ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่ 151 ปิดล้อม
ตอนที่151 ปิดล้อม
ทั่วทั้งคลาสเรียนจากร้ายกลายเป็นดี ทุกคนต่างเอ่ยปากขอร้องให้จ้าวเฉียนรับพวกเขาเข้าไปฝึกงานในบริษัทเกมฟางนี่ ซึ่งนี่ทำให้อาจารย์โกรธอย่างมาก
เธอเคาะโต๊ะอีกหลายคราด้วยความโมโหและตะโกนลั่นคลาสว่า
“นักศึกษาทุกคนเงียบ! คิดว่าตัวเองอยู่ในสนามเด็กเล่นรึไง? ส่วนคุณเชิญออกไปด้วยค่ะ ไม่อย่างนั้นดิฉันจะโทรเรียกรปภ.มาเชิญตัวคุณออกนะคะ”
จ้าวเฉียนเองก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่นานนัก เขาจึงยิ่งและกล่าวตอบอย่างสุภาพขึ้นว่า
“ผมต้องขอโทษคุณครูที่รบกวนเวลาสอนนะครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”
ทันทีที่พูดจบ จ้าวเฉียนก็เดินออกจากคลาสเรียนห้องนั้นทันที และเดินเข้าไปยังอีกคลาสเรียนหนึ่ง หาที่นั่งพักพึงและหยิบมือถือขึ้นมาเล่น
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็คิดได้ว่า เป็นการดีกว่าที่จะเตรียมพร้อมรับมือกับพวกฟู่เอ๋อร์ ดังนั้นเขาจึงโทรหาหยางหู่ทันที เพื่อวานขอลูกน้องของอีกฝ่ายให้มาดักล้อมพวกนั้นเอาไว้ก่อน
“เสี่ยวหู่ เดี๋ยวฉันส่งโลเคชั่นที่อยู่ไป มีนักเลงตัวน้อยชื่อฟู่เอ๋อร์ มันกำลังระดมพวกมากระทืบฉัน ขอยืมลูกน้องนายหน่อย”
หยางหมิงกล่าวตอบทันที น้ำเสียงของเขาดูค่อนข้างวิตกกังวลยิ่ง
“แล้วตอนนี้คุณชายจ้าวปลอดภัยดีใช่ไหมครับ?”
“ไม่เป็นไร ฉันสบายดี ก็แค่เด็กน้อยกลุ่มหนึ่งจะไปทำอะไรฉันได้ ฉันแค่อยากขู่พวกมันสักหน่อย ขอแบบเอาให้มันจำไปจนวันตาย!”
หยางหู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเปิดโลเคชั่นที่จ้าวเฉียนส่งไปให้ทางWeChat ก่อนจะกล่าวว่า
“เข้าใจแล้วครับ อยู่ในตัวมหาลัยเลยใช่ไหมครับ? ผมจะทักหาคนที่อยู่แถวนั้นให้ไปรวมตัวที่หน้าประตูทางเข้ามหาลัยนะครับ รอจนกว่าพวกนั้นจะมาล้อมคุณชาย ถึงเวลานั้นลูกน้องผมจะออกมาดักอีกทีหนึ่งเอง”
“โอเค ขอบใจมากเสี่ยวหู่”
จ้าวเฉียนวางสายไปพลางเล่นมือถืออย่างสงบ ในขณะเดียวกันภายในคลาสเรียนที่เหลียวเซียวหยุนเล่นอยู่ นักศึกษาแต่ละคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่นัก ทุกคนต่างอยากได้รับโอกาสได้เข้าฝึกงานในบริษัทเกมฟางนี่ หากเป็นไปได้ กลายมาเป็นพนักงานประจำได้เลยยิ่งดี
แต่น่าเสียดายที่นักศึกษาพวกนี้อยู่คณะบริหารธุรกิจ ซึ่งไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของบริษัทในขณะนี้ได้ หากเป็นนักศึกษาด้านโปรแกรมเมอร์คงไม่ต้องพูดถึง จ้าวเฉียนคงรับมาฝึกงานในทันที และหากพวกเขามีศักยภาพที่สามารถต่อยอดไปได้ไกล บางทีจ้าวเฉียนอาจจะให้พวกเขาบรรจุเป็นพนักงานประจำทันที
ไม่นานหลังจากนั้น เหลียวเซียวหยุนก็เรียนเสร็จ เธอรีบออกไปหาจ้าวเฉียนที่นั่งรออยู่ในคลาสข้างๆทันที แต่ที่แตกต่างจากตอนแรกคือ มีบรรดานักศึกษาในห้องเรียนตามหลังเธอมาเป็นขบวน ที่พวกเขาตามมาก็เพื่อขอร้องให้จ้าวเฉียนรับเด็กฝึกงานเข้าไป
