ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 83: พิภพทั้งหก (1)
บทที่ 83: พิภพทั้งหก (1)
ฉินเย่ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เขายังถือว่าเป็นมือใหม่มาก เมื่อต้องรับมือกับวิญญาณอาฆาต เพราะจนถึงตอนนี้ เชาโยวเต๋าเป็นวิญญาณอาฆาตขั้นนักล่าวิญญาณเพียงตนเดียวที่เขาเคยสู้ด้วย ดังนั้นเขาจึงอยากรู้เกี่ยวกับนิสัยและพฤติกรรมที่แตกต่างกันของวิญญาณอาฆาตตนอื่นว่าจะแสดงออกมาอย่างไร
1 วินาที…. 2 วินาที…. 3 วินาที….
รองเท้าส้นสูงยังคงนิ่งสนิทอยู่กับพื้น
จากนั้น ในวินาทีที่สี่
คล้ายกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ฉินเย่เงยหน้ามองด้านบนทันที
ภายใต้แสงไฟสลัวจากหลอดไฟด้านบน ฉินเย่มองเห็นผู้หญิงร่างอ้วนผมเผ้ารุงรังกำลังจ้องมองมาที่เขาจากเหนือบานประตูอย่างน่าสะพรึงกลัว!
หากเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไป หัวใจของเขาคงหยุดเต้นไปทันที!
ศีรษะของหญิงร่างท้วมถูกมือข้างหนึ่งของนางถือชูเอาไว้ ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นร่างของฉินเย่ ริมฝีปากของนางพลันยกยิ้มน่าสยดสยอง “เจอ….ตัว…แล้ว!!”
ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวอย่างไม่น่าเชื่อ คล้ายกับตุ๊กตาผ้าที่ใครบางคนเย็บอย่างเร่งรีบและส่งเดช
และในเสี้ยววินาทีต่อมา ผู้เฒ่าฮวงก็กลายร่างเป็นสายฟ้าฟาดที่พุ่งตรงไปยังบานประตูก่อนที่ฉินเย่จะได้ลงมือทำอะไร
ตู้ม!!
เสียงระเบิดดังสนั่น และบานประตูพลันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที อีกด้านหนึ่งของประตู ร่างไร้ศีรษะที่สวมชุดนางพยาบาลใส่รองเท้าส้นสูง มือหนึ่งถือเครื่องเล่นเทปเก่า ๆ เอาไว้ในขณะที่อีกมือหนึ่งถือศีรษะของตนเอง ถูกกระแทกไปชนกับกำแพงด้านหลังด้วยกระบี่อันทรงพลังของฉินเย่
“บ้าเอ๊ย นั่นทำให้เด็กกลัวนะ!!” ฉินเย่ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมกับฟันด้วยหลังมืออีกครั้ง “แม่ไม่ได้สอนหรืออย่างไรว่าให้เป็นผีที่ดี?!”
“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ แต่เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไรหากทำให้เด็กตัวน้อย ๆ ที่ไร้เดียงสาหวาดกลัว?!”
ตู้ม!!
ด้วยเสียงระเบิดที่ดังขึ้นอีกครั้ง ร่างของนางพยาบาลกระแทกเข้ากับผนังด้านหลังอีกครั้งจนเกิดเป็นรอยร้าวขึ้น พร้อมกับเลือดของนางที่สาดกระเซ็นไปที่พื้น
“เจ้า…ไม่ควรทำเช่นนี้….” ทว่าร่างตรงหน้ากลับดูราวกับไม่สังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติเลยสักนิด ดวงตาสีแดงก่ำของนางจับจ้องไปที่ฉินเย่ คำรามออกมาเสียงดังสนั่นและพุ่งเข้าหาฉินเย่อีกครั้ง ถือศีรษะของตนโดยดึงส่วนผมเอาไว้และเหวี่ยงมันอย่างแรง “คืนนี้งดอาหาร!!”
