ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 74: การเปิดเผย (3)
บทที่ 74: การเปิดเผย (3)
บางทีเขาอาจรู้สึกได้ว่าฉินเย่กำลังจ้องมองอยู่ หัวหน้าส่วนหลี่หันกลับมาและยกยิ้มให้
แม้ว่ารอยยิ้มของเขาฝืน ๆ ดวงตาแดงก่ำ แต่นั่นคือรอยยิ้มที่สดใสสำหรับเขาแล้ว
“ นับตั้งแต่ที่ฉันเข้าร่วมแผนกสอบสวนพิเศษ หัวหน้าของฉันก็คาดการณ์ว่ามันใกล้จะถึงเวลาที่ทุกอย่างจะเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว” เขาถอนหายใจอย่างอ่อนแรง ก่อนจะพูดต่อด้วยท่วงท่าที่เหมือนตกอยู่ในภวังค์ “แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าหลานของฉันและลูกชายของฉันจะไม่… ”
มีเพียงความเงียบงันที่หยุดชะงักไปทั่วทั้งจัตุรัส ท่ามกลางเสียงกระซิบที่แผ่วเบานั่น ฉินเย่นิ่งเงียบขณะกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ
เขาไม่เคยเห็นอกเห็นใจคนพวกนี้ ไม่ใช่ตอนนี้และไม่เคย
ท้ายที่สุดเขาไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกมนุษย์
แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกทุกข์ใจและอัดอั้นอยู่ในใจกันนะ?
เขาพยายามปัดความรู้สึกอึดอัดใจนี้ทิ้งไป แต่มันกลับมาอยู่ในใจความคิดของเขาทุกครั้งไป
นี่คืออาจเป็นจุดประสงค์ที่นรกควรจะเริ่มต้นทำงานต่อได้แล้ว
หากนรกทำหน้าที่ของมันเช่นที่เคยทำ ย้อนกลับไปในสมัยก่อนในยุคที่เคยรุ่งเรืองที่ราชันย์วิญญาณทั้งหกกวาดล้างภูตผีปีศาจออกจากมุมโลก วิญญาณเร่ร่อนนับไม่ถ้วนจะหลั่งไหลไปยังยมโลกแทนที่จะอยู่ในโลกมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้นฝู่จวินที่ทรงพลังและตุลาการนรกที่ยังคงรักษาความสงบเรียบร้อยในแดนมนุษย์ จะยังมีผีร้ายตัวใดที่แสดงท่าทีอย่างเชาโยวเต๋าได้อีกเหรอ?
น่าเสียดายที่นรกได้ถูกทำลายลงสู่พื้นดินทันทีที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เสด็จขึ้นไป
ยายเมิ่งมอบความไว้วางใจให้กับฉินเย่ด้วยชิ้นส่วนตราประทับของจ้าวนรก! กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาเป็นความหวังเดียวของโลกในการก่อตั้งนรกขึ้นมาใหม่!
