ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] - บทที่ 97: สิ่งแรกที่ต้องทำทุกเช้า
บทที่ 97: สิ่งแรกที่ต้องทำทุกเช้า
“ข้าสาบาน! ข้าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว!” ฉินเย่เอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเล ระหว่างความซื่อสัตย์และชีวิตของเขา เห็นได้ชัดว่าอย่างหลังนั้นมีความสำคัญกว่ามาก
ทว่าทันใดนั้นเอง ทันทีที่เขาเอ่ยจบ ร่างของอาร์ทิสก็เปล่งประกายเจิดจ้า
ทั้งคู่ต่างชะงักไป
“นี่มัน…” อาร์ทิสมองร่างของตนเองอย่างไม่อยากที่จะเชื่อ เริ่มตั้งแต่เสื้อผ้าของนาง ร่างทั้งร่างของนางสลายไปอย่างช้า ๆ เปลี่ยนเป็นผีเสื้อสีดำตัวน้อย ๆ ที่ลอยไปในอากาศราวกับขี้เถ้าที่ลอยไปตามลม
จำนวนของผีเสื้อดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด…ภายในเวลาเพียงสามวินาที มีเพียงร่างกายส่วนบนของนางเท่านั้นที่เหลืออยู่ ในขณะเดียวกัน ฝูงผีเสื้อในอากาศก็เริ่มรวมตัวเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นกระแสน้ำวนผีเสื้อสีดำขนาดใหญ่!
“การโจมตีสุดท้ายของท่านตี้ทิง….สามารถทำลายร่างกายของข้าได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?!”
ตูม!!!
ในเสี้ยววินาทีต่อมา ร่างทั้งร่างได้แหลกสลายไป และกระแสน้ำวนผีเสื้อสีดำก็กลายเป็นเพียงขี้เถ้าพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้น
สิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ภายในห้องมีเพียงฉินเย่และลูกไฟวิญญาณสีทองเพียงเท่านั้น
ผลสะท้อนกลับนั้นกะทันหันและรวดเร็วเกินไป เร็วจนบรรยากาศที่อยู่โดยรอบอึดอัดขึ้นอย่างไม่สามารถเปรียบได้
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น…” ไม่กี่วินาทีต่อมา ลูกไฟวิญญาณสีทองสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นนางจึงกระแอมออกมาอย่างแห้ง ๆ พยายามที่จะรักษาความสงบนิ่งของตัวเองเอาไว้ “ทำไมเจ้าไม่หาร่างที่เหมาะให้ข้าก่อนล่ะ แล้วเราค่อยหาที่สงบ ๆ ดื่มชาคุยกัน?”
ฉินเย่ได้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์ของเขาแล้ว เด็กหนุ่มจัดระเบียบเสื้อผ้าของตนเอง รัดเข็มขัดที่เอวจนแน่น และแม้กระทั่งหยิบหวีออกมาจากที่ไหนสักแห่งเพื่อหวีผมที่กระเซอะกระเซิงของตัวเอง
อ่าาา…เจ้ายังคงมีใบหน้าที่หล่อเหลาเช่นเดิม….
“ชีวิต….นั้นเต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจ ท่านคิดว่าอย่างนั้นหรือไม่?” เขาเก็บหวีและเหลือบตาไปมองทางลูกไฟวิญญาณพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา
อาร์ทิสรู้สึกว่าความโกรธที่นางเพิ่งระงับไปพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
ฉินเย่เพียงบ่นออกมา “แต่มันเจ็บมากเลยนะตอนที่ท่านดึงหูของข้าน่ะ”
“ข้าชักเริ่มที่จะเสียดายขึ้นมาแล้วที่ไม่ได้ตบเจ้าให้ตายไปในตอนแรก!”
ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกายขึ้น “อาร์ตี้~”
อาร์ทิสที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าสาบาน…”
“หืม?”
“…ช่างเถอะ…มาเข้าเรื่องกันได้แ้ลว! ข้าคงร่างอยู่ได้อีกไม่นานนักหรอกนะ!”
