหาง?! เอาสิ๊…ข้าขอท้าท่าน! คิดว่าข้าเป็นพวกดีแต่เห่าหรืออย่างไร?!
“…ท่านหวัง ความจริงของเรื่องนี้ก็คือประโยคสุดท้ายของอัน โซมีนั้นมีความหมายแฝงมากมาย และมันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเราไว้ชีวิตของนาง”
หวังเฉิงห่าวขมวดคิ้ว “ถ้าเช่นนั้น ทำไม…ข้าเข้าใจแล้ว มันคงจะเป็นปัญหาเกินไปที่จะรับนางมาอยู่กับเรา ผู้ใดจะไปรู้ว่านางจะไปล่อลวงผู้ที่อยู่ในยมโลกหรือไม่? และมันก็มีความเ เป็นไปได้ด้วยที่โลกใต้พิภพแห่งรุสจะร่ายเวทย์ติดตามไว้บนร่างของนาง…”
“ไม่ใช่ ข้าเพียงไม่ต้องการให้นางมีชีวิตต่อไป” ฉินเย่หันไปมองหวังเฉิงห่าว “ข้าหมายถึง…เราจำเป็นจะต้องหาเหตุผลมากมายเพื่อมอบความตายให้กับวิญญาณที่เพิ่งคร่าชีวิตนักเรียนไป ปกว่า 30 ชีวิตด้วยหรือ?”
หวังเฉิงห่าวทำหน้ายุ่งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?” ฉินเย่เอนหลังพิงโซฟาและหันไปพยักหน้าให้กับทางโนบูทาดะ
“นายท่าน” โนบูทาดะค้อมตัวและเอ่ยเสียงเครียด “สิ่งนี้บอกเราว่า…โลกใต้พิภพแห่งรุสยังคงดำเนินแผนการของพวกเขา”
“แล้วมันอย่างไร?” หวังเฉิงห่าวเอ่ยออกไป ก่อนจะยั้งตัวเองไว้ในเวลาต่อมา
ทันใดนั้นเอง เสียงกรีดร้องที่โหยหวนของอัน โซมีก็ดังตัดความมืดยามค่ำคืน แต่ถึงกระนั้น ชายทั้งสามที่กำลังปรึกษาหารือกันกลับแค่สบตากันเท่านั้น ไม่ได้สนใจกับข้อเท็จจริงที่ว่าอ อัน โซมีเพิ่งถูกสังหารไปเลยแม้แต่น้อย
หากคำพูดเหล่านี้ถูกพูดขึ้นในเวลาอื่น พวกมันคงจะไม่มีความหมายอะไรเลย แต่ไม่ใช่สำหรับตอนนี้
เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว บริบทก็คือทุกอย่าง
มันเหลือเวลาอีกแค่เดือนเศษ ๆ เท่านั้นก่อนที่จะถึงพิธีเปิดโลกใต้พิภพแห่งฮันยาง และมันก็มีความเป็นไปได้ที่แขกผู้มีเกียรติทุกคนจากโลกใต้พิภพที่อยู่ล้อมรอบต่างถูกเชิญมาเพื่อเป็น นสักขีพยานในพิธีเปิดที่ยิ่งใหญ่นี้ แต่ถึงกระนั้น…แผนการสำหรับการเผยแพร่ตำนานและสร้างปาฏิหาริย์ของโลกใต้พิภพแห่งรุสยังคงดำเนินต่อไป!
ความศรัทธาคือสิ่งที่ไม่สามารถเกิดขึ้นตราบใดที่แผนการอันยิ่งใหญ่ของโลกใต้พิภพแห่งรุสยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากบทละครของซาร์อาร์ตูโรคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากเลือดและความสยด ดสยอง มันค่อนข้างเป็นหลักฐานได้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพื่อสร้างเวทีสำหรับการปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ของหลิวอวี้ ที่ซึ่งเขาจะสามารถสังหารวิญญาณร้ายทั้งหมดแล ละพิสูจน์การดำรงอยู่ของตนเองในฐานะเทพเจ้าต่อผู้คน! นี่คือวิธีที่เขาจะกลายเป็นที่รู้จักในฐานะของเทพผู้พิทักษ์ของทุกคนที่ศรัทธาในตัวเขา! นี่คือวิธีที่จะทำให้เขาได้รับควา ามศรัทธาจากประชาชนทั้งหมด!