“หะ? ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีความเคารพต่อยมทูตเลยสักนิด นี่เจ้าเป็นผีป่าหรืออย่างไร?” ฉินเย่ยกกระบี่ขึ้นและสกัดกั้นหัวนั้นเอาไว้ ศีรษะตรงหน้ากรีดร้องออกมาราวกับถูกเข็มทิ่มขณะที่มันแฉลบไปด้านข้าง ทันใดนั้น เล็บของนางพยาบาลพลันยาวขึ้น นางโน้มตัวมาด้านหน้า และพุ่งเข้าหาฉินเย่ราวกับเสือชีต้า
เร็วมาก เหมือนกับลมกระโชกแรง นางพุ่งผ่านอากาศด้วยเสียง ‘ฟึ่บ’ ที่ดังขึ้นเบา ๆ และในเสี้ยววินาทีต่อมา นางก็ง้างกรงเล็บและโจมตีฉินเย่อย่างไม่หยุดหย่อน
“น่าสนใจนี่” ฉินเย่ยิ้มเยาะ จากนั้นจึงตอบโต้ด้วยระบำใบมีดอย่างฉับไว ซึ่งห่อหุ้มร่างของเขาไว้ด้วยวงแสงสีเงิน เคร้ง เคร้ง เคร้ง!! เสียงปะทะกันของโลหะดังขึ้นให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง รอยฟันจำนวนมากปรากฏขึ้นบนกำแพงและพื้นรอบ ๆ ร่างของเด็กหนุ่ม ซึ่งแต่ละรอยลึกลงไปหลายนิ้ว ถึงอย่างนั้น วงแสงสีเงินเป็นเหมือนกับการป้องกันที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะพยายามโจมตีมากเพียงใด นางก็ไม่สามารถจู่โจมฉินเย่ได้
“เห็นได้ชัดเลยว่านางเพิ่งบรรลุเป็นขั้นนักล่าวิญญาณได้ไม่นาน นางไม่รู้แม้กระทั่งขีดจำกัดในความสามารถของตัวเอง” หลังจากที่ดูการต่อสู้ไปประมาณสิบวินาที อาร์ทิสก็อ้าปากหาวและเอ่ยขึ้น “นี่เจ้ารออะไรอยู่? รีบ ๆ จัดการนางซะ เจ้าสามารถจัดการวิญญาณที่อยู่ระดับเดียวกันได้อยู่แล้ว เหตุใดจึงยื้อเวลาแบบนี้?”
ฉินเย่ยักไหล่ ทันใดนั้นแสงที่ส่องออกมาจากใบมีดก็เปลี่ยนไป หากการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ของเขาเป็นเหมือนกับพายุที่โหมกระหน่ำ การเคลื่อนไหวของฉินเย่ในตอนนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่าเหมือนกับมังกรที่น่าสะพรึงกลัว ที่พุ่งทะยานขึ้นมาจากมหาสมุทร พร้อมกับเสียง ‘แกร็ก’
เล็บสีดำของนางพยาบาลเริ่มแตกออก นางกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนพร้อมกับถอยไปด้านหลัง เหวี่ยงมือข้างขวาของตัวเองมาด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังไม่ยอมปล่อยเครื่องเล่นเทปที่อยู่ในมือข้างซ้ายของตัวเอง
ฝ่ายหนึ่งเดินเข้าไปใกล้ ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามล่าถอยไป ห้องอาบน้ำที่ทั้งคู่อยู่ในตอนนี้ไม่ได้กว้างนัก ด้วยเหตุนี้ เพียงเวลาไม่นาน เสียงร้องที่เสียดแทงหัวใจก็ดังขึ้น มือข้างขวาที่ขาวซีดกระเด็นขึ้นไปในอากาศ ขณะที่ปลายใบมีดของกระบี่ปีศาจชี้ไปที่ปลายจมูกของนางพยาบาล
ในวินาทีต่อมา แสงบางอย่างสว่างขึ้นจากใบมีด และกระบี่ปีศาจก็ถูกฟันลงไป!