เสียงคร่ำครวญไม่มีผลอะไรกับเขา แต่ด้วยเหตุผลแปลก ๆ มันทำให้เขารู้สึกบีบรัดที่หัวใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ฉินเย่หรี่ตาลงและเริ่มนิ่งเฉย อาร์ทิสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ว่า“ ยายเฒ่าคนนั้น ยายเมิ่งน่ะ คงเห็นความเมตตาที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจของเจ้า … ”
“เจ้ารู้อะไรไหม? เจ้าเกิดในช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศจีน หลายปีแห่งสงครามนำไปสู่การก่อตั้งประเทศที่มีอำนาจ เจ้ามีประสบการณ์และเห็นสิ่งต่าง ๆ มากเกินไป นี่คือสิ่งที่ทำให้เจ้าพัฒนาบุคลิกภาพที่ลื่นไหลซ่อนตัวเมื่อทำได้และละเว้นจากการเคลื่อนไหวใด ๆ เว้นแต่เจ้าจะถูกต้อนให้จนมุม เจ้าก็มีความสุขด้วยของขวัญที่เจ้าจะไม่มีวันตาย นี่คือเหตุผลที่เจ้าเป็นตัวเต็งในการก่อตั้งนรกขึ้นมาใหม่นี้”
“เป็นเรื่องน่ายกย่องที่เจ้ายังคงรักษาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไว้ได้ แม้จะผ่านความผันผวนของชีวิตมาแล้วก็ตาม นอกจากนี้เจ้ายังมีบุคลิกสดใสของวัยเยาว์ ข้าคิดว่าข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมยายเมิ่งถึงตัดสินใจเลือกเจ้า … ”
ฉินเย่ยอมรับความคิดเห็นของอาร์ทิสเงียบ และไม่ตอบสนองใด ๆ เพิ่มเติม หูเขาไม่ได้ฟังคำพูดต่อมาของผู้ว่าราชการจังหวัดพูดเลยแม้แต่คำเดียว
อาร์ทิสไตร่ตรองอีกสักครู่ว่า “อะไรคือสิ่งที่น่าหดหู่ล่ะ? เจ้าไม่ได้แย่เจ้าเพียงขี้ขลาด แต่เมื่อมีแรงผลักดันเข้ามา เจ้าจะมีความสามารถที่ทำให้หัวใจของเจ้าแข็งและยืนหยัดต่อสู้กับความทุกข์ยากได้ เจ้าอาจทำตัวงี่เง่า แต่เจ้าได้ถูกเลือกแล้ว เมื่อใดก็ตามที่มีเรื่องสำคัญ เช่นเดียวกับขุนศึกซีฉู่ป้าหวาง[1] การทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าย่อมไม่อาจนำมาซึ่งความสำเร็จ แต่เป็นคนที่สามารถบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตได้อย่างแท้จริงโดยไม่ย่อท้อต่างหากเล่า… ”
“เป็นคนที่น่าเบื่อพอ ๆ กับเจ้าหนูหลิวปังนั่นเลยนะ[2]”
“ถ้าเจ้ารู้สึกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันท่วมท้นในใจเจ้า และถ้าเจ้ารู้สึกเช่นนั้นในทุกวัน เจ้ายังคงยึดติดกับเศษผนึกของ จ้าวนรก เจ้าก็ยังคงต้องเผชิญกับการประณามของเหล่าทหาร และผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนที่พลีชีพเพื่อความอยู่รอดของโลกมนุษย์ แล้วก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น เจ้าควรทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อสร้างนรกขึ้นมาใหม่โดยเร็วที่สุด … ”
ฉินเย่หัวเราะเยาะในขณะที่เขาลดศีรษะลงและพึมพำเสียงแหบ
“แต่ข้าเป็นแค่ยมทูต… ท่านตุลาการนรกกำลังขอให้ข้าแบกรับภาระของโลกมนุษย์อย่างนั้นหรือ? ท่านไม่คิดว่ามันไร้สาระเกินไปเหรอ”
อาร์ทิสตอบกลับ “เจ้าคิดผิดแล้ว จุดประสงค์ที่แท้จริงของนรกมีสองอย่าง หนึ่งเพื่อตอบแทนความดีด้วยความดี ตอบแทนบาปกรรมที่ตนกระทำด้วยการลงโทษอย่างสาสม ตลอดจนให้ความช่วยเหลือโลกมนุษย์ ท้ายที่สุดแล้ว ผีจะมาจากไหนได้ หากไม่มีร่างมนุษย์”
ทันใดนั้นเสียงที่รุนแรงของผู้ว่าการเกาก็ดังก้องไปทั่วทั้งจัตุรัส และเสียงของเขาก็ถ่ายทอดสดไปยังทุกบ้านและทุกสถานที่ที่มีหน้าจอที่กำลังออกอากาศรายการเดียวกัน
“ … เมื่อไม่กี่วันก่อน การระบาดครั้งใหญ่ของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นในเมืองเป่าอัน ซึ่งเราตัดสินใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดความจริงอีกต่อไป นั่นคือเหตุการณ์เร่งด่วนสำหรับการออกอากาศวันนี้ และตอนนี้เราตัดสินใจจะประกาศรายละเอียดของการตัดสินใจของรัฐบาลกลาง ให้พ่อแม่พี่น้องได้รับรู้”
ดวงตาของฉินเย่สั่นไหว เขานั่งตัวตรงทันที ผู้ฝึกตนทุกคนต่างจ้องมองไปที่เวทีกลางอย่างตั้งใจ
นี่ก็คือประเด็นหลักของวันนี้!
