ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 73: การเปิดเผย (2)
บทที่ 73: การเปิดเผย (2)
ก่อนที่เขาจะคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องขัดจังหวะความคิดของเขา
แถวที่สามตอนนี้เต็มไปด้วยคนประมาณยี่สิบคน เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่เวทีหลักและสังเกตเห็นว่ามีคนแปดคนเข้ามาที่เวทีกลางแล้ว พวกเขาแต่ละคนก็อยู่ในวัยประมาณห้าสิบปี ใบหน้าของแต่ละคนเรียบตึงปราศจากรอยยิ้ม พวกเขาพยักหน้ารับทราบเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องก่อนจะนั่งลง
“ สวัสดีคุณรหัส S9527” จากนั้นมีมือหนึ่งยื่นเข้ามา
เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดสูททรงตรง ท่าทางค่อนข้างสง่างาม เขาสวมแว่นกรอบดำที่ทันสมัย มีรอยยิ้มที่เรียบร้อยบนใบหน้าของเขา
“คุณ S2328 เหรอ?” ฉินเย่จับมือ “ คุณแตกต่างจากที่ฉันคิดไว้มาก… ”
“ … ” S2328 ไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร
“ฉันชื่อซู่เฟิง” เขาดันแว่นขึ้นและเหล่ไปที่ฉินเย่สักครู่ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อ
“ก่อนหน้านี้คุณรู้สึกอะไรได้บ้างหรือเปล่า?”
ฉินเย่มองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายเป็นเวลาหลายวินาที แล้วก็หลับตาลงอีกครั้งก่อนจะพึมพำเบา ๆ “ เวลา…ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว?”
“คุณซื่อตรงกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก” ซู่เฟิงยิ้มจาง ๆ ขณะที่เขาเอนหลังพิงเก้าอี้“ คุณแทบจะไม่เหมือนกับ หนุ่มเนื้อแน่นสุดน่ารัก ที่ฉันคิดไว้ในโลกออนไลน์เลย… ”
“คุณก็ดูไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้เช่นกัน” ฉินเย่หัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขาเอนหลังพิงเก้าอี้เลียนแบบอีกฝ่าย จากนั้นฉินเย่กล่าวเสริมด้วยเสียงที่ได้ยินเฉพาะสองคน “ มีอันตรายหรือเปล่า?”
ซู่เฟิงพึมพำ “เป็นธรรมดา … ไม่กี่วันที่ผ่านมาเราได้ตรวจสอบความผันผวนของพลังหยินที่ผิดปกติที่ปล่อยออกมาในคืนนั้น ปรากฏว่าบันทึกของสติกซ์แสดงให้เห็นว่าความผันผวนของพลังงานหยินนั้น กินเวลาเพียง 0.001 วินาที และพลังงานหยินที่ระเบิดออกมานี้ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของเมืองเป่าอันซึ่งครอบคลุมระยะเวลาเกือบสองพันปี”
“ เรายังไม่พบที่มาของพลังหยินนั่นเลยจนถึงปัจจุบัน แต่…” เขาเงยหน้าขึ้นและเปลี่ยนหัวข้อทันที
“คุณเห็นผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ตรงกลางหรือเปล่า? นั่นคือคุณโจว รองหัวหน้าพนักงานสอบสวนของแผนกสอบสวนพิเศษทั้งหมดที่ได้รับการยกย่อง ถัดจากเขาคือผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด รองนายกเทศมนตรีนายกเทศมนตรีเมือง และสามคนสุดท้ายคือผู้อำนวยการใหญ่สองคนของแผนกสอบสวนพิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและกิจการการเมือง กับผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ … ”
ฉินเย่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ฉันค่อยรู้สึกมั่นใจขึ้นมาหน่อย พอเห็นพวกเขาบนนั้น”
กล่าวอีกนัยหนึ่งแม้ว่าท้องฟ้าจะถล่ม เขาก็ไม่ต้องเป็นคนแบกรับภาระหนักคนเดียวแล้ว
แหล่งที่มาของพลังหยินที่ผิดปกตินั้น เขาเดาว่าตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถใช้งานได้อย่างแน่นอน
“อะแฮ่ม ๆ” ในตอนนั้นคลื่นพลังงานมากมายแผ่กระจายไปทั่วทั้งจัตุรัส ทันทีที่รองหัวหน้าพนักงานสอบสวนเป็นชายร่างท้วมผมสีดำมีผมสีขาวแทรกประปราย ท่าทางดูเป็นคนใจดี กระแอมไอทุกคนที่อยู่ในจัตุรัสถึงกับปิดปากเงียบลงทันใด!