“เข้าท่าดี” ฉินเย่สะบัดข้อมือเล็กน้อยและกระบี่ปีศาจก็ลอยกลับมาสู่มือเขาอีกครั้ง “เชิญ เชิญ เชิญ เชิญเข้ามาให้อ้อมกอดอันอบอุ่นของน้องชายผู้นี้ ในระหว่างนั้น ท่านก็พยายามคิดหาวิธีที่เราจะร่วมมือกันได้ในอนาคตก็แล้วกัน เมื่อท่านคิดได้แล้ว ท่านก็ค่อยนำพวกศาสตร์ลับแห่งนรก ความลับ ข่าว หรืออะไรพวกนั้นออกมา….และส่งมอบมันทั้งหมดให้กับข้า”
“ไม่เช่นนั้น….” เขาจ้องมองอาร์ทิสขณะที่อีกฝ่ายพุ่งเข้าไปในกระบี่ปีศาจอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงหยิบเศษผ้าที่เคยใช้ห่อลูกบอลผนึกขึ้นมาและเริ่มพันมันไว้รอบกระบี่ “สิ่งที่เหมือนกับการพันธนาการ….ข้าคิดว่าท่านคงจะไม่อยากรู้หรอก….”
อาร์ทิสรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากที่ต้องหลบภัยอยู่ภายในกระบี่ปีศาจของเด็กหนุ่มตรงหน้า
นางรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของตัวเองได้ถูกทิ่มแทงจนทะลุทะลวง
ใช่แล้ว นางไม่ได้มีเจตนาที่จะสังหารฉินเย่
สถานการณ์ระหว่างพวกนางในตอนนี้นั้นดีขึ้นมาก มันแตกต่างจากช่วงสองสามเดือนก่อน ตอนที่นางพยายามที่จะขโมยดวงวิญญาณของหวังเจ๋อหมินอย่างสิ้นเชิง
เศษตราเจ้านรกได้จดจำนายใหม่ของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยมโลกแห่งใหม่เองก็ได้รับความเห็นชอบจากสวรรค์แล้วด้วย ทางออกที่ดีที่สุดของนางตอนนี้ก็คือยอมร่วมมือกับฉินเย่แต่โดยดี
แต่สิ่งเดียวที่ยังคงรบกวนใจของนางก็คือความขี้เกียจของฉินเย่ นางตั้งใจใช้โอกาสเมื่อก่อนหน้านี้สอนบทเรียนให้กับอีกฝ่าย และเปลี่ยนขั้วอำนาจมาทางตัวเอง
แต่ผู้ใดจะไปคิด…ว่านางยังไม่มีโอกาสที่จะแสดงเลยด้วยซ้ำ!
“เจ้านักเขียนผู้นี้นี่นะ…” นางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “ชักจะเอาใจผู้อ่านเกินไปแล้ว…”
จะขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์ เมื่อลิฟต์เคลื่อนที่กลับไปที่วิทยาเขตของมหาวิทยาลัยอันฮุ่ย ลูกไฟวิญญาณก็พึมพำอย่างเอื่อย ๆ ว่า “พาข้าไปเดินรอบ ๆ ที”
“หืม? ท่านมีอำนาจในการสั่งการตั้งแต่เมื่อไหร่?”
อาร์ทิสข่มความต้องการที่จะกลายเป็นระเบิดพลีชีพ และตายไปพร้อมกับฉินเย่ลงไปและเอ่ยลอดไรฟันว่า “ก็ได้! ข้าจะไปหาร่างที่เหมาะสมเอง!”
“ท่านไม่เชื่อวิสัยทัศน์ของข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ด้วยรสนิยมที่ดาษดื่นของเจ้าน่ะหรือ?” อาร์ทิสตอบกลับอย่างดูถูก
ฉินเย่กำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก นรกได้ก่อตั้งขึ้นมาใหม่อีกครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และปริศนาเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของตี้ทิงเองก็ถูกไขกระจ่างแล้ว มันไม่มีอะไรในเมืองเป่าอันที่จะสามารถฉุดรั้งเขาได้อีก แล้วหลังจากนี้อีกหนึ่งอาทิตย์ เขาจะกลับเข้าไปในลิมโบและดูผลจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
แล้วต่อไปล่ะ?
อ้อ…เรายังต้องเป็นอาจารย์อยู่ในเมืองเป่าอัน ค่อยๆพัฒนาไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบจนไม่มีผู้ใดเทียบได้! ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ…..
เทพเจ้าได้ลงมาจุติแล้ว! จงสรรเสริญพระราชาเสีย!!
หน้าที่ของเราในฐานะอาจารย์ผู้สอนคงไม่สามารถมาในเวลาที่ดีกว่านี้ได้!
