ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 555: โชคชะตาของท่านจ้าวฉิน
บทที่ 555: โชคชะตาของท่านจ้าวฉิน
‘ถูกกระตุ้นโดยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะตามหาลีจองซุกของท่านจ้าวฉินผู้ไม่น่าไว้ใจ…’
“ให้ตายเถอะ…” ฉินเย่แทบจะฉีกเสื้อคลุมของเขาออกเปลี่ยนเป็นสองส่วนเมื่อได้อ่านประโยคนั้น
นี่มันเรื่องอะไรกัน?!
ท่านช่วยจดบันทึกมันในลักษณะที่เป็นกลางได้หรือไม่?!
ท่านช่วยให้ความใส่ใจถึงความแตกต่างทางการใช้ภาษาบ้างได้ไหม?!
ทำไมจู่ ๆ ทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปในทางที่แปลกประหลาดแบบนี้? คำชมก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกเขียนขึ้นเพื่อนำมาสู่คำพูดที่ทำให้เสื่อมเสียนี้หรืออย่างไร?!
ฉินเย่อ่านต่อด้วยฟันที่กัดแน่น ‘S.H.E.ทั้งสามได้เดินทางไปถึงที่ฮันยาง สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการหาที่พัก โชคดีที่ปากกาจิตวิญญาณรู้ถึงหนึ่งในฐานที่มั่นลับของลีจองซุก เห หตุใดจะต้องไปนอนโรงแรมในเมื่อสามารถครอบครองอาคารทั้งหลักได้? นอกจากนี้ มันยังช่วยให้พวกเขาไม่ต้องทิ้งรอยเท้าไว้ในแดฮันมากเกินความจำเป็นอีกด้วย’
‘ด้วยเหตุนี้ ท่านจ้าวฉินจึงเลือกที่จะตรงไปที่ฐานที่มั่นลับของลีจองซุกทันที และนั่นก็นำไปสู่การเผชิญหน้ากันกับคิม แทจี เป็นครั้งแรก โดยพวกเขาบังเอิญเดินทางมาที่อาคารของล ลีจองซุก และกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการดื่มไวน์เพียงลำพัง’
‘ตามกฎของเมอร์ฟี ทุกสิ่งที่สามารถผิดพลาด จะผิดพลาด แต่การดำรงอยู่ของข้านั้นเป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับกฎของเมอร์ฟี ข้าอยากจะเรียกมันว่าทฤษฎีของท่านสวีผู้ยิ่งใหญ่และทรงธรรม …’
ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ และกระชับมือที่จับเสื้อคลุมแน่นขึ้นจนข้อนิ้วของเขาเปลี่ยนเป็นขาวซีด…
พอกันที…ท่านเรียกข้าว่าเป็นผู้ที่ไม่น่าไว้ใจ แต่ท่านกลับเรียกตัวเองว่า ‘ท่านสวีผู้ยิ่งใหญ่และทรงธรรม’ ถึงแม้ว่าชื่อของท่านจะถูกปกปิดจากโลกทั้งหมด?! นี่ท่านสามารถไร้ยางอ อายได้มากกว่านี้อีกหรือไม่?!
ภายในใจของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ท่านช่วยทำตัวสุภาพให้เหมือนกับตำแหน่งจ้าวนรกองค์ที่สองหน่อยได้หรือไม่?!
‘ทฤษฎีบทนี้ระบุเอาไว้ว่ายิ่งสิ่ง ๆ หนึ่งมีโอกาสในการเกิดขึ้นน้อยเพียงใด โอกาสที่มันจะเกิดขึ้นก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพราะอย่างไรแล้ว ความบังเอิญก็คือความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ ที่เจ้าตัวไม่ได้คาดคิด พวกมันอาจปรากฏขึ้นในลักษณะของดาวเคราะห์ในอวกาศ ที่เมื่อรวมตัวเข้าด้วยกันแล้ว…พวกมันก็กลายเป็นจักรวาลที่สมบูรณ์’
นั่นสมเหตุสมผลอยู่…ฉินเย่พยักหน้ากับตัวเองเบา ๆ แต่ตัวหนังสือต่อมากลับทำให้เขาแทบจะหน้าคว่ำ!
