ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 69: แอปหน่วยงานพิเศษ (1)
บทที่ 69: แอปหน่วยงานพิเศษ (1)
หวังเฉิงห่าวนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงคิงไซส์ขนาดใหญ่ กดนิ้วลงบนแล็ปท็อปของตนอย่างดุเดือด ทันทีที่ฉินเย่มาถึงห้อง เขาก็ลุกขึ้นยืนและเอ่ยเสียงดัง “พี่ฉิน เป็นยังไงบ้าง? ปลอดภัยดีใช่ไหม?”
“ฉันไม่เป็นไร” ฉินเย่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจนักและทิ้งตัวลงบนเตียง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงคลื่นแห่งความว่างเปล่าที่โจมตีเข้ามา
บางทีมันอาจจะไม่ใช่ความว่างเปล่า บางทีมันอาจจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของหนทางข้างหน้ามากกว่า
เราเข้าหน่วยสอบสวนพิเศษแล้วจริง ๆ…กับองค์กรที่คลุมเครือแบบนี้…ไม่น่าเชื่อแม้แต่นิดเดียวเลยว่าเราจะยอมเข้าทำงานที่นั่น
เด็กหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจนักกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นว่าหวังเฉิงห่าวกำลังพิมพ์อะไรบางอย่างบนแล็ปท็อปด้วยความเร็วแสง ฉินเย่ขมวดคิ้วและถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก “นายทำอะไรน่ะ? อินเทอร์เน็ตล่มไม่ใช่เหรอ?”
“นายไม่รู้เหรอ?” หวังเฉิงห่าวหันหน้าจอแล็ปท็อปไปทางอีกฝ่าย “เรายังเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของท้องถิ่นได้ รัฐบาลได้เปิดตัวเว็บบอร์ดชั่วคราวสำหรับคนในท้องที่ แล้ว และมันก็มีอะไรให้ทำมากมายเต็มไปหมด”
มีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?
ฉินเย่ลุกขึ้นนั่งและคว้าแล็ปท็อปมาดูทันที
เห็นได้ชัดว่ามันคือเว็บบอร์ดชั่วคราวที่มีเพียงฟังก์ชันพื้นฐานทั่วไป แต่…จำนวนโพสต์ที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอกลับมีถึง 3 แสนโพสต์แล้ว!
เมืองเป่าอันมีจำนวนประชากรขนาด 3.2 ล้านคน หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ประมาณหนึ่งในสิบของคนทั้งหมดได้โพสต์อะไรบางอย่างบนเว็บบอร์ด!
“ความจริงเกี่ยวกับเมื่อคืนนี้! พร้อมทั้งรูปภาพและวิดีโอ! อยู่ห่างจากสนามรบเพิ่งแค่ร้อยเมตรเท่านั้น!” — ปลาทองน้อย
นี่คือกระทู้ที่อยู่บนสุดของเว็บบอร์ด ฉินเย่รีบกดเข้าไปดูทันที
สิ่งแรกที่เห็นเมื่อกดเข้ามาคือรูปถ่ายขนาดใหญ่ ความเร็วของอินเทอร์เน็ตนั้นเร็วมาก และมันก็โหลดในทันที เผยให้เห็นวินาทีที่ทหารจำนวนนับไม่ถ้วนยิงหน้าไม้ออกไปพร้อมกัน ส่งยันต์ติดไฟลอยข้ามฟ้าไป
“ดูรูปนี้สิ ลูกศรพวกนี้กำลังโจมตีไปที่อะไรบางอย่าง แต่มันคืออะไรกัน? ไม่ว่าจะมองด้วยตาเปล่าหรือผ่านเลนส์กล้อง ฉันก็มองไม่เห็นเลยสักนิด! แต่เปลวไฟจากยันต์พวกนั้นจะต้องยิงเข้าใส่อะไรบางอย่างแน่ ๆ!” — ปลาทองน้อย