ด้วยจิตใจที่สดใส เขาพาอาร์ทิสตรงไปที่หอพักหญิงที่ถูกทิ้งร้างทันที
ตอนนี้ยังเวลากลางวันแสก ๆ ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา นักเรียนและอาจารย์นับพันคนถูกอพยพออกจากมหาวิทยาลัยอันฮุ่ย ทุกคนต่างรีบขนของย้ายออกไปจนทั้งหอพักว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
“ข้าเคยคิดเรื่องนี้มาก่อน…” ฉินเย่มองไปยังห้องพักที่ยุ่งเหยิงและยกกระเป๋าขึ้นมาจากพื้น “ข้าอยากที่จะเป็นเทวดาในชีวิตหน้า”
“พร้อมด้วยปีกที่แผ่สยายอย่างงดงาม และสามารถแนบอิงกับอ้อมอกของหญิงงาม ดังนั้น….” เขาวางกระเป๋าลงข้าง ๆ กระบี่ปีศาจและเอ่ยต่อว่า “ข้าจะให้โอกาสท่าน”
อาร์ทิสก้มลงมองกระเป๋าของแบรนด์ชูเอ๋อเม่ย[1] “สวมปีกและเอนตัวพิงกับหัวใจของหญิงงาม…เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่หากข้าจะบอกว่าตอนนี้ข้าได้เตรียมพร้อมที่จะเผาศพเจ้าแล้ว?”
“….ถ้าอย่างนั้นหมอนลายหมู [2] นี่ล่ะ?”
ภาพของอดีตตุลาการนรกที่อาศัยอยู่ในหมอนลายหมูและพูดคุยกับมนุษย์นั้นงดงามจนผู้คิดทำได้เพียงตัวสั่นเทา
“เจ้าเสียสติไปแล้วรึ?”
“ไม่พอใจหรือ? แล้วอันนี้เป็นไง? พิคาชู?”
“โง่เง่า”
“ทำไมท่านถึงเอาใจยากนัก? เอาชิ้นนี้เป็นไง? พระเจ้าช่วย! นี่มันหมอนลายธีโมรุ่นจำนวนจำกัดไม่ใช่เหรอ? ข้าให้ชิ้นนี้กับท่านไม่ได้…”
“โอเค ได้แล้ว! ธิดาดาบซันฮว่า! สิ่งนี้แหละ!”
อาร์ทิสไม่คิดจะตอบคำถามของเด็กหนุ่มอีกต่อไป กลับกัน นางยังคำนิ่งเงียบและเย็นชาเหมือนเดิม
สองชั่วโมงต่อมา ฉินเย่รู้สึกเหนื่อยล้าและมีเหงื่อออกท่วมตัว เขากัดฟันแน่นและเดินออกมาจากหอพักหญิง “ท่านช่วยลดความคาดหวังของตัวเองลงบ้างได้หรือไม่? ท่านไม่อยากได้กระจก ไม่อยากได้หมอน และท่านยังไม่อยากได้บิกินีอีก! ท่านแค่เข้าไปอยู่ในสิ่งของชิ้นใดก็ได้หรอกหรือ? เหตุใดท่านถึงต้องเรื่องมากขนาดนี้ด้วย?”
อาร์ทิสกัดฟันแน่น “เงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการอยู่อาศัยของข้าก็คือมันจำเป็นจะต้องเป็นอะไรที่ธรรมดา! แล้วไอ้ตุ๊กตาเปื้อนฝุ่นและใยแมงมุมพวกนั้นคืออะไรกัน?! แม้ว่าข้าจะตายมาแล้วร้อยปี แต่ข้าก็ยังเป็นผู้หญิง! เจ้าเข้าใจหรือไม่! ผู้หญิง!!”
ฉินเย่พยายามคิดอย่างละเอียด “ถ้าเช่นนั้น…”
อาจเป็นเพราะกลัวว่าเขาจะพูดอะไรที่จะทิ่มแทงหัวใจนางมากไปกว่านี้ ดังนั้นนางจึงรีบเอ่ยว่า “ข้า…ต้องการอะไรที่สวยงาม”
นางต้องพยายามมานานเพียงใดจึงจะสามารถหลุดออกมาจากลูกบอลผนึกได้? นางไม่ต้องการที่จะถูกกักขังอยู่ภายในนี้
นางอยากที่จะใช้อิสระในชีวิตเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ!
ฉินเย่ส่ายศีรษะ “อย่างไรมันก็คือหอพักของนักศึกษา พวกเขาจะไปมีพวกของคุณภาพดีพวกนั้นได้อย่างไรกัน?”
อาร์ทิสเองก็เริ่มท้อแล้วเช่นกัน โลกนี้มันโหดร้าย นางไม่ควรบอกให้อีกฝ่ายหาที่อยู่ให้ตัวเองเลยสักนิด!
โง่! เรามันโง่จริง ๆ!