โอ้โห … ราวกับว่ามือที่มองไม่เห็นได้กวาดเบา ๆ ไปทั่วทั้งสถานที่ แม้แต่นกบนท้องฟ้าและสายลมก็หยุดการเคลื่อนไหวได้อย่างนั้นแหละ
“ระดับของเขาคือระดับผู้พิพากษาขั้นสูงสุด … ” อาร์ทิสพึมพำเบา ๆ
“เขาแข็งแกร่งกว่าข้าหนึ่งระดับ… ข้าคิดว่าการที่คนระดับนี้อยู่ในหน่วยสอบสวนพิเศษนั้นจึงเรียกได้ว่ามีความปลอดภัยพอตัว เมื่อเจ้าได้แทรกซึมเข้าไปในองค์กรของพวกเขาแล้ว เจ้าต้องระมัดระวังหากเจ้าต้องใกล้ชิดกับพวกเขาในอนาคต”
ชายร่างท้วมไม่ได้พูดในทันที หลังจากกระแอมเสร็จ เขามองไปรอบ ๆ ผู้ฟังและพยักหน้าอย่างมีความหมาย จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างจริงใจ
“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า” เขาเริ่มต้นพูดเลยในทันที โดยไม่มีการพูดเกริ่นใด ๆ
ผู้ชมเกือบทุกคนหายใจเข้าลึก ๆ และนั่งตัวตรง
มันเริ่มต้นแล้ว…
วันนี้ความลับของโลกใต้พิภพ และเรื่องของแห่งภูตผีจะถูกเปิดเผยต่อพลเมือง 3.2 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเป่าอัน!
ในตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งและไม่มีคนอยู่บนถนนเลยสักคนเดียว พลเมืองของเมืองเป่าอันต่างอยู่ในบ้านของตนเอง
ผู้หญิงในชุดตามแฟชั่นล่าสุดนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ถือเครื่องดื่ม แต่เธอไม่ได้ดื่มมัน เธอกลับใช้ดวงตาจ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ละไปไหน
นักเรียนมัธยมต้นสามคนในชุดนักเรียนนั่งด้วยกันหายใจแผ่วเบา ขณะจ้องที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างตั้งใจ
อีกครอบครัวหนึ่งกำลังรับประทานอาหารมื้อเช้าด้วยกัน แต่ทันทีที่การออกอากาศเริ่มขึ้นพวกเขาก็เพิ่มระดับเสียงของโทรทัศน์ให้สูงสุดและรอด้วยความตื้นตันใจ
ทั้งเมืองหยุดชะงักลงโดยสิ้นเชิง พวกเขาหันไปสนใจจอ LED ที่ใกล้ที่สุดรอบ ๆ ตัว พวกเขากำลังดูช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่กำลังปรากฏ
“ บางที ข้าราชการบางคนในหมู่พวกคุณอาจจะเคยได้ยินชื่อพวกเราในนามแผนกสอบสวนพิเศษ และฉันขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ฉันคือรองหัวหน้าฝ่ายสอบสวนของแผนกสอบสวนพิเศษโจวเซียนหลง” ชายร่างท้วมคนนี้เป็นผู้บังคับบัญชา มองจากรูปร่างท่าทางของเขาผู้คนถึงกับมองมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ต่อมาเขายังคงพูดอย่างรวบรัดเช่นเดิม “แผนกของเราถือเป็นหน่วยงานที่เป็นความลับสุดยอดในจีน และเราเป็นผู้ดูแลปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติทั้งหมดที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในตอนนี้”
เขาพยักหน้าอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นจอ LED ขนาดใหญ่ที่กว้าง 10 เมตรและสูงสามเมตรก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากด้านล่างของเวที ผู้ที่นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ของตัวเองอย่างตั้งใจโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ชายชราผมสีขาวจับไม้เท้าแน่น เด็ก ๆ ที่ถืออมยิ้มจ้องที่หน้าจอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ในขณะที่ชายหนุ่มและหญิงสาวคนอื่น ๆ มองด้วยความหลงใหลในดวงตาของพวกเขา
ทั่วทั้งเมืองเป่าอันเงียบสนิท
องค์กรที่มีความคลุมเครือมาโดยตลอดในความคิดของทุกคน ตอนนี้ได้กลายเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเบื้องบนให้ความสำคัญกับพวกเขาเพียงไหน ดูได้จากตำแหน่งที่พวกเขาได้รับก็รู้แล้ว!