‘ยกตัวอย่างเช่น…เทศกาลวันสารทจีน…’
ฟึ่บ!
ฉินเย่ปาเสื้อคลุมของตนใส่ผนังห้องอย่างแรง
ใจเย็น ๆ…ใจเย็น…จะเสียใจกับสิ่งที่ไม่มีชีวิตไปทำไม? นี่อาจจะเป็นเพียงการบอกเจ้าว่าท่านพี่สวีนั้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ในขณะที่เจ้าเป็นผู้อ่อนแอก็ได้…
ฉินเย่ใช้เวลาอีกครู่หนึ่งในการปรับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง แต่ทันทีที่เขาอ่านต่อ เส้นเลือดที่ขมับของเขาก็เริ่มเต้นตุบ ๆ ด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง
‘เมื่อเขาพบเข้ากับบันทึกเหล่านี้และอ่านมันมาจนถึงปัจจุบัน เขาจะตระหนักได้ว่าท่านพี่สวีนั้นแสนยิ่งใหญ่ ในขณะที่ตัวเขาเองนั้นเป็นเพียงผู้อ่อนแอเท่านั้น…ใช่แล้ว ขอแสดงความย ยินดีด้วยสำหรับความเข้าใจนี้ ทว่าน่าเสียดายที่เจ้าจะยังคงเป็นลูกไก่ที่เต้นอยู่ในกำมือของท่านจ้าวนรกองค์ที่สองแห่งยมโลกต่อไปจนกว่าเจ้าจะสามารถควบคุมโชคชะตาได้อย่างสมบูรณ์!’
บัดซบ…!
ด้วยเหตุผลที่แปลกประหลาดบางประการ ตัวหนังสือสีทองบนเสื้อคลุมดูเหมือนจะกระโดดเข้าใส่ฉินเย่ราวกับต้องการพยายามจะครอบงำเขา
‘นอกเรื่องกันไปมากแล้ว” คำเหล่านี้เปรียบได้กับอากาศบริสุทธิ์ที่ทำให้สมองของฉินเย่สงบลง “นี่คือการเผชิญหน้ากันโดยบังเอิญครั้งแรกที่เกิดขึ้นในแดฮัน หลังจากช่วงเวลาแห่งการ รแนะนำตัวและยืนยันตัวตน ทั้งสองฝ่ายก็เข้าสู่ช่วงหารือ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างน้อยก็จนกระทั่งท่านจ้าวฉินบังเอิญเผยถึงหางจิ้งจอกที่ซ่อนอยู่ของตัวเอง’
ให้ตายเถอะ…นี่ท่าน…มีปัญหาอะไรกับข้า?
เหตุใดภาพลักษณ์ของข้าถึงค่อย ๆ เปลี่ยนไป?
‘เขาไม่คิดว่าอัน จุนโฮจะเสียชีวิตไปแล้ว การพลั้งปากนี้ทำให้คิม แทจีจ้างทหารรับจ้างมา ชะตากรรมตระกูลของนางอยู่ภายในกำมือของลีจองซุก ดังนั้นนางจึงคิดที่จะกำจัดทุกคนที่อาจ เป็นภัยต่อชีวิตของลีจองซุก…รวมไปถึงกระต่ายที่หมายจันทร์อีกด้วย’
ฉินเย่ค่อย ๆ ลุกยืนขึ้น
เขาหยิบโชคชะตาออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม เปิดฝาโถชักโครกและถือโชคชะตาไว้เหนือท่อระบายน้ำ “ข้าให้โอกาสเจ้าในการปรับแก้เนื้อหา”
ไร้ซึ่งคำตอบ…
มันเชื่อว่าฉินเย่จะต้องไม่กล้าทิ้งมันลงในโถส้วมอย่างแน่นอน
ห้านาทีต่อมา ฉินเย่ลดมือลงพร้อมกับฟันที่กัดแน่น ได้…ข้าจะทน มันแทบจะทนไม่ได้ แต่ข้าก็จะทนมันในเมื่อข้าไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ แต่รอก่อนเถิด ทันทีที่ข้ามีอำนาจพอ…ข ข้าจะเอาคืนอย่างแน่นอน!