สิ่งนี้จะแสดงถึงพลังของมนุษย์ที่จะตอบโต้กลับบ้างแล้ว!!
โดยปราศจากคำพูดใด ๆ โจวเซียนหลงก็ประกาศว่า “อันดับแรก พลเมืองและผู้อยู่อาศัยทั้งหมดในเมืองเป่าอัน รวมทั้งมณฑลรอบ ๆ ทั้งหมด จะต้องลงนามในข้อตกลงการรักษาความลับและการไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น และภายในสามวัน หากปฏิเสธที่จะลงนามจะถูกมองว่าเป็นกบฏและถูกลงโทษตามกฎ หากละเมิดข้อตกลงการรักษาความลับ และไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญ จะถือเป็นการทรยศและถูกลงโทษตามกฎเช่นเดียวกัน”
“หลังจากลงนามในข้อตกลงคุณจะได้รับทางเลือกว่าออกจากเมืองนี้ หรืออยู่ในเมืองเป่าอันต่อ แต่ผมขอบอกว่า… ต่อไปนี้เมืองเป่าอันจะก้าวไปสู่ยุคที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!”
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดขึ้นอีกครั้ง “ เราเรียกมันว่า … ยุคแห่งผู้ฝึกตน!”
คำพูดของเขาดังขึ้นผ่านการออกอากาศดังก้องไปทั่วทุกมุมเมือง นี่คือการเริ่มต้นของยุคผู้ฝึกตน!
“ลำดับที่สอง หลังจากนี้หนึ่งสัปดาห์เราจะขอปิดเมืองนับจากนี้เป็นเวลา 5 ปี ห้ามเข้าและออกจากเมืองโดยเด็ดขาด” โจวเซียนหลงกล่าวต่อว่า
“ในขณะเดียวกันเมืองเป่าอันจะตกอยู่ภายใต้การบริหารโดยตรงของรัฐบาลกลางของจีน นอกจากนี้พื้นที่ที่ตั้งอยู่รอบ ๆ ศาลากลางจะถูกรื้อถอนและสร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ต้นทั้งหมด”
“อะไรนะ?!”
“สร้างใหม่ตั้งแต่ต้น? แล้วคนที่อยากพักล่ะ? เราจะอยู่ที่ไหน”
“ทั้งหมดนี้เกี่ยวอะไรกัน”
เสียงฮือฮาดังขึ้นต่อมา แทนที่ความเงียบสงัดก่อนหน้านี้ทันที
อย่างไรก็ตามไม่มีที่ว่างสำหรับการเจรจา โจวเซียนหลงก็ไม่ทิ้งความคลุมเครือในเรื่องนั้นเช่นกัน
“นี่คือคำสั่ง” เขามองภาพที่ฉายบนหน้าจออย่างเยือกเย็น
“ในฐานะหน้าที่พลเมืองจีน นี่เป็นหน้าที่ของพวกคุณ หากประเทศชาติล่มสลายแม้แต่จะโทรศัพท์กลับบ้านคุณก็ไม่มีให้โทรกลับ ดังนั้นผลประโยชน์ส่วนตัวของคุณ ก็ควรจะยกมันให้กับประเทศชาติ เพื่อความยิ่งใหญ่ เพื่อความสันติ!”