กรี๊ดดดด!!!! วิญญาณอาฆาตตรงหน้าส่งเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวช พลังหยินที่เข้มข้นระเบิดออกมาจากปลายใบมีดและเข้าสู่สมอง นางพยาบาล จากนั้น ขณะที่กระบี่ปีศาจกำลังจะฟันร่างของวิญญาณตรงหน้าให้สิ้นซาก พลันเสียงท่วงทำนองบางอย่างก็ดังขึ้น
“สายลมโชยอ่อนพัดผ่านเข้ามาในลานพักผ่อน….นำมาซึ่งความแข็งแกร่งของฤดูใบไม้ผลิ หยุดพักสักครู่ ไปที่สวน…ดื่มด่ำไปกับดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ปิดเปลือกตาลง และเอนตัวลงบนก้อนเมฆสีกุหลาบ”
มันคือทำนองของงิ้วคุนจวี้
วิญญาณนางพยาบาลกดปุ่มที่อยู่บนเครื่องเล่นเทปในมือข้างซ้ายของตน ด้วยเสียงที่ดังกรอบแกรบเบา ๆ เสียงโหยหวนของหญิงสาวคนหนึ่งดังก้องไปทั่วห้องอาบน้ำ
ทันทีที่ดนตรีเริ่มบรรเลง ฉินเย่ก็รู้สึกหูของเขาเริ่มอื้อและโลกโดยรอบเริ่มหมุนอย่างรุนแรง เขาครวญครางออกมาและล้มลงกับพื้น
“นี่มัน….” เขารู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งรอบตัวกำลังหมุนอย่างบ้าคลั่ง มันแทบจะเหมือนกับแก้วหมุนในสวนสนุกที่ใช้ความเร็วเกินพิกัด ขาของเขาสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้กับการต่อสู้ตรงหน้าเลยสักนิด เขากระชับมือขวาของตนแน่น เพียงเพื่อที่จะพบว่าก่อนหน้านี้เขาได้เผลอปล่อยด้ามจับของกระบี่ปีศาจไปเสียแล้ว
เวร!
นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขา ฉินเย่รีบถอยไปด้านหลังทันที มือขวากำอยู่บริเวณที่หน้าอก ขณะที่มือซ้ายกุมที่ศีรษะ สิ่งเดียวที่เขาได้ยินตอนนี้คือเสียงกรีดร้องของวิญญาณตรงหน้าที่ดังแหวกอากาศ!
ความผิดพลาดที่ไม่คาดคิด….ฉินเย่หัวเราะออกมาอย่างสมเพชตนเอง เวลานี้เขารู้แล้วว่าเครื่องเล่นเทปในมือของอีกฝ่ายคืออะไร
มันคือวัตถุหยิน…
และคุณภาพของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า ลูกประคำกะโหลกมนุษย์ของเชาโยวเต๋าเลยสักนิด มันสามารถปล่อยการโจมตีด้วยคลื่นเสียงแปลกประหลาดที่แทบจะไม่สามารถป้องกันได้ออกมา
หูทั้งสองข้างของเขายังอื้ออึงอย่างต่อเนื่อง แต่ทันใดนั้น ฉินเย่ก็ได้ยินเสียงเห่าที่โกรธเกรี้ยวดังขึ้น ท่ามกลางโลกที่กำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง เขามองเห็นร่างสีดำที่พุ่งผ่านอากาศเหมือนกับอสนีบาตและปะทะเข้ากับร่างของนางพยาบาลอย่างแรง พร้อมกับเสียงคลิกที่ดังขึ้น เสียงดนตรีจากเครื่องเล่นเทปพลันหยุดลง
กรี๊ดดดดดด!!! วิญญาณอาฆาตตรงหน้ากรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง และภาพโดยรอบฉินเย่กลับหยุดหมุนในที่สุด ทันทีที่เขาได้สติกลับมาอีกครั้ง เขาก็โน้มตัวไปด้านหน้าและพุ่งออกไปราวกับลูกศรที่ถูกยิง จับเข้าที่ด้ามของกระบี่ปีศาจก่อนจะฟันไปที่กะโหลกของผีนางพยาบาลในเสี้ยววินาทีต่อมา
ฉึก!
“อ๊ากกกกกก!!” เครื่องเล่นเทปร่วงลงกับพื้นเสียงดัง นางพยาบาลกุมศีรษะของตนพร้อมกับกรีดร้องออกมาอย่างเหลือเชื่อ ปลายกระบี่แทงทะลุเข้าไปในกระดูกของนาง เปลี่ยนร่างของวิญญาณตรงหน้าเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังหยินที่หนาแน่น ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างกระหายเลือดที่ดังขึ้น
ฉินเย่ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในที่สุด
ผู้เฒ่าฮวงคาบเครื่องเล่นเทปขึ้นมาและกระดิกหางของตัวราวกับต้องการให้ฉินเย่เดินเข้าไปหาตน
“มันกัดแขนของนางจนขาด” อาร์ทิสพึมพำ “คุณภาพของวัตถุหยินชิ้นนี่ไม่เลวเลย ข้าคิดว่าน่าจะมีคะแนนความดีถึง 60,000 แต้ม แม้ว่าครั้งนี้เราจะไม่สามารถระบุตำแหน่งของวิญญาณที่มีค่าพลังหยิน 30 ล้านได้ แต่ข้าคิดว่าการสำรวจในครั้งนี้ของเจ้าลุล่วงไปด้วยดี”
มันเป็นสิ่งที่สุดยอดจริง ๆ ฉินเย่รับเครื่องเล่นเทปมาจากผู้เฒ่าฮวง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งคำพูดของอาร์ทิสก่อนหน้านี้ก็ผุดขึ้นมา “60,000?!”