‘เห็นได้ชัดเลยว่าอาวุธปืนที่ใช้โดยทหารรับจ้างผู้เป็นมนุษย์นั้นไร้ประโยชน์สำหรับท่านจ้าวฉิน สุดท้าย ท่านจ้าวฉินก็พบเข้ากับห้องลับที่ลีจองซุกใช้ทำพิธีอัญเชิญเพื่อสื่อสาร กับอัน โซมี เขาได้ทำพิธีดังกล่าวและเรียกอัน โซมี ซึ่งนับเป็นโชคดีของเขา อัน โซมีไม่สามารถต้านทานพลังหยินที่แสนบางเบาของท่านจ้าวฉินได้ และนางก็เปิดเผยร่างที่แท้จริงของต ตัวเองออกมาโดยไม่ตั้งใจ’
นี่เจ้าพยายามจะต่อว่าข้าขนาดนี้เชียวหรือ?!
‘สิ่งนี้นำไปสู่การค้นพบของฉินเย่เกี่ยวกับการมีอยู่ของเจ้าหน้าที่ประสานงานคนที่สอง มันไม่สามารถมีเจ้าหน้าที่ประสานงานเพียงแค่คนเดียวได้ เพราะอย่างไรแล้ว อัน จุนโฮก็ได้เสียชีวิ ตไปแล้วเนื่องจากอุบัติเหตุ และมันก็ไม่มีพิธีอัญเชิญใดที่ทำให้เขาสามารถติดต่อสื่อสารกับซากศพซึ่งร่างถูกฝังอยู่ใต้ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้วได้ ด้วยเหตุนี้ ท่านจ้าวฉินจึงรู้ได้ ทันทีว่ามันมีผู้ประสานงานอยู่อีกคนหนึ่ง และเขาก็สามารถบอกได้ด้วยว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิต’
‘กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ท่านจ้าวฉินบังเอิญค้นพบบทละครแห่งความตายในทันทีที่เขาเข้ามาภายในแดฮัน เราจะหยุดลงตรงนี้เพื่อให้ผู้อ่านได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของโชคชะตาและชะตากรรม ’
โชคดีที่ฉินเย่รู้สึกชินชากับการชอบโอ้อวดสรรพคุณของตัวเองของโชคชะตาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงอ่านต่อ
‘เรามาหยุดกันสักครู่และหันไปวิเคราะห์ความคิดของทั้งสามฝ่ายกันดีกว่า เพื่อที่จะได้รับความตายอันเป็นนิรันดร์ ลีจองซุกจำเป็นจะต้องหันไปหาโลกใต้พิภพ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เรือข้ามฟาก ก เอ็มวี เซว็อลจะทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายต้องพังลง แต่มันก็ไม่เพียงพอให้นางต้องตัดสายสัมพันธ์ทั้งหมด นางไม่ได้สนใจเลยว่าใครจะเป็น นตัวแทนสื่อสารระหว่างพวกนาง และนางก็รู้ดีว่า ‘อัน จุนโฮ’ ที่ตนเห็นอยู่นี้เป็นเพียงตัวปลอม แต่นางก็ยังทำทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างระมัดระวังเนื่องจากรู้ว่าความอยากรู้อยากเห็นที มากเกินไปจะเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวเอง แต่ถึงกระนั้นนางก็รู้ดีว่าโลกใต้พิภพนั้นต้องการนางพอ ๆ กับที่นางต้องการอีกฝ่าย ด้วยเหตุนี้ นางจึงจำใจยอมทำงานกับอีกฝ่ายไปโดยไม่สนใจว่ าผู้ที่นางกำลังสื่อสารด้วยคือใครกันแน่’
‘ในขณะเดียวกัน อัน โซมีนั้นเป็นบุตรคนที่สองของอัน จุนโฮ และนางก็เป็นวิญญาณร้าย นางไม่คาดคิดมาก่อนว่ายมทูตของยมโลกจีนจะพบตัวนางเร็วขนาดนี้ ในความเป็นจริง นางไม่คิดว่าจะได ด้ยินข่าวเกี่ยวกับพวกเขาด้วยซ้ำ! ดังนั้น มันจึงเป็นอีกหนึ่งความบังเอิญที่เกิดขึ้น’
‘และความบังเอิญนี้ก็เชื่อมโยงกับหลิวอวี้’
‘เมื่อนึกถึงของภาพการก่อตั้งโลกใต้พิภพแห่งใหม่และเติมเต็มความฝันที่ตัวเองยึดมั่นมาตลอดหลายร้อยปี หลิวอวี้ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นก็เริ่มส่งคำเชิญไปยังโลกใต้พิภพที่อยู่โดย ยรอบก่อนที่บทละครแห่งความตายจะเริ่มออกผลเสียอีก’