แค่ภาพแรกที่โพสต์ลงไปก็ได้รับความคิดเห็นหลายพันความคิดเห็นแล้ว
ฉินเย่กดอ่านทันที
“ไม่น่าเชื่อ…ฉันเห็นด้วยกับโพสต์นี้นะ! ทางกองทัพกำลังทดลองอาวุธลับอะไรบางอย่างหรือเปล่า?” — ผู้ใช้ 438126
“ไม่น่าจะใช่นะ ทุกอย่างอาจไม่เป็นอย่างที่เห็น บางทีมันอาจจะมีอะไรบางอย่างที่พวกเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…และทางกองทัพกำลังปกป้องเรา” — ผู้ใช้ 27184
“ไม่คิดเหรอว่าเหตุการณ์นี้กับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อวานอาจจะมีความเชื่อมโยงกัน?! ฉันเห็นผีนะ! เห็นจริง ๆ!! เมื่อคืนนี้ ตอนที่ครอบครัวของฉันกำลังนั่งรวมกันอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ไม่มีใครกล้าหลับเลยแม้แต่นิดเดียว! ฉันสาบาน ฉันเห็นผีจริง ๆ!” — ผู้ใช้ 231234
“ไม่ได้มีแต่คุณเท่านั้น มีคนมากมายที่เห็นผีเมื่อคืนนี้….ผมทำงานอยู่ที่สำนักงานชุมชน และเพิ่งเดินตรวจตราดูรอบ ๆ เสร็จ คุณรู้จักชุมชนซงเจียงหรือเปล่า? จากประชากรทั้งหมดสองพันคน ประมาณ 1,300 คนที่ได้ประสบกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเมื่อคืนนี้! สำนักงานชุมชนของเรากำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ทุกคนสงบลง” — ผู้ใช้ 12379
ฉินเย่กดเข้าไปดูที่หน้าทั้งสอง
มันยังคงเป็นภาพของสนามรบ แต่ภาพนี้เผยให้เห็นถึงเหล่าทหารที่ล้มลง ปลาทองน้อยเขียนเพิ่มเติมว่า “ฉันเห็นทุกอย่าง! ก่อนหน้านี้ทหารพวกนี้ยังดูปกติดี แต่จู่ ๆ พวกเขาก็ทรุดลง! พวกเขาจะต้องกำลังต่อสู้กับกองกำลังที่เรามองไม่เห็นอยู่แน่ ๆ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเมืองของเรากัน?!”
โพสต์ดังกล่าวแทบจะระเบิดด้วยความคิดเห็นมากมายทันที “ผี!” “ต้องเป็นผีแน่ ๆ!” “ฉันเคยเห็นผีเหมือนกัน…และมันก็คือเมื่อคืนตอนที่กำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ…อ๊ากกกก!” “ฉันไม่อยากจะคิดแล้ว! กดเห็นด้วยกับเจ้าของโพสต์เลยเถอะ!” “จำนวนผู้คนที่เห็นด้วย: +10086!”
ภาพแต่ละภาพที่ถูกโพสต์ล้วนได้รับการตอบรับอย่างน้อย 3000 ความคิดเห็น ยิ่งกว่านั้น วิดีโอคลิปสุดท้ายที่ถูกโพสต์ไว้นั้นมีการแสดงความคิดเห็นถึง 30,000 ความคิดเห็น!
“พวกเราต้องการความจริง! ฉันไม่กล้าจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเป่าอันอีกต่อไปแล้ว! ฉันโตที่นี่ อยู่ที่นี่มาตลอด นี่มันเกิดอะไรขึ้น? มีผีอยู่จริง ๆ น่ะเหรอ?!”
“กลัวที่จะอยู่ที่นี่? ที่รัก เมื่อ 6 โมงเช้า…ครอบครัวของฉ้นพยายามที่จะขับรถออกไปที่มณฑลตงไห่ แต่สุดท้าย…พวกเราก็พบว่าทั้งเมืองถูกล็อกดาวน์! ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าหรือออกจากที่นี่ทั้งนั้น! เข้าใจไหม?”