ซ่าาา … ชุดภาพสว่างขึ้นบนหน้าจอ LED มันเผยให้เห็นหนังสือสีขาวหนาประมาณหนึ่งนิ้ว คำสองสามคำถูกสลักลงบนหน้าปกของหนังสือที่ชื่อว่า
‘บันทึกเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ’
จากนั้นก่อนที่ใครจะตอบสนองภาพนั้นก็เผยให้เห็นว่าภายใต้หนังสือเล่มนี้ … ยังเป็นอีกภาพหนึ่งที่เหมือนกัน! และอื่น ๆ อีกมากมาย!
หนังสือสี่หรือห้าเล่มเต็มชั้นวางเดียว เมื่อภาพถอยห่างออกไปอีก ทุกคนก็ได้เห็นว่า … มันคือห้องขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยตู้เก็บของยี่สิบถึงสามสิบตู้! และบุคลากรจำนวนนับไม่ถ้วนในเสื้อคลุมสีขาวจะคอยเข้ามาตรวจสอบ บันทึกเหล่านี้เป็นครั้งคราว
โดยแต่ละตู้เป็นชั้นวางอย่างน้อยหลายสิบชั้นที่อัดแน่นไปด้วยบันทึกปึกหนา! มีบันทึกมากมายหลายร้อยเล่ม อยู่ภายในห้องขนาดใหญ่!
โจวเซียนหลงมองตรงไปที่ผู้ชมอีกครั้ง “หนังสือเหล่านี้มีหน้าปกเหมือนกันทุกเล่ม”
“พวกเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะอ่าน ‘บันทึกเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ’ ”
“มัน …คือบันทึกเหตุการณ์เหนือธรรมชาติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศจีนนับตั้งแต่อดีตกาล ตั้งแต่เหตุการณ์น้อยที่สุดไปจนถึงภัยพิบัติที่ใหญ่ที่สุด! ชั้นหนังสือสามชั้นสุดท้าย เป็นบันทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติของยุคปัจจุบัน รวมถึงบันทึกเกี่ยวกับช่วงเวลาของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน และสิ้นสุดราชวงศ์ชิง!”
“ทั้งช่วงสมัยของราชวงศ์ชิง หมิง หยวน ซ่ง … ในแต่ละราชวงศ์มีคนทำบันทึกเหตุการณ์เหนือธรรมชาติไว้ทุกเหตุการณ์มาตั้งแต่ไหนอดีต!”
เขาลุกขึ้นยืนและกระแทกมือลงบนโต๊ะอย่างแรง เหมือนต้องการปลุกมังกรให้ตื่นขึ้นมา
“ฉันจะไม่พูดอ้อมค้อม และฉันรู้ว่าพวกคุณคงรอไม่ไหวอีกแล้ว ดังนั้นฉันจะขอกล่าวตามตรง”
เขาหายใจเข้าลึก ๆ และพูดต่อว่า “มีหลายสิ่งในโลกนี้ที่มนุษย์ธรรมดาคิดว่าจะไม่สามารถมองเห็นหรือรับรู้ได้”
“คำใช้เรียกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้พวกคุณรู้จักในชื่อของ ‘ผี’ แต่พวกเรารู้จักพวกเขาในนาม ‘วิญญาณหยิน’ ทันทีที่พวกเขาพัฒนารูปแบบของความรู้สึกบางอย่าง หน่วยงานเหล่านี้จะรับรู้ถึงความกระหายเลือดเนื้อโดยกำเนิดของพวกเขาทันที คุณคิดว่ามีมนุษย์กี่พันคนที่เสียชีวิตเพราะผีตั้งแต่การก่อตั้งประเทศของเรา? เราซึ่งเป็นแผนกสอบสวนพิเศษทำหน้าที่เป็นแนวหน้าในสงครามต่อต้านโลกใต้พิภพมาโดยตลอด และเรากำลังต่อสู้เพื่อมนุษยชาติ!”