จ้าวเฉียนถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวตอบตามความจริงไปว่า
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากพาทุกคนไปฝึกงานหรอกนะ แต่สิ่งที่บริษัทของเราขาดแคลนในตอนนี้คือแผนกพัฒนา หรือก็คือโปรแกรมเมอร์น่ะ พนักงานในฝ่ายบริหารกับการตลาดมันเต็มแล้วนี่สิ ถ้าเอาพวกเธอมาฝึกงานตอนนี้คงไม่ได้เรียนรู้งานอะไรแน่นอน นอกจากชงกาแฟให้คนอื่น พวกเธอทุกคนที่สามารถสอบติดมหาลัยนี้ได้ ฉันเชื่อว่าทุกคนมีความรู้ความสามารถมากพอที่จะสร้างอนาคตที่ดีได้ด้วยตัวเองนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ชงกาแฟผมก็ยอม!”
“ใช่ครับ ขอแค่ได้เข้าทำงานในบริษัทนี้ ให้ขัดส้วมก็ไม่บ่นครับ”
“ฮ่าฮ่าๆๆ…”
เหล่านักศึกษาปีสุดท้ายจำเป็นต้องออกไปฝึกงานเพื่อเก็บหน่วยกิตให้ครบ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยากเลือกฝึกงานที่บริษัทฟางนี่ แต่เรื่องนี้เคยมีคนเสนอไปแล้วในที่ประชุม และจางหยางก็บอกเองว่าไม่เห็นด้วย เพราะเปลืองงบมาดูแลเด็กๆพวกนี้ ขนาดจ้าวเฉียนที่เป็นพนักงานประจำ จางหยางยังรังเกียจ แล้วนับประสาอะไรกับเด็กๆเหล่านี้?
จ้าวเฉียนครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เขาในตอนนี้ไม่ค่อยมีสิทธิ์มีเสียงอะไรมากในบริษัทฟางนี่ แต่ถ้าหากเป็นบริษัทเฉียนเก๋อ ไม่ก็แพลตฟอร์มเทียนซูว บางทีอาจจะเหมาะสมกับพวกเขากว่า และจ้าวเฉียนสามารถพานักศึกษาเหล่านี้ไปฝึกงานได้โดยไม่มีใครกล้าคัดค้าน ถึงอย่างไรทั้งสองบริษัทนี้เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิง ควรมีพนักงานเป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงจะดีที่สุด
“อย่างที่บอกไปนั้นแหละ บริษัทของเราต้องการโปรแกรมเมอร์ในอัตราที่มากในขณะนี้ ส่วนแผนกอื่นๆมันเต็มกันหมดแล้ว แต่ถ้าพวกเธอทุกคนต้องการหาที่ฝึกงานจริงๆ ฉันมีคนรู้จักอยู่ในแพลตฟอร์มเทียนซูวกับบริษัท เฉียนเก๋อที่กำลังถ่ายทำซีรีย์เรื่อง‘ล้ำฟ้าย่ำสวรค์’อยู่น่ะ ไม่รู้ว่าพวกเธอจะสนใจกันหรือเปล่า? แต่พอเข้าไปได้แล้ว ห้ามทำให้ฉันขายหน้าเด็ดขาดเลยนะ”
บรรดานักศึกษากลุ่มนั้นที่ได้ยินต่างตื่นอกตื่นเต้นกันใหญ่ ทั้งสองบริษัทดังกล่าวล้วนมีชื่อเสียงอย่างมาก จนนักศึกษาบางคนคันปากเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า จ้าวเฉียนต้องการเท่าไหร่ เขายอมจ่ายทั้งหมดที่มีเพื่อได้ฝึกงานที่นั่น
จ้าวเฉียนตอบติดตลกไปว่า
“ฉันไม่ได้ต้องการเงิน ขอแค่ทำผลงานออกมาให้ดีก็พอ ฉันไม่อยากโดนเพื่อนด่าที่หลัง”
“ฮ่าฮ่าๆๆ…”
ทุกคนต่างระเบิดหัวเราะทันที
“พี่ชายแน่ใจนะว่าเป็นแค่พนักงานธรรมดา? บริษัทเกมฟางนี่ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสองบริษัทนี้ได้เลย?”