เขาก้มตัวลงไปเพื่อเปิดเครื่องเล่นเทปออกและหยิบตลับเทปเก่า ๆ ที่ซ่อนอยู่ด้านในออกมา
มันเป็นของเทปเก่า ๆ ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วงต้นศตวรรษ ผิวเทปถูกปกคลุมไปด้วยคราบสีดำและสีแดงของเลือด บริเวณเทปใสที่ถูกติดเอาไว้ตามส่วนต่าง ๆ มีคำเขียนไว้ตรงกลางว่า ‘เก๋ง โบตั๋น’
“ท่านกำลังจะบอกว่า…สิ่งนี้ก็เป็นวัตถุหยินอย่างนั้นหรือ?”
“เครื่องเครื่องเล่นเทปหนึ่งชิ้น….และตลับเทปที่อยู่ด้านในก็นับเป็นอีกหนึ่งชิ้น?”
นี่มันกำไรก้อนโตเลยนะ!
บวกกับคะแนนความดีที่เขาได้มาก่อนหน้านี้ หลังจากที่แลกแล้ว เขาก็จะเป็นคนรวยที่มีคะแนนความดีรวมเป็น 80,000 คะแนน!
ไม่สิ…มันยังมีลูกประคำกะโหลกมนุษย์ของเชาโยวเต๋าที่ต้องบวกเพิ่มอีก
เราจะกลายเป็นมหาเศรษฐีแล้ว!
“เสี่ยวอา หินวิญญาณ 8,000 ก้อนนี่เพียงพอสำหรับการสร้างศาลาเหนี่ยวรั้งวิญญาณหรือไม่?”
“พอ” อาร์ทิสตอบอย่างตื่นเต้น “การเริ่มต้นย่อมเป็นส่วนที่ยากที่สุดอยู่แล้ว และตอนนี้พวกเราก็ขาดเพียงอย่างเดียว”
และนั่นก็คือระบุตำแหน่งของวิญญาณที่มีค่าพลังหยิน 30 ล้าน!
และนรกที่ได้ล่มสลายมาเป็นเวลาร้อยปีก็จะได้รับโอกาสในการเห็นแสงตะวันอีกครั้ง!
ฉินเย่สูดหายใจเข้าจนเต็มปอด ย่อตัวลงด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มและลูบหัวของผู้เฒ่าฮวง “ผู้เฒ่าฮวง คำขอสุดท้าย เจ้าช่วยพาข้าไปที่ใจกลางของอาณาเขตเวทที่สนับสนุนม่านพลังนี้ได้หรือไม่? ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ปัดเป่าเจ้า เมื่อข้าสร้างนรกขึ้นมาอีกครั้ง ข้าจะออกราชโองการและแต่งตั้งให้เจ้าเป็นสุนัขเฝ้านรก และเจ้าก็จะได้รับการขนานนามว่าเซอร์เบอร์รัสนับตั้งแต่นั้น เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“….ข้าขอขัดจังหวะสักครู่ แต่เหตุใดเจ้าจึงมักจะเลือกใช้ชื่อที่ดูนานาชาติแบบนี้ตลอดด้วย? และข้าก็รู้สึกเหมือนว่าข้าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนจากที่ไหนสักแห่ง?”