“พวกเราคิดผิด” ฉินเย่เท้าคางโดยที่นิ้วมือทั้งสองข้างประสานกันขณะที่โน้มตัวมาข้างหน้าพร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเทา “พวกเราคิดว่าพิธีเปิดโลกใต้พิภพแห่งฮันยางนั้นถูกจัดขึ้น เพื่อแสดงให้เราเห็นถึงภาพอันยิ่งใหญ่ของเจ้าหน้าที่กว่าหลายร้อยตนที่เคารพบูชาหลิวอวี้ แต่ตอนนี้…มันชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่แบบนั้น”
“คำเชิญที่ถูกส่งมาได้ระบุว่ามันคือพิธีเปิดโลกใต้พิภพแห่งฮันยาง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นั่นจะเป็นวินาทีที่หลิวอวี้จะกลายเป็นวีรบุรุษของแดฮัน มันจะเป็นวินาทีที่ทุกคนเต็มใจท ที่จะเคารพเขาในฐานะเทพเจ้า และยังเป็นวินาทีที่เขาจะเลื่อนขั้นเป็นเทพแห่งความตายอีกด้วย! นั่นคือจุดประสงค์ของแผนการอันยิ่งใหญ่ของโลกใต้พิภพแห่งรุส!”
โนบูทาดะพยักหน้าและเอ่ยเสริม “ถูกต้อง เทพแห่งความตายไร้นามคงจะคำนวณและมั่นใจว่าสถานการณ์ภายในแดฮันจะใกล้ได้เวลาเก็บเกี่ยวในอีกไม่ช้า และผลของความศรัทธาพวกนี้ก็น่าจะเพ พียงพอสำหรับการเปิดประตูของโลกใต้พิภพแห่งฮันยาง นี่คือรูปแบบที่แท้จริงของพิธีเปิดนี้ มันคือพิธีเฉลิมฉลองสำหรับวินาทีที่หลิวอวี้จะกลายเป็นเทพแห่งความตายต่อหน้าต่อตาของคน ทั้งหมด! แผนการของเขากำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ!”
หัวใจของหวังเฉิงห่าวกระตุกเล็กน้อย เขาเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น “พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเรา…”
“พวกเรา…อาจจะสามารถเข้าไปขัดขวางการเก็บเกี่ยวนี้ได้…” ฉินเย่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้น หวังเฉิงห่าวก็หันไปจ้องหน้าฉินเย่อย่างตกตะลึง จากนั้นก็ส่ายศีรษะไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ “ไม่…ท่านจะต้องไม่ใช่ท่านพี่ฉินแน่ ๆ…เขาคนนั้นเป็นพวกขี้ขลาด เขาไม่มีทาง งทำตัวกล้าหาญอย่างซุนหงอคงได้ เพราะฉะนั้น…บอกมาว่า…ท่านเป็นใครกันแน่?!”
ฉินเย่แย้มยิ้มอย่างขมขื่น
อ่า…เอาอีกแล้ว… เขาต้องขอบอกเลยว่าเทศกาลวันสารทจีนนั้นทำให้เขาสติแตกพอสมควร…ทำไมเขาถึงมาพิจารณาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้กัน?
แผนการของโลกใต้พิภพแห่งฮันยางอาจจะดูยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัว แต่มันก็อาจจะไม่ได้ไร้รอยรั่วหากลองสังเกตอย่างละเอียด
ประการแรก บทละครที่ถูกดำเนินมาเป็นเวลากว่าหลายสิบปีนั้นถูกเขียนมาเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่ามนุษย์ เพื่อที่ผู้กอบกู้จะสามารถปรากฏขึ้นในวินาทีแห่งความสิ้นหวัง แต่มัน นก็เป็นเพราะสิ่งนี้เองที่ทำให้ภัยคุกคามที่ส่งผลต่อยมทูตนั้นต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ หากนี่เป็นสิ่งที่แม้แต่หลิวอวี้ยังสามารถรับมือด้วยตัวคนเดียวได้ แล้วทำไมฉินเย่ถึงจะทำไม ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีวัตถุหยินที่ทรงพลังอย่างตะเกียงเถาฮวาและโชคชะตาอยู่กับตัว?