“หรือพี่ชายเป็นทายาทมหาเศรษฐีแฝงตัวมาแบบในหนัง?”
จ้าวเฉียนหัวเราะเล็กน้อยและเอ่ยตอบไปว่า
“ทายาทมหาเศรษฐีที่ไหนกันล่ะ? บริษัทของเราร่วมงานกับแพลตฟอร์มเทียนซูว ไม่สังเกตเหรอว่า เกม League of Glory มีสตีมแค่ในแพลตฟอร์มนี้ที่เดียว? ส่วนบริษัทเฉียนเก๋อ พอดีมีเพื่อนเป็นผู้จัดการอยู่ที่นั่นน่ะ เขาบอกว่าบริษัทกำลังขาดแคลนเด็กใหม่ไฟแรง มารับตำแหน่งครีเอทีฟ[1]พอดี”
พออธิบายออกไปขนาดนี้จึงไม่มีใครสงสัยอันใดอีกต่อไป และกล่าวตอบไปทันทีว่า อยากไปฝึกงานที่เหล่านั้น
จ้าวเฉียนพยักหน้าและวานให้เหลียวเซียวหยุนหยิบกระดาษออกมาสองแผ่น
“ถ้าใครต้องการฝึกงานที่เทียนซูว ให้กรอกชื่อละข้อมูลติดต่อลงบนใบนี้ ส่วนใครอยากฝึกงานที่เฉียนเก๋อให้กรอกลงอีกใบได้เลย เนื่องจากนี่เป็นวันจันทร์ ฉันจะส่งข้อมูลพวกนี้ให้เพื่อนฉันในวันอังคาร ใครที่เข้าตาจะมีคนโทรกลับไปติดต่อและเรียกมาสัมภาษณ์ในวันพุธ ถ้าฉันสะดวกจะไปเชียร์พวกเธอทุกคนนะ”
นักศึกษากลุ่มนั้นรีบกล่าวขอบคุณจ้าวเฉียน และต่อแถวเขียนชื่อและข้อมูลติดต่อลงในกระดาษแต่ละแผ่นโดยตรง
เหลียวเซียวหยุนทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอดึงจ้าวเฉียนออกมาและกระซิบถามไปว่า
“เจ้าบ้า! คนตั้งมากมายขนาดนี้ ทั้งสองบริษัทนั้นจะรับสักกี่คนเชียว? ทางนั้นทราบก่อนรึเปล่าก็ไม่รู้! นายเล่นพูดเองเออเองหมดเลย!”
“คุณจะกลัวอะไร พวกเขาไม่ได้มาเป็นภาระบริษัทสักหน่อย ทั้งสองแห่งนั้นเองก็คงรับเยอะเช่นกัน จะได้เทียบกันไปเลยว่าใครมีศักยภาพมากพอที่จะคู่ควรอยู่ต่อไปถ้าไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาทดลองงาน แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า พวกเขามีดีอะไรกันบ้าง?”
พอพูดจบจ้าวเฉียนก็เดินละออกไปทันที เหลียวเซียวหยุนดูหงุดหงิดไม่ใช่น้อย เธอต้องการจะเอาชนะเขาให้ได้
หลังจากที่นักศึกษาพวกนั้นจดชื่อและข้อมูลส่วนตัวกันเสร็จ จ้าวเฉียนก็หยิบกระดาษทั้งสองแผ่นนั้น อวยพรทุกคนขอให้ได้เข้าฝึกงานทั้งสองแห่ง และจากไปทันที
เหลียวเซียวหยุนกังวลว่า บรรดาเพื่อนร่วมคลาสจะแห่เข้ามาถามอะไรเธออีก จึงรีบวิ่งติดตามจ้าวเฉียนออกไปเช่นกัน
“โอ้…ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมดาวมหาลัยของเธอถึงเลือกผู้ชายคนนี้ มีเส้นสายรอบทิศขนาดนี้ใครๆก็อยากได้เขามาเป็นคู่ชีวิต!”