“พวกคุณไม่ต้องกังวลเรื่องที่พัก คำสั่งนี้มีระยะเวลานานหนึ่งปี ในช่วงปีนี้บริษัทก่อสร้างของรัฐบาลจะรับผิดชอบ ในการสร้างย่านที่มีความหนาแน่นสูงยี่สิบห้าแห่งรอบพื้นที่สามร้อยห้าสิบไร่ ประเทศชาติจะไม่มีวันทิ้งประชาชนให้ตกต่ำอย่างแน่นอน”
“คำสั่งอันดับสาม” โจวเซียนหลงรู้ว่าเพียงคำสั่งสองอับดับแรก ก็ทำให้ผู้คนแตกฮือได้แล้ว อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้ก็คือควบคุมการถ่ายทอดสดนี้ให้ดำเนินการต่อไปได้
เพราะว่า… คำสั่งถัดไปยิ่งขัดแย้งกันมากขึ้น!
เขาเว้นช่วงไปสักพัก “ เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า เมืองเป่าอันจะนำระบบการให้คะแนนกับพลเมือง”
“การฝึกตน… ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ” เขาจ้องมองไปที่ฝูงชน
“ผู้ฝึกตนแตกต่างจากคนปกติอย่างสิ้นเชิง พวกเขาคือโล่ที่ปกป้องประชาชน และเป็นแนวหน้าของประเทศในการตอบโต้เหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่พวกเรากำลังเผชิญ! สัปดาห์หน้าเราจะเริ่มแบ่งแยกพลเมืองของเราทุกคนตามความถนัด”
“ผู้ที่มีความถนัดในการฝึกตนระดับหนึ่งจะถูกจัดให้เป็นพลเมืองชั้นสอง พลเมืองธรรมดาจะถูกจัดให้เป็นพลเมืองชั้นสาม ผู้ฝึกตนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจะถือว่าเป็นพลเมืองชั้นหนึ่ง”
“ทรัพยากรและค่าใช้จ่ายทั้งหมด พลเมืองชั้นหนึ่งและสองจะได้รับการสนับสนุนและจ่ายโดยรัฐบาลอย่างเต็มที่ ตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางการฝึกจนถึงวันที่พวกเขาตาย!”
“นอกจากนี้ หนึ่งปีต่อมาทันทีที่งานย้ายที่ตั้งทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ จะมีการจัดตั้งสำนักผู้ฝึกตนซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตเมืองหลักในปัจจุบัน! พลเมืองชั้นหนึ่งและสองทุกคนจะได้รับสิทธิพิเศษในการลงทะเบียนที่สำนักผู้ฝึกตน!”
คำสั่งหลังจากประกาศถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ฉินเย่ถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา นี่คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนนับล้าน แต่คำสั่งก็ต้องใช้เพื่อทำลายล้างและสร้างเมืองใหม่ทั้งหมด
ต้องการนโยบายงั้นเหรอ? ก็คือที่นี่!
กำลังคนงั้นเหรอ? ก็คือที่นี่!
สิ่งเดียวที่เราขอค่าตอบแทนคือเปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นสวรรค์สำหรับผู้ฝึกตน!
สิ่งเหล่านี้เป็นความคิดที่อยู่ในใจของคนอื่น ๆ แม้ว่าทุกคนจะเริ่มหอบหายใจแรงขึ้นอย่างตื่นเต้น แต่โจวเซียนหลงยังคงนิ่งสงบ
“การจัดตั้งสถาบันการศึกษาเป็นโครงการนำร่องของจีนทั้งหมด ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับการฝึกตน ทั้งหมดจะถูกสร้างที่บริเวณวิทยาเขตหลัก อาจารย์ของเราทุกคนเป็นผู้บ่มเพาะที่มีประสบการณ์มากมายในการจัดการกับวิญญาณพลังหยิน โดยสำนักผู้ฝึกตนจะเริ่มลงทะเบียนนักเรียนหลังจากช่วงฤดูหนาวปีนี้!” ผู้ว่าเกาพูด
“ฉันขอย้ำทุกคนว่า สิ่งที่ฉันกล่าวมานั้นไม่เอามาจากนิยายแฟนตาซีเรื่องไหนทั้งสิ้น!”