ในทางกลับกัน ราวกับผู้เฒ่าฮวงเข้าใจในคำพูดของฉินเย่ มันเห่าออกมาสองครั้งราวกับตอบตกลง จากนั้นจึงวิ่งไปที่อ่างมือในห้องอาบน้ำและพ่นเลือดสีดำไปที่กระจก
และเมื่อฉินเย่หันไปมองที่กระจก เขาก็พบว่าเมื่อเลือดสีดำที่เกาะอยู่บนบานกระจกค่อย ๆ ไหลลงมา มันก็เผยให้เห็นสัญลักษณ์แปลกประหลาดหกสัญลักษณ์
มันเป็นสัญลักษณ์แปลกประหลาด คล้ายกับว่าพวกมันถูกวาดลงบนกระจก แต่ในเวลาเดียวกัน มันก็ดูเหมือนกับมาจากด้านในของกระจกด้วยเช่นกัน
สัญลักษณ์แรกคือภาพของสัตว์ มันคือภาพโทเท็มหัวหมาป่า
สัญลักษณ์ที่สองคือ อสูรที่มีใบหน้าสีเขียวและเขี้ยวแหลมคม สามหัวและหกแขน
สัญลักษณ์ที่สามคือ มนุษย์ที่มีใบหน้าทุกข์ทรมานและสวมเสื้อผ้าขาด ๆ
สัญลักษณ์ที่สี่คือ วิญญาณร้ายที่มีท้องและลำตัวที่ใหญ่ทว่ามีหัวที่เล็ก
สัญลักษณ์ที่ห้าคือ ปีศาจ ร่างของมันลุกโชนด้วยเปลวไฟพร้อมด้วยใบหน้าที่ดุร้าย
และสัญลักษณ์สุดท้ายก็คือมนุษย์ แต่มนุษย์ผู้นี้กลับลอยอยู่ในอากาศพร้อมด้วยความสง่างามของผู้ที่เป็นอมตะ
สัญลักษณ์ทั้งหกถูกจัดเรียงเป็นวงกลม สามส่วนอยู่ในซีกสว่าง และสามส่วนดำมืด สัญลักษณ์มนุษย์ทั้งสองและปีศาจอยู่ในส่วนของความดำมืด ในขณะที่อีกสามสัญลักษณ์อยู่ในส่วนของแสงสว่าง
“นี่มัน…..” ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ เขาเคยเห็นสัญลักษณ์โทเท็มหัวหมาป่ามาก่อน!
มันคือโทเท็มที่นักเชิดหุ่นที่เมืองชิงซีเคยใช้เลือดวาดเอาไว้!
มันเป็นเหมือนหนามภายในใจของเขา ย้อนกลับไปตอนที่ยังอยู่ในมณฑลเสฉวน เขาได้ทำลายกระถางเพาะพันธุ์ที่เป็นของดวงวิญญาณร้ายมากมายโดยไม่เจตนา และเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากหนีออกมาจากที่นั่นให้ได้ไกลที่สุดและมาที่เมืองเป่าอัน แต่ใครจะไปคิดว่าโทเท็มหัวหมาป่าจะมาปรากฏขึ้นอีกครั้งในสวรรค์ของผู้ฝึกตนในอนาคต?!
ทันใดนั้นเอง สัญลักษณ์ทั้งหกก็เริ่มหมุนอย่างช้า ๆ ราวกับเพิ่งถูกเปิดใช้งาน ในวินาทีต่อมา กระแสพลังหยินอันทรงพลังสามกระแสก็ปะทุออกมา!
ต้องบอกก่อนว่าเขตไล่ล่านี้ได้ปกปิดพลังหยินทุกรูปแบบเอาไว้ ทำให้พวกมันไม่สามารถถูกตรวจจับได้ แม้กระทั่งตอนที่วิญญาณร้ายมายืนอยู่ตรงหน้าของเขาก็ตาม ทันทีที่เขาสัมผัสกับสัญลักษณ์ตรงหน้า คลื่นพลังหยินก็ปะทุอย่างบ้าคลั่งกว่าเดิม! ภายในระยะเวลาสิบนาที เขตไล่ล่าที่สี่สว่างไสวขึ้นราวกับแสงเทียนในยามค่ำคืน เด็กหนุ่มสัมผัสที่ถึงพลังหยินที่ปกคลุมไปทั่วทุกตารางนิ้ว!
วิญญาณหยินตนอื่น ๆ เริ่มสั่นสะท้านขณะที่พยายามถอยกลับไปในหุบเหวแห่งความมืดมากกว่าเดิม ฉินเย่กำลังยืนอยู่ที่จุดกึ่งกลางของพายุ เสื้อคลุมยมทูตของเขาสะบัดอย่างแรง เหงื่อซึมออกมาทั่วหน้าผาก
ตึก…..หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น และทันใดนั้นเสียงตะโกนของอาร์ทิสก็ดังขึ้น “ถอย!”