‘หากพูดกันตามความจริงแล้ว สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นไม่ได้ผิดอะไร’
‘เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องแจ้งให้โลกใต้พิภพแห่งอื่น ๆ ทราบเพื่อให้ได้มีเวลาเพียงพอในการจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็น ยิ่งเป็นผู้ปกครองโลกใต้พิภพที่สำคัญและ ทรงพลังมากเท่าไหร่ ตารางงานของพวกเขาก็จะยิ่งยุ่งมากเท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าพิธีเปิดที่ยิ่งใหญ่เพื่อประกาศแก่โลกใต้พิภพที่อยู่โดยรอบว่าในที่สุด ยมโลกก็อนุญาต ตให้เขาก่อตั้งดินแดนของเขาเองแล้ว! นี่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากหากเขาจะสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มอื่น ๆ ในเวทีโลก เพราะสุดท้ายแล้ว หากยมโลกไม่อนุญาต มันก็คงไม่มีใค ครปฏิบัติกับรัฐศักดินาของยมโลกในฐานะของโลกใต้พิภพที่ประกาศเอกราชเนื่องด้วยกลัวว่าจะเป็นการทำลายสายสัมพันธ์กับยมโลก’
‘เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนั้น น่าเสียดาย แต่นี่คือจุดที่ความขาดประสบการณ์ของหลิวอวี้เผยออกมา เขาไม่รู้ถึงหน้าที่พิเศษที่มีไว้สำหรับจ้าวนรกหรือผู้ปกครองโลกใต้ พิภพเท่านั้น และการส่งคำเชิญของเขาก่อนหน้านี้ก็หมายความว่าจีนมีเวลามากมายในการตอบสนองและเตรียมการสำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าที่หลิวอวี้กล้าส่งคำเชิญไปยังยมโลกก็เพ พราะการประชุมราชสำนักในปีที่ผ่านมาก แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของทฤษฏีผีเสื้อกระพือปีกที่จะก่อให้เกิดพายุขึ้นในปีต่อ ๆ มา’
‘ด้วยเหตุนี้ มันจึงเห็นได้ชัดเลยว่าอัน โซมีไม่มีโอกาสที่จะรู้ตัวเลยว่าตนเองได้ถูกดูดเข้าไปในพายุดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางไม่รู้เลยว่ายมทูตจากยมโลกได้เดินทางมาถึงแด ฮัน และนางก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องระแวดระวังลีจองซุก ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วที่พวกนางติดต่อกันจะเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าก็ตาม น่าเสียดาย ที่การติดต่อครั้งต่อมาจะกลายเป็น จุดจบของโชคชะตาของนาง’
‘นางถูกพบตัว แต่ถึงกระนั้น นางก็ไม่สังเกตเห็นถึงความร้ายแรงของสถานการณ์เนื่องจากนางไม่รู้ถึงตัวตนของฝ่ายตรงข้าม ยิ่งไปกว่านั้น นางยังรู้สึกปลอดภัยจากการที่มีมาร์ควิสรัมยันต์ เศวคอยเฝ้าดูอยู่ อย่างน้อยที่สุด นางก็คิดเช่นนั้นจนกระทั่งท่านจ้าวฉินไปพบตัวนาง’
‘ต้องขอชื่นชม ณ ตรงนี้ ท่านจ้าวฉินค่อย ๆ เริ่มตระหนักถึงหน้าที่ของตนได้มากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เทศกาลวันสารทจีน ก่อนหน้านี้ เขาจะไม่ใช่ผู้นำที่ชาญฉลาดที่สุด แถมยังเป็นพวกข ขี้ขลาดโดยธรรมชาติอีกด้วย’
แววตาของฉินเย่เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
เขาแทบจะไม่สามารถต้านความต้องการที่จะทิ้งเสื้อคลุมในมือลงไปในท่อระบายน้ำได้!