“พวกเราไม่เป็นที่รู้จักสำหรับพวกคุณ มีการเสียสละและการพลีชีพที่กล้าหาญนับไม่ถ้วนนับตั้งแต่ที่พวกเราก่อตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นมา วีรกรรมอันกล้าหาญทั้งหมดนี่ยังคงไม่เป็นที่ยอมรับและไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน แต่เป็นเพราะพวกเขาทั้งหมดคือคนที่ทำให้พวกคุณสามารถ นั่งฟังการเปิดเผยความจริงในตอนนี้ได้อย่างปลอดภัย!”
หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ “จำนวนทหารที่เสียชีวิตในเขตไล่ล่าในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา … มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าหลายหมื่นคนแล้ว”
เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียงพูดคุยอึกทึก “ ฉันจะไม่ทน! แผนกสอบสวนพิเศษและประเทศของเรา จะไม่ยอมให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก!”
“พวกเราเสียสละมากเกินกว่าที่พวกคุณจะจินตนาการด้วยซ้ำ!”
เสียงของเขาดังก้องไปทั่วเมืองผ่านวิทยุโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และทุกครัวเรือนของเมืองเป่าอัน ผู้คนหลายล้านคนเงียบงันและมืดมน พวกเขาเฝ้ารอที่จะรับรู้ความจริงเกี่ยวกับการมีอยู่ของพวกผี มาตลอดสามวันนี้
แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยินว่ามีการเสียสละ ของผู้ที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาตายไปเป็นหมื่น ๆ คน ในขณะที่พวกเขาเอาแต่บ่นเรื่องเคอร์ฟิว และการขาดความรับผิดชอบของรัฐบาล
ทุกคนต่างคาดหวังว่าการแพร่ภาพสาธารณะ พวกรัฐบาลจะออกมาขอโทษพวกเขา เพื่อที่สยบความโกรธเกรี้ยวของประชาชน พวกเขาคาดหวังว่าจะได้ฟังคำอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะพบเจอกับความจริงเช่นนี้
นี้เป็นเพียงคำกล่าวระบายความอัดอั้นของแผนกสอบสวนพิเศษเท่านั้น
ความจริงที่โหดร้ายและน่าหวาดกลัว
ห้องออกอากาศทางโทรทัศน์ของมหาวิทยาลัยอันฮุ่ย เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทุกคนเฝ้าดูการออกอากาศอย่างเงียบ ๆ ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
ผู้ที่ถือเครื่องดื่มต่างหยุดชะงัก คนที่กำลังกินขนมก็เช่นกัน ในขณะที่คนอื่น ๆ หลับตาลงอย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้นไม่นานนักเรียนร่างอวบคนหนึ่งก็พึมพำ “คืนนั้น … บ้านของฉันตั้งอยู่ข้างสนามรบแห่งหนึ่ง … ”
“ และฉันเห็น … ทหารจำนวนมากถูกหามไปที่ข้างหลัง … ”
ความเงียบ
มนุษย์เป็นมนุษย์เพราะมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
“ สิ่งที่พวกเขาพูดอาจจะเป็นความจริง … ” หลังจากนั้นไม่นานประธานนักเรียนที่นั่งอยู่หน้าห้องในที่สุดก็พูดด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น “ ความจริง … ฉันก็เห็นทุกอย่าง… มันก็แค่นั้นเอง ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลย … ”
“ ฉันรู้ว่ามันยากที่จะเชื่อ” ราวกับว่าเขาสามารถสัมผัสได้ถึงคำถามและข้อสงสัยในใจของทุกคน ผู้ว่าราชการจังหวัดแซ่เกา ลุกขึ้นจากที่นั่งและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ผู้ชม รูปลักษณ์บนใบหน้าของผู้ที่เข้าร่วมนั้นค่อนข้างแตกต่างจาก
ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่หลังโทรทัศน์และหน้าจอ ผู้ที่เข้าร่วมไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็มีประกายสดใสในดวงตาของพวกเขาราวกับว่าการเปิดเผยนั้นทำให้หัวใจของพวกเขาลุกโชนขึ้นมาใหม่
ทุกคนที่อยู่ใจกลางจัตุรัสเป็นผู้ฝึกตนทั้งหมด
พวกเขาทั้งหมดก็คือเงามืดที่คอยปกป้องมนุษยชาติจากภูตผี หากเป็นเมื่อก่อนพวกเขาคงได้แค่ว่า ประชาชนจะรู้แล้วอย่างไรไม่รู้แล้วอย่างไร สุดท้ายพวกเขาก็แค่ทำตามหน้าที่อยู่ดี
แต่ในตอนนี้หากพวกเขาตายในหน้าที่ พวกเขาจะไม่เป็นทหารที่ตายอย่างเป็นปริศนาอีกแล้ว! แต่พวกเขาจะได้รับเกียรติบันทึกเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ! และจะได้รับการเชิดชูที่เหมาะสมในฐานะฮีโร่! โลกจะรู้ด้วยซ้ำว่าผีร้ายตัวไหนที่พวกเขาพินาศ!
ผู้ว่าการเกาพูดอย่างชัดเจน “แต่ทุกอย่างเป็นความจริง”
“ผู้ตรวจการทุกคนในตอนนี้ ได้ใช้ความพยายามอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้ ในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดและอิสรภาพของคุณ!”
“และเช่นเดียวกัน … ”
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ เราดำเนินการเคอร์ฟิวและการประกาศต่อสาธารณะในตอนเย็น จะว่าไปรัฐบาลจังหวัดและเทศบาลก็จะไม่ถูกสอบสวนเช่นกัน!”
“ลองถามตัวเองดูสิว่ามีทหารกล้าและนักรบผู้กล้าสักกี่คนที่ยอมสละชีวิตเพื่อที่คุณจะได้นั่งที่นั่นในบ้านของคุณเองในขณะที่ฟังการเปิดเผยความจริงในตอนนี้”
“ ฉันบอกคุณได้ว่า …ทหาร 491 นาย ซึ่งหลายคนอายุน้อยกว่าพวกคุณมากที่ดูการออกอากาศครั้งนี้! และนี่ก็เป็นครั้งแรกของทหารหลายคนที่จะต่อสู้ในศึกครั้งนี้! พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับอะไร!”
“คู่ต่อสู้ของพวกเขาคือภูตผีปีศาจที่รวบรวมและขยายกองกำลังของพวกเขาในเงามืดของเมืองเป่าอันในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา! แต่ … ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ล่าถอย!”
อึก … ฉินเย่ได้ยินเสียงของใครบางคนกลืนน้ำลายอย่างประหม่าอยู่ข้าง ๆ เขาและเขาก็หันหน้าไปมอง ชายชราผมขาวสวมชุดเสื้อคลุมจีนนั่งอยู่ห่างออกไป เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนักล่าวิญญาณ แต่อีกฝ่ายมีอายุประมาณเจ็ดสิบปีแล้ว ในความเป็นไปได้ทั้งหมดเขาจะยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนักล่าวิญญาณไปตลอดชีวิต
ดวงตาของชายชราตอนนี้แดงก่ำ ลูกกระเดือกของเขาสั่นเล็กน้อยและเขาก็กำมือแน่นบริเวณที่วางแขนบนเบาะโดยไม่รู้ตัว
“ นั่นคือหัวหน้าส่วนหลี่ของสาขาจังหวัด” ซู่เฟิงอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ เขามาจากเชื้อสายของคนที่มีฐานะยากจน ลูกชายทั้งสามของเขาเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่มีใครได้รับการเชิดชูที่เหมาะสมในฐานะฮีโร่ … มือใหม่อย่างคุณจะไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกที่พวกเขากำลังประสบอยู่ในตอนนี้ … ”