“พวกคุณจะทำเป็นไม่สนใจเลยก็ได้ แต่พวกเราได้รวบรวมสิ่งประดิษฐ์หยินที่แข็งแกร่งที่สุดไปจนถึงผู้ฝึกฝนที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศ เราจะสามารถเข้าถึงข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับวิญญาณหยิน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดสำหรับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติทั่วประเทศ ตลอดจนการมอบหมายภารกิจทุกรูปแบบ ตราบใดที่คุณสามารถเข้าเรียนในสำนักผู้ฝึกตนได้ชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปตลอดกาล….”
“ตอนนี้ฉันขอรับรองว่า ตราบใดที่คุณสามารถจบการศึกษาจากสถาบันแห่งนี้อนาคตของคุณ … และอนาคตของลูก ๆ ของคุณ … จะสดใสอย่างแน่นอน!”
ฉินเย่สามารถรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นรัวของผู้ชมด้านล่าง ผู้ฝึกตนแต่ละคนต่างพากันเฝ้ามองด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
ในที่สุดสิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มเป็นจริงแล้ว…
การแพร่ระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติครั้งล่าสุดของเมืองเป่าอัน ทำให้มนุษย์เริ่มรู้ว่าสถานะของตัวเองนั้นอ่อนแอเกินไป!
ถ้ามันเป็นสงคราม พวกเขาก็ต้องพร้อมที่จะสู้!!
“ช่างน่าปวดหัว” ซู่เฟิงอุทานพร้อมกับถอนหายใจ
“พวกเขาจะให้เมืองทั้งเมืองราบเป็นหน้ากลองและสร้างใหม่ตั้งแต่ต้น ก่อนจะเรียกร้องให้ประชาชนหลายล้านคนยอมรับคำสั่งของพวกเขาโดยไร้ข้อโต้แย้งชัด ๆ… ฉันเกรงว่าถ้าไม่ใช่ประเทศของเรา ก็คงไม่มีใครทำได้แล้ว”
ฉินเย่พยักหน้า “ฉันไม่เคยคาดหวังว่าประเทศเราจะกล้าหาญขนาดนี้ สำนักผู้ฝึกตน …แค่ได้ยินก็น่าดึงดูดใจแล้ว”
ซู่เฟิงเหลือบมองเขาก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้และกระซิบ “ฉันจะบอกคุณว่าสำนึกผู้ฝึกตนไม่เป็นสถานที่ที่สะดวกสบายอย่างที่คิดหรอกนะ”
“ผู้เชี่ยวชาญระดับ S ทั้งหมดในระดับนักล่าวิญญาณ ได้รับคำสั่งให้เป็นอาจารย์สอนผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ โดยข้อไม่มียกเว้น ซึ่งพวกผู้ฝึกตนเหล่านี้ล้วนเป็นคนป่าเถื่อนเข้ากับใครไม่ได้ นอกจากนี้ … ” เขาหรี่ตา
“คนที่อายุน้อยที่สุดในนั้นมีอายุ 25 ปีเข้าไปแล้ว … ”
!!!
ฉินเย่จ้องไปที่ซู่เฟิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่าซู่เฟิงกำลังมีความสุขบนความทุกข์ยากของเขา!
“… ฉันปฏิเสธไม่ได้เลยหรือ?”
ซู่เฟิงยิ้มอย่างสดใส “แน่นอนว่า…ไม่ คุณคิดว่ามีใครบ้างที่ไม่อยากรู้ว่าระดับนักล่าที่อายุน้อยที่สุดในตอนนี้มีฝีมืออย่างไร? ขนาดในกลุ่มของพวกเราเองประมาณสามสี่คนยังดูเหมือนจะไม่พอใจคุณมาก ๆ เช่นกัน… ”
ในประวัติศาสตร์ของพวกเขา ระดับนักล่าวิญญาณไม่เคยมีใครที่อายุน้อยกว่ายี่สิบปีมาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่มีระดับนักล่าวิญญาณที่อายุเพียง 18 ปีเท่านั้นปรากฏขึ้น อีกทั้งเขายังจัดการกับเขตไล่ล่า 9 แห่งได้ด้วยตัวคนเดียว!!