“ไม่ใช่ว่ารัฐบาลบอกว่าพวกเขาจะให้คำตอบพวกเรา ภายในสามวันเหรอ?”
“นายคิดว่ารัฐบาลจะบอกความจริงพวกเราหรือไง?”
“ฉันก็แค่อยากได้คำตอบ! ไม่สนใจหรอกว่ามันเป็นความจริงหรือคำโกหก! ตอนนี้ฉันแทบจะไม่กล้าหลับตาลงนอนด้วยซ้ำ!”
ทุกโพสต์ไม่มีการเซนเซอร์หรือถูกลบเลยสักนิด
และไม่มีผู้ดูแลที่คอยควบคุมบทความต้องห้ามด้วยเช่นกัน
ดวงตาของฉินเย่เป็นประกายขึ้นขณะที่อาร์ทิสพึมพำเบา ๆ “ฉลาดมาก”
“มันไม่มีทางที่จะสามารถปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้เนื่องจากมีผู้พบเห็นมากเกินไป ยิ่งกว่านั้น ผู้คนต่างต้องการหาที่ระบายเพื่อบรรเทาความหวาดกลัวในใจของพวกเขา และเว็บบอร์ดก็เป็นช่องทางที่เหมาะสมที่สุด ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ทุกคนมีเวลาพอที่จะทำให้ใจเย็นลง และทำให้ความคิดที่ว่ามีกองกำลังที่มองไม่เห็นอยู่ในโลกปรากฏขึ้นมา แบบนั้น…การเปิดเผยความจริงในอีกสามวันก็จะได้เป็นไปอย่างราบรื่น”
ฉินเย่พยักหน้าและอ่านต่อ
กระทู้ที่สองเขียนว่า “ในอีกสามวัน ทางรัฐบาลจะประกาศต่อสาธารณะ มีใครพอจะเดาออกบ้างว่าพวกเขาจะพูดว่าอะไร?”
มันคือการสำรวจความคิดเห็น
และตัวเลือกมีเพียงสองตัวเลือกเท่านั้น
ตัวเลือก 1: ผี!
ตัวเลือก 2: การฝึกซ้อมของกองทัพ
ผู้คนที่เลือกตัวเลือกแรกมีมากถึง 76% ของการลงคะแนนทั้งหมด ซึ่งเป็นจำนวนกว่า 2 แสนคนของทั้งเมือง!
มันเป็นความคิดเห็นที่มีน้ำหนักเบาเกินไป
ต่อให้คนส่วนใหญ่จะเอนเอียงไปที่ตัวเลือกที่สอง มันก็ยังมีโอกาสที่ทางรัฐบาลจะเข้ามาแทรกแซงและผลักดันตัวเลือกข้อแรก เพื่อที่โต้กลับความคิดเห็นส่วนใหญ่อย่างท่วมท้น
“อย่าไปโหมไฟล่ะ นายเองก็น่าจะรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น อย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครฟังเป็นอันขาด หน่วยสอบสวนพิเศษได้จับตาดูเรื่องนี้อยู่แล้ว หากมีข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้รั่วไหลออกไปนอกเมืองเป่าอัน ฉันมั่นใจเลยว่านายจะได้รับเชิญไปนั่งดื่มชากับตัวแทนของหน่วยสอบสวนพิเศษแน่ ๆ” ฉินเย่หันหน้าแล็ปท็อปกลับไปให้หวังเฉิงห่าวและเอ่ยเตือน
“ฉันรู้ ฉันจะปิดปากให้สนิทเลย!” เขามองฉินเย่หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า จากนั้นจึงโน้มตัวไปหาอีกฝ่ายและกระซิบว่า “แล้วก็นะ…เมื่อกี้ บัตรธนาคารของฉันใช้ได้แล้วล่ะ!”