“ที่ตรงนั้นคืออะไร?” ในขณะที่นางกำลังจมอยู่กับความสิ้นหวังของตัวเอง ทันใดนั้นนางก็เห็นวิลล่าหลังเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ
“นั่นน่ะหรือ?” ฉินเย่เหลือบตามอง “จางหลินฮวาเคยพูดเกี่ยวกับมันเอาไว้ รู้สึกว่ามันจะเป็น…อะพาร์ต์เมนต์สำหรับพวกลูกคนรวยนะ ค่าเช่าแพงไม่ใช่เล่นเลยล่ะ”
อาร์ทิสถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ไปที่นั่นกัน”
และก่อนที่ฉินเย่จะได้เอ่ยอะไร นางก็พูดต่อว่า “เจ้าจะรู้จักคำว่ารสนิยมก็ต่อเมื่อมีเงินเท่านั้น คำนี้ยังอยู่ห่างจากเจ้าอีกมาก ดังนั้น…เชื่อใจข้าในเรื่องนี้เถอะ”
ฉินเย่ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่สามารถให้อาร์ทิสอาศัยอยู่ในกระบี่ปีศาจไปเรื่อย ๆ ได้อยู่แล้ว
เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในวิลล่า พวกเขาก็พบว่าภายในนั้นยุ่งเหยิงไม่ต่างกัน มันมีแม้กระทั่งรองเท้าหนังแบรนด์เนมวางเกลื่อนไปทั่ว บ่งบอกได้อย่างดีว่าผู้เป็นเจ้าของที่เคยอยู่ที่นี่ไม่ต้องการมันอีกต่อไป เขาไม่แม้แต่จะเก็บมันด้วยซ้ำ
“รสนิยมของผู้คนสมัยนี้นั้นช่างแปลกประหลาดเสียจริง” อาร์ทิสขมวดคิ้วขณะมองไปยังห้องที่เต็มไปด้วยของที่ถูกทิ้งเอาไว้ “มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่มีประวัติศาสตร์มานานนับพันปี แต่พวกเจ้ากลับปฏิเสธที่จะใช้มัน กลับกัน พวกเจ้ากลับชอบใช้สิ่งของที่ได้รับอิทธิพลจากญี่ปุ่นหรือยุโรป ดูสิ แม้แต่กรอบกระจกก็ยังถูกสลักเป็นรูปหญิงพิการที่ร่างกายครึ่งบนเปลือยเปล่า”
ฉินเย่เองก็จนปัญญาเกินกว่าที่จะอธิบายให้อาร์ทิสฟังว่าวีนัสเดอมิโล [4] คืออะไร
นี่ก็คือช่องว่างระหว่างวัยสินะ
“ท่านลองหาดูเอาเองก็แล้วกัน แล้วค่อยเรียกข้าหากเจอสิ่งใดที่ท่านชอบ และข้าจะไปนำมันมาให้ท่าน” ฉินเย่ถอนหายใจและลดตัวนั่งลงบนโซฟานุ่ม
สบายชะมัด
อาร์ทิสมองไปรอบ ๆ จากนั้นเสียงพูดของนางก็เปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบ “เจ้าหนู….มีคนอยู่ตรงนี่”
คน?
ฉินเย่ลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยิน เสียงพูดของอาร์ทิสยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ข้าเห็นใครบางคนนอนอยู่บนเตียง ใต้ผ้าห่ม ข้าเห็นมือ”
ศพหรือ?
ฉินเย่รีบลุกขึ้นและเดินไปที่อีกฝ่ายและดึงผ้าห่มออกทันที สีหน้าของเขาในเวลานี้ดีใจเป็นอย่างมาก
มันมีคนอยู่ที่นี่จริง ๆ…
ตุ๊กตายาง…
มันถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต ตุ๊กตาขนาดเท่าคนจริง ๆ ด้วยนวัตกรรมการสร้างแบบจำลองสามมิติของโลกสมัยนี้ ตุ๊กตาตรงหน้าสวมชุดแบบดั้งเดิมที่มีคุณภาพสูงไม้แพ้กัน มันค่อนข้างเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เจ้าของห้องคนเก่ามีความชื่นชอบอะไรแบบนี้เป็นพิเศษ ตุ๊กตาดังกล่าวอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบ ปราศจากร่องรอยความเสียหายใด ๆ
มันได้รับการดูแลอย่างดี…หรือผู้เป็นเจ้าของไม่กล้าใช้มันกันแน่…ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเขา
“ราคาของมันจะต้องเป็นหมื่นแน่ ๆ…” เขาเอ่ยออกมา และขณะที่ฉินเย่กำลังจะหันหลังกล้บ เขาก็พบว่ากระบี่ปีศาจได้ลอยมาอยู่ด้านข้างของตน และลูกไฟวิญญาณก็ส่องประกายเจิดจ้า
และขณะที่เขากำลังจะคลุมผ้าห่มกลับไปตามเดิม จู่ ๆ อาร์ทิสก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “เดี๋ยวก่อน!”