โจวเซียนหลงยังคงพูดอย่างต่อเนื่อง
“ …ลำดับที่แปด โดยจะมีผลบังคับใช้ทันที เมืองเป่าอันจะไม่เรียกเก็บภาษีสำหรับสามปีถัดไป บริษัทที่ถูกระงับทั้งหมดรวมถึงโรงงาน พนักงาน คนงานและบุคคลที่ได้รับผลกระทบ จะได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงสูงกว่าที่พวกเขาได้รับตามปกติ 500 หยวน นอกจากนี้ประชาชนที่ตั้ง บริษัท หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการฝึกตนจะได้รับการยกเว้นภาษี 10 ปี!”
“ลำดับที่เก้า … ”
ฉินเย่เริ่มหมดความสนใจ ท้ายที่สุดแล้วธรรมชาติจะเป็นผู้คัดสรรเองว่าใครจะเป็นผู้รอดชีวิต ดังนั้นเขาจึงหันมาพูดซู่เฟิงต่อ
ทว่าทันใดนั้น ความรู้สึกบางอย่างก็ทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่ สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นขาวซีดอย่างกะทันหัน
“มีอะไรหรือ?” ซู่เฟิงตกใจที่เห็นฉินเย่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ฉินเย่ไม่ตอบสนองเขา แต่เขาเพียงคุดคู้ร่างกายเล็กน้อย หยดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นทั่วหน้าผากของเขา น่ากลัว… ความรู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อครู่ มันทำให้เขาหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก!
ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญระดับตุลาการนรกอย่างน้อยสี่คนในเมืองเป่าอัน สามคนเข้าร่วมที่จัตุรัสและหนึ่งในนั้นซ่อนอยู่ในหน้าอกของเขาเอง!
แต่กระนั้นกลับไม่มีใครสังเกตเห็นการปรากฏตัวของพลังหยินที่น่ากลัวนี้ มันมาอย่างกะทันหันโดยไร้ซึ่งสัญญาณแจ้งเตือน และทันทีที่มันพุ่งเป้ามาที่ฉินเย่ เขารู้สึกราวกับว่ามีมือเย็น ๆ ที่มองไม่เห็นเพิ่งจะลูบแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบา จน ทำให้เส้นขนของเขาทุกเส้นลุกชัน
มีวิญญาณ…
มีวิญญาณอยู่ที่นี่!!
เหตุการณ์เมื่อครู่ เขาไม่ใช่คนเดียวที่สัมผัสได้ เนื่องจากเขาได้ยินเสียงฟันของอาร์ทิสที่ส่งเสียงดังกระทบกันผ่านลูกบอลผนึก!
“มัน … แข็งแกร่งกว่าท่านหรือ” ฉินเย่กัดฟันถามอีกฝ่าย
อาร์ทิสสั่นสะท้าน “เป็นพลังหยินที่น่ากลัวอะไร…เช่นนี้…แน่นอนหนึ่งในล้าน! นี่คือสิ่งที่เด็กข้าง ๆ เจ้าพูดถึง… แต่เขาคือใครกัน? จะยังมีวิญญาณที่ทรงพลังเช่นนี้อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ได้อย่างไรกัน?”
[1] ฉู่ป้าหวาง (楚霸王) คือขุนศึกในราว ๆ 200 ปีก่อนคริสตกาลที่พ่ายแพ้ต่อจักรพรรดิฮั่นคนแรก
[2] จักรพรรดิฮั่นเกาจู่หรือหลิวปัง จักรพรรดิฮั่นคนแรก