ฉินเย่ดันหน้าของหวังเฉิงห่าวออกไปและเอ่ยว่า “เข้าใจแล้ว ฉันขอพักสักหน่อยก็แล้วกัน”
เด็กหนุ่มรออยู่ครู่หนึ่ง ฉินเย่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก หลังจากนั้นประมาณสองนาที หวังเฉิงห่าวก็ได้ยินเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอมาจากเพื่อนของเขา
หวังเฉิงห่าวรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
นี่ฉันไม่มีค่าอะไรสำหรับนายเลยเหรอ? แม้แต่เงินของฉันก็ไม่สามารถทำให้นายใจเต้นได้อีกแล้ว….
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และมันก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าแล้วเมื่อฉินเย่ตื่นขึ้น
หากพูดกันตามความจริง เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงของวิทยุที่ดังลั่น
ภายในห้องมีโทรทัศน์เครื่องหนึ่งตั้งอยู่ และโฆษณาที่ออกอากาศบนโทรทัศน์ก็เป็นโฆษณาเดียวกันกับเสียงวิทยุที่ดังขึ้น
“ประชาชนทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ ในอีกสามวันข้างหน้า เมืองเป่าอันจะยังคงเป็นพื้นที่สีแดงอยู่ อย่างไรก็ตาม ทุกท่านยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ตราบใดที่อยู่ภายในบ้านของตนเอง ขอเตือนประชาชนทุกคนอย่าไปไหนมาไหนตามใจชอบ”
“ในอีกสามวันหลังจากนี้ รัฐมนตรีของเมืองเยียนจิง[1] จะเดินทางมายังเมืองเป่าอันด้วยตัวเอง รามทั้งเทศบาลเป่าอัน…พวกเขาจะบอกความจริงที่แม้แต่ทุกท่านก็คิดไม่ถึง”
“แม้ว่าพวกคุณบางคนจะพบว่าความจริงนี้เป็นสิ่งที่ทำใจยอมรับได้ยาก แต่ทางเทศบาลเป่าอันยืนยันได้ว่า…ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมา มีเหล่าทหารและกองกำลังพิเศษที่ทางเราอาจไม่สามารถบอกได้ กำลังปกป้องทุกท่านอยู่”
“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ฉินเย่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย
“เที่ยง ในเว็บบอร์ดดุเดือดมาก จำนวนกระทู้มีมากกว่า 4 แสนกระทู้แล้ว!” หวังเฉิงห่าววางชามของตนลงกับโต๊ะและถามว่า “นายอยากจะกินอะไรก่อนไหม?”
มันเป็นวินาทีนั้นเองที่ฉินเย่ได้กลิ่นหอมของบางอย่างโชยไปทั่ว ผ่านเข้ารูจมูกและตรงไปที่ท้อง กระเพาะอาหารของเขาเริ่มส่งเสียงคำรามประท้วงทันที
หม้อไฟถูกวางอยู่ตรงกลางของโต๊ะ และพื้นที่ที่เหลือต่างก็เต็มไปด้วยจากอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใน ฟัวกราส์ ลูกชิ้น เนื้อ และอีกหลายอย่าง
“นายเป็นคนสั่งมาเหรอ?”
“แน่นอนสิ…ถ้าได้กินบะหมี่สำเร็จรูปอีกครั้งหนึ่งฉันจะต้องอาเจียนออกมาแน่ ๆ!” หวังเฉิงห่าวหยิบโค้กขึ้นจิบและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉินเย่ นาย…คิดว่าเมืองเป่าอันจะทำยังไง?”