คราวนี้ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นเจือไปด้วยความพึงพอใจ “มันคือสิ่งใด?”
“ตุ๊กตายางไง?” ฉินเย่ตอบอย่างงงวย “เอ~ ไม่ใช่สิ นี่จะต้องเป็นตุ๊กตาที่ทำจากซิลิโคน 100% แน่ ๆ อาจจะไม่ต้องใส่ลมเข้าไปด้วยซ้ำ….”
“ข้าเลือกอันนี้”
“…ข้าไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้มาเห็นอะไรที่น่ารังเกี-…ท่านพูดว่าอย่างไรนะ?!” โทนเสียงของฉินเย่สูงขึ้นทันทีสามระดับ
นี่เขาได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า?
“ข้าเลือกอันนี้” กระบี่ปีศาจเอียงไปด้านข้างเล็กน้อยราวกับมันกำลังมองฉินเย่ด้วยสายตามึนงงเช่นกัน “ในที่สุดก็มีสิ่งที่มีความงามเทียบได้หนึ่งในสิบของข้า และชุดดั้งเดิมที่มันสวมอยู่ก็สวยงามเช่นกัน…เจ้ามีอะไรจะพูดอย่างนั้นหรือ?”
มีการพิจารณาแบบนั้นด้วยอย่างนั้นหรือ?
เห้อ! ฉินเย่มองดูอย่างตกตะลึงขณะที่ลูกไฟวิญญาณสีทองลอยออกมาจากกระบี่และลอยเข้าไปในหน้าผากของตุ๊กตายางตัวนั้น ริมฝีปากของเขาอ้าออกอยู่ประมาณสองสามวินาทีก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า “เปล่า….มันเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะ…สมบูรณ์แบบ…”
กึก…สิบนาทีหลังจากที่ลูกไฟวิญญาณเข้าไปในร่างของตุ๊กตายาง ตุ๊กตาที่หลับใหลอยู่ก็เปิดเปลือกตาขึ้นและลุกขึ้นนั่ง
อาร์ทิสมองดูร่างใหม่ของตนเอง กางนิ้วและสะบัดมันเบา ๆ กระจกที่มุมพลันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที
“ไม่เลว” มุมปากของตุ๊กตายางยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ “ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือมันบอบบางเกินไป”
ภาพตรงหน้าทำให้ฉินเย่หายใจไม่ออก!
เขาไม่คิดเลยว่าอาร์ทิสจะเลือกสิ่งของที่เขาไม่คิดแม้แต่จะมองมันมาก่อน มันเป็นของเพียงอย่างเดียวที่น่าอับอายมากที่สุดในตัวเลือกที่เขามี!
คุณกล้าที่จะจินตนาการภาพว่ามีตุ๊กตาซิลิโคนนั่งอยู่ข้าง ๆ คุณ พูดคุยกับคุณเป็นประจำทุกวันไหมล่ะ?
คุณนึกออกหรือไม่ว่าผู้มาเยือนจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้เห็นตุ๊กตาซิลิโคนตัวนี้?
และมันยังเป็นตุ๊กตาที่บ้ากลิ่นของผู้ชายอีกด้วย!
ช่องว่างระหว่างวัย…สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ด้วยช่องว่างระหว่างวัยเพียงเท่านั้น…
“อะ เอออออ เรามา….ปรึกษากันก่อนดีไหม?”
“ข้าตัดสินใจไปแล้วว่าจะใช้สิ่งนี้” ท่าทางเป็นใหญ่ของอาร์ทิสฉายออกมาอีกครั้งขณะที่นางพูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า “ข้าชอบ…แล้วเหตุใดเจ้าต้องพูดติดอ่างแบบนั้นกัน? จะพูดอะไรพูดออกมาตรง ๆ สิ! ทำตัวให้เหมือนผู้ชายเสียบ้าง!”
ฉินเย่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะกลอกตาอย่างยอมแพ้ “ข้าขอ…พูดอะไรสักเล็กน้อยก่อนเถอะ…”
“หลังจากนี้ สิ่งแรกที่ท่านต้องทำเป็นประจำทุกเช้าก็คือปั้มลมให้ตัวเองนะ”
[1] แบรนด์เลกกิ้งและถุงน่อง
[2] รูปปั้นกรีกโบราณที่เชื่อว่าเป็นภาพของเทพีอโฟรไดท์