‘นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างไปจากท่านจ้าวนรกองค์ที่สองแห่งยมโลก มันยังเป็นเหตุผลด้วยว่าทำไมจ้าวนรกองค์ที่สองนั้นถึงแสนยิ่งใหญ่ ในขณะที่จ้าวนรกองค์ที่สามเป็นเพียงผู้อ่อ อนแอ…ตัดผ่านการไล่ล่าทั้งหมด วินาทีที่ท่านจ้าวฉินและอัน โซมีเผชิญหน้ากันคือการมาบรรจบกันของความบังเอิญทั้งหมด’
‘รัมยันต์เศวเองก็ตรวจพบถึงการดำรงอยู่ของยมทูตแห่งยมโลก และเขาก็รีบรายงานเรื่องนี้ทันที’
‘อย่างไรก็ตาม โลกใต้พิภพแห่งรุสนั้นมีความเชี่ยวชาญในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่าหลิวอวี้ พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่าการที่ขั้นตุลาการนรกของยมโลกปรากฏตัวขึ้นนั้นหมายคว วามว่าพวกเขาบรรลุเป้าหมายของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกเขาจะต้องการโลกใต้พิภพแห่งฮันยางไปอีกทำไม?’
‘ด้วยเหตุนี้ การหักมุมที่น่าสนใจจึงเกิดขึ้น’
‘สิ่งที่เจ้ากำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือผลที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จากการมาบรรจบกันของความบังเอิญทั้งหมด’
‘สำหรับโลกใต้พิภพแห่งรุสแล้ว การได้ติดต่อกับยมโลกโดยตรงนั้นดีกว่าการพูดคุยผ่านหลิวอวี้เป็นไหน ๆ เหตุใดเขาจึงต้องสร้างบุญคุณกับรัฐศักดินาเล็ก ๆ ในเมื่อเขาสามารถเอาใจหนึ่ งในโลกใต้พิภพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้?’