“เราคงไม่มีหวังที่จะได้เธอมาเป็นแฟนแล้วจริงๆสินะ… แต่ก็ยังดีที่พวกเราจะได้ทำงานในที่ดีๆสักที ต้องขอบคุณแฟนของเสี่ยวหยุนมากเลย”
“ตื่นเพื่อนตื่น! เขาก็บอกอยู่ว่ามีการสัมภาษณ์ แสดงว่าต้องมีคนได้และไม่ได้ ฉันไม่มีเสียเวลาฝันกลางวันแบบแกหรอกนะ ตอนนี้ต้องรีบไปซื้อชุดทำงานแล้ว! ภาพลักษณ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง!”
พอนักศึกษาคนนั้นพูดจบก็รีบแจ่นออกจากมหาลัยทันทีเพื่อไปเลือกซื้อชุดสำหรับวันสัมภาษณ์ ส่วนคนอื่นๆเองก็ไม่น้อยหน้ารีบวิ่งออกไปตามๆกัน
ในอีกด้านหนึ่ง จ้าวเฉียนที่กำลังเดินออกจากประตูมหาลัย จู่ๆเขาก็ถามขึ้นว่า
“ตอนนี้ผมเป็นอิสระแล้วรึยัง?”
“ยัง! ฉันหิวข้าวแล้ว นายต้องมาดินเนอร์กับฉัน หลังจากนั้นก็ไปดูหนังด้วยกันก่อนถึงจะกลับได้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาหาฉันตอนเก้าโมงเพื่อดิลคู่ค้า”
เหลียวเซียวหยุนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
จ้าวเฉียนส่ายหัวอย่างจนใจและจงใจชะลอความเร็วลงฉับพลัน
เหลียวเซียวหยุนสังเกตเห็นดังนั้นจึงเอ่ยถามทันทีว่า
“ไม่ออกมาเหรอ? เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ยังมีบางเรื่องที่ไม่ได้คิดบัญชีน่ะ รอผมก่อนสักเดี๋ยวนะ”
จ้าวเฉียนกล่าวออกไปลอยๆท่าทีติดตลก
เหลียวเซียวหยุนสบถด่าทันที
“หมายถึงไอ้โง่นั่นน่ะเหรอ? นายจะรอสู้กับมันตรงนี้จริงๆรึไง? เลิกคิดได้เลย นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันแน่นอน รีบไปกันเถอะ”
จ้าวเฉียนย่างเท้าก้าวมาหยุดตรงหน้าเหลียวเซียวหยุน พลางยกมือปัดปอยผมของเหลียวเซียวหยุนด้วยความเอ็นดู และกล่าวตอบไปว่า
“ก็นั่นไม่ใช่จุดประสงค์หลักที่คุณอยากให้ผมมาที่นี่หรอกเหรอ? ผมไม่ปล่อยให้คุณมีไอ้โรคจิตแบบนั้นตามติดแน่นอน รีบจัดการรีบไปดินเนอร์กันดีกว่า”
เหลียวเซียวหยุนพยายามดึงแขนจ้าวเฉียนและรีบหนีไป แต่นั้นกลับสายเกินไปเสียแล้ว
“เอามือสกปรกของมึงออกไปซะ! ไอ้สวะ!”
เสียงโกรธตวาดลั่นจากปากของฟู่เอ๋อร์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลดังขึ้นทันที ด้านหลังของเขามากล้นไปด้วยกลุ่มพี่น้องพร้อมแท่นเหล็กในมือนับหลายสิบคน ดูราวกับพวกอันตพาธกำลังจะดักปล้นอยู่กันไม่ปาน
เมื่อเห็นแบบนี้เหลียวเซียวหยุนฉุดกระชากร่างของจ้าวเฉียนสุกแรงเกิด พยายามลากเขาหนีไปด้วยกัน
ฟู่เอ๋อร์ที่เห็นแบบนั้นรีบสั่งการเหล่าพี่น้องของตนทันที
“หยุดพวกมันอย่าให้หนีไปไหน!”
ผู้คนนับหลายสิบวิ่งดักหน้าดักหลัง เข้าปิดล้อมจ้าวเฉียนกับเหลียวเซียวหยุนเป็นวงกลม ปราศจากทางหนีอื่นใดได้อีก
[1] ตำแหน่งของคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์ภาพเพื่อสื่อสารและเล่าเรื่องในสิ่งที่ อยากจะนำเสนอ