ฉินเย่ส่ายศีรษะไปมา เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าทางรัฐบาลจะทำอย่างไร
เพราะไม่ว่าอย่างไร มันก็เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ การแพร่ระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติก็ได้เกิดขึ้นไปทั่วทั้งเมือง! เชาโยวเต๋าได้รวบรวมและสร้างกองทัพวิญญาณมาเป็นระยะเวลากว่าร้อยปี เพียงเพื่อที่จะปลดปล่อยพวกมันในเมืองในรูปแบบของคลื่นยักษ์ และทำให้กลุ่มทหาร รัฐบาล และผู้ฝึกตนต่างไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากร่วมมือกันเพื่อนต้านการโจมตีที่เหนือธรรมชาตินี้เอาไว้ พวกเขาทำแม้กระทั่งขอความช่วยเหลือจากเหล่าผู้ตรวจการ อันที่จริง มันอาจจะมีเจ้าหน้าที่พิเศษจากเมืองอื่น ๆ ที่ถูกส่งมาเป็นกำลังเสริมด้วยก็ได้ แต่ฉินเย่ก็ยังไม่เคยเจอกับคนพวกนั้นเลยสักครั้ง
ก่อตั้งสำนักฝึกตน…และอยู่ภายใต้การบริหารงานโดยตรงจากทางรัฐบาลกลาง… นี่เป็นข้อมูลเพียงสองอย่างที่เขาได้รับรู้มาจนถึงตอนนี้ แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร…..
“ฉันว่ามันน่าจะมีนโยบายกำปั้นเหล็ก…” เขาถอนหายใจออกมาขณะที่เดินไปสมทบกับหวังเฉิงห่าวที่โต๊ะอาหาร “น่าจะเป็นคำขาดด้วย….”
การได้ทานหม้อไฟวันที่อากาศหนาวเย็นเป็นความสุขอย่างหนึ่งของโลกนี้ หลังจากทานเสร็จ ฉินเย่ก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง เขาพบว่าช่องเดียวที่สามารถเปิดดูได้บนโทรทัศน์ก็คือข่าวท้องถิ่นของเมืองเป่าอัน และตอนนี้ข่าวที่ถูกรายงานก็คือผลพวงของการต่อสู้เมื่อคืนนี้
“ในกรมทหารที่ 433 มีผู้เสียชีวิต 70 คน บาดเจ็บสาหัส 150 คน ในขณะที่คนที่เหลือต่างได้รับบาดเจ็บทั้งหมด…”
“กองความมั่นคงสาธารณะประจำเมืองเป่าอัน มีผู้เสียชีวิต 20 คน บาดเจ็บสาหัส 200 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 532 คน….”
“หน่วยสอบสวนพิเศษ มีผู้เสียชีวิต 7 คน…” “ในกรมทหารที่ 254 มีผู้เสียชีวิต 83 คน….”
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังฉายภาพวิดีโอบางส่วนของการต่อสู้จากเมื่อคืนนี้โดยไม่สนว่ามันจะเป็นถ่ายภาพแนวหน้าของสนามรบหรือแนวหลังที่มีทีมแพทย์ประจำการอยู่
ตัวเลขยังคงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันไม่ได้รายงานสาเหตุของการเสียชีวิต แต่มีจุดประสงค์เพื่อบอกประชาชนเกี่ยวกับผู้ที่ปกป้องพวกเขาเมื่อคืนที่ผ่านมา มันไม่ได้บอกว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดกำลังเผชิญหน้านั้นอันตรายเพียงใด แต่กระตุ้นความรู้สึกของผู้คนที่มีต่อเหล่าเจ้าหน้าที่และศัตรูของพวกเขา
ฉินเย่หยิบแล็ปท็อปขึ้นมาดูทันที
จนถึงเมื่อบ่ายที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับรัฐบาล บอกว่าทางรัฐบาลกำลังปกปิดความจริงบางอย่างจากพวกเขา พูดเป็นนัยว่าพวกตนกำลังถูกหลอกทั้งหมด แต่ตอนนี้มติทุกอย่างแทบจะเป็นเอกฉันท์
“ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับการรักษาเสถียรภาพ” ผู้ใช้รายหนึ่งแสดงความคิดเห็นที่ดูค่อนข้างซับซ้อน “ทางรัฐบาลไม่สามารถบอกประชาชนเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ได้ อันที่จริง ฉันเองก็ไม่อยากจะรู้หรือได้ยินความจริงสักนิด แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันรู้ว่าภาษีที่ตัวเองเสียไปทั้งหมดไม่ได้สูญเปล่า”
“ที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่ต้องของคุณกองกำลังแนวหน้าทุกคนจริง ๆ…ฉันรู้สึกละอายเป็นอย่างมากที่เคยคิดว่ากองกำลังของจีนมีไว้แค่เพื่อตั้งโชว์เท่านั้น”
“มันคืออะไรกัน? ฉันเริ่มจะกลัวแล้วนะ!”