‘ดังนั้น ทันทีที่พวกเขารู้ว่าอัน โซมีอาจจะเปิดเผยถึงตัวตนของมูคอฟ พวกเขาก็เลือกที่จะไม่บอกมันกับหลิวอวี้ แต่กลับฝังไรสมองไว้ในมนุษย์หลายคนพวกจับตาดูยออิโด ซึ่งเป็นที่อย ยู่อาศัยของหมายเลข 02 อย่างใกล้ชิดแทน’
‘น่าเสียดาย แต่มันไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าโลกใต้พิภพแห่งรุสนั้นต้องการจะทำสิ่งใด เพราะเมื่อวิเคราะห์แล้วความคิดของทั้งโลกใต้พิภพนั้นค่อนข้างแตกต่างไปจากการวิเคราะห์ความคิด ของยมทูตตนหนึ่ง เกณฑ์การพิจารณาของพวกเขานั้นครอบคลุมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ตามหาท่านจ้าวฉินอย่างเปิดเผย’
‘เรามาหยุดพักและหันไปวิเคราะห์ความคิดของทั้งสามฝ่ายกันอีกครั้ง’
‘แผนการของหลิวอวี้ได้พังลงแล้ว แต่เขายังไม่รู้ตัว เขาได้ทำให้เกิดทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกที่การประชุมราชสำนักเมื่อปีที่แล้วด้วยตัวเอง และนั่นก็ทำให้เกิดพายุที่ก่อตัวขึ้นในเวลา านี้ เขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะถูกตัดออกจากบทละครแห่งความตายอย่างกระทันหันเช่นนี้ บทของนักพรตหยินในเรื่องโปเยโปโลเยนั้นสามารถเล่นโดยใครก็ได้ และหลิวอวี้ก็ไม่ได้เป็นผู้ที่ ถูกเลือกอย่างที่คิด’
‘โลกใต้พิภพแห่งรุสได้เดาความจริงที่เกิดขึ้นกับยมโลกได้จากการเผชิญหน้ากับยมทูตจากยมโลกเป็นระยะเวลาสั้น ๆ นี่คือเรื่องระดับมหากาพย์ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากมีโอกาส พวกเขาจะต้องไม่ลังเลที่จะส่งกองทัพมาที่แผ่นดินจีนอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตระหนักถึงความเป็นไปได้นั้น แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วยมโลกนั้ นกำลังละโมบถึงวิธีการเผยแพร่ตำนานและสร้างปาฏิหาริย์ที่ถูกกำหนดขึ้นโดยซาร์อาร์ตูโร’
‘นั่นเป็นไปได้ด้วยหรือ?’
‘คำตอบก็คือเป็นไปได้!’
‘ท่านจ้าวฉิน จ้าวนรกองค์ที่สามแห่งยมโลกนั้นไม่ต่างอะไรกับสุนัขที่หิวโหยที่เกาะติดเนื้อทุกชิ้นที่สามารถหาได้ โลกใต้พิภพแห่งรุสได้มองข้ามความเป็นไปได้นี้ไปก็เพราะว่าพวกเขา าไม่รู้ถึงความอ่อนแอของยมโลกแห่งใหม่ในเวลานี้…’
ดีมาก...สุนัขที่หิวโหย…ฉินเย่จดจำคำเรียกนี้ไว้เพื่อเอาคืนในภายหลัง
มุมมองความคิดของทุกฝ่ายทำให้เกิดจุดบอดที่ทำให้ท่านโก่วต้าน*[1] มีเวลามานั่งอ่านเนื้อหาทั้งหมดอย่างใจเย็น หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น? โปรดติดตามตอนต่อไป!’
ให้ตาย!!
ฉินเย่แทบจะสะดุด
อ๊ากกกกก!!! ไม่คิดเลยว่าท่านจะเปลี่ยนคำเรียกข้าจากท่านจ้าวนรกองค์ที่สามของยมโลกเป็นเพียงท่านโก่วต้าน…
และเหตุใดมันถึงไม่มีต่อ?! นี่คือการวิเคราะห์ทั้งหมดของท่านอย่างนั้นหรือ?! ท่านรู้หรือไม่ว่าตัวเองควรได้รับการแสดงความคิดเห็นแบบใด?!
สวีหยางอี้…ข้าต้องการจะรู้ท่านทำอย่างนี้เพื่ออะไร?! ท่านช่วยเขียนเรื่องทั้งหมดและปล่อยให้ข้าได้รู้จุดจบของมันไม่ได้หรืออย่างไรกัน? เหตุใดจึงเขียนมันเพียงแค่ครึ่งเดียว วและทิ้งข้าไว้กลางทางเช่นนี้?! ท่านรู้หรือไม่ว่าการตายจากการถูกฟันนับพันครั้งมันเป็นอย่างไร?!