นางไม่จำเป็นต้องพูดเป็นครั้งที่สอง ร่างของฉินเย่ได้ถอยออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวอยู่แล้ว ด้วยเสียงดังปัง…ฉินเย่ก็พบว่าหลังของเขาในตอนนี้ได้พิงกับประตูห้องน้ำอยู่ เด็กหนุ่มเงยหน้าและมองไปที่สัญลักษณ์ทั้งหกที่อยู่บนกระจกอีกครั้ง
กระแสพลังหยินหลั่งไหลออกมาจากสัญลักษณ์พวกนั้น ซึ่งแต่ละกระแสล้วนอยู่ในขั้นนักล่าวิญญาณทั้งสิ้น นอกจากนี้….กระแสที่ว่านี้ยังแข็งแกร่งกว่าของเชาโยวเต๋าเสียอีก!
และหากมีแค่นั้น ฉินเย่คงจะไม่รู้สึกตกใจมานัก
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือข้อเท็จจริง….เกี่ยวกับสัญลักษณ์พวกนั้น
การเห็นพวกมันนั้นคล้ายกับ…การเห็นนรก
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะได้มาเห็นอะไรแบบนี้…” อาร์ทิสเอ่ยลอดไรฟัน “เหตุใดพวกเขาจึงยังมีชีวิต?!”
“นะ…นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ เพื่อควบคุมความรู้สึกของตนเองก่อนจะถามว่า “มันคืออะไร?”
ทว่ากลับไร้เสียงตอบ
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดอาร์ทิสก็เอ่ยว่า “ผิด…”
“ที่ผ่านมาเราเข้าใจผิดมาโดยตลอด…”
“ก่อนหน้านี้ เราคิดว่าม่านพลังคือสิ่งที่ทางรัฐบาลได้กางเอาไว้ แต่มันไม่ใช่…ม่านพลังที่เห็น….คือสิ่งที่คนพวกนี้ได้สร้างขึ้นมา”
ลูกบอลผนึกสั่นระริก ไม่รู้ว่าเกิดจากความหวาดกลัวหรือความโกรธ อาร์ทิสเอ่ยต่อว่า “พิภพทั้งหก!”
“มันคืออะไร?” ฉินเย่กุมเข้าที่หน้าอกของตนเองและหอบเบา ๆ
เพียงแค่มองไปยังสัญลักษณ์ทั้งหกก็สร้างแรงกดดันให้เขามหาศาล พวกมันดูอันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ
อาร์ทิสที่ได้ยินเช่นนั้นจึงตะโกนอย่างเหลืออดว่า “มันคงกงล้อแห่งวัฏสงสาร….มันคือสิ่งที่มีเพียงยมทูตที่อยู่ขั้นตุลาการนรกขึ้นไปเท่าที่จะรู้จัก ในความจริงแล้ว แต่ละพิภพในกงล้อแห่งวัฏสงสารนั้น สามารถปราบปรามดวงวิญญาณอาฆาตที่น่าสะพรึงกลัวได้ พวกมันมีพลังที่เทียบได้กับระดับของฝู่จวิน! ตอนที่เห็นโทเท็มหัวหมาป่าในตอนแรกข้าไม่ได้คิดถึงมันเลยสักนิด แต่โทเท็มนี้คือสัญลักษณ์ของ….พิภพเดรัจฉาน!”
“อสูรสื่อถึงพิภพดรัจฉาน มนุษย์ทั้งสองสื่อถึงพิภพมนุษย์และพิภพสวรรค์ วิญญาณร้ายท้องโตสื่อถึงพิภพเปรต ในขณะที่ปีศาจคือพิภพนรก…เส้นทางแห่งความมืดสามเส้นทางคือพิภพมนุษย์ พิภพสวรรค์ และพิภพนรก ราชาวิญญาณสามตนในพิภพทั้งสามต่างถูกพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ปัดเป่าด้วยตนเอง แต่ในทางกลับกัน เส้นทางแห่งแสงสว่าง…”
ฉินเย่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง “พะ พวกเขา….ตอนที่นรกล่มสลาย…ปีนขึ้นจากความเสื่อมโทรมมายังโลกมนุษย์อย่างนั้นหรือ?”