ประการที่สอง รุสจะต้องไม่มีกองกำลังเสริมประจำการอยู่ในแดฮันอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว แดฮันก็เป็นรัฐศักดินาของยมโลก และได้รับการปกครองโดยหนึ่งในข้าราชการศักดินาข ของพวกเขา ยกเว้นแต่ว่าโลกใต้พิภพแห่งรุสพร้อมที่จะตัดทุกความสัมพันธ์กับยมโลก พวกเขาไม่มีทางส่งกองกำลังทั้งกองมาที่ฮันยางเป็นอันขาด อย่างมากที่สุด มันก็คงมียมทูตอีกไม่กี่ตน ที่คอยลงมืออยู่ภายในเงามืด
อัน โซมีคือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้…
หากรุสมียมทูตอยู่ในแดฮันมากพอ พวกเขาจะต้องการความช่วยเหลือจากวิญญาณของแดฮันไปทำไม?
นี่คือบทละครที่ซาร์อาร์ตูโรเขียนมาเพื่อหลิวอวี้โดยเฉพาะ และมันก็จะต้องถูกดำเนินการโดยสมบูรณ์แบบที่สุด หากเป็นไปได้ เขาจะยอมมอบหมายงานเช่นนี้ให้กับวิญญาณของแดฮันอย่างนั นหรือ? ไม่มีทาง!
ประการที่สาม ตั้งแต่ที่พวกเขาเดินทางมาที่แดฮันผ่านแดนมนุษย์ จนถึงตอนนี้ มันยังไม่มีผู้ใดตรวจจับถึงการดำรงอยู่ของพวกฉินเย่ได้เลย
เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขากำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่การเข้าไปมีส่วนร่วมก็ยังสร้างความเสี่ยงอยู่ดี ซาร์อาร์ตูโรไม่มีทางยอมดำเนินตามแผนการหากเขาไม่มั่นใจในระดับหนึ่ง และสิ่งที่ มองไม่เห็นและไม่รู้ก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีต คำตอบของฉินเย่คงจะเป็น เราไม่สามารถไปหาเรื่องพวกเขาได้ เพราะฉะนั้นรีบกลับยมโลกกันดีกว่า อีกฝ่ายอยากทำอะไรก็ทำ นี่มันไม่ใช่เรื่องของเขา
แต่ตอนนี้…เศษเสี้ยวของความคิดเหล่านั้นกลับไม่มีอยู่ในหัวของฉินเย่อีกแล้ว!
ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือโอกาส
“เจ้าพูดถูก นี่มันไม่เหมือนข้าเลยสักนิด… นี่ข้า…ถูกใครสิงอยู่หรือเปล่า?” ฉินเย่ยกมือขึ้นขยี้ผมของตัวเองจนไม่เป็นทรง เขาพยายามหาข้ออ้างสำหรับการตัดสินใจของตัวเองเมื่อ อครู่ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็มักจะได้ยินเสียงภายในใจที่คอยตะโกนบอกว่า เจ้าจะถอยกลับไม่ได้! นี่คือโอกาสดีของเราแล้ว! ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่ายมทูตของยมโลกจีนจะเข้ามาขัดขวางการป ปรากฏตัวที่ยิ่งใหญ่ของหลิวอวี้!
และเมื่อเจ้าทำสำเร็จ ยมโลกก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับ และเจ้าอาจจะได้รับแต้มกุศลมากพอจนทำให้สามารถบรรลุเป็นขั้นฝู่จวินเลยก็ได้!
และที่สำคัญที่สุด…
เราจะสามารถทำให้ทุกคนที่เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่นี้ได้รู้ว่าใครคือผู้ที่มีอำนาจในการปกครองดินแดนส่วนนี้ทั้งหมด!!!