“นายกลัวอะไร? ทางรัฐบาลก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าทุกอย่างยังอยู่ภายใต้การควบคุม?”
“แต่มันยังเป็นพื้นที่สีแดงอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
หึหึ…สายลมเปลี่ยนทิศเร็วจริง ๆ
ประเทศโบราณที่มีประวัติศาสตร์นับพันปีจะทำอย่างไรเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น?
เมืองเยียนจิงซึ่งเป็นหัวใจของประเทศมีคำตอบให้แล้ว
“นายไม่ได้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยจริง ๆ เหรอ?” หวังเฉิงห่าวพึมพำเบา ๆ
ฉินเย่ส่ายศีรษะ เขาจะไปรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร….เดี๋ยวก่อนนะ!
จู่ ๆ เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เด็กหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและกดเปิดเครื่อง
“หืม? ใครซื้อโทรทัศน์ใหม่ให้นายน่ะ? นาย…มีคนอื่นเหรอ?” หวังเฉิงห่าวตกใจเป็นอย่างมาก
“…ฉันจะซื้อเองบ้างไม่ได้หรือไง?! แล้วหมายความว่ายังไงที่บอกว่าฉันมีคนอื่น?! ตั้งแต่แรก ฉัน….เวรเอ้ย!!”
หวังเฉิงห่าวกะพริบตาอย่างไม่เข้าใจและเดินเข้าไปใกล้ฉินเย่มากกว่าเดิม “ไม่ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…นายไม่มีเงิน แถมยังขี้งกมากด้วย นายจะไปยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่หน้าจอไร้ขอบและตัวเครื่องเซรามิกได้ยังไงกัน? แล้วก็นะ นายรู้หรือเปล่าว่าหน้าจอไร้ขอบกับตัวเครื่องเซรามิกคืออะไร? โทรศัพท์เครื่องนี้จะต้องราคาไม่ต่ำกว่า 3,500 แน่ ๆ”
ไอ้หนูนี่…ช่วยพูดน้อยลงหน่อยไม่ได้หรือไง? พวกเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไม่ใช่เหรอ…
ฉินเย่กลอกตา หวังเฉิงห่าวที่เห็นแบบนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้คนตรงหน้า แต่เขาก็ถูกอีกฝ่ายถีบออกมา
ฉินเย่ทำการเปิดเครื่อง นอกเหนือจากโปรแกรมปกติแล้ว ที่หน้าที่สองมีแอปอยู่เพียงแอปเดียวเท่านั้น
และภาพหน้าแอปก็เป็นภาพดวงตาสีแดงก่ำและมีดปลายแหลม
ตัวอักษรด้านล่างสะกดเป็นคำคำเดียว “สังหาร”
เด็กหนุ่มกดเข้าไปในแอปทันที ข้อความบรรทัดหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอ “คุณได้รับข้อความเสียง โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณสวมหูฟังแล้วเรียบร้อย”
ฉินเย่รีบคว้าหูฟังจากหวังเฉิงห่าวและกดคลิกที่หน้าจออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้น
“กรุณาปลดล็อกโทรศัพท์ด้วยลายนิ้วมือของคุณ”
“ระบบทำการเชื่อมต่อโดยตรงกับระบบดาวเทียมเป่ยโต่วและสมองของสติกซ์เรียบร้อยแล้ว ทางระบบตรวจพบว่าผู้ใช้ได้เข้าสู่ระบบเป็นครั้งแรก โปรดป้อนลายนิ้วมือของคุณก่อน จากนั้นจึงใช้ลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์”
[1] เมืองเยียนจิง (燕京) ชื่อเดิมของปักกิ่ง